บทที่ 187
ของล้ำค่า
“มันจะสำคัญไหมถ้าหลิวฮัวลี่รู้เรื่องนี้?” มู่หรงเสวี่ยถาม
คำพูดของมู่หรงเสวี่ยขัดความทรงจำของเธอ สีหน้าของ ฮวงเสี่ยวเฟ่ยเปลี่ยนเป็นซีดขาวและร่างของเธอก็กลายเป็น หยุดนิ่ง เธอเปิดปากแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ เธอชอบหลิวฮัวลี่จริงๆ
“ฟังนะ เธอรับไม่ได้ที่จะให้หลิวฮัวลี่รู้เรื่องนี้ใช่ไหม!? ถ้าเป็นแบบนั้นทำไมเธอไม่หยุดซะตั้งแต่ตอนนี้? ไม่มีเรื่องอะไรที่แก้ไม่ได้หรอก เธอจะทำยังไงถ้ารุ่นพี่รู้เรื่องนี้?” มู่หรงเสวี่ยมองไปที่เธอที่เหมือนจะเริ่มรู้สึกอะไรขึ้นมาบ้างจึงพูดต่อ
ในความคิดของเธอถึงแม้ฮวงเสี่ยวเฟ่ยจะไม่มีชุดที่สวยงาม เธอก็ยังรู้สึกว่าเธอน่ารักมากๆจนอยากที่จะช่วยเธอแปลงโฉม
“แต่ถ้าฉันไม่มีชุดสวยๆแล้วรุ่นพี่จะชอบฉันได้ยังไง?!!” ฮวงเสี่ยวเฟ่ยร้องไห้
มู่หรงเสวี่ยหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา ค่อยๆช่วยเช็ดน้ำตาให้เธออย่างเบามือแล้วพูดต่อ “รุ่นพี่ไม่ใช่คนแบบนั้น เธอจะรู้ได้ยังไงถ้าไม่ลอง?!! กลับมาได้ไหม?”
“เธอไม่ต้องมาสนใจเรื่องของฉันหรอก อย่าทำเป็นแกล้งมาสนใจฉันหน่อยเลย!” ฮวงเสี่ยวเฟ่ยตบไปที่มือของมู่หรงเสวี่ย เปิดประตูและวิ่งออกไป
“เสี่ยวเฟ่ย…เดี๋ยวก่อน…” มู่หรงเสวี่ยเองก็รีบวิ่งตามไปด้วย
ฮวงเสี่ยวเฟ่ยวิ่งร้องไห้ออกไป วิ่งเข้าไปในห้องนั่งเล่นและเห็นสายตาประหลาดใจของหลิวฮัวลี่แล้วจึงรีบวิ่งออกไปที่ประตู เธอไม่อยากให้หลิวฮัวลี่ที่เธอรักต้องมาเห็นภาพนี้
“เฟ่ย เธอจะไปไหน?” หลิวฮัวลี่เองก็วิ่งตามไปด้วยเหมือนกัน
เมื่อมู่หรงเสวี่ยวิ่งออกไป เธอก็เห็นหลิวฮัวลี่กำลังกอด ฮวงเสี่ยวเฟ่ยอยู่ในอ้อมแขน วิธีที่พวกเขากอดกันและกันทำให้หัวใจเธอคลายความกังวลไปได้ เธอหยุดและไม่ได้เดินเข้าไป เธอพูดทุกอย่างที่ควรจะพูดไปแล้ว เธอก็หวังว่าหลิวฮัวลี่จะสามารถแก้มัดปมในหัวใจของเสี่ยวเฟ่ยได้
เธอหันหลังและเดินเข้าไป
ฮวงเสี่ยวเฟ่ยที่กำลังร้องไห้อย่างปวดใจ เธอฝังหน้าตัวเองลงไปและไม่กล้าที่จะหลิวฮัวลี่ได้เห็นหน้าของเธอในตอนนี้ เธอร้องไห้เยอะมากจนเครื่องสำอางหลุดไปหมดแล้ว เธอคงจะน่าเกลียดมากเลยแน่ๆ
หลิวฮัวลี่กอดเธอ ลูบที่หลังเธอและถามออกมาอย่างอ่อนโยน “เสี่ยวเฟ่ย เธอเป็นอะไรไปเหรอ? ไม่ต้องร้องนะ เธอร้องเยอะจนหัวใจฉันเจ็บไปหมดแล้ว…”
ฮวงเสี่ยวเฟ่ยร้องไห้ออกมาอีก สำหรับรุ่นพี่ที่อ่อนโยน เธอเพียงแค่ไม่อยากให้เขาได้เห็นด้านที่อ่อนแอของเธอ เธอไม่ต้องการ
เธอยังจำได้ถึงตอนที่เธอยังไม่ได้แปลงโฉม ครั้งหนึ่งเธอเคยสารภาพรักกับรุ่นพี่ เธอเขียนจดหมายส่งไปที่สหภาพนักศึกษา เธอรออยู่นานแต่รุ่นพี่ก็ไม่ได้ตอบกลับเธอ จนสุดท้ายเธอก็รวบรวมความกล้าและไปยืนขวางรุ่นพี่ตรงทางเดิน อย่างไรก็ตามรุ่นพี่มองมาที่เธออย่างสงสัยและถามออกมาว่า “เธอเป็นใคร?”
เธอรีบหันกลับทันทีและวิ่งออกไป ถึงแม้เธอจะไม่ได้หวังให้รุ่นพี่มารับรักเธอแต่อย่างน้อยเขาก็ไม่น่าที่จะจำเธอไม่ได้เลยแบบนี้
ต่อมาก็เพราะความโชคดีของเสี่ยวเสวี่ยที่ทำให้เธอได้เจอกับรุ่นพี่อีก ซึ่งต่อมาเธอก็รวบรวมความกล้าที่จะคุยกับรุ่นพี่อยู่หลายครั้ง ทั้งคู่มีความสนใจในเรื่องที่คล้ายๆกันจึงคุยกันถูกคอ ในตอนนั้นเธอไม่มีความกล้าพอที่จะสารภาพออกไปดังนั้นเธอจึงสารภาพออกไปซึ่งๆหน้าในตอนนี้แทน
อีกอย่างเธอก็ไม่ได้หวังว่ารุ่นพี่จะรับรักจริงๆ เขาบอกออกมาว่าเขาก็ชอบเธอด้วยเหมือนกัน ในตอนนั้นสายตาของเธอเปล่งประกายเพราะรอยยิ้มบนใบหน้าเขา หัวใจของเธอเต้นรัวและร่างกายของเธอก็ลนลานนิดหน่อย เธอไม่อยากที่จะเชื่อและมองไปที่เขา
อย่างไรก็ตามรุ่นพี่แตะที่หัวเธอ ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อและพูดออกมา “อย่ามองฉันแบบนี้สิ ฉันเขินนะ…”
เธอควรจะทำยังไงดี? เขาน่ารักมากจนเธอไม่เคยคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มคบกัน ทุกครั้งเธอจะแต่งตัวอย่างตั้งใจก่อนที่จะออกไปหารุ่นพี่ เสื้อผ้าสุดหรูและการแต่งหน้าอย่างประณีตไม่เคยพลาดสักครั้ง…แต่พวกเขาก็ไม่เคยไปไกลกว่าการจับมือและจูบอย่างอ่อนโยนเลย
เธอเคยส่งสัญญาณบอกรุ่นพี่ว่าพวกเขาควรที่จะมีความสัมพันธ์กันแต่เธอไม่รู้ว่าเป็นเพราะรุ่นพี่ไม่เข้าใจจริงๆหรือแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ จึงมักจะเปลี่ยนเรื่องคุยไปดื้อๆตลอด
จนกระทั่งวันหนึ่งเพราะพวกเขาออกไปเที่ยวกันจนดึกและมหาลัยก็ปิดแล้ว พวกเขาจึงไปเปิดห้องกัน คืนนั้นเธอรู้สึกได้ถึงความรู้สึกของรุ่นพี่อย่างชัดเจนแต่รุ่นพี่ก็ยังกอดเธอด้วยความอ่อนโยนและไม่ทำอะไรเลย
เธออดไม่ได้ที่จะถามเขาว่าทำไมเขาถึงไม่ต้องการเธอล่ะ?!! เป็นเพราะเธอสวยไม่พองั้นเหรอ?!!
อย่างไรก็ตามรุ่นพี่หัวเราะอย่างขมขื่นและลูบไปที่หัวเธอ “ฉันต้องอดทนอย่างหนัก อย่าแกล้งฉันอีกเลยนะ…ฉันอยากที่จะทะนุถนอมเธอ วันที่สำคัญแบบนั้นจะขาดดอกไม้และแหวนเพชรได้ยังไงล่ะ…”
ฮวงเสี่ยวเฟ่ยร้องไห้ออกมาทันที ร่างกายของเธอที่รุ่นพี่ทะนุถนอมแปดเปื้อนไปแล้ว อย่างไรก็ตามเธอก็พูดอะไรไม่ได้ และเธอเองก็ไม่กล้าที่จะบอกเรื่องนี้กับรุ่นพี่ด้วย…ถึงแม้ในครั้งสุดท้ายที่คุยกัน เธอจะจงใจแกล้งทำเป็นยังบริสุทธิ์ก็ตาม
ก็เหมือนกับเธอในตอนนี้ที่ร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของรุ่นพี่ เธอพูดอะไรไม่ได้เลย เธอมองท่าทางปวดใจของรุ่นพี่ด้วยความรู้สึกมีความสุขและเศร้าไปพร้อมๆกัน…ผู้หญิงแบบเธอจะคู่ควรกับรุ่นพี่ได้ยังไง…เธอถึงขนาดเสียใจที่สารภาพรักออกไป
อย่างไรก็ตามเธอคบกับรุ่นพี่แล้วและไม่อยากที่จะปล่อยไป
“หยุดร้องได้แล้ว โอเคไหม?” หลิวฮัวลี่ปลอบใจเธออย่างเงอะงะ เขาดันหน้าเธอขึ้นมาและเช็ดน้ำตาออกจากหน้าเธออย่างอ่อนโยน
ฮวงเสี่ยวเฟ่ยอยากที่จะขัดขืน “รุ่นพี่ อย่ามองหน้าฉัน…ตอนนี้ฉันไม่สวยแล้ว…”
หลิวฮัวลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน “เด็กโง่ ฉันคิดว่าเธอคือคนที่สวยที่สุดในโลกนะ…”
“หื้อหื้อ…พี่…พี่โกหก…” เขาไม่รู้จักเธอก่อนหน้านี้…แล้วเธอจะกล้ากลับไปเป็นเธอคนเดิมได้ยังไง
หลิวฮัวลี่กอดเธอไว้ในอ้อมแขนและพูดออกมา “ฉันไม่ได้โกหก จริงๆนะ ไม่ต้องร้องแล้วโอเคไหม…”
หลังจากเวลาผ่านไปนาน หลิวฮัวลี่กอดฮวงเสี่ยวเฟ่ยไว้ในอ้อมแขนและถามออกมา “กลับกันเถอะ คิดว่าเสี่ยวเสวี่ยคงเป็นห่วงแย่แล้ว…”
ฮวงเสี่ยวเฟ่ยผลักเขาออก “ไม่ ฉันไม่อยากจะเจอเธอ ฉันจะกลับแล้ว…” คำพูดของมู่หรงเสวี่ยยังก้องอยู่ในใจเธอ เธอกลัวว่าเธอจะมองเห็นทะลุทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าและถึงแม้เธอจะรู้ว่ามู่หรงเสวี่ยคงไม่พูดอะไรแต่เธอก็ไม่กล้าที่จะเสี่ยง
หลิวฮัวลี่ตามเธอทันและพูดออกมา “โอเคๆ ไม่ต้องกลับไปที่นั่นแล้ว กลับด้วยกันเถอะ…”
สุดท้ายน้ำตาก็ไหลออกมาอีก เขาปฏิบัติกับเธอด้วยความอ่อนโยนเสมอ ชัดเจนแล้วว่าเธอเป็นคนที่สกปรกแต่เขากลับกอดเธอไว้ในอ้อมแขนราวกับของล้ำค่า
…
มู่หรงเสวี่ยเห็นเสียงข้อความเข้าที่โทรศัพท์ดังจึงรีบหยิบขึ้นมาอ่าน เป็นข้อความจากหลิวฮัวลี่ “เรากลับก่อนนะ ขอบคุณสำหรับอาหารในวันนี้ด้วยและขอโทษนะที่กลับมาก่อนโดยไม่ได้ร่ำลา!”
เมื่อมีหลิวฮัวลี่อยู่ข้างๆเสี่ยวเฟ่ยเธอก็ไม่กังวลแล้ว หลิวฮัวลี่เป็นคนที่มีความรับผิดชอบอย่างมากตอนที่เขาทำงานในสหภาพนักศึกษาและก็พร้อมที่จะช่วยเหลือคนอื่น ถ้าเสี่ยวเฟ่ยสามารถกลับมาหาหลิวฮัวลี่ได้ทันเวลา เธอก็คิดว่าพวกเขาก็คงจะกลายเป็นคู่รักที่มีความสุขมากคู่หนึ่งเลย
เธอถอนหายใจเล็กน้อยแต่ก็ยังเป็นห่วงเสี่ยวเฟ่ยอยู่ดี เธอหวังว่าเธอจะสามารถผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างเร็วที่สุด ความรักไม่ได้อยู่ได้เพราะข้าวของนอกกาย
“น้องหก เธอถอนหายใจเรื่องอะไรเหรอ?” น้องห้าเดินมาหามู่หรงเสวี่ย
“ไม่มีอะไรหรอก!!! แค่เรื่องชีวิตทั่วไป…”
“ไม่ต้องห่วงนะ พี่ใหญ่รายงานเรื่องโควตาของเธอไปแล้ว เดาว่าอีกไม่กี่วันทางองค์กรก็น่าจะได้รับแจ้ง” น้องห้าหยิบแอปเปิ้ลขึ้นมาอีก พร้อมทั้งพูดเสียงอู้อี้ในระหว่างที่กำลังเคี้ยว
มู่หรงเสวี่ยมองไปที่ท่าทางของน้องห้าและหัวเราะออกมา เธอชอบกินเหมือนกับโม่อ้ายลี่เลย “งั้นฉันจะรอนะ! ไม่ว่ายังไงฉันจะต้องผ่านการทดสอบให้ได้!” เธอไม่ห่วงเรื่องการสอบเท่าไร เธอรู้สึกเชื่อมั่นอย่างมากกับทุกอย่างในมิติลับ
“น้องหก ความสัมพันธ์ของเธอกับดราก้อนมาสเตอร์มันยังไงกันแน่?” น้องห้าถามมู่หรงเสวี่ยพร้อมด้วยสีหน้าอยากซุบซิบ วันนี้เสี่ยวเสวี่ยยังไม่ได้ตอบพวกเขาเลยแต่กลับถามพวกเขาซะมากมาย
“เขากับฉัน ไม่รู้สิ…” พวกเธอไม่ใช่เพื่อนกัน ไม่ใช่ญาติแต่ก็ไม่ใช่คู่รัก
“กึก” น้องห้าแทบจะกัดลิ้นตัวเอง “ถ้าเธอไม่รู้แล้วใครจะรู้ได้ล่ะ?”
“บางทีพระเจ้าอาจจะรู้!” มู่หรงเสวี่ยแตะไปที่ชื่อของ ฮวงฟูอี้ที่หน้าจอโทรศัพท์อย่างเหม่อลอย แต่เบอร์นี้ก็ถูกปิดไปแล้ว
“งั้นทำไมเธอถึงอยากที่จะเข้าไปในดราก้อนพาวิลเลี่ยนด้วยล่ะ? ดราก้อนพาวิลเลี่ยนไม่ใช่สวนสนุกนะ ฉันคิดว่าพวกเธอคบกัน…ในเมื่อมันไม่ใช่อย่างนั้นงั้นก็ให้พี่ใหญ่ยกเลิกการแนะนำเถอะ…”
“อย่านะ ฉันอยากจะเจอเขา มีเพียงการได้เจอเขาเท่านั้นที่จะทำให้ฉันเข้าใจ…บางทีฉันอาจจะตกหลุมรักเขาก็ได้…” มู่หรงเสวี่ยหัวเราะออกมาเบาๆ เธอนี่โง่จริงๆที่ได้รู้ถึงความรักก็ในวันที่เธอสูญเสียมันไปแล้ว อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้รอเธออยู่ในที่เดิม เขาถึงขนาดไม่ทิ้งร่องรอยอะไรให้ตามเลยด้วยซ้ำ ขนาดฐานทัพก็ยังถูกทำลายไปแล้วซึ่งเป็นเรื่องที่โหดร้ายจริงๆ
สายตาของน้องห้าที่มองมาที่มู่หรงเสวี่ยเกือบจะเป็นความสงสาร ในความคิดของเธอ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่คนอย่างดราก้อนมาสเตอร์จะแต่งงานกับตระกูลขุนนางธรรมดาๆ…ซึ่งพูดได้ว่าผู้หญิงของดราก้อนมาสเตอร์ในแต่ละรุ่นจะเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดที่ได้รับการคัดเลือกมาอย่างละเอียดสุดๆจากดราก้อนพาวิลเลี่ยนเพื่อให้มาเป็นตัวเลือกในการเป็นภรรยาของดราก้อนมาสเตอร์ เพื่อที่จะได้สืบทอดยีนอันยอดเยี่ยมต่อไป
เชาวน์ปัญญาของของดราก้อนมาสเตอร์แต่ละรุ่นเกินมาตรฐานไปมากซึ่งเทียบไม่ได้เลยกับคนปกติธรรมทั่วไป นี่เป็นผลมาจากการคัดเลือกอย่างเข้มงวดของดราก้อนพาวิลเลี่ยนแต่ละรุ่น