ส่วนที่ 4 ตอนที่ 5.1

ความลับแห่งจินเหลียน

เจ้าหญิงแห่งวงการหยก (3)

 

 

 

 

ซีเหมินจินเหลียนเงยหน้าขึ้นมองชายแปลกหน้ารูปร่างสันทัด เธอผงกศีรษะให้เขาพลางเอ่ย “หนึ่งพันหยวน ถ้าคุณอยากได้ก็เชิญเลยค่ะ” 

 

 

ชายคนนั้นใช้ความคิดเพียงชั่วครู่จึงพยักหน้าพร้อมเอ่ยว่า “ราคาของคุณผู้หญิงยุติธรรมดี!” 

 

 

ซีเหมินจินเหลียนยิ้มบางๆ หยกก้อนนี้น่าจะนำไปเจียระไนเป็นจี้หยกได้สักสองอันและคงขายได้ราคาสักสามพันถึงสี่พันหยวน เธอเสนอราคาหนึ่งพันหยวนก็ถือว่ายุติธรรมที่สุดแล้ว 

 

 

ชายคนนั้นไม่ต่อรองราคาใดๆ เขาหยิบธนบัตรสีแดงใบละหนึ่งพันหยวนส่งให้ซีเหมินจินเหลียนทันที ซีเหมินจินเหลียนรับเงินมาแล้วส่งต่อให้จ่านป๋ายเก็บเงินเอาไว้เพราะตอนนี้จ่านป๋ายกลายเป็นคนดูแลเงินสดของซีเหมินจินเหลียนไปเสียแล้ว 

 

 

ฝูงชนที่ล้อมวงอยู่รอบๆ ต่างหันไปมองจ่านป๋ายด้วยความแปลกใจเล็กน้อย เมื่อต่างเข้าใจผิดคิดว่าจ่านป๋ายเป็นแฟนของซีเหมินจินเหลียนจึงเลิกสนใจเขาอีก  

 

 

ซีเหมินจินเหลียนชายตาสังเกตหวังเซียงฉินกับลู่เฟยอวี๋ที่ยืนปะปนอยู่ท่ามกลางผู้คนที่มาดูการผ่าหยกแล้วรู้สึกสงสัยมากยิ่งขึ้น ผู้หญิงสองคนนี้ไม่ได้นัดเจอกับหลินเสวียนหลานที่ผิงโจวหรอกหรือ? แล้วมายืนทำอะไรอยู่ที่นี่ แล้วหลินเจิ้งหายไปไหน เขาคงไม่ปล่อยให้หวังเซียงฉินมาเจียหยางคนเดียวหรอกกระมัง?  

 

 

หวยหยกเปลือกทรายดำอีกก้อนนั้นข้างในเป็นหยกค่อนข้างดี ซีเหมินจินเหลียนจึงไม่คิดผ่าจากกลางก้อนอย่างเมื่อกี้แน่นอน เธอหยิบเครื่องเจียหินหยกมาเพื่อเตรียมเปิดหน้าหยกทันที 

 

 

“จินเหลียน ให้ผมช่วยไหมครับ” แม้จ่านป๋ายจะไม่มีความรู้เรื่องการผ่าหยก แต่เมื่อครู่เขาสังเกตดูอย่างตั้งใจแล้วพบว่าการเจียเปลือกหยกนั้นแค่เจียเปลือกหินหยกออกอย่างเบามือ แม้จะต้องใช้เทคนิคนิดหน่อยแต่เขาน่าจะทำมันได้อย่างไม่มีปัญหา ที่สำคัญงานเปิดหน้าต่างหยกเป็นงานที่ใช้แรง เวลาที่เขาเห็นซีเหมินจินเหลียนต้องออกแรงเจียเปลือกหยกแล้วมันทำให้เขารู้สึกปวดใจจริงๆ 

 

 

ถ้าเกิดนิ้วบอบบางของซีเหมินจินเหลียนต้องเจียหินหยกจนนิ้วมือด้านขึ้นมาล่ะแย่เลย 

 

 

“อืม!” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินจ่านป๋ายเสนอตัวช่วยเหลือจึงคลี่ยิ้มออกมาน้อยๆ และไม่ได้ดึงดันที่จะเจียเอง เธอไม่คิดมากอยู่แล้วถ้าเกิดจ่านป๋ายไม่ชำนาญและเจียเปลือกหยกหนาไปหน่อยซึ่งก็คงทำให้เสียหายไม่เท่าไหร่ เธอยื่นเครื่องเจียหินหยกให้จ่านป๋ายพร้อมเอ่ยยิ้มๆ “ลองดูสิคะ เผื่อคุณจะโชคดี” 

 

 

“ขอบคุณที่อวยพรครับ!” จ่านป๋ายเอ่ยยิ้มๆ ด้วยความดีใจที่ซีเหมินจินเหลียนไม่คัดค้าน เขารับเครื่องเจียหินหยกมาจากเธอ วางหินหยกเปลือกทรายดำลงบนตำแหน่งที่ต้องการ เปิดสวิตช์เครื่องเจียหินหยกแล้วเริ่มเจียเปลือกหินหยกอย่างระมัดระวัง 

 

 

ผู้คนที่ล้อมวงกันรอดูการผ่าหยกไม่มีใครออกจากร้านเลยสักคน ต่างพากันยื่นคอยืดยาวรอชมการผ่าหยกรอบใหม่อย่างใจจดใจจ่อ 

 

 

ใช้เวลาเพียงชั่วครู่จ่านป๋ายก็เปิดหน้าหยกสำเร็จ เขารีบเอ่ยด้วยความดีใจ “จินเหลียน คุณรีบมาดูนี่สิ ผมโชคดีอย่างที่คุณบอกจริงๆ ด้วย!” 

 

 

ซีเหมินจินเหลียนที่รู้อยู่แล้วว่าข้างในเป็นอย่างไรแต่ก็ยังเดินเข้าไปดูตามคำเชิญชวนของจ่านป๋ายอย่างว่างาย หินหยกที่ถูกเปิดหน้าหยกออกเป็นช่องเล็กๆ เผยให้เห็นหยกเนื้อน้ำแข็งสีเขียวอ่อนกว้างประมาณหนึ่งนิ้ว 

 

 

จ่านป๋ายเลียนแบบซีเหมินจินเหลียนวักน้ำที่วางอยู่ข้างๆ มาราดลงบนหินหยกเพื่อเผยให้เห็นเนื้อหยกสดใส 

 

 

“เป็นหยกสีเขียวจริงๆ ด้วย…” เหล่าเหยายิ้มกว้างหน้าตาเบิกบานทันใด 

 

 

ผู้คนที่ยืนออกันอยู่ได้ยินดังนั้นก็รีบกรูกันเข้ามาอีก จ่านป๋ายยิ้มปลื้มพลางก้าวเท้าถอยหลังสองก้าวเพื่อให้มีพื้นที่มากพอให้พวกเขาเข้ามาดูใกล้ๆ 

 

 

“ผมให้หนึ่งหมื่นหยวน!” ชายรูปร่างสันทัดคนเดิมตะโกนบอก 

 

 

จ่านป๋ายเหลือบสายตามองซีเหมินจินเหลียนเงียบๆ อย่างขอความเห็น 

 

 

ซีเหมินจินเหลียนเอ่ยยิ้มๆ “ขอเปิดเปลือกหยกให้หมดก่อนนะคะ” หลังซีเหมินจินเหลียนเอ่ยจบทุกคนต่างพากันนิ่งเงียบ แม้แต่คนที่เตรียมเสนอราคาก็ต้องหยุดตัวเองเสียก่อน การที่เจ้าของหินหยกบอกว่ายังอยากจะผ่าหยกให้เสร็จก่อนย่อมหมายความว่ายังไม่อยากขายตอนนี้ ต่อให้เสนอราคาไปก็เปล่าประโยชน์ 

 

 

จ่านป๋ายเดินกลับเข้าไปเจียเปลือกหยกต่อ เมื่อรู้แล้วว่าข้างในเป็นหยกสีเขียวเขาจึงต้องเจียเปลือกหยกออกอย่างระมัดระวังมากยิ่งขึ้น เขาเพิ่งเปิดหน้าหยกออกแค่นิดเดียว ยังไม่ทันไรมูลค่าก็พุ่งสูงถึงหนึ่งหมื่นหยวนแล้ว เพราะฉะนั้นเขาต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดความเสียหายอย่างสุดความสามารถ จ่านป๋ายใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่าจะเปิดเปลือกหยกออกทั้งก้อนจนเผยให้เห็นก้อนหยกที่มีขนาดเท่ากำปั้นเด็กตัวเล็กๆ เท่านั้น มันเป็นหยกเนื้อน้ำแข็งสีใสรูปร่างสี่เหลี่ยมที่มีหยกสีเขียวอ่อนยาวเป็นแถบกว้างประมาณหนึ่งนิ้วลอยพาดอยู่กลางก้อน  

 

 

จ่านป๋ายนำก้อนหยกจุ่มลงไปในอ่างน้ำแล้วล้างคราบฝุ่นละอองออกให้หมดจนสะอาด ทำให้เนื้อหยกสีเขียวอ่อนที่ถูกโอบล้อมไปด้วยหยกเนื้อน้ำแข็งสีใสดูสวยงามน่าทะนุถนอมราวกับต้นอ่อนที่เพิ่งผ่านพ้นพายุฝนในฤดูใบไม้ผลิที่ใครเห็นเป็นต้องตกหลุมรักด้วยความเอ็นดู 

 

 

“มันสวยมากเลยครับ!” จ่านป๋ายยิ้มชื่นชมจากใจพร้อมยื่นก้อนหยกให้ซีเหมินจินเหลียน 

 

 

ซีเหมินจินเหลียนรับก้อนหยกมาไว้ในมือเพื่อสังเกตดูอย่างละเอียด แล้วพยักหน้าเห็นด้วย “สวยมากจริงๆ ด้วยค่ะ!” 

 

 

“คุณผู้หญิง คุณจะขายหยกก้อนนี้หรือเปล่าครับ!” เสียงตะโกนถามลอยมาจากกลางฝูงชนทันทีทันใด ผู้หญิงชื่นชอบหยกเป็นเรื่องปกติ ก่อนผ่าหยกคงเจรจากันง่ายหน่อย แต่หลังผ่าหยกแล้วเห็นว่ามันสวยขนาดนี้ใช่ว่าเธอจะยอมตัดใจขายได้ง่ายๆ น่ะสิ 

 

 

เหล่าเหยายิ้มแก้มแทบปริ วันนี้ซีเหมินจินเหลียนผ่าหยกชนะที่ร้านของเขา พรุ่งนี้ร้านของเขาจะต้องขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแน่ๆ เขาจึงฉวยโอกาสรีบพูดเสริมทันที “คุณผู้หญิงนี่เป็นเจ้าหญิงแห่งวงการหยกจริงๆ นะครับ ซื้อหินหยกสองก้อนก็ผ่าชนะเป็นหยกสีเขียวทั้งสองก้อนเลย!” 

 

 

ซีเหมินจินเหลียนได้ยินคำเยินยอของเหล่าเหยาแล้วได้แต่อมยิ้มเขินหน้าแดงระเรื่อ เธอไม่กล้าตอบรับคำชมนั้นแต่เสไปตอบคนที่เพิ่งส่งคำถามให้เธอแทน “ฉันขายหยกก้อนนี้ค่ะ” 

 

 

“ผมให้สองแสนหยวน! ชายรูปร่างสันทัดที่ซื้อหยกก้อนแรกจากซีเหมินจินเหลียนรีบเสนอราคาทันที 

 

 

ส่วนชายอีกคนที่ถามทีหลังเป็นชายร่างอ้วน เขาหันไปมองชายรูปร่างสันทัดแล้วเสนอแข่ง “สองแสนห้าหมื่นหยวน!” 

 

 

ชายรูปร่างสันทัดได้ยินราคาแล้วไม่เสนอราคาสู้อีก แม้หยกก้อนนี้จะเป็นของดีแต่ถ้าราคาแพงเกินไปเขาก็ไม่ต้องการ ชายร่างอ้วนเห็นว่าคู่แข่งของตัวเองไม่สู้ราคาแล้วก็กระหยิ่มยิ้มย่องในใจ เขารีบรับก้อนหยกมาจากซีเหมินจินเหลียนเพื่อจะได้ชื่นชมความงามของมันอย่างเต็มตา แต่ทันใดนั้นกลับมีเสียงหวานใสของหญิงสาวคนหนึ่งดังขัดขึ้น “สามแสนหยวน!” 

 

 

ชายร่างอ้วนชะงักไปชั่ววินาทีแล้วหันไปมองตามเสียงที่ได้ยิน คนที่เพิ่งเสนอราคาเป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยอายุรุ่นราวคราวเดียวกับซีเหมินจินเหลียน ความสวยของเธอคนนั้นทำให้ชายร่างอ้วนถึงกับตกตะลึงไปชั่วครู่ มันเป็นเรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหนก็ตามผู้หญิงมักเป็นผู้ได้เปรียบเสมอ โดยเฉพาะหญิงสาวหน้าตาสะสวยยิ่งได้เปรียบมากกว่า ชายร่างอ้วนได้แต่ยิ้มแห้งๆ ด้วยความลำบากใจ เขาคืนก้อนหยกให้ซีเหมินจินเหลียนแล้วก้าวถอยออกไป 

 

 

ซีเหมินจินเหลียนมองลู่เฟยอวี๋อย่างระแวง ผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้ว เธอจะซื้อก้อนหยกไปเพื่ออะไร? เธอเป็นแฟนของหลินเสวียนหลานเชียวนะ ถ้าอยากได้เครื่องประดับหยกก็แค่บอกหลินเสวียนหลานก็ได้แล้วนี่  

 

 

ลู่เฟยอวี๋เดินเข้าไปยืนต่อหน้าซีเหมินจินเหลียน ซีเหมินจินเหลียนเพียงแค่ยิ้มบางๆ แล้วยื่นก้อนหยกให้เธอ 

 

 

ลู่เฟยอวี๋รับก้อนหยกมาส่องดูใต้แสงไฟแล้วเอ่ยถาม “ราคาสามแสนหยวน คุณซีเหมินจะขายหรือเปล่าคะ” 

 

 

ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าว่าขาย ทำไมเธอจะไม่ขายล่ะ? สำหรับเธอแล้วใครเสนอราคาสูงสุดก็ขายให้คนนั้นโดยไม่เกี่ยงว่าคนซื้อจะเป็นใครอยู่แล้ว 

 

 

หวังเซียงฉินเดินบิดเอวส่ายสะโพกเข้าไปร่วมวงด้วยอีกคน ยังไม่ทันที่หวังเซียงฉินจะเดินไปถึง ซีเหมินจินเหลียนก็ได้กลิ่นน้ำหอมของเธอลอยมาแต่ไกล กลิ่นน้ำหอมฉุนมากเสียจนซีเหมินจินเหลียนรู้สึกระคายเคืองจมูกจนจามออกมาเล็กน้อยอย่างควบคุมไม่ได้จนต้องรีบก้าวเท้าถอยหนีสองสามก้าว 

 

 

ซีเหมินจินเหลียนแพ้กลิ่นน้ำหอมบางกลิ่น ไม่รู้เหมือนกันว่าหวังเซียงฉินใช้น้ำหอมยี่ห้ออะไรกลิ่นถึงได้ฉุนขนาดนี้ 

 

 

“คุณซีเหมินนี่เก่งจริงๆ เลยนะคะ ครั้งนี้ก็ผ่าหยกชนะอีกแล้ว” หวังเซียงฉินเอ่ยด้วยความอิจฉาริษยาแกมประชดประชัน 

 

 

“แค่โชคดีน่ะค่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนปั้นหน้ายิ้ม แต่กลิ่นน้ำหอมของหวังเซียงฉินฉุนมากจนเธอทนไม่ไหวต้องก้าวเท้าถอยหนีอีกหนึ่งก้าวจนได้ 

 

 

“คุณซีเหมินคงไม่ได้แค่โชคดีธรรมดาหรอกมั้งคะ!” หวังเซียงฉินยิ้มเยาะแล้วเดินเข้าไปพูดใกล้ๆ อย่างดูถูกเหยียดหยาม “พอรวยแล้วก็เริ่มเลี้ยงผู้ชายแล้วเหรอ?” พูดเยาะเย้ยพลางชายหางตามองไปยัง จ่านป๋าย “ถ้าฉันเอาเรื่องนี้ไปบอกเสวียนหลานล่ะก็…” หวังเซียงฉินขู่เสียงต่ำ 

 

 

จ่านป๋ายจ้องหวังเซียงฉินเขม็งด้วยสายตาเย็นชา ผู้หญิงคนนี้ก็น่าสะอิดสะเอียนจริงๆ 

 

 

ซีเหมินจินเหลียนทำเมินเฉยเสียแล้วหันไปถามลู่เฟยอวี๋แทน “คุณลู่ คุณจะซื้อหรือเปล่าคะ” ถ้าไม่ซื้อก็ปล่อยมือได้แล้ว ทำอย่างกับไม่เคยเห็นหยกมาก่อนอย่างนั้นแหละ 

 

 

“คุณซีเหมินพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง” ลู่เฟยอวี๋ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกหวังเซียงฉินแทรกขึ้นด้วยความไม่พอใจ “ของราคาตั้งเป็นแสนก็ต้องดูให้มันดีๆ ก่อนสิคะ ใครจะไปรู้ว่าเป็นของปลอมหรือเปล่า” 

 

 

ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วเดือดดาลทันที นี่เป็นก้อนหยกที่เพิ่งเปิดเปลือกหยกเมื่อกี้นี้เอง แล้วจะเป็นของปลอมได้อย่างไรกัน แบบนี้มันหาเรื่องกันชัดๆ กะจะทำให้เธออับอายต่อหน้าคนเยอะๆ ล่ะสิ ขณะที่ซีเหมินจินเหลียนกำลังจะตอบโต้กลับไป พลันชายร่างอ้วนก็เอ่ยเสียงดังแทรกขึ้นมาว่า “ไม่มีเงินซื้อก็พูดมาตรงๆ เถอะครับ อย่าทำให้คนอื่นเขาต้องเสียเวลาไปด้วยเลย ผมให้สามแสนสองหมื่นหยวนและผมจะซื้อเลย!” 

 

 

ชายร่างอ้วนเอ่ยจบแล้วเดินเข้าไปฉวยก้อนหยกดิบมาจากมือของลู่เฟยอวี๋ทันที เขาหันมาเอ่ยกับซีเหมินจินเหลียน “เจ้าหญิงแห่งวงการหยกใช่ไหมครับ? ผมรบกวนขอเลขที่บัญชีธนาคารของคุณหน่อยนะครับ เดี๋ยวผมโอนเงินให้คุณเลย” เมื่อครู่เขาได้ยินเหล่าเหยาเรียกซีเหมินจินเหลียนว่าเจ้าหญิงแห่งวงการหยกจึงเข้าใจผิดคิดว่าเป็นฉายาของเธอ ด้วยเหตุนี้เขาจึงเรียกเธอว่าเจ้าหญิงแห่งวงการหยกตามเหล่าเหยา 

 

 

ซีเหมินจินเหลียนยิ้มน้อยๆ ด้วยความพอใจ ส่วนลู่เฟยอวี๋ใบหน้าแดงก่ำเพราะความอับอาย เธอแค่จะดูให้ละเอียดถี่ถ้วนเสียหน่อย ทำไมกลายเป็นว่าเธอไม่มีปัญญาซื้อเสียอย่างนั้นล่ะ มันเป็นเรื่องจริงที่ว่าเธอไม่มีเงินซื้อปิ่นหยกเนื้อแก้วสีเขียวสดของซีเหมินจินเหลียน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่มีปัญญาซื้อก้อนหยกเนื้อน้ำแข็งก้อนเล็กนิดเดียวก้อนนี้นี่? 

 

 

หวังเซียงฉินโกรธจนหน้าดำหน้าแดงแถมยังถูกชายร่างอ้วนถากถางเข้าให้ “ผมเห็นว่าคุณสองคนเป็นสุภาพสตรีหรอกนะถึงได้ยอมหลีกทางให้พวกคุณก่อน ใครจะไปคิดว่ามันจะเสียเวลาเปล่า” ผู้หญิงสองคนนี้เสนอราคาแล้วกลับไม่ยอมซื้อเสียทีจนทำให้เขาต้องเสียเงินเพิ่มอีกเจ็ดหมื่นหยวนโดยใช่เหตุ เขาจึงไม่พอใจและเสียอารมณ์กับหญิงสาวทั้งสองเป็นอย่างมาก 

 

 

ซีเหมินจินเหลียนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพิมพ์ข้อความเป็นตัวเลขเสร็จแล้วยื่นส่งให้ชายร่างอ้วน 

 

 

ชายร่างอ้วนรับโทรศัพท์มือถือมาดูแล้วพยักหน้า จากนั้นก็กดส่งข้อความจากโทรศัพท์มือถือของ    ซีเหมินจินเหลียนเข้าโทรศัพท์มือถือของตัวเองแล้วส่งโทรศัพท์มือถือคืนให้ซีเหมินจินเหลียนพร้อมรอยยิ้ม ขณะที่เขากำลังจะโทรศัพท์ติดต่อธนาคารเพื่อโอนเงินนั้นก็ไม่รู้ว่าหวังเซียงฉินเป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีก จู่ๆ ก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “สามแสนห้าหมื่นหยวน ฉันจะซื้อ!” เธอไม่ยอมเสียหน้าต่อหน้าคนเยอะแยะขนาดนี้หรอกนะ 

 

 

ชายร่างอ้วนต้องระงับอารมณ์หุนหันพลันแล่นที่อยากจะต่อยหน้าคนเอาไว้อย่างอดกลั้น เขามองซีเหมินจินเหลียนว่าจะตัดสินใจอย่างไร ส่วนซีเหมินจินเหลียนหันไปมองหวังเซียงฉินแล้วเอ่ยเสียงเยือกเย็น “ฉันไม่ได้พูดสักคำว่าจะขายให้คุณ!” 

 

 

 ชายร่างอ้วนได้ยินดังนั้นก็เอ่ยด้วยความดีใจ “ถ้าอย่างนั้นผมรีบโทรติดต่อธนาคารให้โอนเงินเลยนะครับ!”  

 

 

“เธอถือดีอะไรถึงไม่ขายให้พวกเรา?” ลู่เฟยอวี๋โกรธจนหน้าแดงตะเบ็งถามด้วยความไม่พอใจ 

 

 

“หยกของฉัน ฉันพอใจจะขายให้ใครมันก็เรื่องของฉัน!” ซีเหมินจินเหลียนเอ่ยสีหน้าเรียบเฉย 

 

 

“เจ้าหญิงแห่งวงการหยก คือ…ราคาสามแสนห้าหมื่นหยวนใช่ไหมครับ?” ชายร่างอ้วนถามอย่างไม่แน่ใจนัก อย่างไรเสียก็มีคนเสนอราคาถึงสามแสนห้าหมื่นหยวนแล้ว แม้ซีเหมินจินเหลียนจะไม่ยอมขายให้คนเสนอราคาก็เถอะ แต่เขาเองก็ไม่ควรเอาเปรียบเธอเหมือนกัน 

 

 

“ไม่ต้องค่ะ คุณจ่ายสามแสนสองหมื่นหยวนตามที่เราตกลงกันไว้ก็พอ” ซีเหมินจินเหลียนเอ่ยเสียงเรียบเย็นทั้งๆ ที่ไม่พอใจหวังเซียงฉินกับลู่เฟยอวี๋อย่างมาก 

 

 

“ครับๆๆ!” ชายร่างอ้วนรีบเอ่ยด้วยความยินดีแล้วโทรศัพท์ติดต่อธนาคารทันที