ตอนที่ 569 สืบหาผู้บงการ

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซีกล่าวเสียงเบาว่า “เป็นอะไรไปล่ะ ? ฮูหยินฉือประหลาดใจมากใช่หรือไม่ที่คุณหนูใหญ่ชิงฟื้นขึ้นมาได้ ?”

“ไม่ จะเป็นเช่นนั้นได้ยังไง! เห็นคุณหนูใหญ่ชงฟื้นขึ้นมาเช่นนี้ ข้าดีใจเป็นที่สุด!” ฮูหยินฉือยิ้มพลางกล่าว

หัวหน้าหอชิงลั่วกล่าวว่า “ต่อให้ไม่ใช่ความผิดของโม่จิ่น แต่หัวแก้วหัวแหวนของหอชิงลั่วกลับเกิดเรื่องขึ้นในพื้นที่ของเจ้า ไม่ว่ายังยังไง พวกเจ้าก็ควรที่จะอธิบายเรื่องนี้ให้กระจ่าง!”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “วางใจได้ ผู้ที่ใส่ร้ายป้ายสีโม่จิ่น ข้าก็ไม่คิดจะปล่อยไปเช่นกัน”

จิตสังหารของทั้งสองร้อนแรงขึ้น สีหน้าของฮูหยินฉือก็ยิ่งซีดเผือด

“วันนี้ข้ารู้สึกไม่สบาย ต้องขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อน”

มู่เฉียนซี “ช้าก่อน!”

“ยังมีเรื่องอันใดอีก ?” ฮูหยินฉือกล่าวถาม

“ฮูหยินเป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับคุณหนูใหญ่ชิงก่อนที่นางจะโดนยาพิษ ดังนั้นฮูหยินคือผู้ที่น่าสงสัยมากที่สุด ฮูหยินยังไปไม่ได้”

“ข้าจะทำร้ายคุณหนูใหญ่ชิงด้วยเหตุอันใด ข้าทำไปก็ไม่มีประโยชน์!” ฮูหยินฉือตะโกนเสียงแหลม

ทุกคนต่างก็หน้านิ่วคิ้วขมวด เรื่องนี้มันผ่านมานานมากแล้ว และไม่มีทางที่จะสืบสวนได้

ในเวลานี้เอง น้ำเสียงอันอ่อนนุ่มก็ดังขึ้น “ท่านพ่อ เรื่องนี้ปล่อยผ่านไปเถอะ ถึงยังไงหนิงเอ๋อร์ก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว”

หัวหน้าหอชิงลั่วกล่าว “จะปล่อยผ่านไปได้เช่นไร ? พวกเขาทำร้ายเจ้าจนเจ้าหมดสติไปนานเช่นนี้ บัญชีนี้จะต้องชำระให้หมด”

มู่เฉียนซีกล่าว “โม่จิ่นถูกใส่ร้ายป้ายสี จนต้องถูกส่งตัวไปคุมขังในสถานที่ที่มืดมิดอย่างเกาะวิญญาณมรณะนั่น ถึงแม้ว่าคุณหนูใหญ่ชิงจะปล่อยผ่านไม่เอาความ แต่พวกเราไม่อาจปล่อยผ่านไปได้”

“เกาะวิญญาณมรณะ!” ชิงหนิงพึมพำเสียงเบา

ถึงแม้ว่าจะเป็นถึงคุณหนูใหญ่ ทว่า เกาะวิญญาณมรณะนั้นนางก็รู้จักเช่นกัน

“เรื่องนี้ต้องสืบสวนให้กระจ่าง อีกทั้งพี่จิ่นเป็นผู้บริสุทธิ์ ข้าก็อยากจะขอโทษพี่จิ่นด้วย”

คนของตำหนักโม่อวี่ต่างก็นิ่งอึ้งไป เรื่องราวผ่านมานานถึงเพียงนี้แล้ว จะสืบสวนได้อย่างไรกัน!

มู่เฉียนซีกล่าว “เรื่องนี้ มอบให้เป็นหน้าที่ข้าสืบสวนก็ได้แล้ว”

“เจ้า!” ปัญหาที่แก้ไขยากเช่นนี้สามารถโยนให้คนอื่นได้ แน่นอนว่าเหล่าบรรดาผู้อาวุโสของตำหนักโม่อวี่ต่างก็ยินดี

มู่เฉียนซียิ้มมุมปากเล็กน้อย “ขอเพียงแค่หัวหน้าตำหนักโม่อวี่ไม่เสียดายสนมของตนเอง อันที่จริงเรื่องนี้สามารถสืบสวนได้ง่าย”

ฉืออีอีเหลือบไปมองรอยยิ้มนั้นของมู่เฉียนซี รอยยิ้มนั้นราวกับรอยยิ้มของปีศาจที่ยิ้มกับนาง นางตะโกนขึ้นว่า “ข้าเป็นผู้บริสุทธิ์ ข้าเป็นผู้บริสุทธิ์นะ ท่านพี่ ท่านต้องเชื่อข้า!”

นางยิ่งตะโกนเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ จนทุกคนล้วนแต่สงสัยในตัวนาง

หัวหน้าตำหนักโม่อวี้ขมวดคิ้วขึ้น นางเป็นเพียงแค่ของเล่นชั่วคราวเท่านั้น หากสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้กับตำหนักโม่อวี่ได้ เช่นนั้นเขาก็ยอมเสียสละ

“ขอเพียงแค่เจ้าสืบหาความจริงออกมาได้ และอย่าให้ถึงตายก็พอแล้ว”

สีหน้าของฉืออีอีพลันเป็นไปมาก ดวงตาพร่ามัวจนแทบจะเป็นลมล้มไป นางโดนเขี่ยทิ้งเสียแล้ว!

มู่เฉียนซีกล่าว “อย่าได้กลัวไปเลย รับมือกับคนเช่นฮูหยิน ข้าก็ไม่อยากจะใช้วิธีที่ทรมาน กินยาเม็ดนี้ซะ”

“ยาพิษ?” ฉืออีอีตัวสั่นไปทั้งตัว

“วางใจเถอะ ข้ารับปากหัวหน้าตำหนักแล้ว ไม่ทำให้เจ้าตายหรอก”

“ข้าไม่กิน ข้าไม่กิน!” นางกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง

มู่เฉียนซีกล่าว “หัวหน้าตำหนักโม่ ดูเหมือนว่าจะมีคนไม่ยอมร่วมมือด้วย”

“เด็ก ๆ! จับฮูหยินฉือกินยานั่นซะ”

เห็นได้ชัดว่าฉืออีอีนั้นแทบจะหมดอาลัยตายอยากแล้ว บุรุษของนางถึงคราที่ใจดำอำมหิตขึ้นมา นึกไม่ถึงว่าจะไร้ซึ่งความปรานีเช่นนี้

“ข้า ข้ากินเอง!”

เม็ดยาที่ฉืออีอีกินเข้าไปนั้นเป็นยาสะกดจิต ทันทีที่นางกลืนลงไป ดวงตาของนางดูไร้ชีวิตชีวา น้ำเสียงที่น่าหลงใหลเสียงหนึ่งดังขึ้น “บอกข้ามา เจ้าเป็นคนวางยาพิษให้คุณหนูใหญ่ชิงหมดสติไป ใช่หรือไม่ ?”

“ใช่!”

คำตอบเพียงคำเดียวนี้ทำให้ทุกคนต่างโกรธเกรี้ยวขึ้นมา

มู่เฉียนซีกลับกล่าวถามด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบว่า “เพราะเหตุใด ?”

“โม่จิ่นสมควรตาย เขากล้าว่าข้าอัปลักษณ์ เขาตามติดโม่ซางคงราวกับเป็นเงาตามตัว มีเขาคอยช่วยสนับสนุน อีกทั้งด้วยความสามารถของโม่ซางคงแล้ว โม่ซางคงต้องได้ตำแหน่งหัวหน้าตำหนักเป็นแน่ เมื่อถึงตอนนั้นลูกชายข้าจะทำเช่นไร ?”

มู่เฉียนซีตกใจเล็กน้อย นางกล่าวถามว่า “หัวหน้าตำหนักโม่ ท่านยังมีบุตรชายอีกงั้นเหรอ ?”

ถึงแม้ว่าเพิ่งจะมาอยู่ตำหนักโม่อวี่ได้ไม่นาน แต่ดูเหมือนจะรู้ได้ว่าหัวหน้าตำหนักนั้นมีบุตรชายเพียงผู้เดียวก็คือโม่ซางคง

ตอนนี้หัวหน้าตำหนักโม่ก็ตกใจเช่นกัน “นี่มันเรื่องอันใดกันแน่ ?”

“นังคนอำมหิต ฆ่านางให้ตายซะ เพื่อไม่ให้นางมาทำให้ตำหนักโม่อวี่เสื่อมเสียและขายหน้าได้อีก”

ทันใดนั้นผู้อาวุโสรองของตำหนักโม่อวี่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็ลงมือกับฉืออีอี

ร่างสีม่วงเข้มเคลื่อนไหวไปอย่างรวดเร็ว และขวางการโจมตีของผู้อาวุโสรองไว้

ปัง!

พลังขั้นมหาจักรพรรดิของทั้งสองได้ปะทะกัน จนทั้งสองถอยหลังไปหลายก้าว

โม่จิ่นกล่าวว่า “ท่านผู้อาวุโสรอง เหตุใดถึงได้รีบลงมือฆ่าปิดปากเช่นนี้หล่ะ ?”

“ในเมื่อรู้แล้วว่านางเป็นคนทำร้ายคุณหนูใหญ่ชิง ก็ต้องรีบจัดการนางเสีย มันก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่เหรอ ?”

หัวหน้าตำหนักโม่กล่าวอย่างเย็นชาว่า “เจ้าข้ามหน้าข้ามตาข้าไปได้ยังไง  ผู้อาวุโสรอง”

สีหน้าของผู้อาวุโสรองซีดเผือด หัวหน้าตำหนักโม่กล่าวว่า “ให้นางพูดต่อ”

มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “เกิดอันใดขึ้นกับบุตรชายของฮูหยิน แล้วเขาเป็นบุตรชายของฮูหยินกับใคร ?”

“เป็นฉินเถียน เขาเป็นลูกที่หัวหน้าตำหนักไม่ยอมให้ข้าคลอดออกมา ข้าจึง……”

สีหน้าของหัวหน้าตำหนักเคร่งขรึมลง “สาเหตุที่เจ้าพักฟื้นเป็นเวลานานถึงครึ่งปี ก็เป็นเพราะสิ่งนี้ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!”

ตอนนี้สีหน้าของหัวหน้าตำหนักเขียวคล้ำด้วยความโกรธ!

เดิมทีเพียงแค่จะสืบสวนเรื่องที่คุณหนูใหญ่ชิงถูกทำร้าย นึกไม่ถึงว่าจะสืบสวนเจอว่าเขาโดนสวมเขา

มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “เช่นนั้น เรื่องนี้เป็นความคิดของใครกัน ช่างปราดเปรื่องยิ่งนัก!”

“นางเป็นคนคิดเองแน่นอน มีเพียงผู้หญิงสารเลวนี้เท่านั้น ที่จะคิดเรื่องสกปรก ๆ เช่นนี้มาทำร้ายท่านพี่ได้ รีบฆ่านางซะ!” ตอนนี้เองชิงฮุ้ยก็กระโดดออกมา

ในสถานการณ์เช่นนี้ ผู้ใดออกตัวแรง ผู้นั้นคือผู้ที่น่าสงสัย และการที่ชิงฮุ้ยร้อนตัวเช่นนี้ แน่นอนว่าคงไม่อยากให้นางได้สืบสวนต่อ

“ฮุ้ยเอ๋อร์ หุบปากเจ้าเดี๋ยวนี้! ในเมื่อจะจับคนร้ายที่ทำร้ายพี่เจ้าได้ทั้งที ก็ต้องจับให้หมดในคราเดียว” หัวหน้าหอชิงลั่วกล่าวอย่างเฉียบขาด

“ท่านพ่อ!” ชิงฮุ้ยร้อนใจจนดวงตาแดงก่ำ ส่วนฉืออีอีในตอนนี้ก็กล่าวออกมาอย่างช้า ๆ ว่า “เป็นชิง……”

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! ทันใดนั้นเองเข็มพิษหลายเข็มก็พุ่งมาทางฉืออีอี ทันทีที่มู่เฉียนซีขยับแขน เข็มพิษเหล่านั้นอยู่ตกอยู่ในกำมือของนาง

มู่เฉียนซีเหลือบมองชิงฮุ้ย และกล่าวว่า “คุณหนูรองชิง บทเรียนในคราก่อนยังไม่เพียงพออีกเหรอ ? นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่ายังจะกล้าเล่นของพวกนี้ต่อหน้าข้าอีก”

ทันทีที่มือของมู่เฉียนซีขยับ เข็มพิษเหล่านั้นก็พุ่งกลับไปทันที

หัวหน้าหอชิงลั่วกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “เจ้าบังอาจยิ่งนัก กล้าลงมือกับลูกสาวข้า!”

มู่เฉียนซียิ้มเย้ยหยันพลางกล่าว “หรือว่าท่านหัวหน้าหอชิง ท่านไม่แปลกใจเลยเหรอว่าเหตุใดลูกสาวของท่านถึงได้ลงมือเช่นนี้ ?”

“นี่เจ้า!”

หัวหน้าหอชิงลังเลอยู่ จึงไม่ทันขวางเข็มพิษนั่น จึงส่งผลให้ชิงฮุ้ยต้องเจอกับโศกนาฏกรรมเข้าแล้ว

อ๊าย! ความเจ็บปวดอันรุนแรงนี้ทำให้นางชักกระตุกไปทั้งตัว แต่โชคดีที่นางมียาแก้พิษสามารถยับยั้งเอาได้ มิเช่นนั้นแล้วนางต้องตายเป็นแน่

ในตอนนี้เอง ฉืออีอีก็กล่าวขึ้นว่า “เป็นคุณหนูรองชิงที่บอกวิธีนี้ให้แก่ข้า ยาพิษนั่นก็เป็นนางที่ให้ข้ามา นางคือผู้บงการ!”