เจ้าหญิงแห่งวงการหยก (2)
เหล่าเหยาได้ยินดังนั้นก็นิ่งอึ้งไปชั่วครู่ แต่วิญญาณพ่อค้าทำให้เขาตั้งสติและรีบเอ่ยพร้อมรอยยิ้มกว้างอย่างมืออาชีพ “ที่แท้คุณผู้หญิงนี่เองที่จะดูหินหยก น้อยมากเลยนะครับที่จะมีผู้หญิงเล่นหยก โดยเฉพาะผู้หญิงที่ทั้งสาวและสวยอย่างคุณผู้หญิงนี่ยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่เลยนะครับ” มีลูกค้าเข้าร้านทั้งที เหล่าเหยาสามารถพูดให้คนตายฟื้นขึ้นมาก็ยังได้
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มบางๆ “เถ้าแก่อย่ามัวแต่ชมฉันเลย รีบเข้าไปดูสินค้าก่อนดีกว่าค่ะ”
“เชิญๆๆ! เชิญด้านในเลยครับ!” เหล่าเหยารีบเชิญซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายเข้าไปนั่งในร้านพลางสั่งให้พนักงานในร้านจัดหาน้ำอัดลมเย็นๆ มาต้อนรับลูกค้าพลาง เหล่าเหยาบริการลูกค้าได้อย่างดีเยี่ยม ผิดกับผู้เฒ่าหูที่ดูซังกะตายราวฟ้ากับเหว
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มบางๆ ด้วยความเกรงใจ เหล่าเหยาถามความต้องการของลูกค้าตรงๆ อย่างไม่อ้อมค้อม “คุณผู้หญิงอยากดูหินหยกที่เปิดหน้าหยกแล้วหรือว่าหวยหยกดีครับ”
“ขอดูหวยหยกก่อนแล้วค่อยดูก้อนที่เปิดหน้าหยกแล้วทีหลังค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนแจ้งความต้องการของตนเองอย่างชัดเจน สำหรับเธอแล้วไม่ว่าจะเป็นหินหยกที่เปิดหน้าหยกแล้วหรือหวยหยกก็ตาม สิ่งสำคัญคือข้างในมีเนื้อหยกดีๆ อยู่หรือเปล่าต่างหากเล่า
“ได้เลยครับ!” เหล่าเหยาผงกศีรษะรับทราบ
หวยหยกถูกวางกองอยู่ในร้าน ซีเหมินจินเหลียนเดินเข้าไปเลือกดูหวยหยกโดยไม่ต้องรอให้เหล่าเหยาเอ่ยบอก เหล่าเหยาเดินออกไปเรียกลูกค้าตรงหน้าร้านเหมือนเดิมเพราะไม่อยากรบกวนเธอ ขณะที่จ่านป๋ายนั่งมองดูซีเหมินอย่างเงียบๆ ส่วนพนักงานในร้านเพียงแค่โผล่หน้ามาแวบเดียวแล้วผลุบหายไปไหนก็ไม่รู้
ซีเหมินจินเหลียนเลือกหินหยกที่มีลักษณะดีอย่างใจเย็น จากนั้นก็อ่านหยกด้วยตาเปล่าก่อนแล้วค่อยมองทะลุข้างในด้วยพลังพิเศษเพื่อยืนยันสิ่งที่ตัวเองวิเคราะห์ว่าถูกต้องหรือไม่
แต่ซีเหมินจินเหลียนต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่หลังมองทะลุหินหยกไปห้าหรือหกก้อน มิน่าเล่าเขาถึงบอกแม้แต่เทพเจ้าก็มิอาจหยั่งรู้ว่าภายใต้เปลือกหยกทึบๆ นั่นมีหยกสีเขียวซ่อนอยู่หรือไม่ และหินหยกที่เห็นส่วนใหญ่ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรง ถ้าซื้อเอาไว้ต้องผ่าแพ้แน่นอน
จ่านป๋ายนั่งมองดูซีเหมินจินเหลียนเลือกหินหยกจนเริ่มรู้สึกเบื่อ ด้วยความอยากรู้เขาจึงเริ่มรวบรวมข้อมูลความรู้ที่เคยอ่านเจอในอินเทอร์เน็ตแล้วลองอ่านหวยหยกดูบ้าง
แต่จนแล้วจนรอดจ่านป๋ายก็ดูไม่ออกอยู่ดีว่าอะไรคือซงฮวา หมั่งไต้ โดยเฉพาะอู้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เขาเบื่อมากจนไม่รู้จะทำอะไรจึงหยิบหินหยกเปลือกสีเทาอ่อนขึ้นมากะน้ำหนักดู อืม…หินหยกก้อนนี้ถือว่าเล็ก น่าจะหนักประมาณห้าถึงหกกิโลกรัมเท่านั้น…
“เสี่ยวป๋าย คุณกำลังทำอะไรน่ะ” ซีเหมินจินเหลียนถามด้วยความฉงน
“เปล่า ผมแค่ดูอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะครับ คุณไม่ต้องสนใจหรอก” จ่านป๋ายยิ้มเก้อๆ พลางวางหินหยกในมือลง พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นบางอย่างราวกับตนเองค้นพบสิ่งอัศจรรย์ “จินเหลียน คุณมาดูอะไรนี่สิ!”
“มีอะไรเหรอคะ” ซีเหมินจินเหลียนรีบเดินเข้ามาดูด้วยความอยากรู้
“คุณมาดูนี่สิ!” จ่านป๋ายใช้นิ้วชี้ไปยังหินหยกสองก้อนที่วางอยู่บนพื้นพลางเอ่ยกลั้วหัวเราะ
“ตลกใช่ไหมล่ะ!” จ่านป๋ายรู้สึกดีมากที่ทำให้ซีเหมินจินเหลียนหัวเราะออกมาได้
หลายวันมานี้เขาติดตามซีเหมินจินเหลียนไปทุกที่ และเขารู้สึกตลอดเวลาว่าซีเหมินจินเหลียนไม่สดใสร่าเริงเลย…
ซีเหมินจินเหลียนเดินเข้าไปดูใกล้ๆ แล้วต้องหัวเราะออกมา ที่แท้ก็มีหินหยกเปลือกทรายดำทรงรีวางอยู่บนพื้นข้างๆ กับหินหยกเปลือกสีเทาอ่อนทรงรีที่จ่านป๋ายเพิ่งวางลงกับพื้นจนกลายเป็นภาพขาวดำที่ดูแล้วตลกมากอย่างบอกไม่ถูก
“ไหนดูซิ!” ซีเหมินจินเหลียนเอ่ยพลางหัวเราะ
หินหยกทั้งสองก้อนมีขนาดไม่ใหญ่นัก ซีเหมินจินเหลียนจึงหยิบหินหยกเปลือกทรายดำขึ้นมาดูได้อย่างสบายๆ เหล่าเหยาไม่ได้พูดเกินจริงเลยสักนิด หินหยกก้อนนี้เป็นหินหยกบ่อเก่าจากพากันจริงๆ แม้ตอนนี้เธอยังไม่สามารถระบุได้ว่าข้างในนั้นเป็นอย่างไร แต่อ่านหยกแล้วก็วิเคราะห์ได้ว่าน่าจะเป็นหินหยกจากแหล่งไหน
ซีเหมินจินเหลียนต้องนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เพราะชั่ววินาทีที่เธอใช้มือซ้ายหยิบหินหยกเปลือกทรายดำที่จ่านป๋ายเห็นว่าตลกมากขึ้นมานั้น…เธอเห็นสีเขียวจากข้างใน…
ที่สำคัญ มันเป็นหยกเนื้อน้ำแข็งเสียด้วย มันเป็นหยกสีเขียวอ่อนไม่ค่อยสวยนักแต่ให้ความรู้สึกเหมือนต้นอ่อนที่เพิ่งผ่านพ้นพายุฝนในฤดูใบไม้ผลิมากกว่า และสีแบบนี้แหละที่สาวๆ ชอบนัก เพราะก้อนเล็กแค่เพียงกำปั้นเท่านั้น
“เสี่ยวป๋าย เราซื้อหินหยกหน้าตาตลกสองก้อนนี้ไปผ่าเล่นกันดีไหม” ซีเหมินจินเหลียนเอ่ยปนหัวเราะ
ภายนอกเหล่าเหยาอาจดูเหมือนกำลังตั้งอกตั้งใจเรียกแขก แต่ที่จริงแล้วคอยเงี่ยหูฟังบทสนทนาของซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายอยู่ตลอดเวลา พอได้ยินว่าทั้งสองจะซื้อหินหยกก็รีบแจ้นเข้ามาพร้อมรอยยิ้มกว้างขวาง “คุณผู้หญิงสนใจก้อนไหนครับ”
“สองก้อนนี้ค่ะ เถ้าแก่เสนอราคามาเลยค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนเอ่ยอย่างอารมณ์ดี
“นี่เป็นหินหยกบ่อเก่าจากพากันเลยเชียวนะ” เหล่าเหยาเหล่ตามองหินหยกทั้งสองก้อนแวบหนึ่ง “ผมขายห้าพันหยวนครับ!”
“นี่มันปล้นกันชัดๆ เลยนะเถ้าแก่!” ซีเหมินจินเหลียนแสร้งทำเป็นเสียงดังด้วยความตกใจ “หวยหยกก้อนเล็กนิดเดียวแค่สองก้อนขายตั้งห้าพันหยวนเลยเหรอคะ”
“โธ่ คุณผู้หญิง มันไม่ใช่แค่หวยหยกก้อนเล็กๆ นะ แต่มันเป็นหวยหยกลักษณะดีเลยต่างหากล่ะครับ…” เหล่าเหยาเริ่มปฏิบัติการชักแม่น้ำทั้งห้ามาสาธยายความดีของหินหยกดังกล่าวเพื่อโน้มน้าวซีเหมินจินเหลียน
ซีเหมินจินเหลียนเอ่ยยิ้มๆ ด้วยความเจ้าเล่ห์ “เถ้าแก่ หวยหยกลักษณะดีส่วนใหญ่ก็ผ่าแพ้ทั้งนั้น…หวยหยกสองก้อนนี้อย่างมากก็แค่สามร้อยหยวนเท่านั้นแหละค่ะ”
“อะไรนะครับ?” เหล่าเหยาแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เขาเสนอราคาห้าพันหยวนนับว่าถูกมากแล้ว เพราะวันนี้เขาอยากขายของและกะจะค้ากำไรงามๆ เสียหน่อย แต่นึกไม่ถึงว่าซีเหมินจินเหลียนจะต่อราคาได้น่ากลัวขนาดนี้
“หวยหยกหน้าตาน่าเกลียดและดูตลกสองก้อนนี้ ราคาสามร้อยหยวนถือว่าแพงมากแล้วนะคะ!” ซีเหมินจินเหลียนทำปากยู่เอ่ยเสียงอ่อย แต่ในใจแอบคิดว่าตัวเองคงจะต่อรองราคาได้น่าตกใจเกินไป แต่ถ้าเธอไม่ต่อราคาก็ต้องถูกมองเป็นหมูในอวยให้เชือดได้ง่ายๆ น่ะสิ
“โธ่ คุณผู้หญิง เพิ่มให้ผมอีกนิดเถอะนะครับ ถือว่าช่วยๆ กัน!” เหล่าเหยาปั้นหน้าตาน่าสงสาร
ซีเหมินจินเหลียนเห็นดังนั้นก็ลิงโลดใจ ถ้าคนเป็นเถ้าแก่เอ่ยปากแบบนี้ย่อมแสดงว่าราคาที่ตัวเองต่อรองไปนั้นถือว่าสมเหตุสมผล มิเช่นนั้นเขาคงปฏิเสธไม่ยอมขายให้เธอแล้ว
“ตกลงค่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนเอ่ยด้วยความเป็นต่อ “สามร้อยห้าสิบหยวน แพงกว่านี้ไม่ได้แล้วนะคะ”
จ่านป๋ายอดยิ้มไม่ได้ เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยซีเหมินจินเหลียนก็มีด้านที่ชอบแกล้งคนอื่นแบบนี้ด้วยเหมือนกัน ส่วนเหล่าเหยาได้ยินดังนั้นก็ได้แต่เอ่ยหน้าเบ้ “คุณผู้หญิง ถ้าหากเป็นหวยหยกธรรมดาผมคงให้ราคาคุณสองร้อยห้าสิบหยวนไปแล้วล่ะครับ คุณดูสิว่าจะหาหวยหยกแบบนี้ในราคาสองร้อยห้าสิบหยวนจากที่ไหนได้อีก”
ซีเหมินจินเหลียนมองหน้าตาผิดหวังของเหล่าเหยาแล้วหลุดหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี “ฉันยอมเสียเปรียบก็ได้ ถ้าอย่างนั้น หินหยกก้อนละสองร้อยหยวน รวมทั้งหมดสี่ร้อยหยวน คราวนี้ขอเพิ่มราคาอีกไม่ได้แล้วนะ ฉันยังต้องเก็บเงินเอาไว้แต่งงานนะคะ!”
ตอนแรกเหล่าเหยากะจะขอเพิ่มราคาอีกสักหน่อย แต่พอได้ยินประโยคสุดท้ายของซีเหมินจินเหลียนแล้วก็อดยิ้มเอ็นดูไม่ได้ “โอเคๆ เอาตามที่คุณผู้หญิงว่าก็ได้ครับ!”
“แล้วผ่าหยกที่นี่ฟรีหรือเปล่าคะ” ซีเหมินจินเหลียนเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ เธอรู้ว่าปกติแล้วร้านขายหินหยกจะต้องมีเครื่องตัดหินหยกเอาไว้บริการลูกค้า และที่ร้านเหล่าเหยาก็มีบริการนี้เช่นกัน เพราะพี่น้องแซ่เริ่นเพิ่งผ่าหยกที่นี่เมื่อวานนี้เอง
“แน่นอนครับ!” แม้จะเป็นสินค้ามูลค่าน้อยแต่เหล่าเหยาก็พยักหน้ายินดีให้ผ่าฟรี เพราะเขาเองก็หวังว่าซีเหมินจินเหลียนจะผ่าออกมาเป็นหยกสีเขียวจริงๆ จะได้ช่วยเปิดโชคเปิดลาภให้ร้านเขาด้วย ตอนนี้งานประมูลหยกที่เจียหยางกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วด้วย ธุรกิจของเขาจะได้เฟื่องฟูตามไปด้วย แต่เพราะผลกระทบเรื่องสองพี่น้องแซ่เริ่นผ่าหยกแพ้ทำให้ตอนนี้กิจการของเขาซบเซาอย่างหนัก
ถ้าพี่น้องแซ่เริ่นแค่ผ่าหยกแพ้ก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะใครๆ ต่างก็รู้ว่าการเล่นหวยหยกนั้นโอกาสผ่าหยกชนะมีเพียงแค่หนึ่งในสิบเท่านั้น แต่สองพี่น้องแซ่เริ่นกลับยอมรับความพ่ายแพ้ไม่ได้ เลือกฆ่าตัวตายในโรงแรมเพื่อหนีความจริงจนกลายเป็นคดีความ เมื่อวานตำรวจก็มาสอบปากคำเขาที่ร้านซึ่งเขารู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
ลูกค้าที่รู้เรื่องก็ไม่กล้ามาที่ร้านของเขาเพราะกลัวอับโชคจนทำให้กิจการของเขาเงียบเหงาขนาดนี้
จ่านป๋ายจ่ายเงินค่าหินหยกจำนวนสี่ร้อยหยวนให้เถ้าแก่เหยาทั้งๆ ที่ยังคาใจ เถ้าแก่เหยาเสนอราคาห้าพันหยวนซึ่งแพงเกินจริงไปมาก แต่พอซีเหมินจินเหลียนต่อรองราคาเหลือแค่สี่ร้อยหยวนเขากลับยอมขายของง่ายๆ เสียอย่างนั้น แถมยังขายให้อย่างหน้าชื่นตาบานเสียด้วย ดูท่าท่างแล้วธุรกิจหวยหยกสามารถทำกำไรได้มหาศาลจริงๆ
หินหยกก้อนเล็กเท่ากำปั้นไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องตัดหินหยก แต่พนักงานในร้านก็รีบยกเครื่องตัดหินหยกและเครื่องเจียหินหยกออกมาเปิดเครื่องให้ซีเหมินจินเหลียนเสร็จสรรพเรียบร้อยอย่างรู้งาน
ซีเหมินจินเหลียนหยิบหินหยกเปลือกสีเทาอ่อนขึ้นมา เธอไม่ได้มองทะลุหินหยกก้อนนี้และกะว่าจะไม่ใช้พลังพิเศษมองทะลุด้วย
ซีเหมินจินเหลียนเดินออกไปด้านนอกแล้ววางหินหยกดังกล่าวลงบนเครื่องเพื่อเตรียมผ่าหยก
ผู้คนแถวนั้นพอได้ข่าวว่ามีคนกำลังจะผ่าหยกก็รีบล้อมวงเข้ามาดู มันเป็นธรรมดาที่คนเล่นหวยหยกชอบดูคนอื่นผ่าหยก เพราะการดูหวยหยกค่อยๆ ถูกเจียเปลือกหยกหน้าตาน่าเกลียดออกจนเห็นเนื้อหยกสีเขียวสวยสดใสที่ซ่อนอยู่ข้างในมันให้ความรู้สึกตื่นเต้นเหมือนการได้เห็นสาวงามค่อยๆ เปลื้องผ้าออกทีละชิ้น
ยิ่งคนผ่าหยกเป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างซีเหมินจินเหลียนด้วยแล้วยิ่งมีเสน่ห์ดึงดูดให้ผู้คนเข้ามาเต็มร้านได้ในเวลาเพียงชั่วพริบตาเดียว
แม้ซีเหมินจินเหลียนจะไม่รู้ว่าข้างในของหินหยกเปลือกสีเทาอ่อนเป็นอย่างไร เพราะไม่มีหมั่งไต้หรือซงฮวาบนเปลือกหยกเลย แต่เธอก็พยายามเจียเปลือกหยกอย่างระมัดระวังที่สุด
พอเจียเปลือกหยกออกแล้วข้างในกลับเป็นเพียงหินสีขาวๆ เท่านั้น ไม่มีร่อยรอยสีเขียวใดๆ ให้เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว บรรดาคนที่มุงดูทั้งหลายต่างทำหน้าผิดหวังไปตามๆ กัน
ซีเหมินจินเหลียนได้แต่ส่ายศีรษะพลางยิ้มแห้งๆ โชคเธอไม่ดีจริงๆ ด้วยสิ อุตส่าห์คิดว่าจะลองเสี่ยงโชคดูเสียหน่อยแต่กลับไม่เจอหยกสีเขียวเลย ตอนนี้พระอาทิตย์ตกดินไปแล้วแต่อากาศยังคงร้อนอบอ้าวเหมือนเดิม ซีเหมินจินเหลียนหมดความอดทนที่จะค่อยๆ เจียเปลือกหยกออกหมดทั้งก้อนจึงตัดสินใจวางหินหยกก้อนนั้นลงบนเครื่องตัดหินหยก เธอเปิดเครื่องแล้วจับที่มือจับอย่างมั่นคงแล้วตัดฉับลงไปทันที…
หินหยกถูกใบมีดตัดฉับ ซีเหมินจินเหลียนมองดูผลงานตัวเองแล้วต้องร้องอุทาน “เอ๊ะ” ออกมาด้วยความประหลาดใจ นี่เธอโชคดีจริงๆ อย่างนั้นเหรอ? นี่ขนาดเธอซื้อสุ่มสี่สุ่มห้ายังเจอหยกสีเขียวหรือเนี่ย
ข้างในเป็นหยกสีเขียวจริงแต่เป็นเพียงแค่หยกสีเขียวหม่นเนื้อแห้งและน้ำไม่งาม ที่สำคัญข้างในมีเนื้อหยกสีเขียวหม่นกว้างประมาณครึ่งเซนติเมตรเท่านั้น ถ้าฝีมือดีก็สามารถแกะเนื้อหยกออกมาทำเป็นจี้เล็กๆ ได้สักสองอัน
ซีเหมินจินเหลียนวักน้ำที่วางอยู่ข้างๆ ราดลงบนหินหยกเพื่อให้เห็นสีหยกที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
“คุณผู้หญิงโชคดีจังเลยครับ!” เหล่าเหยารีบเอ่ยด้วยความชื่นชมยินดี
ซีเหมินจินเหลียนได้แต่ยิ้มแห้งๆ แล้วแอบคิดในใจว่านี่โชคดีแล้วเหรอ? เสี้ยววินาทีที่เธอเงยหน้าขึ้นพลันสายตาเหลือบไปเห็นคนที่เธอรู้จักสองคนยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนที่มามุงดูเธอผ่าหยก นั่นมันหวังเซียงฉินกับลู่เฟยอวี๋นี่ ซีเหมินจินเหลียนแปลกใจ แล้วทำไมสองคนนี้ถึงมาอยู่ที่เจียหยางล่ะ?
“คุณผู้หญิง คุณขายหยกก้อนนี้หรือเปล่า” เสียงถามลอยมาจากฝูงชนที่มามุงดูการผ่าหยก
“ขายค่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนผงกศีรษะตอบรับ เธอต้องขายหินหยกก้อนนี้อยู่แล้ว จะเก็บไว้ทำไมกันล่ะ