บทที่ 388 ตระกูลเย่ไม่มีสวะอย่างแก

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

ตุบ!

เย่เทียนเตะขาออกไปข้างหนึ่ง แต่ขาทั้งสองข้างของเจี่ยงเกาเฟยกลับลอยจากบนพื้น บินขึ้นกลางอากาศ

ในชั่วพริบตานั้น เย่เทียนก็ได้ปล่อยมือออก ไม่รอให้เจี่ยงเกาเฟยได้โล่งอก เขาก็กระแทกลงบนพื้นปูนเย็นๆ จากแรงโน้มถ่วง

การสู้กันของทั้งคู่เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา เจี่ยงเกาเฟยก็ล้มลงไปแล้ว มันจึงทำให้ทุกคนที่เห็นถึงกับตกใจ คาดไม่ถึงว่าผลมันจะออกมาแบบนี้

ในใจของเจี่ยงเกาเฟยเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว เขาเสียใจที่ตัวเองประมาทเกินไป ไม่น่ามาตัวคนเดียวเลย

แต่ว่า เย่เทียนจะไปสนใจได้ยังไงว่าเจี่ยงเกาเฟยกำลังคิดอะไรอยู่ ค่อยๆ เดินเข้ามาแบบจะยิ้มไม่ยิ้ม

เรียกไก่ที่ยืนอยู่ไม่ไกลเหงื่อออกเต็มหน้า ตอนที่ได้เห็นเจี่ยงเกาเฟยล้มลงกับพื้น เขาก็รู้ว่าจบกัน! เกรงว่าเจี่ยงเกาเฟยเองก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เทียนเหมือนกัน!

ตอนนี้เย่เทียนค่อยๆ เดินไปข้างหน้า มันก็เป็นการยืนยันความคิดของเขาแล้ว

แต่ เขาไม่มีความคิดที่จะเข้าไปช่วยเลยแม้แต่น้อย!

ไม่ว่ายังไง เย่เทียนก็เดินอย่างสบายไม่กี่ก้าวมาถึงตรงหน้าของเจี่ยงเกาเฟย แล้วมองลงไปอย่างผู้ที่เหนือกว่า

“กะ แกคิดจะทำอะไร?!”

เจี่ยงเกาเฟยกักเก็บความกลัวในใจเอาไว้ แสร้งทำเป็นเข้มแข็งแล้วตะโกนไปว่า “ฉันเป็นถึงหนึ่งในสี่หัวหน้าแก๊งของ แก๊งถุงซิงเชียวนะ ตอนนี้ทั่วเจียงหนันได้ตกเป็นของ แก๊งถุงซิงไปแล้ว ถ้าแกกล้าทำอะไรฉัน ฉันรับรองได้เลยว่าจะทำให้แกได้ตายอย่างอนาถแน่นอน!”

“นายเชื่อรึเปล่าว่าก่อนที่ฉันจะได้ตายอย่างอนาถ ฉันก็สับแกเป็นชิ้นๆ และเอาไปให้หมากินแล้ว”

“เลิกมาพูดมากเสียเวลาได้แล้ว ฉันจะให้เวลาแกสิบห้านาที ส่งตัวอดีตสมาชิกของมังกรฟ้าที่ถูกทรมานในถิ่นของแกทั้งหมดมา”

“ถ้าเกินมาหนึ่งนาที ฉันก็จะหักนิ้วแกทิ้งหนึ่งนิ้ว! นิ้วสิบนิ้ว ฉันอนุญาตให้นายเกินเวลาได้สิบนาที!”

“นายไม่จำเป็นต้องเชื่อที่ฉันพูดก็ได้ แต่ฉันก็ไม่รังเกียจถ้านายจะอยากลองดู ฉันกลัวนายจะรับไม่ไหว!”

เย่เทียนแย้มปากแล้วเผยรอยยิ้มที่ยังถือว่าสดใสออกมา แต่เมื่อเจี่ยงเกาเฟยได้เห็นมันกลับดูชั่วร้ายมาก

“ได้ได้ได้! ฉันจะโทรเดี๋ยวนี้ จะโทรเดี๋ยวนี้เลย!”

เมื่อชีวิตของตัวเองตกอยู่ในกำมือของคนอื่น เจี่ยงเกาเฟยจะตอบกลับว่าไม่ได้ยังไง และไม่กล้าลุกขึ้นมา หยิบมือถือออกมาทั้งที่ยังนอนอยู่บนพื้น

“ลูกพี่ เวลานี้พี่น่าจะกำลังสนุกอยู่ไม่ใช่เหรอ? ทำไมพี่ถึงโทรหาผมได้ล่ะครับ?”

“โมฮอกกูมีเวลาให้มึงสิบห้านาที รีบเชิญตัวสมาชิกของมังกรฟ้ามาเดี๋ยวนี้!”

“ได้ยินรึยัง ห้ามเกินสิบห้านาที ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้มึงก็เตรียมตัวไปว่ายน้ำในทะเลได้เลย!”

เจี่ยงเกาเฟยจงใจเน้นคำว่า ‘เชิญ’

พูดจบ ไม่รอให้โมฮอกได้ตอบ เขาก็กดวางสายไปทันที

เจี่ยงเกาเฟยแอบมองไปที่เย่เทียนทีหนึ่ง เหมือนกลัวความคิดของตัวเองจะถูกอ่านออกยังไงอย่างนั้น

กับความคิดของเจี่ยงเกาเฟยนั้น เย่เทียนก็พอคาดเดาได้ไม่มากก็น้อย

แต่ว่า เขามีความคิดที่ว่าคนที่แข็งแกร่งก็ใจกล้า จึงไม่ได้สนใจอะไร

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น เจี่ยงเกาเฟยที่เป็นหัวหน้าแก๊งรุ่นล่าสุดยังไม่ใช่นักบู๊ มันก็สามารถยืนยันเรื่องหนึ่งได้แล้ว

ถึงแม้หยางซิงจะกล้าพอที่ในการทรยศ แต่เขากลับไม่มีคนที่สามารถใช้การได้เลย!

ถ้าว่าด้วยเรื่องที่ว่าอีกฝ่ายมีจำนวนที่มากกว่าเหรอ?

จุดนี้เย่เทียนยิ่งไม่เป็นห่วง ต่อให้ตัดเรื่องฝึกวิชาออก ถ้าทำให้เขากดดันขึ้นมาก็แค่ไปขอความช่วยเหลือจากเขตทหารองเจียงหนัน ไม่ว่าจะเป็นปืนหรือคน เขายังต้องกังวลอีกเหรอ?

พอถึงตรงนี้ เย่เทียนก็มองเจี่ยงเกาเฟยด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง ดึงเก้าอี้มาแล้วนั่งลงไป แล้วนับเวลารอให้เข็มสั้นนั้นมาถึง

เจี่ยงเกาเฟยเองก็ไม่กล้าพูด กลัวทำให้ตะเกียกตะกายเทียนโกรธแล้วจะโดนกระทืบอีกรอบ และได้นั่งอยู่บนพื้นที่สกปรกโดยไม่คำนึงถึงภาพพจน์เลยแม้แต่น้อย

เวลาสิบห้านาทีจะบอกว่าสั้นก็ไม่สั้น จะบอกว่ายาวนานก็ไม่ยาวนาน มันได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

“จิ๊จิ๊ เวลาสิบห้านาทีผ่านไปเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?”

เย่เทียนที่จ้องมองไปที่นาฬิกาอยู่ตลอดได้หันไปยิ้มให้เจี่ยงเกาเฟย แล้วพูดอย่างขบขันไปว่า “ดูท่าลูกน้องของนายจะเป็นคนที่ไม่ค่อยตรงเวลาเท่าไหร่สินะ!”

ยังไม่ทันที่เจี่ยงเกาเฟยจะทันตั้งตัว เย่เทียนก็ได้ตบใส่ปากของเขาไปแล้ว

ป้าบ!

“โอ้ย ปากฉัน…..”

การตบในครั้งนี้มันก็ทำให้เจี่ยงเกาเฟยถึงกับมึนไปเลย เลือดไหลทะลักออกจากมุมปาก แถมฟันก็หลุดไปหลายซี่ เจ็บจนต้องร้องออกมา

ทันใดนั้น รถตู้สี่คันก็วิ่งเข้ามาจากสองข้างทาง จอดลงตรงหน้าร้านปิ้งย่างคนที่แต่งตัวแบบลูกกระจ๊อกกลุ่มหนึ่งได้ลงจากรถ คนนำทีมเป็นชายหนุ่มที่ย้อมผมทรงโมฮอกสีแดง

เย่เทียนที่เห็นแบบนั้น ก็ยื่นขาออกมาข้างหนึ่งเหยียบไปที่หน้าของเจี่ยงเกาเฟย แล้วจ้องมองลูกกระจ๊อกยี่สิบกว่าคนที่ลงมาจากรถตู้ด้วยความสนใจ

โมฮอกมองดูสถานการณ์โดยรอบ หลังจากมองเห็นเย่เทียนที่กำลังเหยียบไปที่เจี่ยงเกาเฟยแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันทีและได้เดินตรงไปหาเย่เทียนก่อน

พวกลูกน้องที่อยู่ข้างหลังก็เดินตามมาเหมือนกัน กลุ่มคนที่ถือมีดในมือได้ล้อมเย่เทียนเอาไว้

“ไอ้หนู ฉันไม่สนหรอกนะว่าแกเป็นใคร แต่ฉันของเตือนให้แกปล่อยลูกพี่เจี่ยงมาซะดีๆ ไม่อย่างนั้นไม่ใช่แค่แก แม้แต่ครอบครัวของแกก็ต้องชดใช้!”

โมฮอกจ้องเขม็งมาที่เย่เทียน

เย่เทียนจะไปสนใจคำขู่ของเขาได้ยังไง เขาแค่ยักไหล่อย่างสบายๆ

“จะให้ฉันปล่อยเขาไปน่ะมันได้ แต่คนที่ฉันบอกให้พวกแกพามาล่ะอยู่ไหน?”

“เอาตัวพวกมันมา!”

โมฮอกมองเย่เทียนอย่างลึกซึ้ง แล้วโบกมือให้พวกที่อยู่ข้างหลัง

ลูกน้องสองคนรีบไปลากตัวชายหนุ่มที่สภาพอิดโรยคนหนึ่งลงมาจากรถตู้ ดูจากใบหน้าที่บอบช้ำของอีกฝ่าย ชายคนนี้ก็คือรองหัวหน้าของแก๊งเสือดำหูไห่นั่นเอง!

ดวงตามสีดำของเย่เทียนได้มีประกายแห่งความเดือดดาลวิ่งผ่าน และพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “ปล่อยตัวเขามา!”

ลูกกระจ๊อกสองคนที่ได้ยินอย่างนั้น ก็ไม่กล้าทำตามอำเภอใจ และได้มองไปยังผู้นำอย่างโมฮอกโดยพร้อมเพรียงกัน

“ปล่อยมันซะ!”

โมฮอกพยักหน้าเบาๆ โดยไม่ได้กลัวว่าเย่เทียนจะเล่นตุกติก

ตรงนี้ได้ถูกลูกน้องยี่สิบกว่าคนของตนล้อมเอาไว้อย่างแน่นหนาแล้ว ไม่ต้องพูดถึงการเอาภาระสองตัวอย่างหูไห่กับเชิ่งหู่ออกไปด้วยเลย ต่อให้เย่เทียนคิดจะออกไปคนเดียว ก็ยังต้องถามความเห็นชอบจากมีดดาบของพวกลูกน้องเลย!

“ฮึ!”

พอได้รับการอนุญาตจากโมฮอกลูกกระจ๊อกสองคนจึงได้โยนหูไห่เข้ามา

“ยังไม่ตายใช่มั้ย?”

เย่เทียนลุกขึ้นมาจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว ยื่นมือไปรับหูไห่ไว้ เพื่อไม่ให้เขาล้มลงกับพื้น

“ยังไม่ตายครับ”

หูไห่ยิ้มออกมาอย่างเจ็บปวด แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เเผ่วเบาว่า “คุณชายเย่ พวกเราทำให้คุณขายหน้าแล้ว”

“ไม่มีอะไรต้องขายหน้า พวกคุณไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”

เย่เทียนยิ้ม แล้วพยุงหูไห่ไปนั่งที่เก้าอี้ “คุณพักอยู่ตรงนี้ก่อน รอผมจัดการกับเศษสวะพวกนี้ก่อนค่อยมาพาคุณไป”

ในเวลาเดียวกัน เจี่ยงเกาเฟยที่ได้รับอิสรภาพก็ตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากพื้น ใบหน้าที่บวมทำให้เขาพูดได้ไม่ค่อยชัดเจน “เชี่ยแม่ง ไอ้หนู แกไปกินใจหมีดีเสือมาจากไหนถึงกล้าทำร้ายฉัน ถ้าวันนี้แกสามารถเดินออกจากที่นี่ไปได้ ต่อไปกูจะใช้แซ่เดียวกับมึง!”

“ช่างมันเถอะ ตระกูลเย่ของฉันไม่มีเศษสวะอย่างนายหรอก!”

เย่เทียนเบ้ปาก แล้วเหวี่ยงฝ่ามือออกไปทันที ไม่อยากที่จะเปลืองน้ำลาย

ในใจของเย่เทียนนั้นรู้สึกรำคาญเจี่ยงเกาเฟยนี่อยู่เหมือนกัน เขาเคยพบเจอคนโง่มาก่อนแต่ไม่เคยเจอใครที่โง่ถึงขนาดนี้เลย!

การที่เขากล้าบุกเดี่ยวเข้ามาแบบนี้ แล้วยังต้องกลัวคนอย่างแกอีกเหรอ? น่าขันสิ้นดี!

ป้าบ!

เจี่ยงเกาเฟยคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าเย่เทียนจะกล้าลงมือ ใบหน้าอีกข้างจึงถูกตบไปอีกที ทำเอาเขาถึงกับมึนไปเลย