เจ้าหญิงแห่งวงการหยก (3)
ผ่านไปประมาณสิบนาทีซีเหมินจินเหลียนก็ได้ยินเสียงข้อความเข้าจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเห็นว่าเงินจำนวนสามแสนสองหมื่นหยวนถูกโอนเข้าบัญชีธนาคารของเธอเรียบร้อยแล้ว เธอผงกศีรษะให้ชายร่างอ้วนแล้วเอ่ย “ขอบคุณนะคะ ฉันได้รับเงินเรียบร้อยแล้ว หยกก้อนนี้เป็นของคุณแล้วค่ะ”
ชายร่างอ้วนผงกศีรษะตอบพร้อมรอยยิ้ม เขารับก้อนหยกดิบมาจากซีเหมินจินเหลียนแล้วจัดการเก็บให้เรียบร้อย จากนั้นยื่นนามบัตรให้ซีเหมินจินเหลียน “ผมแซ่เหอ ช่วงนี้ผมอยู่ที่เจียหยางพอดี ถ้าคุณผ่าหยกชนะแล้วอยากขายหยกก็ติดต่อผมได้นะครับ!”
ซีเหมินจินเหลียนผงกศีรษะให้เขาเล็กน้อยแล้วรับนามบัตรมาเก็บให้เรียบร้อย ได้รู้จักนักธุรกิจจิวเวลรี่เพิ่มถือเป็นเรื่องดีไม่น้อย
ไม่มีใครคาดคิดว่าหวังเซียงฉินจะพูดแทรกขึ้นมาอีก “ดูๆๆ ผู้หญิงคนนี้ชอบหว่านเสน่ห์ไปทั่ว แถมยังเลี้ยงผู้ชายอีก! ลูกค้าหญิงเสนอราคาให้ตั้งสูงแต่ไม่ยอมขาย กลับไปขายราคาถูกกว่าให้ผู้ชายแทน!”
“คุณพูดว่าอะไรนะ?” ซีหมินจินเหลียนหันกลับมาจ้องหวังเซียงฉินตาเขม็ง
ชายร่างอ้วนได้ยินดังนั้นก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนสบถออกมา “นี่มันหาเรื่องกันนี่!”
หวังเซียงฉินเห็นว่าซีเหมินจินเหลียนเริ่มโกรธขึ้นมาแล้วจึงแกล้งยิ้มยั่ว “เป็นอะไรไปเหรอ? ฉันพูดแทงใจดำเธอล่ะสิ ขอโทษด้วยนะ ก็มันเห็นกันชัดๆ อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? พวกเราอุตส่าห์เสนอราคาสูงกว่าแต่เธอก็ยังไปขายให้คนอื่นในราคาที่ถูกกว่า ทำตัวต่ำๆ อยากจะอ่อยเขาชัดๆ! แล้วดูสิ ตอนนี้เธอก็ได้นามบัตรจากเขาสมใจเธอแล้วนี่นะ!”
ซีเหมินจินเหลียนโกรธจนตัวสั่น พลันฝ่ามือก็ฟาดลงบนแก้มของหวังเซียงฉินอย่างแรง ผู้หญิงคนนี้ต่างหากที่ทำตัวต่ำทรามวอนหาเรื่องถูกตบ!
หวังเซียงฉินถูกซีเหมินจินเหลียนที่กำลังโกรธจัดตบหน้าเสียงดังเพียะจนหน้าบวมแดง
หวังเซียงฉินรู้สึกหน้าร้อนผ่าวด้วยความเจ็บปวด เธอตะลึงนิ่งอึ้งไปชั่วครู่กว่าจะเรียกสติกลับมาได้ พอได้สติก็ยื่นมือออกไปหมายจะตบตีซีเหมินจินเหลียนพลางก่นด่าเสียงดัง “นังคนสารเลวแย่งแฟนคนอื่นไม่พอยังเลี้ยงผู้ชายอีก! แกกล้าดีอย่างไรมาตบหน้าฉัน?!”
ซีเหมินจินเหลียนเคยมีประสบการณ์จากร้านเถ้าแก่โจวมาก่อนแล้ว พอเห็นหวังเซียงฉินยื่นมือมาก็รีบก้าวเท้าถอยหนีอย่างรวดเร็ว จ่านป๋ายรีบเอาตัวเข้ามาบังซีเหมินจินเหลียนเอาไว้ พอเห็นว่าหวังเซียงฉินโถมตัวเข้ามาสุดแรงเขาก็ขัดขาและใช้มือผลักหวังเซียงฉินออกไปให้พ้นจนหวังเซียงฉินล้มหน้าคะมำอย่างหมดสภาพ โชคร้ายที่วันนี้หวังเซียงฉินสวมชุดกระโปรงฟิตเปรี๊ยะ พอถูกจ่านป๋ายขัดขาจนล้มหัวทิ่มก็ได้ยินเสียงกระโปรงขาดดังแคว่กจนเห็นกางเกงชั้นในจีสตริงสีดำสุดเซ็กซี่และสะโพกขาวเนียน บรรดาผู้ชายทั้งหลายเลยได้เห็นอาหารตากันถ้วนหน้า
“ตบมันเลย!” เสียงตะโกนโพล่งขึ้นท่ามกลางผู้คนที่กำลังมุงดูเหตุการณ์
ทุกคนในที่เกิดเหตุต่างเป็นประจักษ์พยานว่าหวังเซียงฉินดูถูกเหยียดหยามซีเหมินจินเหลียนหลายครั้ง พอมีคนเริ่มตะโกนเชียร์คนที่เหลือก็เริ่มส่งเสียงดังอึกทึกครึกโครมกันยกใหญ่ “ตบหน้ามันเลย! ตบปากแตกเลย!”
นอกจากนี้ยังมีพวกเจ้าชู้กะลิ้มกะเหลี่ยบางคนฉวยโอกาสนี้ถามด้วยความคึกคะนอง “ก้นขาวๆ นี่ราคาเท่าไหร่จ๊ะ?”
ชาวจีนมุงทั้งหลายต่างพากันหัวเราะชอบใจ ซีเหมินจินเหลียนหันไปเห็นลู่เฟยอวี๋ที่หน้าแดงก่ำเพราะความอับอายจนน้ำตาซึมออกมาคลอเบ้า แต่เธอก็ต้องสะกดกลั้นความอับอายเอาไว้แล้วกระวีกระวาดเข้าไปช่วยประคองหวังเซียงฉินให้ทรงตัวลุกขึ้นยืน…
หวังเซียงฉินที่ล้มไม่เป็นท่าถูกลู่เฟยอวี๋ประคองให้ลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก เธอรู้สึกปวดระบมไปทั้งร่าง ยังไม่ทันที่จะเรียกสติกลับมา กระโปรงเจ้ากรรมตัวฟิตเปรี๊ยะที่ขาดจนเห็นสะโพกก็ดันลื่นหลุดจนทำให้เธอต้องอับอายขายหน้าซ้ำอีกรอบ
ชาวจีนมุงทั้งหลายเห็นสภาพของหวังเซียงฉินที่กระโปรงลื่นหลุดต่างก็พากันหัวเราะลั่นด้วยความครื้นเครง แม้แต่จ่านป๋ายที่โกรธจนควันออกหูเมื่อครู่ยังถึงกับหลุดหัวเราะออกมา
หวังเซียงฉินรีบดึงกระโปรงขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วจับแขนลู่เฟยอวี๋เอาไว้เพื่อพยุงตัวไม่ให้ล้ม ขณะที่ทั้งสองสาวกำลังจะเดินออกจากสถานการณ์อันน่าอับอายก็กลับมีเสียงๆ หนึ่งดังขึ้น “เซียงฉิน?”
หวังเซียงฉินได้ยินเสียงเรียกนั้นแล้วถึงกับชะงักงัน เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองตามเสียงเรียกนั้นแล้วเห็นหลินเสวียนหลาน หลินเจิ้งและปู่จู้กำลังเดินเข้ามาทางพวกเธอ
“จินเหลียน คุณก็อยู่ด้วยเหรอ?” หลินเสวียนหลานรีบเอ่ยทักทายซีเหมินจินเหลียนแล้วหันไปถามลู่เฟยอวี๋ “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
ลู่เฟยอวี๋ที่ถูกหลินเสวียนหลานถามไม่รู้ว่าควรจะเริ่มตอบคำถามจากตรงไหนดี เพราะเรื่องราววุ่นวายทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเริ่มจากพวกเธอพาลไปหาเรื่องซีเหมินจินเหลียนก่อน แต่ซีเหมินจินเหลียนก็ทำเกินไปจนทำให้หวังเซียงฉินต้องอับอายขายหน้าต่อหน้าธารกำนัล
ขณะเดียวกัน หลินเจิ้งรีบเข้าไปช่วยประคองหวังเซียงฉินเอาไว้แล้วถามไถ่ที่มาที่ไปของเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซีเหมินจินเหลียนมองหน้าหลินเสวียนหลานแล้วไม่อยากอธิบายให้มากความจึงส่ายศีรษะพลางเอ่ยอย่างอ่อนใจ “คุณถามพวกเธอเองเถอะค่ะ ฉันจะกลับโรงแรมแล้ว เอาไว้ค่อยคุยกันวันหลังนะคะ” มีอาสะใภ้นิสัยแย่มากขนาดนี้หลินเสวียนหลานทนได้อย่างไรกัน
ซีเหมินจินเหลียนเอ่ยจบก็เรียกจ่านป๋ายเตรียมออกจากร้าน ไม่นึกว่าเลยว่าหวังเซียงฉินจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นโดยบิดเบือนความจริงจนสิ้นให้หลินเจิ้งฟัง ลู่เฟยอวี๋ที่ฟังอยู่ด้วยอยากอธิบายความจริงที่เกิดขึ้นใจจะขาดแต่ไม่รู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหนดี หลังฟังจบหลินเจิ้งก็โมโหจนเลือดขึ้นหน้าที่ภรรยาของตนเองถูกคนอื่นตบตีไม่พอ หนำซ้ำกระโปรงยังขาดจนเปิดเผยเนื้อหนังที่ควรถูกปกปิดให้มิดชิดให้คนนับสิบได้เห็นเป็นบุญตาอีก
ถ้าหลินเจิ้งไม่เรียกร้องความยุติธรรมให้หวังเซียงฉินแล้วเขาจะยังนับว่าเป็นลูกผู้ชายอยู่อีกหรือ? ด้วยเหตุนี้เขาจึงตะโกนออกไปด้วยความโกรธจัด “หยุดเดี๋ยวนี้นะ! นี่เธอตบตีคนอื่นแล้วจะเดินหนีไปดื้อๆ แบบนี้เหรอ หา?!”
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแต่ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด กลับเป็นจ่านป๋ายเสียอีกที่รั้งเธอเอาไว้แล้วหันไปเผชิญหน้ากับหลินเจิ้ง “คุณกับผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรกันไม่ทราบ?” ถามพลางชี้นิ้วไปยังหวังเซียงฉินด้วยความไม่พอใจ
“เธอเป็นเมียฉัน พวกแกตบตีเมียฉันแล้วคิดจะจบเรื่องง่ายๆ อย่างนั้นเหรอ?” หลินเจิ้งโกรธจนหน้าแดงก่ำ ตะเบ็งเสียงจนคอเป็นเอ็น
จ่านป๋ายไม่พูดพล่ามทำเพลง กระชากหลินเจิ้งเข้ามาต่อยหน้านับสิบครั้ง หลินเจิ้งพยายามยื่นแขนขาเหวี่ยงซ้ายป่ายขวาดิ้นรนต่อสู้สุดกำลังแต่ก็ถูกจ่านป๋ายรวบแขนไว้ราวถูกก้อนหินหนักพันชั่งตรึงร่างไว้จนดิ้นไม่หลุด จนถูกจ่านป๋ายต่อยหน้าอย่างหมดหนทางสู้จนหน้าตาบวมช้ำ
“พวกเราไม่ได้ตบแค่เมียแกแต่ยังต่อยแกด้วย!” จ่านป๋ายยักคิ้วอย่างท้าทายแล้วใช้แรงผลักหลินเจิ้งออกห่างจนหลินเจิ้งล้มทั้งยืนร่วงลงไปกองกับพื้น
“อารอง!” หลินเสวียนหลานอุทาน เขาไม่เข้าใจจริงๆ หวังเซียงฉินกับลู่เฟยอวี๋เพิ่งมาถึงเจียหยางแท้ๆ แต่ทำไมไปหาเรื่องซีเหมินจินเหลียนจนกลายเป็นแบบนี้ไปได้
หลินเสวียนหลานรีบเข้าไปประคองหลินเจิ้งให้ลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล หน้าตาของหลินเจิ้งบวมเป็นหัวหมู ทำได้เพียงยืนชี้นิ้วไปยังจ่านป๋ายด้วยความโกรธแค้น
“หัดดูแลปากหมาๆ ของเมียแกให้ดีๆ อย่าปล่อยให้ไปไล่กัดชาวบ้านเขาไปทั่วอย่างนี้อีก!” จ่านป๋ายขู่เสียงต่ำ หลินเจิ้งสัมผัสได้ถึงไอเย็นยะเยือกและรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากตัวจ่านป๋ายจนเสียวสันหลังวาบ
จ่านป๋ายข่มขู่ทิ้งท้ายแล้วเดินจูงแขนซีเหมินจินเหลียนออกจากร้านทันที
หลินเสวียนหลานมองดูเบื้องหลังของซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายลับหายไปจากสายตาท่ามกลางผู้คนด้วยความเจ็บปวดใจ ปู่จู้มองหลินเจิ้งที มองหวังเซียงฉินทีแล้วได้แต่ทอดถอนใจ ใครๆ ก็รู้ว่าภรรยาคนนี้ของหลินเจิ้งนิสัยแย่แค่ไหน แต่คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเธอจะกล้าก่อเรื่องน่าอัปยศอดสูต่อหน้าธารกำนัลอย่างวันนี้ พรุ่งนี้เช้าข่าวฉาวนี้คงแพร่สะพัดไปทั่วตลาดหยกในเมืองเจียหยางอย่างไม่ต้องสงสัย
ในบรรดาลูกหลานตระกูลหลินนั้น หลินเหวินเป็นคนซื่อตรงและพูดน้อย หลินเสวียนหลานนั้นถือว่าดีใช้ได้เลยทีเดียว แต่ผู้เฒ่าหลินกลับไม่สนับสนุนเขาสักเท่าไหร่เพราะเห็นว่าเขาใจคอไม่เด็ดเดี่ยวทำอะไรไม่เด็ดขาดจึงไม่เหมาะที่จะทำการใหญ่ ส่วนลูกชายคนรองนั้น…ชอบพนันขันต่อดื่มสุราเคล้านารีไปวันๆ
พวกหลินเจิ้งมองดูซีเหมินจินเหลียนจากไปแล้วก็ไม่รู้จะอยู่ต่อทำไม ต่างช่วยกันประคับประคองเพื่อไปรักษาตัวในโรงพยาบาลที่อยู่ละแวกนั้น ทันใดนั้นเสียงพูดจิกกัดให้รู้สึกเจ็บแสบก็ดังขึ้นเบื้องหลังพวกเขาอย่างคาดไม่ถึง “ก้นของผู้หญิงคนนั้นขาวมาก โห…ดูนุ่มนิ่มน่าจับจริงๆ เลย”
หลินเจิ้งได้ยินแล้วรู้สึกเจ็บแค้นใจมากจนอยากจะหันกลับไปเล่นงานคนพูดเสียเต็มประดา แต่เป็นเพราะเขาถูกจ่านป๋ายต่อยเสียสะบักสะบอม จนได้แต่นิ่งเงียบหดหัวอยู่ในกระดองและไม่กล้าวอนหาเรื่องใครอีก
ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากมีเรื่องมีราวกับหวังเซียงฉินที่ร้านเถ้าแก่เหยา ซีเหมินจินเหลียนก็หมดอารมณ์ที่จะเดินตลาดหยกต่อ เธอจึงตัดสินใจกลับโรงแรมพร้อมจ่านป๋าย พอถึงห้องพักก็ปิดประตูแล้วนั่งเอนตัวลงบนโซฟาเพื่อพักให้หายเหนื่อย
จ่านป๋ายชงชาสมุนไพรฤทธิ์เย็นแล้วยื่นถ้วยน้ำชาให้ซีเหมินจินเหลียนพลางยิ้มเจื่อนๆ “จินเหลียน คุณอย่าโมโหจนเก็บเรื่องผู้หญิงปากร้ายคนนั้นมาเป็นอารมณ์เลยนะครับ”
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินดังนั้นก็หัวเราะพรืดออกมา “ฉันไม่ได้โมโหสักหน่อย คุณจัดการผู้ชายของเธอเสียสะบักสะบอมขนาดนั้นแล้วจะให้ฉันโมโหเรื่องอะไรอีกคะ”
“คุณไม่โมโหก็ดีแล้ว บอกตามตรงนะ ผมก็เพิ่งเคยเห็นผู้หญิงแบบนั้นเป็นครั้งแรกในชีวิตเหมือนกัน…” จ่านป๋ายได้แต่ส่ายศีรษะด้วยความอิดหนาระอาใจ
ซีเหมินจินเหลียนรับถ้วยน้ำชาสมุนไพรจากจ่านป๋ายมาจิบแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างปลงตก “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันเจอคนแบบนี้หรอก” เอ่ยพลางนึกย้อนไปถึงอดีตว่าที่แม่สามีชื่อสวีจวิ้นหลันที่นิสัยแย่และเลวร้ายสุดๆ เหมือนหวังเซียงฉินไม่มีผิด
ขณะเดียวกันในโรงแรมเดียวกันนี้ หลินเสวียนหลานกำลังฟังลู่เฟยอวี๋เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบอีกรอบ พอฟังเรื่องราวทั้งหมดจบก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงๆ เขารู้ดีว่าอาสะใภ้รองของเขานิสัยแย่แค่ไหน แถมยังปากคอเราะร้ายอีกต่างหาก แต่อยู่ดีไม่ว่าดีไปหาเรื่องซีเหมินจินเหลียนทำไมกัน? ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้ไปทำอะไรให้เสียหน่อย
“เฟยอวี๋ แล้วคุณมาทำอะไรที่เจียหยางเหรอครับ” หลินเสวียนหลานขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย นี่คิดว่าเขายังมีปัญหากวนใจไม่พออีกเหรอถึงได้ตามมาถึงที่นี่? ครั้งนี้เขาได้รับมอบหมายให้มาซื้อหินหยกที่เจียหยาง แต่ไม่รู้ทำไมอารองถึงไปขอร้องกับคุณปู่หลินอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อขอมาร่วมภารกิจครั้งนี้ด้วย มาถึงแล้วช่วยงานไม่ได้แถมยังกวนน้ำให้ขุ่นอีก เท่านั้นยังไม่พอ ยังอุตส่าห์หอบหิ้วหวังเซียงฉินมาสร้างความปั่นป่วนเพิ่มอีกคน
มาเพิ่มสองคนยังพอทำเนา แต่พาลู่เฟยอวี๋มาเพิ่มอีกคนเพื่ออะไร?
“ฉันไม่เคยเห็นคนเขาเล่นหวยหยกมาก่อนก็เลยอยากมาเปิดหูเปิดตาน่ะค่ะ!” ลู่เฟยอวี๋รีบอธิบาย ในคืนงานประมูลที่เธอถูกหลินเสวียนหลานบอกเลิก ณ ตอนนั้นเธอไม่สนใจใยดีใดๆ ทั้งสิ้น แต่พอกลับไปคิดทบทวนดูแล้วทำไมเธอต้องเลิกกับเขาตามที่เขาต้องการด้วย ต่อให้ต้องเลิกกันจริงเธอก็ต้องเป็นฝ่ายบอกเลิกสิ แต่สุดท้ายคนที่ถูกทิ้งทำไมถึงกลายเป็นเธอเสียอย่างนั้น?
ลู่เฟยอวี๋ไม่ดีตรงไหน ถึงแพ้ให้คนอย่างซีเหมินจินเหลียน? เพื่อหาคำตอบนี้ลู่เฟยอวี๋ถึงขั้นลงทุนสืบประวัติของซีเหมินจินเหลียนจนรู้ว่าซีเหมินจินเหลียนเป็นแค่เด็กหลังเขาที่ถูกแฟนทิ้งเพียงเพราะเป็นสาวบ้านนอกจนๆ เท่านั้น จากนั้นบุญหล่นทับจนผ่าหยกชนะเป็นหยกสีแดงลายทองคำที่ร้านเถ้าแก่โจว…
นอกจากเรื่องโชคที่เข้าข้างซีเหมินจินเหลียนเป็นพิเศษกับหน้าตาที่สะสวยแล้วเธอยังมีดีอะไรอีก? ทำไมหลินเสวียนหลันถึงยอมบอกเลิกเธอเพื่อผู้หญิงคนนั้น
ต่อให้ต้องเลิกกันก็ต้องเป็นเธอที่เป็นฝ่ายบอกเลิก อีกอย่าง พอเธอรู้ว่าตอนนี้ตระกูลหลินกำลังเผชิญปัญหาทางการเงินอย่างหนักและต้องพึ่งพิงตระกูลลู่ของเธอ แล้วหลินเสวียนหลานถือดีอย่างไรที่กล้าบอกเลิกเธอในสถานการณ์คับขันแบบนี้?
พอมาคิดทบทวนถึงข้อนี้แล้วเธออยากจะหัวเราะประชดให้เสียงดังๆ เสียจริงๆ เลิกกัน…คิดว่าจะใช้คำคำนี้จบเรื่องทุกอย่างง่ายๆ อย่างนั้นเหรอ?
วันนี้เธอวางแผนทำให้ซีเหมินจินเหลียนต้องอับอายขายหน้าตั้งแต่แรก แต่ไม่คิดเลยว่าหวังเซียงฉินจะไม่ได้ความ ทำเสียเรื่องจนตัวเองและเธอต้องอับอายขายหน้าแทน เธอเล่าความจริงทุกอย่างให้หลินเสวียนหลานฟังเพราะรู้ดีว่าปิดความจริงไม่มิดแน่ แค่หลินเสวียนหลานไปสอบถามที่ตลาดหยกแป๊บเดียวก็รู้เรื่องทั้งหมดแล้ว เธอไม่มีวันทำตัวโง่ๆ เหมือนหวังเซียงฉินที่ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวมาปิดอย่างแน่นอน
พอหลินเสวียนหลานได้ฟังความจริงทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบแล้วก็จนคำพูด เพราะสิ่งที่อารองกับหวังเซียงฉินได้รับมันเหมือนกรรมตามสนอง…