บทที่ 4 บทที่ 4 ตอนที่ 6 อยู่ด้วยกันตลอดไป

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

บทที่ 6 อยู่ด้วยกันตลอดไป โดย Ink Stone_Fantasy

 

โยวเย่ไม่ได้เป็นแค่ผู้เชี่ยวชาญด้านทักษะการใช้ชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการคิดค้นประดิษฐ์อีกด้วย

เธอมีเวลาเหลือเฟือมากมายที่จะค้นคว้าวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ต่างๆ ที่มีอยู่ทุกวันนี้ได้อย่างเต็มที่ แน่นอนว่า ก็ต้องอาศัยสติปัญญาที่มากพอในร่างกายที่สร้างขึ้นด้วยการเล่นแร่แปรธาตุนี้

เพียงแต่เจ้าของร้านลั่วซักถามกฎเกณฑ์ด้านวิทยาศาสตร์มาหลายร้อยพันครั้งแล้ว ก็ยังรู้สึกว่าถึงแม้จะเป็นคนธรรมดามีเวลาสามร้อยปีก็ยากที่จะทำอะไรแบบนี้ได้

ขอเพียงมีเวลามากพอ

“นายท่านคะ”

ขณะที่เขากำลังลูบนู่นคลำนี่ในห้องทดลองขนาดใหญ่โตด้วยความอยากรู้ราวกับเด็กน้อยอยู่ โยวเย่ก็เดินมา

สวมเสื้อคลุมยาวสีขาวอีกแล้ว

ลั่วชิวรับแฟ้มเอกสารมาจากมือคุณสาวใช้ เขาอ่านเนื้อหาข้างในพลางฟังที่โยวเย่พูด “นายท่านเชิญอ่านค่ะ ฉบับแรกเป็นยาสองตัวที่หาเจอจากตัวหลินเกิง ฉบับที่สองคือตัวยาที่นายท่านใช้ไม่หมดในครั้งที่แล้วซึ่งได้มาจากเจสสิก้าค่ะ”

ลั่วชิวฟังถึงตรงนี้แล้วก็มองร่างที่พิงอยู่ตรงมุมกำแพงแวบหนึ่ง ไม่ใช่ว่าที่นี่ไม่มีผู้ดูแล ตรงกันข้ามที่นี่มีผู้ดูแลที่จงรักภักดีอย่างยิ่ง และไม่เคยรู้สึกเหนื่อยล้า

หุ่นยนต์มนุษย์ AI *ตัวหนึ่ง

ว่ากันว่าระบบการคิดขั้นพื้นฐานของมันถูกพัฒนาจากการค้นคว้าวิจัย แต่ก็ยังไปไม่ถึงระดับปัญญาประดิษฐ์ที่พอจะสามารถพัฒนาการได้อัตโนมัติจริงๆ

ใกล้ๆ ห้องทดลองยังมีอะพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ข้างในก็มีหุ่นยนต์ AI ตัวหนึ่งที่มีลักษณะเหมือนกัน ไม่เคยโผล่ออกไปข้างนอก ถ้าคุณสาวใช้พบสิ่งที่น่าสนใจจากที่ไหนสักแห่ง แต่ถ้าเธอไม่ได้อยู่ที่นี่ก็มักจะใช้วิธีการส่งพัสดุกลับมาที่อะพาร์ตเมนต์ก่อน

หลังจากนั้นในที่สุดของก็ส่งมาถึงที่นี่ด้วยการควบคุมโดรนจากอะพาร์ตเมนต์ ถือว่าประสบความสำเร็จในการควบคุมระยะไกลอย่างสมบูรณ์

แน่นอนว่า…นี่เป็นเพราะตอนนี้สมาคมไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว

เขากำลังมองหุ่นยนต์ตัวที่ถูกตั้งชื่อให้ว่าอดัมตัวนี้…ใช่แล้ว อีกตัวในอะพาร์ตเมนต์ก็ตั้งชื่อให้ว่าอีฟ

สรุปก็คือตอนที่ดูอดัมตัวนี้ เจ้าของร้านลั่วทอดถอนใจขึ้นมาอีกครั้ง ‘ปล้นชิงมาจากองค์การนาซ่าจริงๆ ด้วยสินะ?’

เขายังพบหนังสือรายงานข้อมูลชุดหนึ่งจากวงในที่เหมือนจะเป็นดาวเทียมพลเรือน…

ลั่วชิวรู้ว่า ยาที่หลินเกิงใช้เป็นสารชนิดหนึ่งที่กระตุ้นเซลล์สมองได้ ขอเพียงควบคุมปริมาณการใช้ได้ ก็จะทำให้ผู้คนฉลาดและกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น แต่ถ้าใช้ปริมาณมากเกินไปกลับทำให้เกิดอาการบ้าคลั่งได้ แต่ยาตัวที่สองที่เขาซ่อนไว้ก็เป็นตัวยาที่สมาคมไมเคิลนั่นปล่อยออกมาจำนวนมากเพื่อรีดเงิน เห็นได้ชัดว่าเป็นชนิดที่เจสสิก้าตามสืบอยู่นั่นเอง

สิ่งที่รู้ในขณะนี้คือสมาคมไมเคิลผลิตยาทั้งหมดสองชนิด

จากส่วนประกอบเป็นสารเคมี…ลั่วชิวไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้เลยสักนิด ก็เลยพลิกไปลองอ่านสรุปรายงานในหน้าสุดท้ายเลย

ตัวยาชนิดที่สองนี้ใช้ส่วนประกอบที่โลกรู้ผสมขึ้นมา แต่ตัวยาชนิดแรกกลับไม่สามารถแกะโครงสร้างส่วนประกอบจากสารประกอบที่รู้จักได้เลย

เพราะว่า ‘ยาฉลาด**’ ในชนิดแรกมีส่วนประกอบสารเคมีที่แปลกประหลาดสองชนิด พวกมันไม่ใช่สสารที่โลกรู้ว่านำมาใช้เป็นสารเสพติดได้ และหลังจากผ่านการเปรียบเทียบฐานข้อมูลแล้ว ถึงได้ค้นพบต้นกำเนิดของสสารสองชนิดนี้

“เลือดของแดร็กคิวล่าและสมองมนุษย์หมาป่า?”

“ใช่ค่ะ”

โยวเย่ดันกรอบแว่นสีดำบนใบหน้าขึ้น พูดอย่างมีหลักการว่า “ในนี้ก็สำรองเลือดของแดร็กคิวล่า รวมทั้งสมองมนุษย์หมาป่าจำนวนหนึ่งเอาไว้ค่ะ ก่อนหน้าที่จะไปยังมอสโกอีกครั้ง ฉันได้ให้อดัมทดลองใช้ส่วนประกอบสารเคมีที่วิเคราะห์ออกมา ทดลองผลิตตัวยาชนิดแรกอีกครั้ง…อืม อีกไม่นานก็น่าจะได้ตัวยาออกมาแล้ว ถึงตอนนั้นหากทำการวิจัยเชิงทดลองทางคลินิก*** อีกสักหน่อย…”

ทันใดนั้นคำพูดของคุณสาวใช้หยุดชะงักลงกะทันหัน

สาเหตุคือเจ้าของสมาคมวางเอกสารในมือลง และยื่นมือมาถอดกรอบแว่นสีดำบนใบหน้าของเธอ

ลั่วชิวพูดเสียงแผ่วเบาว่า “ฉันบอกแล้วว่าครั้งนี้จะมาเที่ยวสถานที่เก่าแก่เป็นเพื่อนเธออีกรอบ เธอทำแบบนี้จะต่างอะไรกับเวลาปกติล่ะ?”

โยวเย่ส่ายหน้าตอบ “ฉันใช้ชีวิตอยู่ที่นี่นานมากค่ะ ไม่ถือว่าเป็นสถานที่เก่าแก่อะไร”

ลั่วชิวกลับบอกว่า “แต่ว่า ระยะเวลาที่ฉันรู้จักเธอมายังไม่ถึงสามเดือนเลยด้วยซ้ำนะ และที่นี่ก็มีช่วงเวลาในอดีตของเธอด้วยไม่ใช่เหรอ?”

ลั่วชิวพับขากรอบแว่นสีดำแล้ววางไว้บนโต๊ะเบาๆ แถมวางไว้ตรงตำแหน่งของมันพอดี แล้วบอกว่า “เราจะอยู่ด้วยกันไปอีกนาน”

โยวเย่สบตาทั้งคู่ของลั่วชิวตรงๆ นัยน์ตาสีฟ้าไพลินคู่นั้นเยือกเย็นและเงียบเหงามากมาโดยตลอด เพราะว่านัยน์ตาสีฟ้าไพลินคู่นี้แท้จริงแล้วสร้างขึ้นมาจากพลอยสีฟ้าหลังจากที่ขัดเงาแล้ว

แต่ทุกวันนี้ นัยน์ตาพวกนั้นนอกจากมีประกายความเยือกเย็นแล้ว เหมือนจะมีประกายความอ่อนโยน…ประกายความอบอุ่นค่อยๆ แผ่ซ่านออกมาช้าๆ โยวเย่พูดเสียงแผ่วเบาว่า “อดัม หยุดการทดลองก่อนเถอะ”

นิคิตะรู้สึกเหมือนตัวเองจะดวงดีขึ้นมาแล้ว!

ใช้ชีวิตมาสามสิบเอ็ดปี แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยรู้สึกโชคดีอย่างวันนี้เลย สาเหตุน่ะเหรอ…ก็ต้องเป็นเพราะผู้ชายที่ชื่ออันทอนตรงหน้าคนนี้ไง

ช่างแข็งแรงเหลือเกิน แข็งแรงจนไม่เหมือนคนเลยสักนิด! นิคิตะรู้สึกว่ามีแต่พวกนักมวยที่ถูกฝึกอย่างเข้มงวดบนที่ราบสูงไซบีเรียเพื่อชกมวยในสังเวียนนอกกติกาเท่านั้น ถึงจะเทียบชั้นได้กับเจ้าร่างกำยำคนนี้

สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือ เขารู้สึกว่าอันทอนคนนี้ไม่ฉลาดทันโลกเอาเสียเลย แต่ไร้เดียงสาเสียจนเหมือนเด็กคนหนึ่ง เห็นเจ้าหมอนี่กำลังกินเซตอาหารเด็กที่เสียบธงชาติอยู่ด้วยแววตาไม่สนใจคนอื่นเลยสักนิด แถมยังกินอย่างออกรสชาติจนใบหน้าเลอะน้ำซอสไปหมดแล้ว?

เจ้าหมอนี่ที่อยู่ตรงหน้า ใช่แล้ว!

นี่มันคนไร้เดียงสาและอ่อนประสบการณ์ต่อโลกขนาดไหนกัน!

“อันทอน คุณบอกว่าช่วงนี้คุณไม่มีที่อยู่ บัตรประจำตัวประชาชนก็หายใช่ไหม?” นิคิตะหรี่ตายิ้มถาม

“ใช่ครับ” อันโตนิโอ…อันทอนพูดไหลไปตามความคิดของตนเอง “แต่ผมคิดจะทำบ้านไม้สักหลังบนต้นไม้ในสวนสาธารณะ! อานิคิตะ ผมจะบุกเบิกพื้นที่ที่เป็นแค่ของผมคนเดียว!”

“พี่นิคิตะ!” นิคิตะก็แก้ให้ถูกต้อง “ไม่สิ เรียกฉันนิคิตะเลยดีกว่า!”

“อ้อ!” อันโตนิโอพูด “นิคิตะ รอผมเคลียร์พื้นที่เรียบร้อยแล้ว ผมจะเชิญคุณเป็นแขกคนแรกของผมเลย!”

ที่ดินล่ะ…เจ้าหมอนี่คงไม่เพี้ยนหรอกใช่ไหม? นิคิตะพินิจพิจารณาอันทอนอีกครั้ง ตอนแรกเขารู้สึกว่าเจ้าหมอนี้อาจจะล้อเขาเล่น แต่ผ่านช่วงเวลาอาหารมื้อเดียวไปไม่นานนัก ก็พบข้อสงสัยมากมาย นิคิตะรู้สึกว่าบางทีเจ้าหมอนี่คงเป็นพวกไอคิวมีปัญหา

“แต่อันทอน สร้างบ้านต้องใช้เงินเยอะมาก คุณมีหรือเปล่า?”

“มีสิ!” อันโตนิโอพยักหน้าตอบ “ผมมีเงินแปดพันสามร้อยรูเบิล…โอ๊ย!ลืมเลย เมื่อตอนบ่ายผมซึ้อเค้กช็อกโกแลตไปก้อนหนึ่ง ตอนนี้เหลือแค่แปดพันหนึ่งร้อยแปดสิบรูเบิลเอง”

ตอนนี้นิคิตะไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้ด้วย เขาพูดว่า “อันทอน น่าเสียดายที่ผมต้องบอกคุณว่า อันที่จริงแล้วเงินของคุณไม่มากพอให้คุณสร้างบ้านได้สักหลังหรอกนะ”

“หา? งั้นทำยังไงดีล่ะครับ?” อันโตนิโอมีสีหน้างุนงง

“แค่เงินไม่พอเอง ง่ายมาก! เพราะเราหาเงินได้ จริงไหม?” ในตอนนี้นิคิตะก็พูดอย่างมีเลศนัยว่า “ผมรู้จักที่แห่งหนึ่งที่พอจะหาเงินได้เยอะ คุณอยากไปไหมล่ะ?”

“จริงเหรอครับ?” อันโตนิโอแววตาเป็นประกาย แต่กลับพูดอย่างลังเลว่า “แต่ว่า ต้องทำอะไรล่ะครับ? ถ้าเป็นเรื่องไม่ดีผมไม่ทำหรอกนะ!”

“ไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไร” นิคิตะยิ้มตาหยีบอกว่า “ก็แค่ขึ้นสังเวียนต่อสู้กับคนอื่นเท่านั้นเอง! อันทอน คุณเป็นคนแข็งแกร่งที่สุดที่ผมเคยเห็นมาเลย ด้วยความสามารถของคุณแล้ว ขอแค่ขึ้นไปบนสังเวียนได้ก็เอาชนะอีกฝ่ายได้สบายๆ แล้ว!”

“ต่อสู้?” อันทอนคาดไม่ถึงก็ส่ายหน้าพูดว่า “ไม่ได้ พ่อผมบอกว่ามีแต่เด็กไม่ดีเท่านั้นถึงจะทำร้ายคนอื่น ผมไม่ไปหรอก”

นิคิตะนิ่งอึ้ง อึ้งไปนานสักพักถึงพูดว่า “คุณยังเป็นเด็กอยู่หรือไง? คุณโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ ยังจะเชื่อฟังคำพูดอะไรของพ่ออีก? ผมจะบอกอะไรคุณให้ มีเพียงไอ้งั่งหรือหนอนหนังสือเท่านั้นถึงจะเชื่อฟังคำสั่งของพ่อ!”

“ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ!!” อันโตนิโอสูดลมหายลึกๆ เฮือกหนึ่งแล้วบอกว่า “สู้ก็สู้สิ! ผมก็ไม่กลัวใครเหมือนกัน!เพราะตอนนี้ผมแข็งแกร่งกว่าพ่อผมเสียอีก!”

กริ๊ง*!*

นิคิตะได้ยินเสียงระฆังดังขึ้น ฟังเสียงโห่ร้องที่ดังระเบิดรอบทิศทาง มองดูนักมวยคนหนึ่งบนสังเวียนล้มกองอยู่บนพื้น ดูท่าคงลุกขึ้นมาไม่ไหวแล้ว พอกรรมการยกแขนอันทอนขึ้นมาประกาศชัยชนะ เขาก็มีความสุขราวกับว่าได้ขึ้นไปอยู่บนสวรรค์เลย!

“เจ้าหมอนี่แข็งแรงเหลือเกิน! แข็งแรงมากจริงๆ!”

นิคิตะทำตามผู้ชมที่อยู่รอบๆ … ส่งเสียงโห่ร้องไปพร้อมกับบรรดาผู้เข้าชม “ฉันรวยแล้ว!ฉันรวยแล้ว! ฉันรวยแล้ว!! อันทอน คุณคือพระเจ้าของผม! โอ้ว สวรรค์ พระเจ้า! ผมรวยแล้วจริงๆ!! ว้าว!! ว้าว!!!”

ในตอนค่ำ โอเล็กอยู่ในบ้านคนเดียว มองกรอบรูปในมืออยู่เงียบๆ เขาที่ดื่มเหล้าจนมึนเมาก็พูดพึมพำกับตัวเอง “อันโตนิโอ ลูกอยู่ที่ไหนกันแน่…”

หุ่นยนต์มนุษย์ AI * คือหุ่นยนต์เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์อัจฉริยะ (Artificial Intelligence: AI)

ยาฉลาด**หรือที่ถูกเรียกว่ายาโมดาฟินิลถือเป็นยาที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท มีผลต่อเคมีสมอง วัตถุประสงค์ที่แท้จริงของโมดาฟินิล ผลิตขึ้นเพื่อรักษาโรคง่วงหลับรุนแรง (Narcolepsy) และเมื่อใช้ไปอย่างต่อเนื่องผิดวิธีอาจเข้าขั้นเสพติดอาจเสี่ยงอันตรายต่อสมอง แต่ยังไม่ได้ถูกจัดให้เป็นยาเสพติด

การวิจัยเชิงทดลองทางคลินิก***คือชุดของกระบวนการในการวิจัยทางการแพทย์และการพัฒนายาที่ทำขึ้นเพื่อประเมินข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัย (รวมทั้งผลไม่พึงประสงค์จากยาและผลข้างเคียงของวิธีการรักษา) และประสิทธิภาพของเครื่องมือต่างๆ ในการให้บริการสุขภาพ (เช่น ยา การตรวจ อุปกรณ์ วิธีการรักษา ฯลฯ) การวิจัยจะเริ่มขึ้นได้ก็ต่อเมื่อได้มีการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยจากการศึกษาที่ไม่ใช่ทางคลินิกจนได้ข้อมูลที่น่าพอใจ และผ่านการรับรองขององค์กรจริยธรรมที่เกี่ยวข้อง