Sign in Buddha’s palm 308 (I) ทุกคนเดินทางมาถึง
ทะเลปราณ
ภายในนั้นกว้างใหญ่ไพศาลไร้ที่สิ้นสุด
ที่แห่งนี้ นอกจากสิ่งมีชีวิตปราณฉี แทบไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตอื่นดํารงอยู่เลย มีเพียงแค่สิ่งมีชีวิตปราณฉีเท่านั้นที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่รุนแรงเช่นนี้ได้
แต่ในขณะนี้ จิตวิญญาณแรกกําเนิดของซูฉินหยุดนิ่งอยู่ในห้วงทะเลปราณ
“ที่นี่ เกรงว่ามันคงจะอยู่ใกล้กับก้นทะเลปราณแล้วใช่หรือไม่?” ซูฉินมองไปรอบๆ
ถ้ากล่าวถึงชั้นพื้นผิวของทะเลปราณเป็นโลกที่มีสีสันของพลังปราณฉีผสานผสานกัน
ดังนั้น หลังจากที่ดําดิ่งลงมาในทะเลปราณจะพบว่าพลังปราณฉีทั้งหมด ทั้งธาตุทอง ไม้ น้ํา ไฟ ดิน หยินหยาง สายฟ้า และอื่นๆ เริ่มเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบกันชัดเจน
แต่ในตอนนี้ พลังงานปราณฉีจํานวนมากที่ด้านหน้าของซูฉินรวมตัวกันอย่างช้าๆ กลายเป็นควันสีเทาล่องลอยไปมา
“ไปต่อไม่ได้แล้ว”
ซูฉินต้องระมัดระวังอย่างมาก แม้ว่าควันสีเทาจะมีความเข้มข้นของพลังงานสูง ไกลเกินกว่าพลังงานปราณฉีใดๆที่เคยพบ แต่มันก็ทําให้ฉันรู้สึกได้ถึงความอันตรายอย่างยิ่ง
ตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่พยายามทลวงขอบเขตเซียนเทพปฐพี หลักการสําคัญคือใช้จิตวิญญาณแรกกําเนิดผสานเข้ะากับทะเลปราณ จากนั้นจึงยืมพลังของทะเลปราณมาหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณแรกกําเนิดรวมถึงเติมเต็มร่างกาย
พลังของทะเลปราณนั้นแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อลงลึกไปเรื่อยๆ โดยปกติยิ่งอยู่ใกล้กับส่วนลึกของทะเลปราณมากเท่าไร พลังของมันก็จะยิ่งบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้นเท่านั้น หากตํานานยุทธขั้นสูงสุดใช้สิ่งนี้ในการบํารุงหล่อเลี้ยงร่างกาย ผลประโยชน์ที่ได้รับก็จะมากขึ้น
แต่ข้อกําหนดเบื้องต้นในการรับผลประโยชน์ ก็คือเจ้าจะต้องทนรับกับผลประโยชน์นั้นได้ด้วย
ตัวอย่างเช่น ตําแหน่งที่ซูฉินอยู่ในตอนนี้ พลังฟ้าดินเริ่มหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ก่อตัวเป็นพลังงานชนิดใหม่ หากจิตวิญญาณแรกกําเนิดของตํานานยุทธขั้นสูงสุดคนอื่นๆ ลงมาลึกถึงที่นี่เพื่อเติมพลังกลับไปยังกายเนื้อ เกรงว่าร่างกายคงจะต้องระเบิดออกในทันที
สิ่งที่มากเกินพอดีมักจะให้โทษ
หากตํานานยุทธขั้นสูงสุดไม่มีกายเนื้อ ไม่ว่าจิตวิญญาณแรกกําเนิดจะแข็งแกร่งเพียงใด ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี และหากปราศจากกายเนื้อที่คอยเป็นตัวนําทาง จิตวิญญาณแรกกําเนิดก็ไม่สามารถกลับคืนสู่โลกได้เลย จะต้องติดอยู่ในทะเลปราณจนกว่าจิตวิญญาณแรกกําเนิดจะล่มสลายไป
นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมตํานานยุทธขั้นสูงสุดคนอื่นๆ จึงเลือกผสานจิตวิญญาณแรกกําเนิดที่บริเวณพื้นผิวของทะเลปราณเท่านั้น
เป็นเพราะพวกเขาไม่สามารถทนต่อพลังของ ทะเลปราณในส่วนลึกได้
แน่นอน
ซูฉินนั้นต่างออกไป
ร่างกายของซูฉันคือร่างศักดิ์สิทธิ์อีกาทองคํา ซึ่งเหนือกว่ากายแห่งธรรมชาติทั่วๆ ไป ทั้งยังเชี่ยวชาญในการควบคุมธาตุไฟ เทียบเท่ากับเป็นกึ่งสิ่งมีชีวิตปราณฉี ด้วยร่างศักดิ์สิทธิ์อีกาทองคําเป็นรากฐาน ไม่มีปัญหาใดในการรับพลังงานจากส่วนลึกของทะเลปราณ
ยิ่งกว่านั้น ร่างศักดิ์สิทธิ์อีกาทองคํานั้นแข็งแกร่งยิ่ง มันได้ก้าวข้ามกายแห่งธรรมชาติธรรมดา ก่อนที่จะได้รับการขัดเกลาจากทะเลปราณด้วยซ้ํา ฉะนั้นพลังจากบริเวณพื้นผิวของทะเลปราณ ไม่สามารถปรับปรุงร่างศักดิ์สิทธิ์อีกาทองคําให้ดีขึ้นได้
เพียงแต่ว่า ไม่ว่าร่างศักดิ์สิทธิ์อีกาทองคําจะแข็งแกร่งเพียงใด ก็สามารถกักเก็บพลังงานธาตุไฟได้เท่านั้น แต่ในยามนี้ หากซูฉินลงลึกไปอีก
พลังงานฟ้าดินจะเริ่มหลอมรวมเข้าด้วยกัน ไม่ใช่เพียงการผสมผสานอย่างผิวเผิน แต่ก็เป็นผสมผสานอย่างละเอียด
ตําแหน่งปัจจุบันที่ซูฉินอยู่คือจุดเปลี่ยน ก่อนที่พลังงานจะผสมผสานกันเป็นอีกระดับหนึ่ง พลังงานในทะเลปราณเริ่มประสานเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์
“หากข้าฝึกฝนภาพดวงตะวันขนาดมหึมาจนถึงความสําเร็จชั้นยอด ข้าจะสามารถก้าวไปอีกขั้นหนึ่งได้ ด้วยร่างกายของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดชนิดหนึ่ง ย่อมสามารถบังคับพลังงานที่ผสมผสานให้แยกออกจากกันได้ ทว่าในยามนี้ก็ลืมมันไปก่อนเถอะ…”
ซูฉินส่ายศีรษะเล็กน้อย
แต่ก็เท่านั้น แม้ว่าเขาจะไม่สามารถไปต่อได้ แต่ซูฉินก็พอใจแล้ว ในตอนนี้ตําแหน่งของเขาอยู่ลึกลงมาในทะเลปราณแล้ว เพียงอีกไม่ไกลก็จะถึงกันทะเล
ถ้าซูฉินเลือกผสานพลังที่นี่ เมื่อก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี ผลประโยชน์ที่ได้รับย่อมเหนือกว่าเซียนเทพปฐพีในทุกยุคทุกสมัยอย่างแน่นอน
“เอาเป็นที่นี่แหละ”
“อย่างไรก็ตาม ยังมีบางสิ่งที่ต้องทําก่อนจะทะลวงขั้น”
ทันทีที่คิดได้ จิตวิญญาณแรกกําเนิดของซูฉินก็เริ่มแยกตัวออกมาจากทะเลปราณ ข้ามผ่านความว่างเปล่า กลับคืนสู่กายเนื้อ
เมื่อครู่ ซูฉินใช้เพียงจิตวิญญาณแรกกําเนิดเท่านั้นในการลงไปยังทะเลปราณ และเลือกที่จะไม่ผสานเข้าไปในทะเลปราณเพื่อทะลวงขอบเขต จึงสามารถหลบหนีกลับมาได้ทุกเมื่อ
“เมื่อข้าเริ่มทะลวงขั้น ข้าจะไม่สามารถลงมือได้อย่างน้อยก็สองสามเดือน ถ้าในช่วงเวลานั้นมีอะไรเกิดขึ้น…”
ซูฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย
แม้ว่าโกงพระราชวังสีดําที่เขาอยู่ในขณะนี้จะอยู่ใต้ดิน และมีสมบัติวิเศษอย่างตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณและธงวุ่ญ กล่าวตามเหตุผลแล้วก็คงจะไม่มีใครพบเจอมัน
เพียงแต่กันไว้ดีกว่าแก้ อย่าได้ประมาท
จะเกิดอะไรขึ้นหากมีคนบุกรุกเข้ามาในระหว่างที่ซูฉินปิดด่านฝึกตนอยู่?
ส่วนค่ายกลป้องกัน…
ไม่ว่าค่ายกลจะใหญ่แค่ไหน ถ้าแก่นกลางแตกพ่าย พลังจะลดลงอย่างมิอาจเลี่ยง มันไม่มีปัญหาที่จะจัดการกับตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่อ่อนแอกว่าซูฉิน แต่ถ้าพบเจอกับคนที่แข็งแกร่งในระดับเดียวกัน อาจจะถูกทําลายลงได้
บนเกาะหยิงโจว ในฐานะจุดสูงสุดของขอบเขตเซียนเทพปฐพีอย่างจ้าวทะเลบูรพา ได้ทิ้งค่ายกลฟ้าดินไว้หลายต่อหลายชั้น กลับถูกซูฉันทําลายได้อย่างง่ายดาย แน่นอนว่ามันผ่านเวลามายาวนานเกินไป และค่ายกลฟ้าดินก็เริ่มจะเสื่อมสภาพลงแล้ว แต่แก่นของมันก็ยังคงอยู่
ดังนั้นหากซูฉันต้องการจะทะลวงขั้นต่อไปโดยไม่กังวลเรื่องใด เขาจะต้องหาคนที่ไว้ใจได้มาคอยคุ้มกัน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซูฉินก็เคลื่อนสายตาไปมองบ่อน้ําสีดำซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกล
บ่อน้ําแห่งนี้เป็นทางเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับโลกปีศาจใต้พิภพ เมื่อนับพันนับหมื่นปีก่อน ปีศาจจํานวนมากได้รุกรานโลกมนุษย์ด้วยเส้นทางนี้
เพียงแต่ว่า เมื่อปีศาจจากโลกถ้ําปีศาจพบว่ากระแสปราณฉีของโลกนั้นเสื่อมโทรมลง ความสนใจก็เริ่มจางหายไป พวกมันจึงถอนตัวกลับ
สําหรับโลกถ้ําปีศาจ เฉพาะยามที่โลกมนุษย์ อยู่ในช่วงเฟื่องฟูกระแสปราณฉีเท่านั้นจึงจะมีค่าควรแก่การบุกรุก ไม่เช่นนั้นในยามที่สภาพแวดล้อมบนโลกอ่อนด้อยยิ่งกว่าโลกถ้ําปีศาจเช่นนี้ กระแสปราณฉีก็ยังเป็นพิษกับปีศาจส่วนใหญ่ด้วยจะบุกรุกไปให้ได้อะไรขึ้นมา?
หลังจากนั้นไม่นาน
เบื้องหน้าลานสายตาของซูฉิน
ร่างในชุดดําเดินออกมาจากทางเข้าสู่โลกมนุษย์
ร่างนี้ดูเย็นชาอย่างยิ่ง แต่ก็มีลักษณะคล้ายกับซูฉิน ยกเว้นสภาวะอารมณ์ที่แตกต่างกันเล็กน้อย นอกนั้นก็แทบจะเหมือนซูฉินทุกประการ
นี่คือร่างจําแลงที่ซูฉินส่งไปลงชื่อเข้าใช้ภายในโลกปีศาจใต้พิภพ
สิ่งนี้เกิดจากทิพยอํานาจกายเนื้อกําเนิดใหม่ของซูฉิน ทั้งยังใช้จิตวิญญาณไปกว่าครึ่งหนึ่งกว่าจะสร้างขึ้นมาได้อย่างยากลําบาก
ร่างจําแลงแบ่งปันจิตสํานึกร่วมกันกับซูฉิน กล่าวให้ชัดๆ ร่างจําแลงนี้ก็คือซูฉิน เพียงแต่ใช้ร่างกายที่ต่างกัน
และในตอนนี้ ซูฉินกําลังวางแผนที่จะปล่อยร่างจําแลงไว้ป้องกันไม่ให้เขาถูกรบกวนขณะที่บุกทะลวงสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี อีกประการคือคอยดูแลเมืองฉางอันให้อยู่รอดจากตัวตนทรงอํานาจทั้งหลาย