ตอนที่ 1033 คลี่คลายสถานการณ

เนตรเซียนทะลุสมบัติ

หยางโปอดที่จะชื่นชมความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองไม่ได้ เขาก็ถือว่าแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้อย่างสร้างสรรค์ แต่ความคืบหน้าต่อจากนี้ ต่อให้หลังจากสามเดือนนี้เขาจะย้ายจากไป ก็จะมีธุรกิจติดสอยห้อยตามไปด้วย !
  หยางโปโทรกลับไปที่บ้านอีกครั้ง เพื่อรายงานว่าเขาปลอดภัย จากนั้นถึงได้สบายใจ
  เหิงเตี้ยนอยู่ท่ามกลางขุนเขา รายล้อมไปด้วยภูเขาที่ทอดตัวยาวเหยียด เขานั่งขัดสมาธิอยู่ในโรงแรม ตั้งสมาธิและฝึกฝน เขาติดอยู่ในขั้นวรยุทธ์หยินชี่จิงมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว แต่เขากลับไม่ได้รีบร้อนอะไร เพราะเขารู้ดีว่าคนส่วนใหญ่ต่างก็จะติดกันอยู่ในขั้นนี้ มีบางคนที่ก้าวข้ามไปได้เลยและเข้าไปสู่ขั้นเลียนชี่จิง และมีบางคนที่ค่อยๆ ขัดเกลา ฝึกฝนจนชำนาญและประสบผลสำเร็จเอง !
  ดูเหมือนทั้งสองวิธีนี้จะไม่มีข้อเสียและข้อดีที่แยกจากกัน แต่หยางโปเชื่อมั่นว่าหากเขาใช้วิธีที่สอง ตราบใดที่เขายอมทุ่มเท ก็จะได้รับผลตอบแทนกลับมา !
  วันที่สอง หยางโปออกไปออกกำลังกายตั้งแต่รุ่งเช้า ฝึกซ้อมจินกังจิงและมวยเทียนหลัวร่วมกันไปสองรอบ รู้สึกว่ากล้ามเนื้อและผิวหนังของตัวเองกระชับแน่นขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจมาก
  หยางโปกินข้าวเช้าแล้วออกไปเดินเล่นรอบๆ และพบเข้ากับร้านที่กำลังเปิดให้เช่าร้านหนึ่ง จึงทำการเซ็นสัญญาเช่าระยะยาว เขายืมใช้หน้าร้านของคนอื่น มันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาระยะยาวได้ !
  จัดการเรื่องร้านจนแล้วเสร็จ ก็เกือบสิบโมงกว่าได้แล้ว หยางโปขอยืมรถไฟฟ้าจากเจ้าของโรงแรมมาคันหนึ่ง และรีบไปที่ร้านชายหัวล้าน ชายหัวล้านแบ่งให้เขาเช่าพื้นที่ประมาณหกตารางเมตร เมื่อเห็นเขามา ชายหัวล้านก็อดหัวเราะเยาะไม่ได้แล้วพูดว่า ” ต้องการให้ผมขายโต๊ะเก้าอี้ให้สักชุดไหม ? ”
  หยางโปมองที่ประตูร้าน ดูเหมือนคนจะเยอะขึ้น เขาถึงกับส่ายหน้า “ ไม่ล่ะ เมื่อวานผมเตรียมของไว้พร้อมแล้ว ”
  ชายหัวล้านส่ายหน้า ราวกับว่าไม่เชื่อ
  แต่จู่ๆก็มีเสียงแตรดังเข้ามาจากนอกประตู และเห็นรถบรรทุกคันหนึ่งมาจอดอยู่ มีคนงานหลายคนลงมา หยางโปจึงเข้าไปทักทายและพูดคุยกับคนงานสองสามคำ บรรดาคนงานพากันยกโต๊ะ เก้าอี้ และชุดน้ำชา มาวางให้อย่างเรียบร้อย
  หยางโปพลางทำความสะอาด พลางมองไปที่ชายหัวล้าน ” เถ้าแก่ถู ดื่มชาด้วยกันไหม ? ”
  “ ชุดน้ำชาของคุณยังไม่ได้ล้างทำความสะอาด ใบชาก็ไม่มี ดื่มชาอะไรกัน ? ” ถูฉีถาม
  หยางโปยิ้ม ประตูร้านหันไปทางทิศใต้ แดดส่องเข้ามาพอดี แดดส่องมาโดนหัวที่ล้านของถูฉี
  ดูมันวาว “ ชุดน้ำชาพวกนี้ปลอดเชื้อ ส่วนใบชาใครบอกว่าไม่มีกัน ? ”
  ก็ไม่รู้ว่าหยางโปไปหยิบกล่องใบชาจากไหนมาวางไว้บนโต๊ะ เขาหยิบกาต้มน้ำไปรองน้ำแล้ววางชุดน้ำชาทั้งชุดลง หยางโปเสียบไฟแล้วพยักหน้าให้ถูฉีรับรู้
  ถูฉีมองดูหยางโปด้วยความแปลกใจ เขารู้สึกมึนงงมาก “ ทำไมผมรู้สึกว่าการกระทำของคุณ
  ไม่เหมือนกับว่ามาทำธุรกิจเลย แต่เหมือนกับลูกชายเศรษฐีมากกว่า คุณไม่ได้มาที่นี่เพื่อหาเงิน แต่มาเพื่อเล่นสนุกกับชีวิตมากกว่า ! ”
  หยางโปหัวเราะดังลั่นออกมา “ ผมไม่ใช่ลูกชายเศรษฐี แค่ทำงานหนักมาหลายปี มีเงินติดตัวอยู่เล็กน้อย ดังนั้นจึงไม่อยากให้ตัวเองลำบาก แค่ใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยไปเท่านั้นเอง ”
  ไม่นาน ชาก็เดือด หยางโปจึงเทน้ำลงในถ้วยน้ำชา เอาน้ำต้มล้างใบชา จากนั้นกลิ่นหอมสดชื่นก็ลอยฟุ้งออกมา
  ถูฉีจึงสูดดมเอาไปเต็มปอด “ ชาดี ! ”
  หยางโปหัวเราะ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
  ถูฉีมองไปทางหยางโป “ คุณเคยบอกว่า จะอยู่ที่นี่แค่สามเดือน แต่ผมคิดว่าเป็นไปไม่ได้ คุณคงไม่คิดมาลงหลักปักฐานที่นี่หรอกนะ ? ” novel-lucky
  “ คุณวางใจได้ บอกว่าจะเช่าที่คุณแค่สามเดือนก็คือสามเดือน คุณก็คิดซะว่าผมเป็นลูกชายเศรษฐีที่กำลังมาหาประสบการณ์ชีวิตก็พอ ! ” หยางโปกล่าว
  ถูฉีมองเหลือบมองเขา แต่ไม่ได้พูดอะไร
  หยางโปนั่งดื่มชาพูดคุยกับถูฉีสองวันติดต่อกัน แต่กลับไม่มีใครมาสั่งของ มีแค่บางครั้งที่ถูฉีออกไปพูดคุยโทรศัพท์สองสามสาย ทำเหมือนกับว่ากำลังจัดการเรื่องธุรกิจ
  หยางโปรู้ดีว่าถูฉีอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว และคุ้นเคยกับธุรกิจนี้ดีอยู่แล้ว แม้แต่ธุรกิจบางอย่างที่ไม่จำเป็นต้องมาดูถึงที่ร้าน ก็สามารถสั่งซื้อได้เลย ยังไงซะวันแรกที่เขามาถึง ถูฉีก็ได้เปิดเผยข้อมูลสำคัญบางอย่าง การทำธุรกิจกับเขาจะต้องมีค่าคอมมิชชั่นให้ !
  ทั้งสองดื่มชาและพูดคุยกันอย่างมีความสุข ก็ไม่เห็นว่าหยางโปจะมีท่าทางวิตกกังวลเลย
  วันนี้ ในขณะที่ทั้งสองกำลังดื่มชากันอยู่ จู่ๆก็มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามา ” เหล่าถู ชีวิตช่างสบายเหลือเกิน ! ”
  “ ผู้กำกับจาง ผมไม่ได้อยากว่างนะ อยู่เฉยๆหาเงินก็ไม่ได้ ” ถูฉีรีบบ่นว่า “ ผมหวังว่าผู้กำกับจางจะทำให้ผมมีข้าวกินสักมื้อ ! ”
  ผู้กำกับจางเหมือนจะอายุสี่สิบกว่า มีหยวดเคราและไว้ผมยาว ดูเหมือนศิลปิน เขาส่งยิ้มให้
  “ ผมยังคงต้องพึ่งพาให้คุณดูแลผมอยู่นะ ! ”
  หลังจากทักทายกันไม่กี่คำ ผู้กำกับจางก็พูดเข้าประเด็น “ ผมต้องการสั่งหัวสัตว์สิบสองนักษัตร คุณพอจะรับทำไหม ? ”
  “ ผู้กำกับจาง นี่คุณพูดอะไร อะไรว่าจะรับไม่รับทำ ? ขอแค่ผู้กำกับจางสั่งมา ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ ผมก็จะทำให้คุณจนสำเร็จ มันก็แค่หัวสัตว์สิบสองนักษัตรไม่ใช่หรือไง ? ผมช่วยจัดการให้คุณได้นะ ! ” ถูฉีพูดพร้อมกับตบไปที่หน้าอก
  ผู้กำกับจางมองถูฉี และส่ายหน้าเล็กน้อย “ คุณรับประกันได้ก็ดี แต่ผมก็ขอเตือนคุณไว้ก่อน จะต้องรับประกันว่าหัวสัตว์ทั้งสิบสองนักษัตรนี้จะเหมือนของจริง จำเป็นต้องเหมือนของจริงเพราะเราอาจจะต้องมีภาพถ่ายจากระยะใกล้ ! ”
  ถูฉีหัวเราะดังออกมา “ คุณไม่ต้องกังวล ผมจะทำออกมาเพื่อให้คุณแน่นอน และไปส่งให้ที่กองถ่ายแน่นอน ! ”
  หลังจากลังเลเล็กน้อย ถูฉีก็มองไปที่ผู้กำกับจาง ” ผู้กำกับจาง ไม่รู้ว่าคุณมีข้อมูลหัวสัตว์ทั้งสิบสองนักษัตรอยู่ไหม คุณก็รู้ว่ามีหัวสัตว์สองหัวที่เพิ่งได้กลับมา ข้อมูลเหล่านี้ยังไม่ได้ถูกเปิดเผยออกมา มันทำออกมาได้ไม่ง่ายนัก ”
  ผู้กำกับจางส่ายหน้า “ คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้ คุณมาถามหาเอาที่ผม แล้วผมจะไปหามาจากไหนให้ ? ”
  หยางโปนั่งข้างๆ ส่งเสียงไอเบาๆ ” ถ้าอยากรู้ข้อมูลพวกนี้ มาหาผมสิ ! ”
  ถูฉีมองหยางโปอย่างระแวดระวังทันที “ เถ้าแก่หยาง นี่มันธุรกิจของผม นี่คุณหมายความว่าไง ? ”
  หยางโปยิ้ม “ เถ้าแก่ถู พวกเราดื่มชาด้วยกันมาสองวันแล้ว ทำไมยังเห็นเป็นคนอื่นคนไกลกันไปได้ ? ”
  “ ในเรื่องของธุรกิจ มันไม่มีใครเป็นอื่น เรื่องนี้เดิมทีมันเป็นของผมมาตั้งแต่แรก ! ” ถูฉีกล่าว
  หยางโปยิ้ม “ ผมไม่ได้บอกว่าจะแย่งธุรกิจของคุณ ผมแค่อยากจะบอกข้อมูลบางส่วนของหัวสัตว์สิบสองนักษัตรให้คุณฟังก็เท่านั้น ! ”
  ถูฉีจ้องหน้าหยางโป ด้วยใบหน้าที่ยังคงหวาดระแวง
  ผู้กำกับจางกลับทำอะไรไม่ได้มาก สำหรับเขาแล้ว ตราบใดที่สามารถทำในสิ่งที่เขาต้องการให้ได้ก็พอ เขาหันมามองหน้าหยางโป “ ท่านผู้นี้คือ ? ”
  “ ผมคือหยางโป ทำอาชีพเดียวกับเถ้าแก่ถู ช่วงนี้มาเปิดร้านค้าเล็กๆอยู่ที่นี่ หวังว่าจะอาศัยความสัมพันธ์และเส้นสายที่เถ้าแก่ถูมี เพื่อช่วยส่งเสริมธุรกิจให้ ” หยางโปกล่าว
  “ สวัสดี เถ้าแก่หยาง คุณเป็นคนดูมีความรู้ความสามารถมาก ข้อมูลของหัวสัตว์สิบสองนักษัตรยังไม่ได้รับการประกาศอย่างครบถ้วน คุณเอามาได้ยังไง ? ” ผู้กำกับจางถาม
  หยางโปหัวเราะกลบเกลื่อน “ มันก็แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น แค่โบราณวัตถุทางวัฒนธรรมที่มีอยู่ในพิพิธภัณฑ์สถาน ข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมด ผมเอามาได้หมดนั่นแหละ ! ”
  ผุ้กำกับจางจ้องหน้าหยางโป และมองไปที่ชายหนุ่มที่สีหน้าเยือกเย็นและสงบนิ่งที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นเขาก็เหลือบมองหน้าถูฉีอีกครั้ง แต่ก็ยังยื่นมือออกมาจับมือกับหยางโป ” หวังว่าจะมีโอกาสร่วมงานกันในครั้งต่อไป ! ”
  หยางโปยิ้ม “ แน่นอน ! ”
  ถูฉีนั่งหน้าบึ้งตึงอยู่ข้างๆ