บทที่ 801 : ฟ่านลู่ปิง!
ในเมืองหลวงอย่างปักกิ่ง..การที่เด็กหนุ่มเพลย์บอยจากครอบครัวร่ำรวย และมีอิทธิพลมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันนั้น ได้กลายเป็นเรื่องธรรมดาของเมืองแห่งนี้ไปแล้ว
และภาพของการใช้ชีวิตผู้อื่นเป็นเครื่องต่อรองหลังความขัดแย้งเพื่อแก้ปัญหานั้นก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปกติเช่นกัน
เพราะการจะสังหารใครสักคนในเมืองหลวงเช่นนี้ก็ต้องดูตาม้าตาเรือ และรู้จักสอบถามฐานะของฝ่ายตรงข้ามด้วย เพระหากไปเจอเข้ากับตระกูลใหญ่เข้าแล้วล่ะก็ ไม่เพียงแค่ตนเองจะเอาชีวิตไม่รอด แม้แต่ครอบครัวของพวกเขาก็จะต้องถูกทำลายถึงขั้นสาบสูญไปจากประเทศนี้เลยก็ว่าได้..
ประเทศจีนมีประชากรนับพันล้านคน..และมากมายหลายครั้งที่ครอบครัวคนธรรมดาในประเทศได้หายสาบสูญไปอย่างเงียบๆ ไร้ซึ่งร่องรอยใดๆ
ดังนั้น..การที่หลิงหยุนตบหน้าไห่ซานซึ่งเป็นบอดี้การ์ดของเฉินเซินจนลอยละลิ่วออกไป หรือตะโกนใส่หน้าเฉินเซินหลายครั้งนั้น เด็กหนุ่มเพลย์บอยทั้งสี่คนต่างก็คิดว่าหลิงหยุนคงต้องการสั่งสอนเท่านั้น และไม่เชื่อว่าหลิงหยุนคิดจะฆ่าเฉินเซินจริงๆ
อย่าว่าแต่ไม่เชื่อเลย..พวกเขาทั้งสี่คนไม่คิดเรื่องนี้ด้วยซ้ำไป!
ระหว่างนั้นเฉินเซินเองก็ยกมือขึ้นชี้ไปทางหนุ่มเพลย์บอยทั้งสี่คนเพื่อขอให้พวกเขาช่วยยืนยันกับหลิงหยุนอีกแรง เด็กหนุ่มเพลย์บอยทั้งสี่คนจึงรีบพยักหน้าเป็นการบอกกับหลิงหยุนว่า ตระกูลเฉินนั้นมีอำนาจอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่มากจริงๆ!
เด็กหนุ่มเพลย์บอยทั้งสี่คนติดตามเฉินเซินมานานและรู้จักนิสัยใจคอของเฉินเซินดีว่า หากพวกมันทำให้เฉินเซินไม่พอใจ เฉินเซินคงจะต้องหาเรื่อง และครอบครัวของพวกมันก็จะต้องเดือดร้อนด้วย
“ใช่ๆพวกเราทั้งสี่คนเป็นพยานให้ได้!”
“ไม่ว่านายอยากได้อะไร..รับรองว่าคุณชายเฉินต้องจัดหามาให้นายอย่างแน่นอน!”
“นี่เพื่อน..นายคงจะไม่เคยได้ยินชื่อของคุณชายเฉินมาก่อน เขาเป็นถึงนายน้อยสามแห่งตระกูลเฉินเชียวนะ!”
เด็กหนุ่มทั้งสี่คนต่างก็นึกแปลกใจไม่น้อยที่หลิงหยุนไม่รู้จักตระกูลที่ยิ่งใหญ่อย่างตระกูลเฉินพวกเขาจึงย้ำคำว่าตระกูลเฉินแห่งปักกิ่งให้หลิงหยุนรับรู้หลายรอบมาก..
แต่น่าเสียดายที่หลิงหยุนไม่แม้แต่จะหันไปมองหนุ่มเพลย์บอยทั้งสี่คนเขาทำหูทวนลม และไม่สนใจคำพูดไร้สาระของพวกมัน แต่กลับหันไปทางฟ่านลู่ปิงซึ่งนั่งอยู่ในรถหรูแทน พร้อมกับรอยยิ้มบางๆ
ทางด้านฟ่านลู่ปิงซึ่งอยู่ในรถนั้นก็กำลังนั่งหายใจแรงด้วยความโมโห..
ฟ่านลู่ปิงเป็นถึงดาราที่มีชื่อเสียงสื่อทุกสำนักต่างก็ต้องการทำข่าวของเธอ วันนี้เธอยอมมาทานข้าวกับเฉินเซิน แต่เฉินเซินกลับทำเหมือนเธอเป็นผู้หญิงขายตัว ที่จะสามารถขายหรือยกให้ใครต่อใครได้ เธอจึงไม่อาจทนนิ่งเฉยต่อไปได้อีก..
แต่ถึงแม้จะทนไม่ได้..เธอก็ต้องอดทนอดกลั้นอยู่ดี! เพราะเธอเองก็ไม่กล้าฟ้องเฉินเซิน และไม่กล้าที่จะมีเรื่องกับตระกูลเฉิน..
ทางด้านเด็กหนุ่มเพลย์บอยทั้งสี่คนเห็นหลิงหยุนไม่สนใจตนเองและทำราวกับว่าพวกมันเป็นอากาศธาตุ ก็ได้แต่นึกโมโห..
“ก็แค่ฟ่านลู่ปิง..ซุปเปอร์สตาร์แล้วยังไง!”
เกาเฉินเฉินพูดขึ้นมาทันที..ในเมื่อตระกูลของเธอก็เป็นถึงหนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่แห่งปักกิ่ง จำเป็นที่เธอต้องเห็นฟ่านลู่ปิงอยู่ในสายตาด้วยอย่างนั้นหรือ
“ฟ่านลู่ปิงงั้นเหรอหน้าตาก็สวยดีอยู่หรอก แต่ดูเหมือนตัวจริงจะอ้วนไปหน่อย..” เหลียงเฟิงอี้ก็พึมพำออกมาอย่างมั่นใจเช่นกัน
มีเพียงกงเสี่ยวลู่กับฉางหลิงเท่านั้นที่ยังคงนิ่งเงียบและในฐานะที่เป็นครู กงเสี่ยวลู่จึงรู้สึกไม่พอใจกับคำพูดประโยคสุดท้ายของเฉินเซินนัก..
‘อยากทำอะไรกับเธอมากกว่านั้นก็ได้อย่างงั้นเหรอ’
ทางด้านฉางหลิงก็ได้แต่ยืนจ้องมองไปทางรถหรูที่ฟ่านลู่ปิงนั่งอยู่เธอใฝ่ฝันที่เข้าเรียนทางด้านสื่อต่างๆ และในวันข้างหน้าก็จะต้องพบเจอกับดารานักแสดงมากมาย ดังนั้นในเวลานี้ที่เธอกำลังจะได้พบกับฟ่านลู่ปิงซึ่งเป็นดาราระดับซุปเปอร์สตาร์เช่นนี้ จึงแทบอธิบายความรู้สึกของเธอออกมาไม่ได้
“ฟ่านลู่ปิงอยู่ในรถจริงๆเหรอไม่น่าเชื่อว่าจะมาเจอตัวจริงที่นี่..” แววตาของฉางหลิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น..
“แม่เจ้าโว้ย..”
ทางด้านถังเมิ่งเมื่อได้ยินว่าฟ่านลู่ปิงมาที่นี่ด้วยก็ได้แต่ร้องอุทานออกมาพร้อมกับแอบคิดในใจว่าเป็นบุญตาของเขาจริงๆ!
มีเพียงหลิงหยุนเท่านั้นที่ยังคงยืนสงบนิ่งไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียวเพราะหนึ่ง.. เขาไม่รู้ว่าฟ่านลู่ปิงเป็นดาราระดับซุปเปอร์สตร์ และสอง.. เขาเห็นฟ่านลู่ปิงนั่งอยู่ในรถตั้งนานแล้ว หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่าผู้หญิงคนนี้สวยเพราะเครื่องสำอางค์ แต่หากลบเครื่องสำอางออก สาวงามรอบตัวเขาล้วนสวยงกว่ามากมาย
หลิงหยุนเองก็ได้ยินคำพูดของเหลียงเฟิงอี้อย่างชัดเจนและค่อนข้างเห็นด้วยกับเธอว่าฟ่านลู่ปิงนั้นอวบไปเล็กน้อย
แต่จะว่าไปแล้ว..ทั้งเหลียงเฟิงอี้ หลินเมิ่งหาน และเฉิงเม่ยเฟิงนั้น ล้วนแล้วแต่สวยงามกว่าฟ่านลู่ปิงทั้งสิ้น และรูปร่างของเหลียงเฟิงอี้ก็ดีกว่าฟ่านลู่ปิงด้วย
และนับว่าเป็นความโชคร้ายของฟ่านลู่ปิงที่เฉินเซินดันพูดออกมาว่าจะให้เธอไปกินข้าวกับหลิงหยุน หรือแม้แต่จะไปทำอะไรกันต่อก็ย่อมได้ มีหรือที่หญิงสาวทั้งสี่คนจะพอใจ..
หลิงหยุนก้มหน้าลงไปพูดกับเฉินเซินซึ่งนอนอย่างน่าสังเวชอยู่บนพื้น“ฉันคงรับข้อเสนอนี้ไม่ได้.. เห็นมั๊ยว่าสาวๆเริ่มไม่พอใจกันแล้ว!”
เฉินเซินได้แต่เงยหน้าขึ้นมองสาวสวยทั้งสี่คนที่เพิ่งมาถึงและยืนอยู่ข้างกายหลิงหยุนด้วยความตกตะลึง มันถึงกับทำหน้าตกใจ และได้แต่คิดในใจว่า
‘ไม่น่าเชื่อ..หมอนี่มีสาวสวยอยู่รอบตัวมากมายขนาดนี้เชียวเหรอ’
นับว่าเป็นข้อเท็จจริงไม่น้อยที่ดาราส่วนใหญ่ไม่ได้สวยไปกว่าผู้หญิงสวยแต่ไม่ได้เป็นดาราที่มีชื่อเสียงเลย เพราะแม้แต่สี่หนุ่มเพลย์บอยเองก็เคยพบเจอสาวสวยมากมายที่ไม่ได้อยู่ในแวดวงบันเทิงเลยแม้แต่คนเดียว
อย่างเช่นหลิงซิ่วและหลิงซวี่แห่งตระกูลหลิงเป็นต้น ทั้งคู่ต่างก็เป็นสองในสิบสาวงามแห่งปักกิ่ง แต่ก็ไม่เคยเฉียดเข้าวงการบันเทิงเลยแม้แต่น้อย
หนุ่มเพลย์บอยทั้งสี่คนเองก็เพิ่งสังเกตเห็นหญิงสาวทั้งสี่คนที่เพิ่งมาถึงพวกมันถึงกับหันไปมองหน้ากัน และร้องอุทานออกมา
“แม่เจ้า!สวยจนตาค้างเลย..”
ทันทีที่ได้ฟังคำพูดของหลิงหยุนเฉินเซินก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากขอโทษหลิงหยุนอีกครั้ง และแทบไม่กล้าพูดถึงฟ่านลู่ปิงอีกเลย
“เอ่อ..ถ้าฉันพูดอะไรผิดไป ฉันขอโทษ! เอาเป็นว่านายอยากได้อะไรก็บอกฉันมาได้เลย แล้วฉันจะจัดการให้..”
เวลานี้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอฟังว่าหลิงหยุนจะต้องการอะไรเป็นข้อแลกเปลี่ยนกันแน่..
หลิงหยุนยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวจากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “เอาล่ะ.. ในเมื่อแกเป็นคนขอให้ฉันยื่นข้อเสนอเอง ฉันก็ยินดี..”
“เต็มที่เลยเพื่อน..นายบอกมาได้เลยว่าอยากได้อะไร ไม่ต้องเกรงใจ.. ฉันพร้อมจะหามาให้นายถ้านายต้องการ!”
เฉินเซินกระตือรือร้นอยากจะออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด..
หลิงหยุนฉีกยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิมอีกแล้วจึงพูดขึ้นว่า “ฟังนะ.. ฉันต้องการชีวิตของแก!”
เฉินเซินชะงักไปทันทีและรู้สึกเสียวสันหลังอย่างบอกไม่ถูก..
“อะไรนะ!”
“นี่มัน..”
“ห๊ะ!”
เด็กหนุ่มเพลย์บอยทั้งสี่คนรวมทั้งฟ่านลู่ปิงต่างก็ร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ..
“ห๊ะ..ทำอย่างนั้นไม่ได้!” กงเสี่ยวลู่เองก็ร้องออกมาอย่างตกใจ และรีบร้องห้ามในฐานะครู
“นี่..เธอพูดเล่นใช่มั๊ย!”
เหลียงเฟิงอี้ในฐานะแพทย์ที่มีหน้าที่ช่วยชีวิตคนก็ถึงกับร้องอุทานออกมาอย่างตกใจเช่นกัน
ส่วนฉางหลิงได้แต่ยืนนิ่งด้วยความตกใจ..
มีเพียงเกาเฉินเฉินกับถังเมิ่งเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในอาการสงบนิ่งและรู้ว่าหลิงหยุนจะทำตามที่เขาพูดจริงๆ
ฟ่านลู่ปิงนั้นเมื่อได้ยินว่าหลิงหยุนต้องการชีวิตของเฉินเซินและดูเหมือนจะไม่ได้พูดเล่น เธอก็ไม่อาจทนนิ่งเฉยต่อไปได้อีก และได้แต่คิดว่าหากวันนี้หลิงหยุนฆ่าเฉินเซินตายจริงๆ เธอเองก็ต้องโดนหางเลขไปด้วยอย่างแน่นอน..
ฟ่านลู่ปิงสูดลมหายใจลึกจากนั้นจึงเปิดประตู และเดินตรงเข้าไปหาหลิงหยุนทันที เมื่อมาถึงเธอก็ถอดแว่นกันแดดออก และพูดกับเขาว่า
“ขอโทษ..ฉันชื่อฟ่านลู่ปิง! ขอให้เห็นแก่หน้าฉัน เลิกพูดเล่นแบบนี้ได้แล้ว!”
ท่าทางของฟ่านลู่ปิงนั้นมั่นอกมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าหลิงหยุนจะต้องเห็นแก่หน้าของเธออย่างแน่นอน!
บทที่ 802 : ตบหน้าซุปเปอร์สตาร์!
ท่าทางของฟ่านลู่ปิงนั้นราวกับกำลังร่วมงานประกาศรางวัลภาพยนต์และโทรทัศน์ประจำปีหรือไม่ก็คงคิดว่ากำลังเดินอยู่บนพรมแดง เห็นได้ชัดว่าฟ่านลู่ปิงนั้นมั่นอกมั่นใจในความเป็นซุปเปอร์สตาร์ที่มีชื่อเสียงของตนเองอย่างมาก
แม้ฟ่านลู่ปิงจะรู้สึกว่าน้ำเสียงของหลิงหยุนนั้นฟังดูจริงจังแต่เธอก็ไม่คิดว่าหลิงหยุนจะต้องการเอาชีวิตเฉินเซินอย่างที่พูดจริง อาจเพียงแค่ต้องการข่มขวัญเฉินเซินสนุกๆเท่านั้น และหลายคนต่างก็คิดเช่นเดียวกัน
ดังนั้น..ฟ่านลู่ปิงจึงค่อนข้างมั่นใจมากว่าหลิงหยุนจะต้องเห็นแก่หน้าเธออย่างแน่นอน! อีกทั้งคนที่เธอกำลังเจรจาช่วยเหลืออยู่นั้นก็คือนายน้อยแห่งตระกูลเฉิน ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่ของปักกิ่ง ทำให้ฟ่านลู่ปิงยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้น และหากครั้งนี้เธอสามารถช่วยเฉินเซินไว้ได้ ก็จะกลายเป็นคุณประโยชน์กับตัวเธอเองอย่างมาก จากดาราสาวที่มีเพียงชื่อเสียงเท่านั้น ก็จะกลายมาเป็นคนที่มีอำนาจขึ้นมาทันที..
เพราะตระกูลเฉินจะต้องให้การสนับสนุนเธอเป็นการตอบแทน..ดังนั้นฟ่านลู่ปิงจึงกระตือรือร้นที่จะทำให้หลิงหยุนยอมปล่อยตัวเฉินเซิน
“ฮึ..!”
เกาเฉินเฉินและเหลียงเฟิงอี้ทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจฟ่านลูปิงส่วนกงเสี่ยวลู่กับฉางหลิงยังคงยืนนิ่ง..
ในใจของฉางหลิงนั้นรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากที่ได้พบตัวจริงของฟ่านลู่ปิงเพราะที่ผ่านมาเธอเพียงแค่เคยพบเห็นตามสื่อต่างๆเท่านั้น แต่แล้วก็ต้องรู้สึกผิดหวังเมื่อฟ่านลู่ปิงตัวจริงนั้นไม่สวยเท่ากับที่ปรากฏอยู่ตามสื่อต่างๆ
ทางด้านถังเมิ่งเองก็ได้แต่กลืนน้ำลายพร้อมกับคิดว่า ‘ฉันเป็นแฟนตัวยงของฟ่านลู่ปิง พี่หยุนจะจัดการเรื่องนี้ยังไงเนี่ย!’
และระหว่างนั้นถังเมิ่งก็แอบครุ่นคิดถึงธุรกิจต่อไปของตนเองอย่างเงียบๆ
ส่วนหลิงหยุนนั้นกำลังจ้องมองฟ่านลู่ปิงผ่านแว่นกันแดดที่สวมอยู่ด้วยแววตาเย็นชาและรอจนกระทั่งเธอเดินเข้ามาใกล้จึงพูดขึ้นว่า
“คุณต่างหากที่เลิกพูดเล่นได้แล้ว!ผมไม่รู้จักฟ่านลู่ปิง ไม่เคยได้ยินชื่อเลยด้วยซ้ำไป แล้วทำไมผมต้องไว้หน้าคุณด้วย อีกอย่าง.. ใบหน้าของคุณก็ไม่ได้มีค่าอะไรสำหรับผม!”
เมื่อเหลียงเฟิงอี้ได้ยินคำพูดของหลิงหยุนก็ถึงกับหัวเราะเสียงดังออกมาแต่ก็รีบยกมือขึ้นปิดปากกลั้นหัวเราะไว้จนตัวโยก
“นี่คุณ..”
ฟ่านลู่ปิงถึงกับยืนหน้าซีดเผือดพูดอะไรไม่ออกและแทบล้มทั้งยืนเมื่อได้ฟังคำตอบของหลิงหยุน..
ฟ่านลู่ปิงรู้สึกอับอายยิ่งกว่าถูกตบหน้าเหมือนเฉินเซินเสียอีก!
ไว้หน้าอย่างนั้นหรือหากหลิงหยุนต้องการสังหารใครสักคนแล้วล่ะก็ อย่าว่าแต่ฟ่านลู่ปิงเลย ต่อให้เป็นเทพองค์ใหนก็ยากที่จะช่วยชีวิตของมันผู้นั้นได้!
และสำหรับหลิงหยุนเขาไม่จำเป็นต้องสนใจ และไว้ใหน้าใครทั้งนั้น!
“เฮ้อ..คิดว่าเป็นดาราแล้วหลิงหยุนจะไว้หน้าอย่างงั้นเหรอ สร้างความอับอายให้ตัวเองชัดๆ!”
เกาเฉินเฉินยังแอบคิดว่าด้วยนิสัยของหลิงหยุนเขาอาจจะเพียงแค่หัวเราะเยาะใส่หน้าฟ่านลู่ปิงให้ขายหน้าบ้างเล็กๆน้อยๆเท่านั้น จากนั้นก็คงยอมทำตามคำขอร้อง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเพื่อตระกูลเกาแล้ว หลิงหยุนกลับไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้นเช่นนี้!
เกาเฉินเฉินรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมากเธอหันไปมองหลิงหยุนด้วยแววตาอ่อนโยน..
แต่ความจริงแล้วเกาเฉินเฉินเดาถูกเพียงแค่ส่วนเดียวเท่านั้นการกระทำของหลิงหยุนในวันนี้ส่วนใหญ่ล้วนเกิดจากรูปของไห่ซานที่เขาได้มาจากกล้องวงจรปิดของร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่นั่นเอง
นี่คือคนที่ต้องการจะสังหารหลิงหยุนและยังได้สังหารเจ้าของร่างนี้ไปแล้วด้วย อีกทั้งเวลานี้หลิงหยุนก็ได้กลับเข้าตระกูลหลิงแล้ว จึงมีเหตุผลมากมายเพียงพอที่หลิงหยุนจะสามารถฆ่าไห่ซานและเฉินเซินได้ เช่นนี้แล้วมีหรือที่เขาจะยอมปล่อยพวกมันไปง่ายๆ
ฝันกลางวันชัดๆ!
ถังเมิ่งได้แต่เกาศรีษะพร้อมกับอ้าปากหวอและคิดในใจว่า ‘โอ้โหคนสวย.. นี่คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่แค่ใหนกัน!’
ตั้งแต่ถังเมิ่งรู้จักหลิงหยุนมาเขาไม่เคยเห็นหลิงหยุนดูทีวี หรือภาพยนตร์มาก่อนเลย แล้วมีหรือที่หลิงหยุนจะยอมไว้หน้าดาราเพียงคนเดียว.. ตลกสิ้นดี!
ไม่เพียงฟ่านลู่ปิงที่ตกตะลึงสี่หนุ่มเพลย์บอยก็อึ้งไปเช่นกัน แต่คนที่ตกใจมากที่สุดดูเหมือนจะเป็นเฉินเซิน!
เฉินเซินรู้ได้ทันทีว่าหายนะครั้งใหญ่กำลังคืบคลานเข้ามาหาตัวเองแล้วมันเริ่มสัมผัสได้ถึงรังสีสังหารในตัวหลิงหยุน..
“นี่มัวแต่ทำอะไรอยู่รีบโทรไปที่บ้านของฉันเร็วเข้า! บอกให้พวกเขาส่งคนมาช่วยฉันด่วน!”
เมื่อเห็นฟ่านลู่ปิงทำไม่สำเร็จเฉินเซินก็รีบร้องตะโกนบอกพี่ใหญ่ของหนุ่มเพลย์บอยทั้งสี่คนทันที
ไม่ว่าอีกฝ่ายคิดจะฆ่าเขาจริงๆหรือว่าต้องการแค่ข่มขู่ให้กลัวเท่านั้น เฉินเซินก็ไม่อาจทนได้อีก..
“ไอ้เวรเอ๊ย..”
ถังเมิ่งได้ยินก็รีบวิ่งเข้าไปเตะร่างของเฉินเซินที่นอนอยู่กับพื้นทันทีพร้อมกับร้องตะโกนว่า
“โทรเรียกคนมาช่วยเหรอแกฝันไปเถอะ!”
แต่หลิงหยุนกลับเพียงแค่ยิ้มเขาหันไปมองฟ่านลู่ปิงที่ยังคงยืนตกอกตกใจ แล้วจึงหันไปบอกถังเมิ่ง..
“ช่างมัน!ให้มันโทรไปเรียกคนมาช่วยได้เลย.. พวกเราไปกินข้ารอกันดีกว่า แล้วรอดูว่าพวกมันจะมากันสักกี่คน!”
เกาเฉินเฉินได้ยินหลิงหยุนพูดเช่นนี้ก็ได้แต่ตกตะลึง ‘นี่หลิงหยุนคิดจะทำอะไร ทำแบบนี้มันบ้าบิ่นแล้วก็ท้าทายมากเกินไป!’
ที่นี่ไม่เหมือนคืนนั้นซึ่งอยู่ในป่าลึกกลางดึกแต่ที่นี่คืออยู่ติดกับใจกลางเมือง และยังเป็นกลางวันแสกๆด้วย อีกทั้งก่อนหน้านี้หลิงหยุนก็เพิ่งแหกด่านตระกูลเฉิน และทำร้ายยอดฝีมือตระกูลเฉินไปยี่สิบกว่าคน ตอนนี้ก็กำลังจะเอาชีวิตของเฉินเซินอีก..
นี่หลิงหยุนจะไม่สนใจกฎหมายบ้านเมืองเลยหรืออย่างไร
ความจริงแล้วที่หลิงหยุนทำเช่นนี้ก็เพราะต้องการยั่วยุและกดดันให้ตระกูลเฉินต้องส่งยอดฝีมือที่เก่งที่สุดมาจัดการกับตนเองต่างหาก!
“คุณ..นี่คุณจะฆ่าเขาจริงๆเหรอ”
หลังจากที่นิ่งไปนานในที่สุดฟ่านลู่ปิงก็ร้องถามหลิงหยุนเสียงสั่น และร่างกายก็สั่นเทิ้มไปด้วย..
มันเหลือเชื่อจนเกินไป!นี่ไม่ใช่การถ่ายทำภาพยนตร์ หรือละครโทรทัศน์ แต่นี่คือชีวิตจริง!
หลิงหยุนจ้องมองฟ่านลู่ปิงด้วยสีหน้าจริงจังพร้อมกับพูดขึ้นว่า“นี่คุณดาราใหญ่.. บอกตามตรงที่นี่ไม่ใช่ที่ที่คุณจะสามารถจัดการอะไรได้ ผมขอแนะนำให้คุณกลับไปขึ้นรถแล้วออกไปจากที่นี่ดีกว่า เพราะหลังจากนี้จะมีช็อตตื่นเต้นหวาดเสียวยิ่งกว่าเมื่อครู่ซะอีก!”
พูดจบ..หลิงหยุนก็ไม่สนใจฟ่านลู่ปิงอีกเลย และค่อยๆย่างสามขุมเข้าไปหาร่างของไห่ซานที่กองอยู่กับพื้น จากนั้นจึงยกเท้าขึ้นเตะร่างของไห่ซานจนลอยละลิ่วเข้าไปยังสวนภายในภัตตาคาร
ระหว่างที่เท้าของหลิงหยุนสัมผัสร่างของไห่ซานนั้นเขาได้จัดการใช้เท้าจี้จุดสองจุดของมันไว้แล้ว เพื่อไม่ให้มันสามารถหนีไป หรือฆ่าตัวตายได้..
ท่ามกลางเสียงกรีดร้องร่างของหลิงหยุนก็กระโดดไปยืนอยู่ข้างเฉินเซินพร้อมกับก้มลงไปยิ้มให้กับมัน แล้วพูดขึ้นว่า
“เอาล่ะ..ตอนนี้แกคงกินอะไรไม่ได้แล้ว งั้นก็ดูพวกฉันกินไปก่อนก็แล้วกัน อีกอย่างแกก็ได้รับบาดเจ็บไม่มากเท่าไหร่ ฉันจะให้โอกาสแกหนีก็ได้..”
เฉินเซินไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากนักเพียงแค่ถูกหลิงหยุนตบหน้า และถูกเกาเฉินเฉินกับถังเมิ่งเตะเท่านั้น..
เฉินเซินซึ่งนอนหน้าบวมเป็นซาลาเปาอยู่ที่พื้นจึงร้องถามออกมาอย่างเคียดแค้น “ฉันกับแกก็เพิ่งเคยพบกันครั้งแรก ไม่เคยเป็นศัตรูกันมาก่อน แล้วทำไมแกถึงต้องการฆ่าฉัน!”
“ถ้าเป็นเรื่องธุรกิจ..แกก็ไปคุยกับตระกูลเฉินเองสิ! ทำไมต้องมายุ่งกับฉันด้วยเล่า”
แต่หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยแล้วตอบเฉินเซินไปว่า “ดูท่าแกคงอยากจะตายเร็วๆสินะ! รอให้ฉันกินข้าวให้อิ่มก่อน รับรองว่าแกได้ตายสมใจแน่!”
หลิงหยุนยังมีเรื่องที่ต้องถามไห่ซานกับเฉินเซินอีกมากเขาจึงไม่ต้องการฆ่าพวกมันสองคนในเวลานี้!
เมื่อได้ยินว่าหลิงหยุนจะยังไม่ฆ่าตนเองในเวลานี้และต้องรอให้หลิงหยุนกินข้าวอิ่มเสียก่อน เฉินเซินก็ได้แต่หันไปมองสี่หนุ่มเพลย์บอยที่กำลังวุ่นอยู่กับการโทรศัพท์ และส่งข้อความ..
และได้แต่คิดในใจว่า..ตราบใดที่ยังมีเวลา สถานการณ์ต้องพลิกอย่างแน่นอน!