ตอนที่ 24 บั่นคอสังหารเทพอากาศ โดย Ink Stone_Fantasy
ภายในกระท่อมฟางของสถานที่แรกเริ่ม ตงป๋อเสวี่ยอิงในอาภรณ์สีม่วงตลอดร่างเบิกตากว้าง หมื่นล้านปีมานี้ เขาอยู่เก็บตัวเพื่อบำเพ็ญที่นี่มาโดยตลอด มองรอบด้านซ้ายขวา การบำเพ็ญอันยาวนานทำให้เขามีความคุ้นเคยกับด้านในกระท่อมฟางแห่งนี้อย่างหาใดเปรียบ เขาส่ายหัวเบาๆ พลางแย้มยิ้ม “ควรจะไปได้แล้ว”
เขาลุกขึ้นเดินไปถึงปากประตูแล้วผลักประตูไม้เปิดออก ก็เห็นชายชราผมขาวด้านนอกกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น นี่ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบทอดถอนใจ ตนเองบำเพ็ญอย่างเนิ่นนานเพียงใด ชายชราผมขาวผู้นี้ก็นั่งเฝ้าอยู่หน้าประตูเนิ่นนานเพียงนั้น
“ผู้อาวุโส” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยเรียก
“ตงป๋อเสวี่ยอิง เหตุใดเจ้าจึงออกมาแล้วเล่า” ชายชราผมขาวแปลกใจอยู่บ้าง
“ข้าจะเตรียมตัวเข้าสู่การทดสอบของระดับผู้ปกครอง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด ก่อนจะไปจากจักรวาลก็เข้าร่วมการทดสอบสุดท้ายสักครั้งหนึ่งเถิด ถ้าหากสามารถผ่านการทดสอบได้ บางทีในบรรดาของกำนัลที่บรรพชนเทียนอวี๋ทิ้งเอาไว้ให้ชนรุ่นหลังก็อาจมีสิ่งที่ทำให้ตนตื่นเต้นยินดีได้บ้าง หรือแม้กระทั่งอาจมีสิ่งที่สามารถช่วยเหลือภรรยาและบุตรชายบุตรสาวได้ก็ยังไม่แน่
ชายชราผมขาวเอ่ยอย่างตกตะลึง “เจ้าจะเข้าสู่การทดสอบของระดับผู้ปกครองในตอนนี้เลยหรือ ตงป๋อเสวี่ยอิง ข้าขอเตือนเจ้าเอาไว้เลยว่าในการทดสอบของสถานที่แรกเริ่มนั้น ระดับผู้ปกครองคือการทดสอบขั้นสุดท้าย ทั้งยังยากเย็นที่สุดด้วย พอผ่านแล้ว ก็จะได้เป็นศิษย์อาภรณ์ทองที่หัวแก้วหัวแหวนที่สุดอย่างแท้จริงแห่งวังทวีสูญ วังทวีสูญก็จะบ่มเพาะอย่างสุดกำลัง แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วระดับความยากของการทดสอบนั้นยากเย็นเป็นที่สุด ที่โลกทิพย์ทะเลสัตตดารา จำนวนของศิษย์อาภรณ์ทองแห่งวังทวีสูญจำกัดเอาไว้เพียงสิบคนเท่านั้น! ในทุกๆ มหาสงคราม ศิษย์อาภรณ์ม่วงจำนวนมากมายล้วนสามารถเปิดฉากการท้าทายได้ มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดสิบคนเท่านั้นจึงจะได้เป็นศิษย์อาภรณ์ทองหัวแก้วหัวแหวน ศิษย์อาภรณ์ทองทุกๆ คน ต่างก็สามารถเป็นผู้ปกครองที่ข้ามขั้นไปบั่นคอสังหารเทพอากาศได้”
“หืม” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึง
ผู้ปกครองข้ามขั้นบั่นคอสังหารเทพอากาศอย่างนั้นหรือ
ต้องรู้เอาไว้ว่าจากขั้นเทพแท้ไปถึงขั้นเทพอากาศนั้นเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่เป็นที่สุด ถึงแม้ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงจะมีความมั่นใจในตนเองสูง กระทั่งฝึกระบบผู้ท่องอากาศควบคู่ไปด้วย ผู้ท่องอากาศก็ยังเป็นระบบที่มีข้อได้เปรียบในช่วงแรกมากยิ่งนัก เขาก็เพียงแค่คิดว่า… ตนเองคงมีหวังที่จะเทียบเคียงได้กับเทพอากาศที่ถือกำเนิดขึ้นใหม่! ไม่กล้าคิดถึงการที่ผู้ปกครองจะไปบั่นคอสังหารเทพอากาศเลย!
“วังทวีสูญ มีผู้ปกครองธรรมดาๆ อยู่มากมาย ศิษย์อาภรณ์ม่วงมากกว่าร้อยคน ส่วนศิษย์อาภรณ์ทองนั้นถูกกำหนดเอาไว้เพียงสิบคน! ต่อให้เกิดผู้ปกครองที่ร้ายกาจยิ่งกว่านี้ ก็จะเป็นสิบคนที่แข็งแกร่งที่สุดตลอดไป” ชายชราผมขาวพูด “เพราะเจ้าถือกำเนิดภายในจักรวาล ผ่านการทดสอบของสถานที่แรกเริ่ม ถ้าหากผ่านกลายเป็นศิษย์อาภรณ์ทอง เช่นนั้นก็สามารถเสพสุขกับคุณประโยชน์ต่างๆ ของศิษย์อาภรณ์ทองไปได้ชั่วคราวก่อน แต่ภายหลังจากที่เจ้าไปถึงโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราแล้ว ทุกๆ พันล้านปีจะมีการแข่งขันภายในครั้งหนึ่ง เจ้าจำเป็นต้องเข้าร่วมการต่อสู้ ถ้าหากเข้าไปเป็นสิบอันดับแรกมิได้ เจ้าก็จะถูกลดขั้นกลายเป็นศิษย์อาภรณ์ม่วง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าน้อยๆ
“ยังมีอีก เพราะว่าที่นี่มิใช่วังทวีสูญ ดังนั้นต่อให้เจ้าได้เป็นศิษย์อาภรณ์ทอง คุณประโยชน์ที่เจ้าจะเสพสุขได้ก็มีเพียงส่วนของศิษย์อาภรณ์ทองแห่งวังทวีสูญเท่านั้น” ชายชราผมขาวพูด “แน่นอนว่าเมื่อเจ้าไปยังโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราก็จะสามารถเสพสุขกับคุณประโยชน์เหล่านั้นได้แล้ว”
“หนึ่ง ภายในจักรวาล ทรัพยากรในการบำเพ็ญมิอาจเทียบกับโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราได้ สอง เมื่อเทียบกันแล้วคุณประโยชน์ที่ได้รับก็ค่อนข้างอ่อนแอ ดังนั้นระดับความยากของการทดสอบก็จะต่ำกว่าทางฝั่งโลกทิพย์ทะเลสัตตดารา ทางฝั่งนั้นเป็นการแข่งขันระหว่างศิษย์ ทว่าที่สถานที่แรกเริ่มกลับกำหนดคู่ต่อสู้ที่แน่นอนคนหนึ่งเตรียมเอาไว้ให้เจ้า เจ้าเพียงแค่สังหารมันได้ เจ้าก็จะกลายเป็นศิษย์อาภรณ์ทองแล้ว”
“สังหารมัน มันคือผู้ใดกันหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยถาม
“เทพอากาศ เทพอากาศที่ค่อนข้างอ่อนแอ” ชายชราผมขาวพูด “บรรดาศิษย์อาภรณ์ทองของโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราต่างก็สามารถบั่นคอสังหารเทพอากาศธรรมดาๆ ได้ เทพอากาศที่อ่อนแออย่างที่สุดพรรค์นี้…อยากจะบั่นคอสังหาร ระดับความยากช่างต่ำต้อยนัก”
“แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นเทพอากาศ ข้าแนะนำให้เจ้าฝึกฝนบำเพ็ญอีก ระยะเวลาที่เจ้าบำเพ็ญมานั้นยังสั้นเกินไป” ชายชราผมขาวเอ่ยเตือน
ตงป๋อเสวี่ยอิงเองก็ยังไม่มีความมั่นใจเลยจริงๆ
บั่นคอสังหารเทพอากาศที่ค่อนข้างอ่อนแอผู้หนึ่งอย่างนั้นหรือ ทั้งยังลดระดับความยากลงมาแล้วอีกด้วยหรือ
รู้สึกว่าศิษย์อาภรณ์ทองแห่งวังทวีสูญจะต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่า ‘กู่กานหลัว’ ผู้นั้นมากมายนัก กู่กานหลัวก็เป็นหนึ่งในผู้ที่เรียกกันว่าบุตรทิพย์ใต้ที่นั่งของบรรพชนกู่ ผู้แกร่งกล้าที่เจิดจรัสที่สุดในระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์…ช่างน่าหวาดหวั่นอย่างแท้จริง
“ข้ายังต้องลองดูก่อน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“ลองดูอย่างนั้นหรือ เจ้ามีโอกาสเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น หากล้มเหลวเจ้าก็จะถูกขับไล่ออกไปแล้ว” ชายชราผมขาวโน้มน้าวอีกครั้ง
“ไม่ต้องพูดแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายหน้า
ไม่ว่าจะสำเร็จหรือว่าล้มเหลว หลังจากการต่อสู้ ตนก็จะไปจากจักรวาลแห่งนี้แล้ว
ชายชราผมขาวเห็นว่าการโน้มน้าวไม่เป็นผลก็ได้แต่จนใจ “ก็ได้ๆ ข้าจะพาเจ้าไป เจ้านี่ช่างมั่นใจในตัวเองเกินไปแล้วจริงๆ”
……
ภายใต้การนำทางของชายชราผมขาว ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เข้าไปสู่มิติอันกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง ภายในมิติล้วนเป็นพื้นดินสีดำทั้งหมด
“ท่านบรรพชนได้หลอมหุ่นเชิดเทพอากาศออกมาตนหนึ่ง” ชายชราผมขาวพูด “หลอมเลียนแบบเทพอากาศตัวจริงอย่างสมบูรณ์ หลังจากถูกสังหารแล้วมันก็จะเข้าสู่การบ่มเพาะในครรภ์ หลังผ่านไปสามวันก็จะมีชีวิตขึ้นมาใหม่อีกครั้งจากการบ่มเพาะในครรภ์ แน่นอนว่าเจ้าแค่สังหารมันก็ใช้ได้แล้ว มันคือสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่ในอากาศอันสับสนอลหม่าน เรียกว่า ‘ร้อยกัณฐ์คำรน’ เจ้าอาจจะไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ต้องระวังสักหน่อยนะ อย่าเพิ่งตกม้าตายพ่ายแพ้ตั้งแต่เริ่มสู้ ข้ายังคาดหวังให้มีศิษย์อาภรณ์ทองคนหนึ่งถือกำเนิดขึ้นมาเป็นอย่างยิ่ง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงหัวใจสั่นสะท้าน ร้อยกัณฐ์คำรนหรือ ข้อมูลมหาศาลที่สืบทอดกันมาของผู้ท่องอากาศก็มีบันทึกเอาไว้
“เช่นนั้นข้าจะปล่อยมันออกมาล่ะนะ” ชายชราผมขาวพูด เห็นได้ชัดว่าท่าทีที่เขามีต่อตงป๋อเสวี่ยอิงนั้นมีความใกล้ชิดยิ่งขึ้นมาก
พื้นดินสีดำเริ่มสั่นสะเทือน สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ยักษ์ตนหนึ่งเริ่มคืบคลานออกมา ถึงอย่างไรก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ใช้ชีวิตอยู่ในอากาศอันสับสนอลหม่าน ขนาดร่างกายมโหฬารเกินธรรมดาโดยกำเนิด มันมีรยางค์งดงามหลากสีสัน รยางค์อันแน่นขนัดทุกเส้นล้วนยาวเหลือแสน ที่บริเวณกึ่งกลางร่างกายกลับมีศีรษะอันมหึมาอยู่มากมาย ทุกๆ ศีรษะล้วนมีเขาอันหนึ่ง ตาข้างหนึ่ง และปากกระหายเลือดขนาดใหญ่อันหนึ่งอยู่
“โฮก…”
หัวทั้งร้อยหัวส่งเสียงคำรามออกมาในเวลาเดียวกัน อากาศโดยรอบต่างก็แตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ในทันใด บริเวณไกลออกไปมีคลื่นสั่นสะเทือนจำนวนนับไม่ถ้วนก่อตัวขึ้นและกวาดมาทางตงป๋อเสวี่ยอิง
มันชอบส่งเสียงคำราม แต่พลังคุกคามของคลื่นที่เสียงคำรามก่อขึ้นนั้นกลับมิได้ใหญ่สักเท่าใด ผู้ปกครองโดยทั่วไปที่ร่างกายค่อนข้างอ่อนแออาจรับไม่ไหวจนตัวตาย แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงที่ยกระดับวิชาลับผู้ท่องไปถึงขั้นที่ยี่สิบแล้วกลับมิได้เห็นอยู่ในสายตาเลย เขาเข้าใจเป็นอย่างยิ่งว่าพลังยุทธ์ที่แท้จริงของ ‘ร้อยกัณฐ์คำรน’ นี้ยังมิได้ถูกสำแดงออกมา
หลังจากส่งเสียงคำรามแล้ว
ร้อยกัณฐ์คำรนดูเหมือนจะสบายขึ้นมาก หัวที่มีอยู่ทั้งหมดของมันมองไปยังทิศทางที่ตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ ตาเดียวทุกข้างล้วนจ้องมองตงป๋อเสวี่ยอิง การโจมตีของวิญญาณอันไร้รูปร่างก็กดดันเข้ามา แต่ไม่ว่าในดวงวิญญาณจะมีการถ่ายทอดวิชาลับผู้ท่องอันสมบูรณ์ หรือว่าจะบำเพ็ญคัมภีร์รัศมีเทพ ล้วนทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่เห็นการโจมตีของดวงวิญญาณนี้อยู่ในสายตาเลย
ตาเดียวจ้องมองการโจมตีของดวงวิญญาณที่สร้างขึ้น เพียงแค่ชั้น ‘เทพอากาศ’ สิ่งมีชีวิตที่มีลำดับขั้นชีวิตสูงกว่า ย่อมทำให้เกิดการโจมตีชนิดหนึ่ง มิใช่วิธีการที่แท้จริงของมัน
“ปัง…”
ทั่วทั้งผืนฟ้าพลันมืดลง หัวกว่าร้อยหัวของร้อยกัณฐ์คำรนอ้าปากใหญ่อันกระหายเลือดพร้อมกัน ปากใหญ่ทุกอันต่างก็พ่นไอหมอกสีดำออกมา
ไอหมอกสีดำพลันเริ่มรวมตัวกันกลางท้องฟ้าอันมืดดำ
“ถึงแม้ว่าจะอ้างอิงจากข้อมูลข่าวสารที่ผู้ท่องอากาศถ่ายทอดกันมา ควรจะดึงดูดให้มันพ่นหมอกพิษออกมามากกว่านี้ ทำให้มันอ่อนแอลงสักหน่อย แต่ลองดูก่อน ดูว่าสามารถบั่นคอสังหารมันโดยตรงได้หรือไม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้ว่าศิษย์อาภรณ์ทองแห่งวังทวีสูญต่างก็สามารถข้ามขั้นบั่นคอสังหารเทพอากาศได้ ในใจก็ยิ่งมีจิตคิดต่อสู้ ผู้อื่นทำได้ ตนก็ควรจะสามารถทำได้เช่นเดียวกัน!
ฟึ่บ
ตงป๋อเสวี่ยอิงในอาภรณ์ม่วงยืนอยู่ที่เดิมเหมือนเก่า ในขณะนี้เขากลับเป็นเพียงแค่ร่างแปรร่างหนึ่งเท่านั้น ร่างจริงได้เข้าสู่ฟ้าดินโลกเทียมอย่างเงียบกริบไร้สุ้มเสียงไปแล้ว ทั้งยังสำแดงวิชาการหลบหลีกในอากาศ หลบหลีกไปถึงตรงหน้าเทพอากาศ ‘ร้อยกัณฐ์คำรน’ แล้วอีกด้วย
…………………………………………