ตอนที่ 342 เฉียวซือมู่ ออกมา / ตอนที่ 343 คุณเอาแต่รังแกฉัน

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 342 เฉียวซือมู่ ออกมา 

 

 

           เจียงจื่อเสียนเบียดกายเข้าไปแนบชิดจิ้นหยวน จากนั้นเอ่ยเสียงอ่อนเสียงหวาน “พี่จิ้นหยวน พี่ลองคิดดูสิคะ เรื่องนี้…” 

 

 

           “ปลอยมือ!” จิ้นหยวนจ้องเธอด้วยสายตาเย็นยะเยือก 

 

 

           “พี่ว่าอะไรนะคะ?” เธอตะลึงอึ้ง 

 

 

           “ผมบอกให้ปล่อยมือไง” จิ้นหยวนเอ่ยสีหน้าเรียบเฉย 

 

 

           ใบหน้าเธอแดงก่ำ เธอรีบหดมือกลับทันที แต่ยังควบคุมสีหน้าได้ดีพอสมควร เธอยังคงไม่ยอมแพ้ โน้มตัวเข้าไปหาเขา จากมุมมองของเฉียวซือมู่ ทำให้เธอเห็นว่าวันนี้เจียงจื่อเสียนสวมเสื้อคอลึก และท่าทางของเธอในตอนนี้เผยให้เห็นหน้าอกหน้าใจทั้งหมดของเธอต่อหน้าจิ้นหยวน 

 

 

           ไฟโทสะปะทุขึ้นในใจเฉียวซือมู่ เธออยากจะพุ่งออกไปตอนนี้แล้วลากเจียงจื่อเสียนมาตบสักฉาดให้สาแก่ใจ แต่เธอก็ได้แต่กัดฟันแน่นและอดทนอดกลั้นทนดูต่อไป 

 

 

           ดูเหมือนจิ้นหยวนจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจียงจื่อเสียนกำลังทำอะไรอยู่ เพราะเขากำลังก้มหน้าก้มตาดูเอกสารในมืออย่างตั้งอกตั้งใจโดยไม่พูดไม่จา สักพัก เจียงจื่อเสียนเริ่มปั้นหน้านุ่มนวลไม่ไหวอีกต่อไป เขาเงยหน้าขึ้นถึงเห็นว่าเธอยังยืนอยู่ข้างตน เขาจึงชายตาขึ้นมองเธอแล้วเอ่ยถามด้วยความรำคาญใจ “ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่อยู่อีก?” 

 

 

           คราวนี้เฉียวซือมู่เห็นเจียงจื่อเสียนหน้าแตกเป็นเสี่ยงๆ 

 

 

           เสี้ยววินาทีนั้นเธอรู้สึกสะใจมาก อารมณ์ขุ่นมัวทั้งหลายหายวับไปกับตาในบัดดล 

 

 

           เจียงจื่อเสียนล่าถอยไปแล้ว ขณะที่เธอกำลังครุ่นคิดว่าควรจะออกไปดีหรือไม่นั้น จู่ๆ จิ้นหยวนก็เอ่ยขึ้น “ยังไม่ออกมาอีก?” 

 

 

           เธอชะงักนิ่งอึ้ง พลันเห็นเขาหันหน้ามาทางเธอ และเขากำลังจับจ้องเธอด้วยสายตายากจะเข้าใจ 

 

 

           ที่แท้เขาก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเธออยู่ในห้องนี้ 

 

 

           เธอยืนตัวตรง เปิดประตูแล้วเดินออกไปอย่างอกผายไหล่ผึ่ง 

 

 

           จิ้นหยวนจับจ้องเธอนานสองนานจึงเอ่ยขึ้นเสียงขรึม “คุณทำอะไรอยู่ข้างใน?” 

 

 

           เธอเอ่ยตอบหน้าซื่อตาใส “นอนค่ะ” 

 

 

           “มานี่” สายตาเขาเป็นประกายแวบหนึ่งทันทีที่ได้ยินคำตอบของเธอ เขาเอ่ยเสียงเข้ม “เมื่อคืนคุณหายไปไหน? โทรศัพท์ก็ไม่ยอมรับ เดี๋ยวนี้ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ” 

 

 

           พูดถึงเรื่องเมื่อคืนทีไรเธอก็นึกถึงเรื่องระหว่างเขากับเจียงจื่อเสียนทุกที มันทำให้เธอเจ็บปวดมาก เธอได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ยอมขยับไปไหน เธอจ้องเขาตาเขม็ง “ทำไมฉันต้องรับสายคุณด้วย คุณเองก็มีความสุขมากไม่ใช่หรือไง?” 

 

 

           “นี่คุณกำลังพูดเหลวไหลอะไรน่ะ? ผมมีความสุขมากตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งๆ ที่คุณเป็นคนไม่รับสายทั้งคืนแท้ๆ ผมตามหาคุณไปทั่วแต่ก็หาคุณไม่เจอ คุณบอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะว่าเมื่อคืนคุณหายไปไหนมา?” 

 

 

           “ฉันไม่บอก!” เธอมองดูท่าทางไล่บี้เค้นถามของจิ้นหยวนแล้วคิดถึงภาพชวนเข้าใจผิดที่ตนเพิ่งเห็นเองกับตาเมื่อครู่นี้แล้วรู้สึกเจ็บปวดใจมาก เธอจ้องเขาตาเขม็งแล้วตะโกนออกไปด้วยความคับแค้นใจ “ฉันรู้ว่าฉันมันขัดหูขัดตาคุณ ถ้าคุณจะทิ้งฉัน คุณก็พูดออกมาตรงๆ เลยสิ ทำไมต้องหาข้อแก้ตัวเยอะแยะด้วย?” 

 

 

           “ผมจะทิ้งคุณงั้นเหรอ?” เขาโมโหจนหัวเราะออกมา ก้าวเท้ายาวๆ ไปหาเธอ มองเธอด้วยสายตาเย็นเยียบ ใช้สายตาแหลมคมราวเหยี่ยวกวาดตามองสำรวจเธออย่างละเอียด “เมื่อคืนคุณแอบนัดเจอกับผู้ชายคนอื่นใช่ไหม?” 

 

 

           แววตาเขาเป็นประกายวาบ “ใครเป็นคนซื้อเสื้อผ้าให้คุณ?” 

 

 

           เสื้อผ้าชุดนี้เป็นของคุณแม่แท้ๆ สายตาของคุณแม่ดีมาก เสื้อผ้าที่ท่านซื้อคุณภาพดีมากทั้งนั้น แต่ไม่นึกเลยว่าในสายตาจิ้นหยวนมันกลับกลายเป็นหลักฐานชิ้นหนึ่งไปเสียอย่างนั้น 

 

 

           เธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ถลึงตาจ้องเขาตาแทบถลน “ฉันจะบอกอะไรให้นะ อย่าคิดว่าตัวเองสกปรกแล้วคนอื่นต้องสกปรกเหมือนตัวเองด้วย” 

 

 

           “ผมสกปรกอย่างนั้นเหรอ? ได้ งั้นผมจะทำให้คุณรู้เองว่าอะไรคือสกปรกที่แท้จริง” จิ้นหยวนไม่รู้ว่าเมื่อคืนเจียงจื่อเสียนรับสายโทรศัพท์ของเขา เขารู้เพียงแค่ว่าเมื่อคืนเธอไม่ได้กลับบ้าน แล้วยังทำตัวงี่เง่าอีก จึงทำให้เขาโกรธจนควันออกหู 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 343 คุณเอาแต่รังแกฉัน 

 

 

           เขาจ้องเธอด้วยสายตาเย็นยะเยือก “บอกมาว่าเมื่อคืนคุณหายไปไหนกันแน่?” 

 

 

           ความจริงถ้าเขาถามเธอดีๆ เธออาจจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณแม่ให้เขาฟังตั้งนานแล้ว แต่ในความคิดเธอนั้นจิ้นหยวนเป็นคน “นอกใจ” เธอก่อน เธอต้องเผชิญหน้ากับเรื่องเลวร้ายตั้งนาน กลับถึงบ้านยังถูกเขาเค้นถามอีก เธอทั้งน้อยใจทั้งโกรธแค้น จึงทำให้เธอแข็งกร้าวกับเขา เธอจะไม่บอกเขาเด็ดขาด! 

 

 

           เธอขดตัวกลม จ้องเขาตาเขม็ง “จิ้นหยวน ฉันเกลียดคุณ เกลียดคุณที่สุด” 

 

 

           เขาเดินย่างสามขุมเข้าไปหาเธอ ใบหน้าเรียบเฉยของเขามองเธออย่างเย็นเยียบโดยไม่พูดไม่จา 

 

 

           สายตาคมกริบของเขาทำให้เธอรู้สึกอายจนแทบจะรับมือเขาไม่ไหว หากไม่ใช่เพราะไฟโทสะที่มันสุมอกคอยผลักดันเธอเอาไว้ ป่านนี้เธอคงยกธงขาวยอมแพ้ไปนานแล้ว 

 

 

           “คุณจะทำอะไร?” เธอถามด้วยความโมโห 

 

 

           “พูดมาเร็ว ความอดทนของผมมีจำกัดนะ!” เขาจ้องเธอตาเขม็ง สายตาเต็มไปด้วยแววอันตราย 

 

 

           เธอจ้องเขาตาเขม็ง จู่ๆ เธอก็ระเบิดอารมณ์ออกมา 

 

 

           ผู้ชายคนนี้ไม่เพียงนอกใจเธอ แต่ตอนนี้ยังมีหน้ากล้ามาเค้นคอถามเธออีก เธอมันตาบอดเองที่ไปรักคนอย่างเขา! 

 

 

           เธอใช้แรงทั้งกัดทั้งขีดข่วนหลังของเขา จนทำให้หลังของเขาเต็มไปด้วยรอยแผลขีดข่วน “คุณมันร้าย คุณมันเลว ฉันเกลียดคุณที่สุดเลย จิ้นหยวน ฉันจะเลิกกับคุณ ไปให้พ้น ไปให้พ้นเลยนะ!” 

 

 

           เธอตะเบ็งสุดเสียง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคำพูดเธอนั้นเป็นความจริง 

 

 

           จิ้นหยวนทาบทับอยู่บนตัวเธอ ไม่สนใจรอยแผลบนหลังที่เธอเป็นคนสร้างขึ้นแม้แต่นิดเดียว “ผู้หญิงคนนี้นี่ ตัวเองเป็นคนทำผิดเองแท้ๆ แล้วยังจะมีหน้าหาเรื่องอีกเหรอ?” 

 

 

           “ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น!” 

 

 

           เธอพยายามดิ้นรนสุดกำลัง ในที่สุดเธอก็ยอมเปิดปากเสียที “ฉันอยู่ที่โรงพยาบาล อยู่ที่โรงพยาบาล ฮือๆๆ ฉันไปเฝ้าคุณแม่ที่นั่น เป็นเพราะคุณนั่นแหละ… ฮือๆๆ…” 

 

 

           เขาใจหายวาบทันทีที่ได้ยินคำตอบเธอ สองมือที่จับแขนเธอแน่นคลายออกเล็กน้อย เขารีบเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “โรงพยาบาล? เกิดอะไรขึ้นกับคุณ?” 

 

 

           เขากระวนกระวายใจมาก แอบด่าตนเองในใจว่าทำกับเธอเกินไปแล้ว เขารีบสำรวจร่างกายเธอทันที “คุณเป็นอะไรไป? ทำไมต้องไปที่โรงพยาบาลด้วย?” 

 

 

           เฉียวซือมู่ไม่สนใจไยดีท่าท่างร้อนใจดั่งไฟลนของเขาสักนิด ยังคงเอาแต่ร้องไห้โฮเหมือนเดิม “คุณไปให้พ้นเลยนะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณแล้ว คุณมันเลว ฮือๆๆ…” 

 

 

           “ได้ๆ ผมจะไม่แตะต้องตัวคุณ” จิ้นหยวนรีบเอ่ยปลอบ จากนั้นรั้งตัวเธอเข้าไปกอดเอาไว้แน่น “ผมจะไม่แตะต้องตัวคุณ คนดี ไหนบอกผมซิว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่” 

 

 

           เธอร้องไห้ฮือๆ ไม่หยุด ราวกับต้องการปลดปล่อยความน้อยใจและความหวาดกลัวที่อัดแน่นอยู่ในอกออกไปให้หมด 

 

 

           เธอสะอื้นฮัก พยายามทำใจให้เข้มแข็ง จากนั้นค่อยๆ เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ให้เขาฟัง 

 

 

           สีหน้าจิ้นหยวนเย็นยะเยือกขึ้นเรื่อยๆ จนเธอเริ่มรู้สึกกลัว 

 

 

           “ดีมาก ผมอยากจะรู้เหมือนกันว่าคนคนนั้นเก่งกาจมาจากไหน” สีหน้าของจิ้นหยวนดูย่ำแย่มาก เขาคิดไม่ถึงเลยว่าสองแม่ลูกคู่นี้จะถูกปองร้ายครั้งแล้วครั้งเล่าใต้จมูกเขาแบบนี้ และยังเกือบจะถูกจับตัวไปแล้วด้วย 

 

 

           สำหรับเขาแล้ว เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นถือเป็นการหยามศักดิ์ศรีเขามาก 

 

 

           “แล้วทำไมคุณถึงไม่บอกผมสักคำ?” 

 

 

           “ฉันโทรหาคุณแล้ว แต่…” 

 

 

           “แต่อะไร?” 

 

 

           “แต่คุณไม่รับสาย คุณรู้หรือเปล่าว่าฉันโกรธคุณมากเลยนะ” เฉียวซือมู่ใคร่ครวญไปมา ตัดสินใจไม่พูดเรื่องเจียงจื่อเสียนดีกว่า ตอนนี้ดูจากท่าทางที่เขาที่มีต่อเจียงจื่อเสียนแล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเกินเลยระหว่างทั้งสองคน เพราะฉะนั้น ครั้งนี้เธอจะเชื่อใจเขาสักครั้ง เธอจึงแอบเก็บเรื่องนั้นเอาไว้ในใจและไม่พูดมันออกมา 

 

 

           เขาครุ่นคิดชั่วครู่ จากนั้นลุกขึ้นไปโทรศัพท์ 

 

 

           จิ้นหยวนไม่ทันสังเกตเห็นท่าทางเล็กๆ น้อยๆ ของเธอ เขาคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วจึงปีนขึ้นเตียงอีกครั้ง เขารั้งตัวเธอเข้าไปกอด “ที่รัก ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก คุณต้องรีบโทรบอกผมทันทีนะ ถ้าผมไม่รู้ว่าคุณอยู่ที่ไหน ผมจะเป็นห่วงคุณมาก” 

 

 

           เขาใคร่ครวญไปมาแล้วเอ่ยขึ้นใหม่ “ผมหาบอดี้การ์ดให้คุณสักสองคนดีไหม?” 

 

 

           “ไม่เอาค่ะ ฉันไม่ค่อยได้ออกจากบ้าน ไม่จำเป็นหรอกค่ะ” เธอปฏิเสธทันที 

 

 

           “ถ้างั้นคุณต้องรับประกันว่าผมสามารถได้ยินเสียงคุณตลอดเวลา” เขากำชับสีหน้าจริงจัง 

 

 

           เธอรีบอธิบาย “เมื่อคืนมือถือฉันแบตหมดพอดี ฉันไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้นนะ” 

 

 

           “ผมไม่สน คุณต้องจำคำพูดผมเอาไว้ ไม่งั้นล่ะก็…”   

 

 

           คลื่นชีวิตผ่านพ้นไปอีกระลอก ชีวิตของสองหนุ่มสาวกลับเข้าสู่ภาวะสงบสุขอีกครั้ง 

 

 

           นับแต่นั้นเวินเยวี่ยฉิงและเฉียวซือมู่ก็ไม่เห็นหน้าเฉียวจื่อจี้อีก ราวกับว่าเขาไม่เคยปรากฎในชีวิตของพวกเธอมาก่อน และนั่นทำให้เฉียวซือมู่รู้สึกไม่สบายใจมาก 

 

 

           และเมื่อเธอไปถามจิ้นหยวนว่าได้ข่าวของเฉียวจื่อจี้บ้างหรือไม่ กลับได้คำตอบจากเขาว่า “รู้แค่เขาหนีออกจากเมือง A แล้ว จากนั้นก็ไม่รู้ว่าเขาหนีหายไปไหน คิดว่าเขาน่าจะหนีไปอยู่กับคุณอินอะไรนั่นแล้วล่ะ”  

 

 

           “แล้วคุณอินเป็นใครกันแน่คะ?” 

 

 

           “เป็นคนที่มีภูมิหลังลึกลับมาก ผมกำลังตามสืบอยู่ ที่รักไม่ต้องใจร้อนไปหรอกนะ” 

 

 

           “ก็ได้ค่ะ” เธอหน้าม่อยคอตก ไม่ถามอะไรเขาอีก 

 

 

           ครั้งนี้เธอคงทำให้คุณพ่อตกใจมากจริงๆ หวังว่าเขาจะกลับตัวกลับใจได้จริงๆ เสียที เธอแอบคิดเงียบๆ อยู่ในใจ และเธอไม่มีวันเอ่ยถึงเรื่องของเขาต่อหน้าคุณแม่เด็ดขาด คุณแม่จะได้ไม่ต้องรู้สึกแย่ 

 

 

           ดูเหมือนเวินเยวี่ยฉิงจะรู้ว่าเฉียวซือมู่กำลังคิดอะไรอยู่ เธอจึงไม่เคยพูดถึงเฉียวจื่อจี้เหมือนกัน สองแม่ลูกต่างทิ้งเรื่องของเขาเอาไว้ข้างหลัง