หยางโปอาศัยพูดข่มขู่ให้กลัว จนในที่สุดก็เช่าหน้าร้านมาจนได้ เถ้าแก่หัวล้านตกลงด้วยแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นหยางโปก็ต้องการเวลาเพียงแค่สามเดือนเท่านั้น เขาจึงไม่ได้จริงจังกับมันสักเท่าไร
หลังจากเช่าหน้าร้านมาได้แล้ว หยางโปจึงเซ็นสัญญากับเถ้าแก่หัวล้านทันที เขาถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายมีชื่อว่า ถูฉี
เมื่อจินหลันพาหยางโปกลับมาถึงโรงแรม เขาจึงจ่ายเงินค่าตอบแทนหนึ่งหมื่นหยวนให้อีกฝ่ายและพูดปลอบใจไปว่า “ สาวน้อย ที่คุณบอกว่าผู้ชายสำคัญกว่าผู้หญิง ในความเป็นจริงแล้ว แต่ละครอบครัวก็มีปัญหาที่แตกต่างกัน อันที่จริงเริ่มแรกผมก็ต้องเผชิญหน้ากับสภาพแวดล้อมเหมือนอย่างคุณ พ่อแม่บุญธรรมลำเอียงรักลูกชายตัวเองมากกว่า ผมจึงต้องออกไปหางานทำตัวคนเดียว ไม่กี่ปีมานี้ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จเล็กๆ ตอนนี้คุณก็มีชีวิตที่สุขสบายดีไม่ใช่หรือไง ?
ถ้าสามารถมีอิสระและอยู่คนเดียวได้ คุณยังต้องการอะไรอีก ? ”
จินหลันนิ่งเงียบไปชั่วครู่หนึ่ง เธอมองหน้าหยางโปด้วยท่าทีสงสัย ” ตอนนี้คุณมีเงินอยู่เท่าไหร่
ฉันคิดว่าคุณสามารถเป็นแบบอย่างของฉันได้ ”
หยางโปอดหัวเราะไม่ได้ “ แบบนี้ก็ไร้รสนิยมเกินไป คุณคิดว่าความสำเร็จของใครสักคน สามารถวัดกันได้ด้วยเงินอย่างงั้นเหรอ ? ความแข็งแกร่ง สถานะ และการเงินของคุณมันก็เป็นเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น ! สู้ๆ สาวน้อย ผมจะคอยดูคุณ ! ”
จินหลันหน้าแดงระรื่นเพราะถูกหยางโปว่าให้ แต่ก็รวบรวมความกล้าที่จะขานรับ ” อืม คุณไม่ต้องกังวล ฉันจะต้องเข้มแข็ง ภายภาคหน้าฉันต้องเหนือกว่าคุณให้ได้แน่นอน ! ”
หยางโปยิ้มและตอบกลับไปว่า ” ผมจะตั้งตารอคอย ! ”
หลังจากส่งจินหลันไปแล้ว หยางโปก็เปิดห้องที่โรงแรมห้องหนึ่ง จากนั้นถึงได้ต่อสายโทรหาตาอ้วนหลิว
“ ตอนนี้ผมเตรียมหน้าร้านไว้แล้ว คุณพูดไว้แล้วว่าจะหาคนมาทำงานให้ผมก่อนหน้านี้ คำพูดของคุณเชื่อถือได้ไหม ? ” หยางโปถามออกมาตามตรง
ตาอ้วนหลิวตกตะลึงนิ่งอึ้งไปสักพัก ” เป็นไปได้ไง ? ตอนนี้นายน่าจะเพิ่งไปถึงที่นั่นได้ไม่นานหนิ ? จะหาหน้าร้านได้เร็วขนาดนี้ได้ไง ? ”
“ อย่าพูดจาไร้สาระให้มันมากนัก ทำอย่างกับว่าผมจะหลอกคุณงั้นแหละ ? หาร้านได้แล้ว
ตอนนี้คุณบอกมา สรุปว่าต้องทำยังไง ? ” หยางโปถาม
ตาหลิวอ้วนครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ชุยอี้ผิงได้สั่งกำชับกับเขาไว้ว่าจะต้องขัดขวางเรื่องบางอย่างของหยางโป และต้องทำให้เขาทำงานยากขึ้น ทางที่ดีควรทำให้เขาอยู่ที่เมืองภาพยนตร์เหิงเตี้ยนไปเลย ทำให้เขาไปไหนไม่ได้ไปสักระยะหนึ่ง แต่ตอนนี้หยางโปโทรมาหาเขาแล้ว เขาก็พูดอะไรมากไม่ได้ เพราะปัญหาที่ยากที่สุดของเรื่องนี้คือ จะหาตลาดยังไง ถ้าติดต่อกับบริษัทที่ถ่ายทำภาพยนตร์ไม่ได้ เกรงว่าคงจะไม่มีวิธีอื่นเช่นกัน !
สักพัก หยางโปก็ทนรอต่อไปไม่ไหว ตาอ้วนหลิวถึงได้ฉีกยิ้มและตอบกลับมา ” นายวางใจได้ ไม่ว่าคนที่มีความสามารถแบบไหนฉันมีหมดนั่นแหละ นายแค่เอาใบสั่งซื้อของลูกค้ามาให้ฉันก็พอ
แล้วฉันก็เอาของมาส่งให้นายถึงที่ได้เลย ! ”
หยางโปตกตะลึงไปในทันที ” ตาอ้วนหลิว คุณไม่มีของตัวอย่างมาเลยหรือไง ? ไม่มีรูปมาให้ดูเลยเหรอ ? มาคุยโอ้อวดกับคนอื่นว่าผมทำได้แบบนี้ แล้วใครเขาจะยอมเชื่อมั่นในตัวคุณ ? ”
ตาอ้วนหลิวยิ้มร่าออกนอกหน้า “ หยางโป นายเก่งที่สุด ฉันเชื่อว่านายจะเอาอยู่ ! ”
พอพูดจบ ตาอ้วนหลิวก็วางสายไปเลย เขากุมอกตัวเองแล้วพึมพำว่า “ ไอ้น้องชาย นายอย่าโทษฉันเลยนะ ฉันใช่ว่าไม่อยากช่วยนาย จริงๆแล้วมันเป็นคำสั่งของคุณปู่นาย ฉันไม่กล้าปฏิเสธ ! ”
หยางโปถือโทรศัพท์และฟังเสียงที่วุ่นวายมาตามสาย ถึงกับนิ่งอึ้งไปทันที ! เขาอดไม่ได้ที่จะเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งและสบถด่าอย่างหยาบคาย “ เจ้าบ้าอ้วนเอ้ย แม้แต่นายก็ขายฉันด้วยงั้นเหรอ ! ” novel-lucky
หยางโปรู้ดีว่าเรื่องนี้ต้องมีครอบครัวอยู่เบื้องหลังแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงไม่เป็นแบบนี้ มันก็เกินไปที่ชุยอี้ผิงและตาอ้วนหลิวจะมาให้ความร่วมมือกันโดยปริยายแบบนี้ ทั้งคู่ต่างก็วาดฝันพูดซะจนเรื่องยากกลับกลายเป็นเรื่องซะง่ายดาย แต่พอหยางโปมาถึงหน้างาน พวกเขากลับปรับเปลี่ยนงานซะยากระดับนรกกันเลยทันที !
หยางโปเกือบจะโยนความรับผิดชอบทิ้งแล้วไปจากที่นี่ แต่เขาก็ยังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
นั่งลงครุ่นคิดอย่างละเอียด
รายการประเมินและพิสูจน์โบราณวัตถุกำลังออกอากาศทางโทรทัศน์ หยางโปขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เมื่อเห็นชายชราที่ดูกระฉับกระเฉงและมีชีวิตชีวา เขาจึงมานั่งครุ่นคิดดู จู่ๆก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ทำไมเขาถึงลืมสิ่งสำคัญไป เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการประเมินและพิสูจน์สมบัติและโบราณวัตถุ เป็นผู้เชี่ยวชาญแนวหน้าของโลกโบราณวัตถุ ยังจะมากลัดกลุ้มใจกับเรื่องพวกนี้อยู่อีกทำไม ?
เมื่อนึกถึงตรงนี้หยางโปก็ล้วงโทรศัพท์ออกมา แต่ไม่ว่าจะกดกี่ครั้งก็เปิดเครื่องไม่ได้ เขาจึงรีบเดินออกไปซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ ใส่ซิมและต่อสายโทรหากุ้ยหลงจิ่ว
“ สวัสดีครับอาจารย์กุ้ย ไม่ได้เจอกันนานเลย ! ” หยางโปเอ่ยปากทักทาย
กุ้ยหลงจิ่วหัวเราะร่า “ นานมากแล้วที่คุณไม่ได้ติดต่อผมมา ผมนึกว่าพอคุณได้ดีแล้ว คงลืมชายแก่คนนี้ไปแล้ว ! ”
หยางโปรีบตอบกลับทันที “ คุณอย่าได้พูดแบบนี้เชียว คุณออกจะงานยุ่ง ผมก็เป็นแค่คนที่ว่างไม่มีอะไรทำ กลัวไปรบกวนคุณเข้านะสิ ! ”
“ คุณก็อย่าได้พูดแบบนี้เชียว ว่ามา โทรหาผมมีเรื่องอะไร ? ” กุ้ยหลงจิ่วถาม
หยางโปหัวเราะกลบเกลื่อน “ อาจารย์กุ้ย คือแบบนี้นะ ผมอยากสอบถามคุณหน่อยว่า ตอนนี้คุณยังทำรายการอยู่หรือเปล่า ? รายการมีแผนที่จะมาถ่ายทำที่เหิงเตี้ยนสักสองสามรายการไหม ? ”
“ ไปเมืองภาพยนตร์ ? ถ้าไปที่นั่น มีของล้ำค่าอะไร ? ” กุ้ยหลงจิ่วรู้สึกสงสัยมาก “ คุณก็น่าจะรู้ดี ช่วงเวลาที่เมืองภาพยนตร์พัฒนาขึ้นมาอย่างแท้จริง เริ่มขึ้นในปีทศวรรษ1990 นี่เพิ่งจะสิบกว่าปี แต่ก่อนเป็นเพียงแค่หมู่บ้านเล็กๆบนเขาที่ยากจน ไหนเลยจะมีโบราณวัตถุให้ทีมงานในรายการประเมินและพิสูจน์ยืนยันโบราณวัตถุ ? ”
หยางโปยิ้มและกล่าวว่า “ อาจารย์กุ้ย คุณพูดแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่มีความเป็นมืออาชีพเลย สถานที่ที่มีโบราณวัตถุจริงๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นเมืองที่มีอารยะโบราณเสมอไป และไม่จำเป็นต้องมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ต้องการเพียงเข้าเงื่อนไขเดียวเท่านั้น ก็คือรวย ! ”
“ ถึงแม้ที่นี่เพิ่งจะพัฒนาได้ไม่นาน แต่ผู้คนของที่นี่มีเงิน พวกเขายังต้องการที่จะนำเงินไปลงทุน
ที่นี่ยังมีดาราดังอยู่อีกมากมาย และถึงกับมีดาราจำนวนไม่น้อยที่อาศัยอยู่ที่นี่อย่างถาวร คุณคิดว่าในมือของพวกเขาจะไม่มีโบราณวัตถุอยู่เลยหรือไง ? ถ้าหากตอนที่มาถ่ายทำรายการที่เมืองภาพยนตร์ แล้วมีดาราสักคนสองคนมาร่วมรายการด้วยได้ และพวกเขานำของโบราณมาด้วยหรือมีดาราเล็กๆสักคนสองคนที่ผู้ชมคุ้นตามาร่วมรายการด้วยอีก มันน่าจะยิ่งเป็นที่ดึงดูดและน่าสนใจกว่านี้ไหม ? ”
เมื่อกุ้ยหลงจิ่วได้ฟังคำพูดของหยางโป ก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้า ” ความคิดนี้ดีมากจริงๆ แต่ผมตัดสินใจคนเดียวไม่ได้นะสิ ยังคงต้องปรึกษาเรื่องนี้กับสถานีโทรทัศน์ก่อน ”
“ อาจารย์กุ้ย ถ้าแบบนั้นก็รบกวนคุณให้รีบปรึกษาเรื่องนี้หน่อย ผมจะรอคุณอยู่ที่นี่ ! ” หยางโปกล่าว
กุ้ยหลงจิ่วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและบ่นว่าให้ ” เจ้าเด็กนี่ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ จะต้องมีความลับที่บอกใครไม่ได้แน่ บอกมาผมไม่บอกใครหรอก ”
“ อาจารย์กุ้ย คุณไม่ต้องถามแล้ว ถ้าทำเรื่องนี้สำเร็จ ผมจะเชิญคุณดื่มที่เมืองภาพยนตร์ ผมนั่งรอคุณอยู่ที่นี่นะ คุณต้องทำได้ ! ” หยางโปกล่าว
“ เอาล่ะ ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุดและไปที่นั่นโดยเร็วที่สุดเพื่อไปดื่มกับคุณ ! ” กุ้ยหลงจิ่วกล่าว
พอหยางโปจัดการกับกุ้ยหลงจิ่วได้เรียบร้อยแล้ว ก็รู้สึกดีใจไม่น้อย เขารู้ว่าคำพูดของกุ้ยหลงจิ่วมีอิทธิพลในรายการมาก ถ้าเขาเสนอข้อคิดเห็น งั้นเรื่องก็ไม่ใช่ใกล้เคียงแล้ว ถ้าวางแผนรายการนี้สำเร็จ เขาก็จะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญของรายการอีกครั้ง ธุรกิจในภายภาคหน้าก็จะเข้ามาหาไม่หยุด