ส่วนที่ 3 ตอนที่ 46

เจาะเวลาสู่ต้าถัง

ตอนที่ 46 ความรักอันแสนจะเรียบง่าย  

ขอบฟ้าเพิ่งจะเริ่มสว่าง หวงสู่ก็ถือถังเหล็กของตัวเองเดินมาที่ริมแม่น้ำตงหยาง เตรียมที่จะอาบน้ำ เมื่อคืนนอนหลับไม่สนิทกลิ้งไปมาอยู่บนเตียง พลิกไปพลิกมาเหมือนโรตีทอดจนสว่าง ทั้งตัวเต็มไปด้วยเหงื่อ

เขาไม่ใช่คนแรก แต่เป็นคนที่สาม ก่อนหน้านี้ได้มีอีกสองคนกำลังตักน้ำราดจากศีรษะทีละถังๆ หวงสู่ตั้งใจจะเดินลงไปให้ลึกขึ้นอีกเล็กน้อย จะได้ไม่รบกวนพวกชนชั้นสูง ในที่สุดตอนนี้เขาก็เข้าใจว่าทุกคนในสำนักศึกษาล้วนแล้วแต่เป็นชนชั้นสูงทั้งหมด ดังนั้นเขาจึงยิ่งรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยมากขึ้นเรื่อยๆ

“เหล่าหวง มาทางนี้ จะไปไหนกัน มาอาบที่นี่สิ ไม่กลัวหมาป่าคาบไปหรือ” อวิ๋นเยี่ยเห็นหวงสู่ตั้งนานแล้ว ตั้งใจจะคุยกับเขา ใครจะคิดว่าหมอนี่เดินลงไปปลายน้ำโดยไม่พูดอะไรสักคำ จึงต้องตะโกนเรียกเขา

หลี่เค่อที่สวมกางเกงยืนราดน้ำอยู่ด้านข้างด้วยความเบื่อหน่ายไม่พูดอะไรเลย

“เสี่ยวเค่อ ปณิธานอันยิ่งใหญ่ของข้ายากจะเป็นจริง จิตใจที่ยิ่งใหญ่เหมือนคุนเผิง[1] แต่ตัวเล็กกระจิ๊ดริดเหมือนนกกระจอก เจ้าเกิดมาก็เป็นมังกรที่ยิ่งใหญ่แล้ว จะหดหู่อะไรหนักหนา” เจ้าเด็กคนนี้หลายวันนี้ดูผิดปกติมาก อวิ๋นเยี่ยรู้สึกประหลาดใจ

“ข้าโง่มากใช่หรือไม่”

“ใครพูดกัน ดีกว่าหวงสู่มากมายเลย” อวิ๋นเยี่ยพูดโดยไม่ตั้งใจ ศีรษะหวงสู่เหมือนกับถูกไก่จิกเข้าให้

หลี่เค่อคลุ้มคลั่งกระโจนเข้าคว้าอวิ๋นเยี่ยไว้ ใครไม่รู้กันบ้างว่าในสำนักศึกษาหวงสู่ก็คือคำสรรพนามแทนคำว่า “โง่เขลา” ตอนนี้ถ้าใครทำอะไรโง่เขลา ตอนนี้จะไม่ด่าว่าเจ้าโง่แล้ว แต่จะเปลี่ยนชื่อของเขาเป็นหวงสู่ตรงๆ อวิ๋นเยี่ยวิ่งหนีไป หลี่เค่อจับหวงสู่ผู้สมรู้ร่วมคิดเตะไปสองครั้งจึงค่อยอารมณ์ดีขึ้น

“เสี่ยวเค่อ ข้ารู้ว่าในใจเจ้ารู้สึกหดหู่ การสอบกลางภาคของสำนักศึกษาเจ้าก็แพ้ให้กับอาไท่อีกแล้ว เห็นเขาโอ้อวดคุยโตคุยโม้บนเวทีในใจรู้สึกไม่ยอมรับ นี่เป็นสภาพจิตใจที่ปกติยิ่งกว่าปกติของคนหนุ่มสาวอยู่แล้ว ตอนที่ข้าเรียนกับอาจารย์มีข้าเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่มีใครให้เปรียบเทียบ ดังนั้นจึงแน่นอนว่าข้าเป็นที่หนึ่ง อาจารย์ก็ชื่นชมข้าเสมอ เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมยอดหัวกะทิแห่งแดนเสฉวนจึงพ่ายแพ้ให้กับเหล่าตระกูลใหญ่”

อวิ๋นเยี่ยคิดว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะเปลี่ยนมุมมองต่อโลกภายนอกของหลี่เค่อ เพียงแค่ให้เขาระบายความภาคภูมิใจของเขาออกมา ใช้ความแข็งแกร่งของตัวเองในการไปให้ถึงจุดสูงสุดในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แรงดึงดูดเรื่องบัลลังก์สำหรับเขาก็จะลดลงอย่างมาก อย่างไรเสียในโลกนี้มียอดเขาสูงมากมายให้เราไปปีนอยู่ มนุษย์เรามักจะพึงพอใจกับผลงานที่แลกมาด้วยความพยายามของตัวเองอยู่เสมอ

“เพราะทักษะของพวกเขาไม่ดีสู้ผู้อื่นไม่ได้ ห้าตระกูลใหญ่นั้นเก่งเกินไป”

“ผิดแล้ว เพราะยอดหัวกะทิแห่งแดนเสฉวนเลือกสถานที่ผิด เลือกเวลาผิด เลือกเป้าหมายผิด การที่พวกเขาเลือกเป้าหมายผิด เพราะพวกเขาไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้าและไม่ได้ทำข้อสรุปหลังจากที่เสร็จสิ้น ถ้าหากมีคราวหน้าอีกครั้ง พวกเขาก็จะยังคงพ่ายแพ้เช่นเดิมและแพ้อย่างอนาถกว่าเดิม”

“เจ้ากำลังทำผิดพลาดเช่นเดียวกัน เจ้าก็รู้อยู่ว่าอาไท่เป็นสัตว์ประหลาดในด้านการเรียนรู้ แต่กลับพยายามที่จะแข่งขันกับเขาในสิ่งที่เขาภาคภูมิใจที่สุด เช่นนั้นไม่เท่ากับหาเรื่องให้ตัวเองเป็นทุกข์หรือ เจ้าก็มีจุดเด่นของเจ้า จุดเด่นของเจ้าก็เป็นสิ่งที่อาไท่ไม่มีวันไล่ตามได้ทัน เอาจุดด้อยของตัวเองไปแข่งขันกับจุดเด่นของคนอื่นข้าว่าเจ้าเป็นหวงสู่ เจ้ายังคิดว่าข้าว่าร้ายเจ้าอีกหรือ”
หลี่เค่อไม่พูดอะไรอีก นอนแช่อยู่ในน้ำ เหลือเพียงศีรษะที่โผล่พ้นน้ำ ไม่รู้ว่าคิดอะไร อวิ๋นเยี่ยก็ไม่ได้อยากสนใจเสียหน่อย วัยรุ่นหากรู้จักเรียนรู้ที่จะคิดวิเคราะห์ได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี
หวงสู่รู้อยู่แก่ใจว่ามีสามคนได้ยินบทสนทนา แต่ที่ทำให้เขาเสียใจคือมีเพียงสองคนเท่านั้นที่รู้ว่ากำลังคุยอะไรกัน

“ตอนนี้เจ้าใช้ชีวิตที่สำนักศึกษาเป็นอย่างไรบ้าง ยังคิดที่จะเป็นโจรปล้นสุสานอีกหรือไม่” อวิ๋นเยี่ยถามหวงสู่ที่นั่งอยู่ในแม่น้ำและกำลังวักน้ำใส่ร่างเขาอยู่

“ตอนนี้ข้าไม่มีความคิดเช่นนั้นแล้ว คราวนี้หากไม่เป็นเพราะเหล่าชนชั้นสูงไม่ถือโทษโกรธข้า ป่านนี้คงถูกตัดศีรษะไปแล้ว” หวงสู่ค่อนข้างรู้สึกไม่ดี

“อาชีพเจ้าในตอนนี้ไม่ควรทำ เพราะเรื่องการถูกจับได้และถูกประหารมันเป็นเรื่องของเวลาที่ว่าช้าหรือเร็ว เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ใช้โอกาสนี้ปีนออกจากบ่อโคลนสกปรกนั้นเสีย กลับเนื้อกลับตัวใหม่อย่าได้ทำตัวหลบๆ ซ่อนๆ ความสามารถของเจ้าถูกใช้ผิดทาง ตั้งใจทำงานในสำนักศึกษาให้ดี จะต้องได้มีโอกาสทำตัวให้เป็นประโยชน์อย่างแน่นอน”

 “ข้าน้อยเข้าใจแล้ว วันนี้เป็นวันหยุดของข้าน้อย ตั้งใจว่าอาบน้ำเสร็จแล้วจะไปที่ตลาดซินเฟิงเพื่อเยี่ยมคนคนหนึ่ง”

“ผู้หญิงใช่ไหม ท่าทางเจ้าแบบนี้ก็มีคนรักหรือ ต้องรีบไขว่คว้าเอาไว้ ไปที่คอกม้าแล้วนำม้าไปตัวหนึ่ง รีบไปรีบกลับล่ะ” อวิ๋นเยี่ยเผลอเอ่ยปากจัดการให้ ตอนนี้เขาค่อนข้างวางใจในตัวหวงสู่ ตั้งแต่โบราณมา ผู้ที่ร่ำเรียนจนมีความรู้ทั้งบุ๋นและบู๊ต่างก็เข้ารับราชการกับทางการ นี่คือหลักการสากล ชื่อเสียงของหวงสู่เลวร้ายเกินไป สามารถรับไว้ในสำนักศึกษาที่มีราชนิกุลเป็นหุ้นส่วนด้วยได้ ก็ต้องถือว่าบรรพชนได้สั่งสมบุญมาดีมากแล้ว

ในเวลาใกล้เที่ยงวัน หวงสู่ควบม้าสีพุทราแดงอยู่บนถนน ชุดสีฟ้าครามแขนกระบอกที่สวมอยู่ถูกลมพัดปลิวเป็นระยะๆ ถึงแม้ว่าผู้ที่สวมจะหน้าตาน่าเกลียด แต่เมื่อสวมชุดของสำนักศึกษา กลับทำให้ดูดีมีราศีมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่ขี่ม้าสีพุทราแดง เพียงแค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นม้าดีชั้นเลิศที่ไม่ใช่ว่าคนธรรมดาจะสามารถมีไว้ในครอบครอง

ความคิดถึงเป็นเวลานานเสมือนมีดเล็กๆ ที่กรีดหัวใจอันเร่าร้อนของเขาไม่ยอมหยุด ไม่เห็นชาวบ้านผู้ประสบภัยสองข้างทางที่ไปๆ มาๆ อยู่ในสายตา ตอนนี้ข้าเป็นคนที่มีฐานะอยู่กับเหล่าชนชั้นสูงตลอดเวลา จะให้ทำตัวเป็นคนพเนจรเหมือนแต่ก่อนมาคลุกคลีอยู่กับพวกเขาได้อย่างไรกัน

ความรู้สึกอันยอดเยี่ยมในจิตใจนี้ทำให้เขาร้อนอกร้อนใจ อยากเจอหญิงที่ขายเหล้าข้าวหมักนางนั้น

หวงสู่ขี่ม้าอย่างโอ่อ่าหรูหรามาถึงตลาดซินเฟิง ข้าหวงสู่ก็เพียงแค่ต้องการดื่มเหล้าข้าวหมักสักชาม เช่นนี้ยังไม่อยู่ในกำมืออย่างง่ายดายอีกหรือ

กิ่งก้านของต้นหลิ่วนั้นเยอะมากจนน่ารำคาญ ห้อยเป็นพวงระย้ากีดขวางการมองเห็น ม้าเองดูเหมือนจะเข้าใจจิตใจของเขา เร่งฝีเท้ามาตลอดทาง ในที่สุดก็มาถึงตลาดซินเฟิง

ที่ตลาดนั้นเงียบเหงากว่าเมื่อก่อนมาก เสียงตะโกนขายของเบาบางลง ร้านที่สามที่อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่เมื่อมองไปแล้วไม่พบหญิงที่รูปร่างอวบอัดนางนั้น มีเพียงนกกระจอกไม่กี่ตัวที่หาอาหารกินอยู่บนพื้นดิน

“พ่อค้า แผงขายเหล้าหมักที่อยู่ตรงด้านนั้นไปไหนแล้ว” หวงสู่สอบถามเจ้าของร้านขายของชำที่อยู่ข้างๆ

“รับเคราะห์จากภัยพิบัติ อิงเหนียงเป็นเพียงหญิงหม้าย เมื่อสูญเสียร้านค้าไป นางจึงได้แต่ต้องพาลูกสาวนางไปที่บ้านมารดานาง ท่านเป็นสหายเก่าอิงเหนียงหรือ” เจ้าของร้านผมหงอกก็เป็นคนช่างพูดคนหนึ่ง

“ใช่ เมื่อก่อนข้ามาดื่มเหล้าที่นี่บ่อยๆ คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะไม่มีแล้ว ผิดหวังจริงๆ ข้านั้นชอบดื่มเหล้าร้านนี้หากไม่ได้ดื่มแล้วมันรู้สึกกระวนกระวาย ตั้งใจอยากจะให้อิงเหนียงไปเป็นแม่ครัวที่บ้าน พ่อค้าคิดว่าอย่างไร” หวงสู่อยู่ในยุทธภพมานาน ย่อมรู้ว่าไม่ควรถามตรงๆ จึงได้แต่ต้องถามอย่างอ้อมค้อม สำหรับเรื่องที่จะให้อิงเหนียงเป็นภรรยาหรือแม่ครัวก็เป็นเรื่องส่วนตัวเขาแล้ว

“มีเรื่องดีเช่นนี้ด้วยหรือ บ้านมารดาของอิงเหนียงอยู่ตรงปากทางของตลาดนี้ ซึ่งก็ไม่ใช่ครอบครัวที่ร่ำรวย อะไร ท่านรอสักครู่ ข้าจะให้ลูกชายที่บ้านไปตามนางมา พวกนางแม่ลูกทั้งคู่กำลังจะอับจนหนทางอยู่แล้ว ต้องรับปากจะไปเป็นแม่ครัวที่บ้านท่านแน่” เจ้าของร้านพูดน้ำไหลไฟดับ จากนั้นตะโกนเรียกลูกชายตนให้ไปหาอิงเหนียง

ความสุขของหวงสู่แทบจะเป็นควันลอยออกจากกะโหลกศีรษะแล้ว เรื่องราวเป็นอย่างที่เขาคาดไว้จริงๆ ว่าอิงเหนียงเป็นหม้าย สำหรับเรื่องที่ว่ามีลูกติดหนึ่งคนนั้นไม่เรียกว่าเป็นปัญหาเสียด้วยซ้ำ เมื่อแต่งงานก็ได้เป็นพ่อคนในทันที มีอะไรไม่ดีกันเล่า เมื่อก่อนแม้แต่ฝันยังอยากได้ลูกผู้หญิงสักคนเลย เพียงแต่กลัวว่าหน้าตาของตัวเองจะมีผลร้ายกับเด็ก ตอนนี้อิงเหนียงมีลูกสาวคนนี้แล้ว สวรรค์เมตตาข้าแล้ว!

“นายท่าน นายท่าน” เจ้าของร้านเรียกอยู่สองครั้งจึงฉุดให้หวงสู่ตื่นจากความฝันได้

หลังจากเช็ดน้ำลายออก หวงสู่คาวระเจ้าของร้านอย่างนอบน้อม ทำให้เจ้าของร้านลนลานไปหมด

“เหตุใดนายท่านต้องมากพิธีเช่นนี้ด้วย” เจ้าของร้านรู้สึกแปลกใจมาก ไม่เคยเจอคนประหลาดเช่นเขามาก่อน

“ข้าคารวะขอขมาที่นี่ไม่ใช่เพื่ออะไรอื่น แต่เป็นเพราะข้าเพิ่งจะหลอกลวงผู้เฒ่า ข้าน้อยแซ่หวงชื่อสู่ ตอนนี้ทำงานให้กับสำนักศึกษาอวี้ซัน เงินเดือนเดือนละหนึ่งก้วน คงไม่สามารถพูดได้ว่าเป็นคนมีฐานะอะไรแต่เรื่องกินและอยู่ก็ไม่ได้ขาดแคลน ที่ผ่านมายังไม่เคยแต่งงาน เมื่อต้นปีของปีนี้มาถึงที่นี่โดยไม่ตั้งใจ เล่าอย่างไม่อายท่านผู้เฒ่า เมื่อได้พบอิงเหนียงก็ไปไหนไม่ถูกเสียแล้ว จึงหวังจะไปสู่ขอนาง คำพูดเมื่อครู่เพียงแค่หาข้ออ้าง โปรดยกโทษให้ข้าด้วย” ชั่วชีวิตนี้หวงสู่ก็ไม่เคยพูดด้วยกิริยาท่าสุภาพเช่นนี้มาก่อน เมื่อพูดออกมาจนหมดเปลือกแล้วก็ตื่นเต้นมากจนเหงื่อออกท่วมตัว

เจ้าของร้านเห็นหวงสู่เหงื่อออกท่วมตัวจึงหัวเราะฮ่าๆ อย่างหยุดไม่อยู่ไปชั่วครู่หนึ่ง หวงสู่จึงได้แต่หัวเราะเจื่อนๆ ด้วย ทำให้เป็นที่สนใจของผู้ที่ผ่านไปมาอยู่ครู่หนึ่ง

“เห็นเจ้าตั้งนานแล้ว เจ้ามาดื่มเหล้าข้าวหมักที่แผงลอยของอิงเหนียงหลายเดือนแล้ว ทุกครั้งก็ดื่มหลายชาม ทั้งยังนั่งสองชั่วยาม เจ้าลองถามพ่อค้าในตลาดนี้ดู มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าเจ้าสนใจอิงเหนียง เจ้าคิดว่าข้าจะเที่ยวบอกที่อยู่ของอิงเหนียงให้ใครต่อใครรู้หรือ เจ้าไม่ได้มาสองเดือนข้ายังเสียดายแทนอิงเหนียงเลย คิดว่าจะพลาดโอกาสที่จะได้คู่ครองที่ดีแล้ว ในเมื่อวันนี้เจ้ามาแล้วข้าก็อยากถามเจ้า ใครจะรู้ว่าเจ้าจะพูดออกมาด้วยตัวเอง ฮ่าๆๆ ข้าขำจนท้องแข็งแล้ว”

เมื่อเจ้าของร้านหัวเราะพอแล้ว ก็คิดว่าควรเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนบ้านฟัง เพื่อให้ทุกคนสนุกด้วยกัน ในปีที่เกิดภาวะข้าวยากหมากแพงนั้น หายากที่จะมีเรื่องที่มีความสุขสักเรื่อง ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้คนมากมายกรูเข้ามารายล้อม ซึ่งมีลุงป้าน้าอาจำนวนไม่น้อย ทั้งยังมีบางคนที่เท้าไวรีบวิ่งไปที่บ้านพี่ชายของอิงเหนียงแล้ว

ยิ่งมีคนมากเท่าไรหวงสู่ยิ่งประหม่ามากเท่านั้น เหงื่อนั้นไหลไม่ยอมหยุดจนดูไม่จืดเลย รู้สึกว่าเพื่อนบ้านเหล่านี้ยังน่ากลัวกว่าปีศาจเสียอีก

คนนี้บอกว่าหวงสู่แต่งตัวเช่นนี้ก็ยังพอดูได้ คนนั้นบอกว่าม้านั้นสวยมาก แต่ไม่มีใครชื่นชมหน้าตาของหวงสู่เลยแม้แต่คนเดียว

“เจ้าจะไปรู้อะไร ชายที่ดีไร้ศรีภรรยา ชายทำตัวไร้ค่ากลับได้ภรรยาอ่อนหวาน นี่เป็นคำพูดโบราณคร่ำครึ ดูแล้วพี่หวงร่างกายแข็งแรง ทั้งยังสามารถดูแลครอบครัวได้ รายได้เดือนละหนึ่งก้วน ผียาจกอย่างพวกเจ้าเทียบกับเขาได้หรือ ทั้งยังทำงานอยู่ในสำนักศึกษา มีข้อเสียตรงไหนกัน ต่อไปภายหน้าไม่แน่ว่าลูกสาวของอิงเหนียงอาจได้แต่งงานกับสามีที่รู้หนังสือก็เป็นได้ ช่างวาสนาดียิ่งนัก ปากหอยปากปูอย่างพวกเจ้ามาพูดมากอะไรกัน สามีอิงเหนียงตายตั้งแต่อายุยังน้อยทั้งไม่มีพี่น้อง ลำบากเกือบจะหกปีแล้ว ตอนนี้พี่หวงไม่รังเกียจที่อิงเหนียงมีลูกติด จะแต่งงานกับนางอย่างออกหน้าออกตา เจ้าว่า นี่เป็นวาสนาของใคร ผู้ชายจำเป็นต้องพูดถึงเรื่องหน้าตาด้วยหรือ!”

เจ้าของร้านโกรธจนอาละวาด ระเบิดอารมณ์ใส่เหล่าเพื่อนบ้าน พูดจนทุกคนไม่มีอะไรจะพูดและเงียบลง

เมื่อได้ยินผู้เฒ่าพูดเช่นนี้แล้วหวงสู่ก็เห็นด้วยอยู่ในใจ เอวที่เพิ่งโค้งลงไปก็ยืดตรงขึ้น ใช่แล้ว ตอนนี้ข้าเป็นคนของสำนักศึกษาแล้ว จะก้มศีรษะไปทำไม ข้าไม่ใช่โจรปล้นสุสานเสียหน่อย คนที่เราทำงานรับใช้ในสำนักศึกษาล้วนแล้วแต่เป็นคนใหญ่คนโตทั้งสิ้น แม้แต่องค์ชายก็ยังได้เจออยู่ทุกวัน พวกผียากจกอย่างพวกเจ้าเหลวไหลอะไรกันอยู่ได้

เงินคือความกล้าหาญของมนุษย์ เขาคลำแผ่นเงินขนาดใหญ่สองสามอันที่อยู่ที่เอว จากนั้นหยิบถุงเงินออกจากอกเสื้อมอบให้กับเจ้าของร้าน

“ท่านช่างเป็นคนที่เข้าใจเหตุผลยิ่งนัก ในถุงนี้มีก้อนเงินอยู่และมีอีกห้าร้อยเหวิน ท่านช่วยจัดการหาซื้อของขวัญเพื่อให้ผู้เยาว์ได้นำไปสู่ขอนางด้วย”

เสียงตุบๆๆ เจ้าของร้านเทเงินในถุงเงินออกมา กองสีทองเหลืองอร่าม กลางกองเงินยังมีเศษก้อนเงินที่มูลค่าหนึ่งถึงสองก้วนอยู่ด้วย ซึ่งเงินเหล่านี้ทำให้เพื่อนบ้านที่ทำมาค้าขายเล็กๆ น้อยๆ บนถนนเส้นนี้ถึงกับพากันสูดหายใจเข้ากันอย่างตกตะลึง

ก่อนที่จะมาที่นี่ หวงสู่ได้นำเงินทั้งหมดที่อยู่ใต้ต้นกุ๋ยหลิ่วออกมา นี่เป็นเงินเล็กน้อยที่ได้มาจากการเป็นโจรปล้นสุสานมานานสิบกว่าปี ในตอนนั้นเพื่อความสะดวกในการพกพา จึงได้แลกเป็นก้อนเงินไว้ตั้งนานแล้ว ตอนนี้เพียงแค่ผ้าห่อและแบกไว้ก็เป็นอันใช้ได้แล้ว

เจ้าของร้านยังไม่ทันได้เก็บขึ้น มือเล็กๆ ที่มีรูเล็กๆ บนหลังฝ่ามือข้างหนึ่งก็ยื่นเข้ามา เพียงพริบตาก็กวาดเงินมารวมกันและใส่ไว้ในถุงเงินทั้งยังผูกปมอีก

อิงเหนียง! ใบหน้านางเต็มไปด้วยน้ำตา ปากก็พูดว่า “ข้ารอเจ้ามาหนึ่งเดือนกว่าแล้ว ไม่เห็นเจ้ามา เดิมยังคิดว่าเจ้าก็แค่นึกสนุกเพียงชั่วครู่ จึงได้มาเย้ยหยันคนที่อาภัพเช่นข้า เพราะว่าทนต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ จึงได้เลิกขาย ไปพึ่งพิงอยู่ที่บ้านของพี่ชาย ทำไมเจ้าจึงเพิ่งมาเอาป่านนี้”          

เมื่อเห็นอิงเหนียงร้องไห้ หวงสู่ก็รู้สึกปวดใจ ลนลานทำอะไรไม่ถูก สองมือถูกันพูดว่า “เจ้าก็น่าจะรู้ ข้ามีงานที่ต้องไปทำ คราวนี้ไปที่เขาหลานซัน เมื่อไปครั้งหนึ่งก็เป็นเวลาสองเดือน เมื่อกลับออกมาข้าก็รีบมาที่นี่ เจ้าอย่าได้ร้องไห้ ข้าจะรับเจ้าสองแม่ลูกไปที่เขาอวี้ซันเดี๋ยวนี้ ทุกคนในสำนักศึกษาเป็นคนดีทั้งนั้น คิดว่านางหนูเองก็น่าจะชอบเช่นกัน”

 “แล้วเกวียนเทียมวัวเล่า” อิงเหนียงถาม

 “ไม่มีเกวียนเทียมวัว ข้าขี่ม้ามา” หวงสู่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก

 “เป็นผู้ชายที่ไม่มองการณ์ไกลเลย เจ้าขี่ม้า หรือว่าเราแม่ลูกขี่ม้าได้”

 หวงสู่ได้ยินดังนี้ ดวงตาแดงก่ำ หยิบเงินสิบกว่าตำลึงออกมาแล้วยกขึ้นเหนือศีรษะ “ใครมีรถม้าขายให้ข้า!” การวางอำนาจแผ่กระจายออกมาอย่างชัดเจน

 ยังไม่ทันได้ยินคำตอบ มือเล็กๆ อ้วนๆ ยื่นออกมาอีกแล้วแย่งแผ่นเงินไปจากมือของเขา ใส่ไว้ในอกเสื้อ จากนั้นลากหวงสู่ออกไปจากร้าน

 ด้านนอกประตูมีเด็กผู้หญิงรูปร่างเล็กๆ ผอมๆ อายุประมาณแปดขวบนั่งอยู่บนกองสัมภาระ มองดูหวงสู่ด้วยอาการเขินอาย ทั้งชอบแต่ก็หวาดกลัว

หวงสู่วิ่งพุ่งกลับเข้าไปในร้านขายของชำ หอบของว่างมากมายในร้านใส่ลงในตะกร้า แล้ววิ่งไปหาเด็กหญิงตัวน้อยนั่งยองๆ ลงข้างๆ ก่อนจะส่งตะกร้าใส่แขนของเด็กหญิง เพื่อนบ้านยืนมองอิงเหนียงที่กำลังยุ่งวุ่นวายด้วยความอิจฉา มองสาวน้อยที่กำลังอ้าปากกินขนมที่แข็งเหมือนก้อนหิน หวงสู่นั่งอยู่ข้างๆ คอยป้อนเด็กหญิงดื่มน้ำเป็นระยะๆ…

หลังจากเลี้ยงเพื่อนบ้านทานอาหารมื้อใหญ่และได้รับคำอวยพรมากมายนับไม่ถ้วน ได้รับขนมเปี๊ยะข้าวเหนียวดำมาหลายตระกร้า จากนั้นมอบเงินให้พี่ชายอิเหนียงห้าก้วน ดวงอาทิตย์เพิ่งขึ้นอยู่กลางศีรษะพอดี

รถม้าวิ่งอย่างรวดเร็ว หวงสู่ฟาดแส้อย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง หยอกล้อซิ่วเหนียงซึ่งเป็นลูกสาวของเขาในตอนนี้ที่โผล่ศีรษะออกมานอกรถม้าเป็นครั้งคราว ทั้งยังถูกอิงเหนียงค้อนใส่ในขณะเดียวกัน ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี สำหรับเรื่องที่ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาอันรวดเร็วเกินไปหน่อยหรือไม่นั้น ไม่ได้อยู่ในความคิดของหวงสู่เลยแม้แต่น้อยนิด

มาถึงเขาอวี้ซันแล้ว เมื่อได้ยินว่าหวงสู่พาครอบครัวมา ทุกคนต่างก็อยากรู้อยากเห็น บรรดาลูกศิษย์มองดูหวงสู่ที่ใจฝ่อในอดีตมาวันนี้กลับทรนงเย่อหยิ่ง ผู้ที่ชอบหาเรื่องตั้งใจอยากจะสั่งสอนเขาเสียหน่อย แต่เห็นแก่เด็กผู้หญิงตัวน้อยที่ท่าทางทั้งเขินทั้งหวาดกลัวแล้ว จึงยกโทษให้เขาเป็นการชั่วคราว

ผู้ดูแลที่นิสัยเสียโยนของที่ต้องใช้ในเรือนหอห่อใหญ่ให้กับเขา และถือโอกาสบอกเขาว่าด้านข้างสำนักศึกษามีลานเล็กๆ อยู่ เขาสามารถอยู่ได้ ทั้งยังบอกว่าโหวเหยียสั่งไว้โดยเฉพาะ

หวงสู่คุกเข่าลงบนพื้น โขกศีรษะอย่างแรง อิงเหนียงไม่เข้าใจ แต่แม้แต่ผู้ชายของนางยังทำเช่นนี้ จึงรีบคุกเข่าโขกศีรษะในทันที สายตาที่ดูถูกเหยียดหยามบนใบหน้าของผู้ดูแลค่อยๆ จางหายไปหลังจากที่หน้าผากของหวงสู่เริ่มมีรอยเลือด

เด็กหญิงตัวน้อยมองไปที่ห้องครัวแล้วน้ำลายไหล นางเห็นว่าเมื่อครู่มีคนถือเนื้อแดงจานใหญ่ที่ปรุงเสร็จออกมาจากในห้องนั้น ท่าทางน่าอร่อยมาก หวงสู่บอกเด็กน้อยว่าภายหน้าถ้าอยากกินให้หยิบแผ่นกระดาษที่อยู่ในกล่องนำไปแลก ขอเพียงมีแผ่นกระดาษแบบนี้ ก็จะสามารถไปรับหมูสามชั้นผัดรากบัวแสนอร่อยได้ ครั้นมองดูลูกสาวที่ถือจานค่อยๆ เดินกลับไปที่ห้องครัวทีละก้าวๆ อิงเหนียงถึงกับน้ำตาไหล…

เมื่อดวงจันทร์ลอยขึ้นเหนือท้องฟ้า เสียงกบร้องเป็นระยะๆ เด็กหญิงตัวน้อยนอนหลับอยู่ในห้องด้านนอกของหวงสู่แล้ว เมื่อมองไปที่หญิงรูปร่างอวบอัดแล้ว หวงสู่ก็อดใจรอไม่ไหวอีกต่อไป รีบเป่าเทียนให้ดับ พุ่งเข้าหาราวกับหมาป่าที่หิวโหยก็ไม่ปาน…

——

[1] คุนเผิง เป็นสัตว์ในตำนานที่บันทึกไว้ว่ารูปร่างใหญ่โตมาก คุน เป็นปลาขนาดใหญ่อาศัยอยู่ในแม่น้ำทางเหนือ สามารถแปลงร่างเป็นนกยักษ์หรือเผิงเพื่อบินลงสู่ทางใต้ได้