บทที่ 799 : วันซวย!
  ถนนด้านนอกหน้าประตูนั้นไม่ได้กว้างขวางใหญ่โตอะไรมากมีขนาดเพียงแค่ให้รถสองคันวิ่งสวนกันได้เท่านั้น และรถหรูที่เฉินเซินขับมานั้นก็จอดอยู่ที่หน้าประตูทางเข้า
  ระหว่างนั้น..สายตาของฟ่านลู่ปิงซึ่งนั่งอยู่ในรถหรู ก็กำลังจับจ้องอยู่ที่ร่างของหลิงหยุนซึ่งอยู่ที่หน้าประตูเช่นกัน และใบหน้างดงามที่ซ่อนอยู่ภายใต้แว่นกันแดดอันใหญ่นั้นก็ถึงกลับเปลี่ยนไปทันที!
  แม้ว่าหลิงหยุนจะยืนอยู่ในจุดที่ร่มเงาและแสงแดดส่องเข้าไปไม่ถึง แต่ภาพของชายร่างสูงสง่างาม สวมแว่นกันแดดที่เผยให้เห็นเพียงแค่จมูกโด่งเป็นสัน และริมฝีปากที่คมชัดได้รูป กับรอยยิ้มบางๆนั้น ก็เป็นที่ดึงดูดสายตาของผู้คนอย่างมาก
  ในสายตาของฟ่านลู่ปิงนั้น..ชายหนุ่มผู้นี้ไม่ต่างจากแสงสว่างในห้องที่มืดมิด!
  ‘เด็กหนุ่มนี้หน้าตาหล่อเหลามากจริงๆ!’
  และนี่คือความรู้สึกของฟ่านลู่ปิงที่มีต่อหลิงหยุน..
  ตลอดทางมานั้นฟ่านลู่ปิงแทบไม่อยากจะสนใจเฉินเซินที่ทั้งยะโสโอหังและช่างโอ้อวด! แต่เมื่อ แต่ทันทีที่สายตาของเธอกระทบเข้ากับร่างสง่างามของหลิงหยุน เธอก็ไม่สามารถละสายตาจากเขาได้อีกเลย..
  และแน่นอนว่า..นั่นคือเสน่ห์ของหลิงหยุนที่เขามั่นอกมั่นใจนักหนา!
  ‘หรือจะเป็นพนักงานเสริฟคนใหม่ของที่ร้าน!’
  แววตของฟ่านลู่ปิงเป็นประกายขึ้นมาทันทีในระหว่างที่จ้องมองหลิงหยุนจากนั้นจึงรีบหันไปถามเฉินเซิน..
  “คุณชายเฉินคะ..ปกติร้านนี้จะเปิดบริการเพียงแค่ครั้งละหนึ่งโต๊ะไม่ใช่เหรอคะ”
  เฉินเซินได้ยินจึงหันหน้าไปทางเบาะหลังแววตาร้ายกาจนั้นได้เปลี่ยนเป็นแววตาที่อ่อนโยนพร้อมกับรอยยิ้มที่มีเสน่ห์แทน
  “ใช่ครับ..นั่นเป็นกฎของที่นี่! แล้ววันนี้ผมก็ได้ให้คนมาจองไว้ก่อนแล้ว..”
  ฟ่านลู่ปิงโปรยยิ้มก่อนที่ริมฝีปากคู่งามนั้นจะเผยอพร้อมกับพูดเสียงเบา..
  “แต่ฉันเพิ่งได้ยินคุณพูดว่ามีรถคันอื่นมาจอดก่อนแล้วไม่ใช่เหรอคะ..!”
  เฉินเซินได้ฟังถึงกับนึกขุ่นเคืองอยู่ในใจและได้แต่แอบคิดว่า ‘ไอ้หน้าใหนกันที่มันกล้ามากินอาหารร้านนี้ นี่มันคิดว่ามันเป็นใคร ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!’
  แต่เฉินเซินกลับยิ้มอย่างมั่นใจและตอบฟ่านลู่ปิงกลับไปว่า “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นรถของใคร แต่คุณไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมจะให้คนไล่พวกมันออกจากร้านให้หมด!”
  ในขณะที่เฉินเซินดูเหมือนจะรีบร้อนและอยากจะจัดการกับฟ่านลู่ปิงให้เร็วที่สุดนั้น ฟ่านลู่ปิงเองก็กำลังสนอกสนใจหลิงหยุน และกำลังคิดว่าเธอจะสามารถติดต่อหลิงหยุนได้อย่างไร
  แต่ฟ่านลู่ปิงนั้นยังไม่รู้ตัวว่า..ความคิดที่จะได้ครอบครองหลิงหยุนนั้นเป็นความคิดที่ผิดพลาดอย่างสิ้นเชิง!
  เฉินเซินนั้นสังเกตเห็นหลิงหยุนที่ยืนอยู่หน้าประตูแล้วแต่เขาคิดว่านั่นคือบริกรของทางร้านที่ออกมาต้อนรับ..
  หลังจากตอบฟ่านลู่ปิงไปแล้วเฉินเซินก็ผลักประตูเดินลงมาจากรถทันที บอดี้การ์ดของเฉินเซินที่เดินลงมาจากรถก่อนหน้านั้น กำลังจ้องมองหลิงหยุนอย่างระมัดระวัง แต่ทันทีที่เฉินเซินก้าวออกมาจากรถ มันก็รีบเรียกชื่อเฉินเซินด้วยท่าทางเคารพนบนอบ
  “นายน้อยเฉิน!”
  “ไห่ซาน..แกไปบอกเด็กเสริฟนั่นว่าให้รีบไล่คนที่อยู่ในร้านออกไปให้หมด วันนี้ที่ร้านจะต้องมีโต๊ะของฉันเพียงโต๊ะเดียวเท่านั้น!”
  แม้ว่าเฉินเซินจะก้าวลงมาจากรถแล้วแต่เขาก็ไม่แม้แต่จะชายตามองไปทางหลิงหยุน..
  “ครับ..นายน้อยเฉิน!”
  บอดี้การ์ดของเฉินเซินนั้นมีชื่อว่าไห่ซานหลังจากที่ได้รับคำสั่ง มันก็เดินตรงไปหาหลิงหยุนทันทีพร้อมกับร้องสั่งว่า..
  “ฟังนะ..ฉันไม่สนใจว่าข้างในจะมีใครนั่งกินอาหารอยู่บ้าง แต่ฉันจะให้เวลาแกสองนาที.. จัดการไล่แขกที่อยู่ข้างในออกไปให้หมด!”
  “ไอ้คนปากเหม็น..หยุดพล่ามไร้สาระได้แล้ว!”
  ถังเมิ่งได้ยินคำสั่งของไห่ซานก็โกรธมากจึงรีบร้องตะโกนสวนกลับไปทันที!
  ก่อนหน้านั้นถังเมิ่งเองก็โมโหอยู่แล้วจึงได้วิ่งออกมาข้างนอก แต่เมื่อได้ยินคำพูดจองหองของไห่ซาน เขาก็ยิ่งโมโหมากขึ้น! ประกอบกับได้ยินหลิงหยุนบอกว่าคนที่มาเป็นศัตรูของหลิงหยุนกับเกาเฉินเฉินด้วย ถังเมิ่งก็ยิ่งทวีความเดือดดาลมากขึ้น..
  เสียงตะโกนของถังเมิ่งดังไปทั่วทั้งบริเวณเฉินเซิน ฟ่านลู่ปิง และหนุ่มเพลย์บอยในรถทั้งสี่คนต่างก็ได้ยินกันอย่างชัดเจน ทุกคนคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดเช่นนี้ เด็กหนุ่มเพลย์บอยทั้งสี่คนรีบวิ่งลงจากรถ และตรงเข้าไปหาถังเมิ่งทันที..
  “หมอนั่นเป็นใคร..”
  “น่าสนุกแล้วสิ..”
  “ฮ่า..ฮ่า..”
  เด็กหนุ่มเพลย์บอยทั้งสี่คนนั้นคิดไม่ถึงว่าจะได้พบเจอกับเรื่องสนุกตื่นเต้นเช่นนี้และได้แต่คิดว่าหมอนี่เป็นใครกันแน่ถึงได้กล้าต่อล้อต่อเถียงกับพวกมันแบบนี้!
  และสำหรับหนุ่มเพลย์บอยที่คุ้นเคยกับการทะเลาะเบาะแว้งเช่นนี้ในปักกิ่งนอกเหนือจากเรื่องตื่นเต้นกับการได้เชยชมสาวงามแล้ว ก็มีเรื่องการข่มเหงรังแกผู้อื่นนี่ล่ะที่จะทำให้พวกมันรู้สึกสนุกได้!
  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการข่มเหงรังแกคนที่มาจากเมืองอื่น..
  “น้องสามน้องสี่ น้องห้า.. พวกเรารีบไปดูอะไรสนุกๆกันดีกว่า!”
  ในรถคันสุดท้าย..คุณชายสองเร่งเร้าให้น้องชายสามคนรีบลงจากรถไปดูเรื่องสนุกตื่นเต้น เพราะเกรงว่าจะพลาดเหตุการณ์น่าสนุกไป
  หลังจากที่ถูกถังเมิ่งพูดท้าทายเช่นนั้นไห่ซานก็รู้สึกเสียหน้าและโมโหจนหน้าดำหน้าแดง..
  ไห่ซานจ้องมองถังเมิ่งด้วยแววตาเย็นชาพร้อมกับพูดขึ้นว่า“เจ้าหนู.. เจ้าพูดกับใคร”
  ถังเมิ่งยืนล้วงกระเป๋าทั้งสองข้างเขาจ้องไห่ซันกลับด้วยแววตาเหยียดหยันพร้อมกับพูดจายั่วยุ
  “ฉันก็พูดกับแกน่ะสิ!หูหนวกหรือยังไง ถ้าไม่ได้ยิน ก็เอียงหูมาใกล้ๆ”
  เฉินเซินเองเมื่อได้ยินคำพูดของถังเมิ่งก็ถึงกับหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธเช่นกัน..
  ฟ่านลู่ปิงที่เปิดกระจกลงเพื่อสังเกตุการณ์นั้นเมื่อได้เห็นถังเมิ่งตะโกนท้าทายไห่ซนอย่างไม่เกรงกลัวนั้น ก็ได้แต่คิดในใจว่า.. จะตีสุนัขก็ยังต้องดูเจ้าของ เด็กนั่นทำเช่นนี้ก็เท่ากับหาเรื่องใส่ตัวชัดๆ!
  ไห่ซานหันไปมองเฉินเซินแทนการถาม..ถึงแม้มันจะโมโหถังเมิ่งอย่างมาก แต่มันเป็นบอดี้การ์ดของเฉินเซิน จึงต้องให้เฉินเซินเป็นผู้ตัดสินใจ
  “ในเมื่อมันอยากมีเรื่องกับฉันก็จัดให้มันก็แล้วกัน!”
  เฉินเซินจ้องมองถังเมิ่งด้วยแววตาเย็นชาพร้อมกับถามด้วยเสียงรอดไรฟัน..
  ถังเมิ่งกล้าพูดจาไม่ให้หน้าเฉินเซินเช่นนี้เขายังจะต้องเสียเวลาพูดจาไร้สาระอะไรอีก..
  ทันทีที่ได้รับคำสั่งจากเฉินเซินไห่ซานก็เดินแสยะยิ้มเข้าไปหาถังเมิ่งทันที!
  ไห่ซานนั้นเป็นยอดฝีมือขั้นโฮ่วเทียน-8หากจะจัดการกับถังเมิ่งก็ย่อมเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก..
  เพียะ!
  ทั้งเฉินเซินและคนอื่นๆต่างก็คิดว่าถังเมิ่งนั้นไม่ต่างจากหมูในอวย แต่ระหว่างที่ทุกคนกำลังงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้นอยู่นั้น ร่างสูงใหญ่ก็ลอยละลิ่วออกมาไม่ต่างจากว่าว และกระแทกกับต้นไม้ขนาดใหญ่ก่อนที่จะตกลงบนพื้นในที่สุด!
  แต่เมื่อทุกคนได้สติ..และหันกลับไปมองจุดเดิมอีกครั้ง ทุกคนต่างก็เห็นถังเมิ่งยังคงยืนเอามือสองข้างล้วงกระเป๋าอยู่เหมือนเดิม ซึ่งไม่น่าจะใช่ผู้ที่ลงมือได้!
  “เห้ย..”
  “นี่มันอะไรกัน!”
  “นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นวะ”
  ทุกคนต่างก็ตกตะลึงโดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กหนุ่มเพลย์บอยทั้งสี่คน ที่แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง!
  ในเมื่อคนที่พวกมันอยากเห็นว่าถูกกระทืบนั้นยังคงยืนสบายดีอยู่เหมือนเดิมดังนั้นคนที่ลอยละลิ่วออกไปกระแทกกับต้นไม้ ก็ต้องเป็นบอดี้การ์ดของเฉินเซินอย่างแน่นอน..
  “กลางวันแสกๆยังคิดที่จะทำร้ายคนอื่นแบบนี้ ไม่โอหังไปหน่อยหรือไง”
  หลังจากที่ตบหน้าไห่ซานจนลอยละลิ่วออกไปแล้วหลิงหยุนก็ทำท่าปัดฝุ่นที่มือออกพร้อมกับพูดยิ้มๆ
  ในเมื่อศัตรูที่ตั้งใจจะสังหารอยู่ตรงหน้าแล้วหลิงหยุนจึงไม่จำเป็นต้องปราณีมันอีก ด้วยความแข็งแกร่งของหลิงหยุนที่เหนือกว่าไห่ซานหลายพันเท่านั้น เพียงแค่การตบแค่หนึ่งฉาดก็ทำให้ไห่ซานถึงกับไม่สามารถตอบโต้หลิงหยุนได้อีก..
  และแน่นอนว่าที่หลิงหยุนเพียงแค่ทำร้ายไห่ซานนั้นเพราะเขายังมีเรื่องที่จะต้องเค้นถามมันอีก ไม่เช่นนั้นเวลานี้ต่อให้มีสิบไห่ซานก็คงต้องตายไปทั้งหมดแล้ว!
  “นี่..นี่แก!”
  เฉินเซินนั้นอยู่ในระดับสูงสุดขั้นโฮ่วเทียน-6มันจึงไม่เห็นแม้กระทั่งว่าหลิงหยุนเดินมาตรงจุดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ต่อเมื่อหลิงหยุนเอ่ยปากพูดเท่านั้น มันจึงได้มีปฏิกิริยาตอบโต้ได้..
  “แกไม่ใช่พนักเสริฟของที่ร้านหรอกเหรอ”
  เฉินเซินร้องถามอย่างโมโหและได้แต่แอบคิดอยู่ในใจว่า.. เหตุใดตนเองจึงได้โชคร้ายเช่นนี้
  เฉินเซินถูกสั่งให้อยู่แต่ในบ้านมานานและเพิ่งจะได้รับอนุญาตให้ออกมาข้างนอกได้ แต่ก็ต้องมาเจอเรื่องบ้าบอแบบนี้เข้า..
  ‘ซวยชิบหาย!มาเจอตอเข้าหรือเปล่าก็ไม่รู้..!’
  สายตาของหลิงหยุนที่มองเฉินเซินนั้นไม่ต่างจากกำลังมองร่างที่ไร้วิญญาณ จากนั้นจึงยกมือขึ้นชี้หน้าเฉินเซินพร้อมกับพูดขึ้นว่า
  “เมื่อครู่แกถามใช่มั๊ยว่ารถที่จอดอยู่นั่นของใครฉันจะบอกให้ว่า.. นั่นเป็นรถของฉันเอง!”
  นับว่าเฉินเซินนั้นโชคร้ายจริงๆ!หากไม่ใช่เพราะวันนี้เขามัวแต่วุ่นวายอยู่กับเรื่องของฟ่านลู่ปิง เขาก็คงจะรู้ว่าที่ด่านหน้าคฤหาสน์ตระกูลเฉินนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง และคงจะได้เห็นหน้าถังเมิ่งกับหลิงหยุนพร้อมทั้งรถแลนด์โรเวอร์ของทั้งคู่ และป่านนี้ก็คงจะไหวตัวโทรเรียกคนมาช่วยได้ทันแล้ว!
  ไห่ซานนั้นมีฝีมือเหนือกว่าเฉินเซินแต่เวลานี้เขากลับถูกหลิงหยุนตบจนกระเด็นลอยละลิ่วลงมานอนกองอยู่ที่พื้น แต่ถึงกระนั้นเฉินเซินก็ยังไม่สำเหนียก และยังไม่หยุดยะโสโอหังอีก..
  “แก..แกรู้มั๊ยว่าฉันเป็นใคร”เฉินเซินถามเสียงห้วน
  “รู้สิ!ก็เพราะฉันรู้ว่าแกเป็นใครไง.. ฉันถึงจะกระทืบแก!”
  หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเรียบและยังไม่ทันที่จะสิ้นเสียงของหลิงหยุน ร่างของเขาก็ไปปรากฏอยู่ตรงหน้าเฉินเซินแล้ว
  “วันนี้เป็นวันซวยของแก!”
บทที่ 800 : ร้องขอความเมตตา!
  เพียะ!
  มือซ้ายของหลิงหยุนยื่นออกไปแล้วฟาดหลังมือเข้ากับใบหน้าด้านขวาของเฉินเซินอย่างแรง และเสียงเนื้อกระทบเนื้อก็ดังสนั่นไปไกลถึงหนึ่งร้อยเมตรเลยทีเดียว!
  “โอ๊ย!”
  เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของเฉินเซินดังขึ้นนาทีนั้นแม้ว่าเฉินเซินจะยกมือขึ้นป้องกันแล้ว แต่ก็ยังช้ากว่าหลิงหยุนมาก จึงยากนักที่มันจะหลบเลี่ยงฝ่ามือที่รวดเร็วปานสายฟ้าของหลิงหยุนได้..
  รอยนิ้วมือสี่นิ้วปรากฏขึ้นที่แก้มซ้ายของเฉินเซินและบวมปูดขึ้นมาทันที ความเร็วของฝ่ามือหลิงหยุนนั้นรวดเร็วเกินกว่าที่ใครจะมองเห็นได้ เฉินเซินเริ่มรู้สึกว่าใบหน้าซีกซ้ายของตนเองนั้นชาไปทั้งหน้า และเริ่มเห็นดาวระยิบระยับอยู่เต็มไปหมด ภาพต่างๆที่มองเห็นก็เริ่มกลายเป็นภาพซ้อน..
  ร่างของเฉินเซินถึงกับหมุนรอบเพราะแรงตบของหลิงหยุนแต่ก็ไม่ถึงกับล้มลงพื้นไป..
  เฉินเซินนั้นมีอุปนิสัยใจคอที่โหดเหี้ยมถึงแม้จะรู้ว่าพบเจอกับคนมีฝีมือเข้าแล้ว แต่หลังจากที่ถูกหลิงหยุนตบหน้าจนหน้าชาไปครึ่งซีก และเจ็บปวดอย่างมากนั้น มันก็ยิ่งโมโหจนคลุ้มคลั่ง
  “ถุย..”
  เฉินเซินถ่มเลือดที่ไหลเต็มปากออกมาและฟันสองซี่ก็ร่วงหล่นลงมาด้วย มันยกมือขึ้นชี้หน้าหลิงหยุนพร้อมกับร้องตะโกนอย่างคลั่งแค้น
  “แก..แกกล้าทำร้ายฉันงั้นเหรอ คนบ้านนอกอย่างแกคงไม่รู้จักตระกูลเฉินสินะ!”
  หลิงหยุนยังคงยิ้มอย่างสดใสพร้อมกับจ้องมองเฉินเซินที่กำลังเดือดดาลคลุ้มคลั่ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบเช่นเคย
  “ฉันก็บอกแกไปแล้วไงว่า..เพราะฉันรู้.. ฉันถึงได้กระทืบแกไงเล่า! นี่แกความจำเสื่อมหรือยังไง”
  พูดจบหลิงหยุนก็ยกมือขึ้นตบหน้าเฉินเซินอีกสี่ฉาดและครั้งนี้หลิงหยุนก็ตบแรงกว่าครั้งแรก..
  เพียะ..เพียะ.. เพียะ.. เพียะ..
  สิ้นเสียงตบหน้าติดกันสี่ฉาดก็ตามมาด้วยเสียงร้องตะโกนของผู้คน..
  “โอ๊ะ.”
  “ห๊ะ..”
  “เห้ย..”
  เฉินเซินนั้นขึ้นชื่อว่าทั้งยะโสโอหังและจองหองระหว่างที่ใช้ชีวิตหรูหราอยู่ในปักกิ่งนั้น ก็เอาแต่ข่มเหงรังแกผู้อื่นไม่ว่าชายไม่ว่าหญิง แต่ในที่สุดวันนี้กลับถูกหลิงหยุนตบหน้าจนถึงกลับต้องร้องไห้ออกมา..
  และไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเจ็บปวดหรือเป็นเพราะความอับอายกันแน่ จู่ๆน้ำตาของเฉินเซินก็ไหลพร่างพรูออกมา มันรีบยกมือทั้งสองขึ้นกุมศรีษะไว้ และย่อตัวลงทันที เพราะเกรงว่าจะถูกหลิงหยุนตบหน้าอีก..
  และนี่ไม่อาจเรียกว่าการต่อสู้ได้..แต่มันคือการสร้างความอัปยศอดสูให้กับเฉินเซินต่างหาก!
  “นี่มัน..”
  “แย่แล้ว..”
  “ฉันเพิ่งเคยเจอคนแบบนี้เป็นครั้งแรก!ยังไม่สอบถามว่าเป็นใคร ก็ลงมือจนน่วมแล้ว!”
  เพียงแค่ลงมาจากรถได้ไม่นานหนุ่มเพลย์บอยทั้งสี่คนต่างก็ต้องตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขาทั้งสี่คนมีเรื่องมีราวมามากมายหลายครั้ง แต่ถึงกระนั้นก่อนจะลงมือทุกครั้ง ก็ต้องถามไถ่ฐานะของอีกฝ่ายเสียก่อน ไม่เช่นนั้นหากพลาดไปมีเรื่องกับตระกูลที่มีอิทธิพลเข้า ครอบครัวของพวกเขาก็คงยากที่จะรับไหวเช่นกัน..
  แต่ชายหนุ่มคนนี้ไม่เพียงไม่ถาม..แม้กระทั่งเฉินเซินบอกกล่าวฐานะของตนเอง เขายังไม่แยแส และตอบเฉินเซินกลับไปว่า.. เพราะเขารู้เขาถึงได้ลงมือกับเฉินเซิน!
  นี่ตระกูลเฉินตกต่ำไร้ราคาเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!
  แม้เด็กหนุ่มเพลย์บอยทั้งสี่คนจะโกรธแทนเฉินเซินแต่พวกมันก็หวาดกลัว และตกตะลึงในความเก่งกาจของหลิงหยุนจนทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน ในเมื่อไม่สามารถช่วยอะไรได้ ก็ต้องปล่อยให้เฉินเซินถูกตบหน้าไปคนเดียว ดีกว่าที่ทุกคนจะถูกทำร้ายกันหมด..
  จากการถูกตบหน้ารัวๆนั้นทำให้เวลานี้ใบหน้าของเฉินเซินถึงกับบวมเปล่งไม่ต่างจากหัวหมูไหว้เจ้าไปแล้ว และตอนนี้ทั้งเลือดและน้ำตา ก็ไหลออกมาไม่หยุด..
  และในที่สุดร่างของเฉินเซินก็ทรุดลลงไปกองกับพื้น..
  “อ๊ะ..”
  “นี่มัน..”
  เด็กหนุ่มเพลย์บอยทั้งสี่คนได้แต่ยืนมองด้วยความตกตะลึงจากนั้นจึงหันไปมองหน้ากันด้วยความสิ้นหวัง..
  แม้แต่ซุปเปอร์สตาร์อย่างฟ่านลู่ปิงและผู้ช่วยเองก็ยังถึงกับนิ่งอึ้งตัวสั่น..
  ริมฝีปากคู่สวยของฟ่านลู่ปิงนั้นอ้ากว้างจนสามารถยัดไข่ไก่ลงไปได้และได้แต่คิดในใจว่าที่นี่มีการถ่ายทำภาพยนต์อย่างนั้นหรือ.. แต่แล้วก็กลับคิดว่ามันดูเหมือนจริง และโหดกว่าในภาพยนต์หรือในละครเสียอีก!
  ‘พระเจ้า..นี่ถ่ายทำภาพยนตร์ หรือว่าเรื่องจริงกัน!’
  ในที่สุดฟ่านลู่ปิงก็รู้ว่าหลิงหยุนไม่ใช่เด็กเสริฟอย่างที่เธอคิดแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าหากเด็กหนุ่มนั่นรู้ว่าคนที่เขากำลังทำร้ายเป็นถึงคุณชายแห่งตระกูลเฉินนั้น เขาจะยังคงหัวเราะร่าได้แบบนี้อยู่อีกหรือเปล่า
  ฟ่านลู่ปิงถึงกับตกใจและนึกเป็นห่วงหลิงหยุนขึ้นมา..
  ถังเมิ่งตามเข้ามา..เขายกเท้าขึ้นเตะร่างที่ทรุดไปกองกับพื้นของเฉินเซินพร้อมกับร้องตะโกนว่า
  “แกเป็นเจ้าของที่จอดรถหรือยังไงลุกขึ้นมาสิ.. ถ้ามีแรงก็ลุกขึ้นไปขับรถของแกมาจอด..”
  “นี่..จบแล้วเหรอ!”
  “นี่มัน..เร็วมากเลย!”
  “นี่..หมดเรื่องแล้วเหรอ!”
  “….”
  ทั้งเกาเฉินเฉินกงเสี่ยวลู่ ฉางหลิง และเหลียงเฟิงอี้ที่วิ่งตามออกมานอกร้านก็ทั้งงุนงงทั้งตกใจ เพราะเพียงแค่เวลาประเดี๋ยวเดียวหลิงหยุนก็จัดการจนอีกฝ่ายลงไปนอนกองกับพื้นแล้ว
  “ฉันจะฆ่าแก!”
  เกาเฉินเฉินร้องตระโกนออกมาพร้อมกับวิ่งเข้าไปเตะร่างของเฉินเซินเธอเตะไปก็ร้องไห้ไป..
  แม้ว่าเกาเฉินเฉินจะยังไม่ถึงขั้นเซียงเทียน-2เธอก็ได้เคยฝึกวรยุทธมาบ้างเล็กๆน้อย และด้วยความคับแค้นใจที่มีต่อตระกูลเฉิน เธอจึงเตะร่างของเฉินเซินอย่างไม่ปราณี และตั้งใจเตะเข้าที่อวัยวะใต้ท้องน้อยของเขาอย่างบ้าคลั่ง!
  หลิงหยุนยืนนิ่งแต่จิตหยั่งรู้ยังคงจับภาพของเฉินเซินไว้ และนี่คือเวลาแก้แค้นศัตรู หลิงหยุนจึงไม่ห้ามเกาเฉินเฉิน ไม่เช่นนั้นเขาคงจะสังหารเฉินเซินไปแล้ว และคงไม่ปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่เช่นนี้แน่!
  เฉินเซินนอนกลิ้งกับพื้นด้วยความเจ็บปวดและหลังจากที่ถูกเกาเฉินเฉินเตะเข้าที่จุดสำคัญใต้ท้องน้อยเช่นนี้ มันก็ถึงกับตัวงอเป็นกุ้งเลยทีเดียว..
  แต่ถึงแม้หลิงหยุนกับเกาเฉินเฉินจะสวมแว่นกันแดดปิดบังใบหน้าแต่เฉินเซินก็จำภาพของทั้งคู่ได้อย่างไม่มีวันลืม และทันทีที่มันหนีออกไปจากที่นี่ได้แล้วล่ะก็ มันจะกลับไปขอให้คนในครอบครัวช่วยล้างแค้นให้อย่างแน่นอน!
  “ได้โปรดเถิด..อย่าทำอะไรผมเลย ผมผิดไปแล้ว!”
  เฉินเซินนอนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและร้องขอความเมตตาจากหลิงหยุน..
  ดังคำพูดว่าเมื่อหลังคาต่ำ ก็จำต้องก้มศรีษะจึงจะเดินต่อไปได้
  ในเมื่ออีกฝ่ายไม่สนใจฐานะของตนเองและไม่มีโอกาสที่จะโทรเรียกใครมาช่วยได้ เฉินเซินจึงต้องร้องขอความเมตตาจากหลิงหยุน เพราะไม่มีหนทางอื่นแล้ว..
  ระหว่างนั้นเฉินเซินก็เหลือบมองเด็กหนุ่มเพลย์บอยทั้งสี่คนที่มากับตนเองและได้แต่คิดในใจว่า ‘พวกแกนี่โง่ชะมัด! ฉันถูกกระทืบแบบนี้ ทำไมไม่แอบโทรเรียกคนมาช่วยวะ!’
  “เฉินเฉิน..พอได้แล้ว! เดี๋ยวเท้าของคุณจะสกปรกเสียหมด”
  เมื่อหลิงหยุนเห็นว่าเกาเฉินเฉินได้ระบายความเคียดแค้นพอสมควรแล้วเขาก็บอกให้เธอหยุด จากนั้นจึงก้มลงไปพูดกับเฉินเซินที่อยู่บนพื้นว่า
  “ตอนนี้รู้ตัวว่าผิดแล้วหรือไงใหนลองบอกมาซิว่าแกทำผิดอะไร?”
  เฉินเซินเงยหน้าขึ้นมองหลิงหยุนและรีบตอบไปว่า..
  “ผมขอโทษ..ผมผิดที่ยะโสโอหัง”
  “ไม่สิ..ผมผิดที่มาที่นี่ ผมไม่ควรมาแก่งแย่งกับคุณ.. เป็นความผิดของผมเอง.. ผมไม่กล้าทำแบบนี้อีกแล้ว”
  สำหรับคนบางคน..หน้าตาสำคัญยิ่งกว่าชีวิต แต่สำหรับบางคนนั้น.. เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความตาย และความเจ็บปวด เกียรติยศศักดิ์ศรี และหน้าตาก็ไร้ซึ่งความหมาย..
  และแทบไม่ต้องสงสัยเฉินเซินนั้นเป็นคนประเภทหลังเขาเติบโตอย่างสุขสบายในเมืองหลวง ใช้ชีวิตเสเพลไปวันๆ จึงไม่ใช่เรื่องยากที่ยอมเสียศักดิ์ศรี หรือหน้าตาเพื่อร้องขอความเมตตาจากหลิงหยุน..
  แต่ช่างโชคร้ายที่เฉินเซินนั้นไม่รู้ว่าหลิงหยุนนั้นเกลียดชังมันมากเพียงใด!
  เมื่อครั้งที่หลิงหยุนไปสำรวจคฤหาสน์ตระกูลเฉินนั้นเขาได้ยินคำพูดที่เฉินเซินพูดถึงเกาเฉินเฉิน และได้พบเห็นความโหดร้ายป่าเถื่อนของมัน ต่อให้เฉินเซินลืมเรื่องราวเหล่านั้นไปหมดแล้ว แต่หลิงหยุนยังคงจำได้แม่นยำ และเพียงเท่านี้ก็เป็นเหตุผลให้หลิงหยุนตัดสินใจที่จะฆ่ามันได้แล้ว..
  “อ่อ..ความผิดของแกมีมากมายขนาดนี้เลยเหรอ!”
  หลิงหยุนอดทนฟังเฉินเซินพูดจนจบก่อนจะตอบกลับไปยิ้มๆ “ในเมื่อความผิดของแกมีเยอะขนาดนี้ แค่คำขอโทษยังดูไม่จริงใจพอ..”
  ทันทีที่ได้ฟังคำพูดของหลิงหยุนเฉินเซินก็ตะโกนสวนขึ้นมาทันที “ผมเข้าใจที่คุณพูด.. เอาเป็นว่าคุณเสนอเงื่อนไขมาเลย คุณต้องการอะไร ผมยินดีให้!”
  “ฮ่า..ฮ่า.. ฮ่า..”
  หลิงหยุนฟังแล้วก็ได้แต่หัวเราะออกมาเสียงดังแล้วตอบกลับไปว่า “อยากได้อะไรก็จะให้งั้นเหรอ ฉันกลัวแต่ว่าสิ่งที่ฉันอยากได้ แกจะไม่มีปัญญาหามาให้ได้น่ะสิ!”
  “ไม่มีทาง..ผมให้คุณได้ทุกอย่าง ไม่ว่าคุณอยากได้อะไร ผมสามารถหามาให้ได้ทุกอย่างจริงๆ!”
  เฉินเซินกลัวว่าหลิงหยุนจะไม่เชื่อมันรีบยกมือขึ้นชี้ไปที่รถหรูของตนเอง พร้อมกับร้องตะโกนบอกหลิงหยุนว่า
  “นี่เพื่อน..นายรู้มั๊ยว่าใครที่นั่งอยู่ในรถคันนั้น เธอเป็นถึงซุปเปอร์สตาร์เชียวนะ.. เธอชื่อฟ่านลู่ปิง ฉันยกให้นาย เชิญนายไปกินข้าวกับเธอได้เลย หรืออยากจะทำอะไรกับเธอมากกว่านั้นก็ได้!”