“แม่ถูกตัดสินจำคุกสามปี เพราะเขาบอกว่าถ้าแม่ประพฤติตัวดีจะได้ลดโทษ ดูแลตัวเองให้ดี และดูแลพี่ชายแกด้วยนะ แม่ขอโทษเขาด้วย” สุนันท์เปิดปากพูดก่อน เสียงของเธอต่ำมาก และกำลังก้มหน้าอยู่
เมื่อเทียบกับเมื่อก่อน สุนันท์ต่างกันเป็นคนละคน ถึงในใจจะเกลียดเธอ เกลียดมาก แต่เมื่อเห็นสภาพเธอที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ เขาก็รู้สึกเสียใจและไม่สบายใจ
“อยู่ในนั้นเป็นยังไงบ้าง” ผ่านไปครู่ใหญ่ เลอแปงก็พูดออกมา
“สบายดี” สุนันท์เงยหน้าขึ้น ถึงเธอจะทั้งดำและผอม แต่กำลังใจของเธอยังดีอยู่ และดวงตาก็ยังเป็นประกาย “จริงๆนะ แม่สบายดีมาก และพอใจมาก มันเป็นสิ่งที่แม่ไม่เคยมีมาก่อนในชีวิต”
เสียงของเธอเบามาก แต่ก็ซื่อสัตย์มาก “อยู่ข้างใน แม่ทำงานกับพวกเธอ ทำเสื้อผ้า ตัดหญ้า ปลูกต้นไม้ แต่ตอนอยู่ในคฤหาสน์ แม่ก็อยู่คนเดียว ไม่มีคนคุยด้วย ใช้ชีวิตด้วยความว่างเปล่า เมื่อลืมตาขึ้นมาตอนเช้าก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอะไร ดื่มชา ช้อปปิ้ง ปลูกต้นไม้ แต่ไม่ว่าจะทำอะไรแม่ก็ทำมันเพียงคนเดียว ไม่มีคนคุยด้วย งั้นทำให้สมองต้องคิดไปเรื่อยเปื่อย เมื่ออยู่กับกลุ่มพวกคุณนายไฮโซ ออกไปข้างนอกทีก็ต้องเกทับกัน ไม่อย่างนั้นก็เยาะเย้ยกัน ไม่มีเพื่อนที่แท้จริง เมื่อมีแต่ความว่างเปล่า แม่ถึงได้บีบให้ตัวเองเดินมาถึงจุดนี้ อยู่ในนี้แม่ได้ทุกอย่างเอง ถึงได้เริ่มรู้สึกมีชีวิตชีวา”
คำพูดเหล่านี้เป็นความจริง การตัดหญ้า ปลูกผัก และการรอให้ผักเติบโตก็ทำให้รู้สึกได้ถึงความสำเร็จ
คืนวันที่อยู่ในคุก ไม่เพียงแต่มีความอดทนเท่านั้น ความดูถูกและเย่อหยิ่งทั้งหมดก็หายไปด้วย
เลอแปงคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดพวกนี้จากปากของเธอ เขาคิดว่าตอนเจอหน้าเธอ เธอจะร้องไห้ โวยวาย บอกให้เขารีบพาตัวเองออกไป คิดไม่ถึงเลยว่า สิ่งที่เธอพูดจะเป็นประโยคเหล่านี้
“หลายปีก่อนแม่ใช้ชีวิตอยู่ในจุดนั้น และตอนนี้ก็ได้สติขึ้นมา ตอนนี้แม่นอนหลับ ทำงานได้ มันดีมาก”
ก่อนหน้านี้เธอมีชีวิตอยู่ได้เพราะสิงหา แต่เขาก็อยู่ที่อำเภอซีซ่าไม่กลับมา เธอจึงต้องอยู่ในคฤหาสน์คนเดียว เมื่ออยู่ในคฤหาสน์ก็เอาแต่คิดว่าเมื่อไหร่เขาจะกลับมา เมื่อไหร่….
จากนั้นความเบื่อหน่ายและความว่างเปล่าก็ทำให้เธอเริ่มมีปัญหา จนถึงกล้าทำเรื่องร้ายแรงแบบนั้น ตอนนี้เธออยู่ที่นี่ได้อย่างดีมาก
ไม่มีใครเข้าใจความว่างเปล่าและความเหงาแบบนั้นว่ามันน่ากลัวขนาดไหน ถึงมีสามี แต่ก็เหมือนมีชีวิตอยู่คนเดียว
“แล้วก็ เชอร์รีน ช่วยขอโทษเธอแทนแม่ด้วย….” แม้แต่ตัวเธอเองยังคิดว่าตอนนั้นเธอไร้สาระขนาดนั้นได้ยังไง แล้วก็ไม่อยากหย่า หลายปีมานี้เขาทำยังไงกับแม่แกก็รู้ดี แม่ไม่อยากเป็นแบบนี้ต่อไป”
เธอเปลี่ยนไปแล้ว เลอแปงแปลกใจ มองเธออย่างตกตะลึง
มีคนมาแจ้งว่าหมดเวลาเข้าเยี่ยมแล้ว สุนันท์ยืนขึ้น และมองเลอแปงไปจนลับสายตา พร้อมกับโบกมือและยิ้มให้เขาด้วย
หลังออกมาจากเรือนจำเลอแปงก็ยังคงจมอยู่ในความคิดของตัวเอง เธอเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ แต่บทเรียนในครั้งนี้ราคาแพงมาก
แสงแดดในฤดูใบไม้ร่วงพราวระงับ ทำให้เขาแทบลืมตาไม่ขึ้น ตระกูลสิริไพบูรณ์ของเขาเปลี่ยนเป็นแบบนี้ได้ยังไง
เลอแปงยังไม่ได้ไปไหน เขาทำหน้าที่รักษาการแทนทั้งสองบริษัท ตอนเย็นก็กลับไปพักที่คฤหาสน์ เพราะไม่อยากให้คฤหาสน์ว่างเปล่า เพราะยังไงก็เป็นบ้านของเขา
ในคฤหาสน์มีเพียงแค่เขาคนเดียว ตอนนี้เขาเพิ่งเข้าใจความหมายของสุนันท์ เมื่อต้องอยู่คนเดียวในที่กว้างขวางขนาดนี้ โดยไม่มีใครเลย มีแค่เขาเพียงคนเดียว ไม่มีใครให้คุยด้วย สิ่งที่ได้ยินก็มีเพียงแค่เสียงหายใจของตัวเอง ความรู้สึกนี้ มันเหงาจนน่ากลัว
เมื่อไกรวิทย์กลับมา เขาก็ถ่ายทอดคำพูดทุกคำของสุนันท์ให้เขาฟัง แต่เขาก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมานอกจากตอบรับแล้วกลับไป
นิสัยของคนถูกดัดตั้งแต่ยังเด็ก แต่เธอถูกดัดนิสัยตอนแก่ เพราะก่อนหน้านี้เขารักเธอมากเกินไป!
ติดคุกไม่น่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวคือการไม่สามารถข่มตานอนหลับได้ เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเธอ เขาก็รู้สึกสบายใจ
….
“ที่รัด พูดอรุณสวัสดิ์กับแด๊ดดี้สิคะ” เชอร์รีนออกมาจากห้องน้ำ
เขาหลับไปหนึ่งเดือนแล้ว เธออ่านหนังสือพิมพ์ให้เขาฟังทุกวัน คุยกับเขาทุกวัน แต่เขาก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับมา แต่ยังไงเธอก็จะไม่ยอมแพ้!
“หม่ามี๊ แด๊ดดี้เป็นคนขี้เกียจมาก!” ซารางพูดขึ้น “แด๊ดดี้ อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
“ไปกินน้ำก่อนไป เดี๋ยวหม่ามี๊จะไปส่งที่โรงเรียน” เธอเชื่อว่าเขาจะต้องตื่นขึ้นมา ก่อนออกไปเธอก็เอนตัวลงไปจูบริมฝีปากเขาเบาๆ
หม่ามี๊จะฉวยโอกาสแบบนี้ตลอดทุกเช้า หม่ามี๊หน้าไม่อาย!
ซารางถือแก้วน้ำยืนอยู่ข้างหน้าต่าง แล้วส่ายๆหัวเล็กเบาๆ แต่เพราะมือของเธอถือแก้วไม่มั่นคง เมื่อแก้วโครงเครงไปมา น้ำร้อนในแก้วจึงทะลักออกมาหกรดมือของออกัส มันร้อนมาก มีน้ำหยดลงใส่หลังมือหลายหยด จนทำให้ซารางต้องแอบสูดหายใจด้วยความตกใจกลัว
ราวกับขโมย เมื่อเห็นว่าหม่ามี๊ไม่เห็น เธอจึงรีบกางแขนเสื้อออกมาเช็ดน้ำบนหลังมือของแด๊ดดี้อย่างรวดเร็ว เพื่อทำลายหลักฐาน
“ดื่มเสร็จหรือยัง” เชอร์รีนพูดขึ้น
ซารางตกใจเบิกตาโพลง แล้วนี่พยักหน้า “เสร็จแล้ว เสร็จแล้วค่ะ”
จากนั้นเขาก็แอบพูดกับตัวเองในใจ แด๊ดดี้ ขอโทษนะคะ หนูไม่ได้ตั้งใจจะทำน้ำร้อนหกใส่ พอดีมันหลุดมือ ดีนะที่หม่ามี๊ไม่เห็น เห้อ!
สองร่างจูงมือกันเดินออกไปนอกห้อง โดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่ามือข้างที่โดนน้ำร้อนลวกใส่นั้นจนแดงเล็กน้อยนั้น ขยับเบาๆ…
แต่เพราะทั้งสองไม่ได้หันไปมองจึงไม่เห็น
เลอแปงผลักประตูเข้ามา เมื่อเห็นร่างที่นั่งอยู่บนเตียง ดวงตาของเขาก็หดตัว ตะกร้าผลไม้ในมือร่วงลงบนพื้นทันที
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ เห็นพี่ตัวเองต้องตื่นเต้นขนาดนี้เลยหรอ หืม” ออกัสเอนหลังลงจ้องมองมาที่เขา ริมฝีปากยกขึ้นเล็กน้อย
เลอแปงมองเขานานมาก ราวกับไม่เชื่อ เขาหยิบน้ำขึ้นมาหนึ่งแก้ว แล้วเอามาราดหน้าตัวเอง
น้ำเย็นจัด ใบหน้าของเขารู้สึกเย็นไปหมด จนทำให้เขาอดจามและหนาวสั่นไม่ได้
ใบหน้าที่คุ้นเคยยังไม่ได้หายไปไหน เขาขมวดคิ้ว ครั้งนี้เลอแปงเชื่อแล้วว่าเขาไม่ได้ฝันไป!
“พี่!” เสียงค่อนข้างสะอื้นเล็กน้อย เท้าใหญ่ก้าวเข้าไปแล้วกอดเขาในทันที
ออกัสยิ้มแล้วยกมือลูบหลังเขาเบาๆ พร้อมพูดอย่างอ่อนโยน “โตขนาดนี้ ทำไมยังทำตัวเหมือนเด็กอีก”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นเลอแปงก็กระตุกยิ้มเบาๆ เขาตกใจเกินไป ทั้งดีใจ และตื่นเต้น
คุณหมอเข้ามาตรวจร่างกายแล้วบอกว่าทุกอย่างปกติดี ร่างกายฟื้นตัวเร็วมาก
เลอแปงยังนั่งอยู่ข้างเตียงเล่นแอปเปิ้ลในมือ เมื่อความเครียดในจิตใจและร่างกายของเขาผ่อนคลายลง เขาก็มีอารมณ์มาพูดเล่น “ถ้าพี่ไม่ตื่น สองคนแม่ลูกนั้นต้องทรมานจนตายแน่”