ตอนที่ 420 รีบไปโรงพยาบาล / ตอนที่ 421 ผมเชื่อเขา

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 420 รีบไปโรงพยาบาล

 

 

           ซือเหยี่ยนมองดูมือถือเครื่องนั้นของเจียงมู่เฉิน ก่อนจะลบข้อความออกจนเกลี้ยงอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย หลังจากเห็นข้อความทั้งหมดสลายหายไป ซือเหยี่ยนถึงได้โยนมือถือส่งกลับคืนให้เขา

 

 

           เจียงมู่เฉินมองมือถือตัวเองด้วยสีหน้างงงวย บนจอขาวโพลน ไม่เหลืออะไรสักอย่าง

 

 

           “พี่ใหญ่ ยังไงนายก็เหลือให้ฉันสักนิดสิ”

 

 

           ซือเหยี่ยนกวาดสายตาเย็นชามองใส่ “เหลือให้คุณสักนิด จะเอาไว้ดูต่างหน้าเหรอ”

 

 

           ทั้งห้องตลบอบอวลเต็มไปด้วยกลิ่นของลมหึงที่หึ่งเป็นพิเศษ

 

 

           เจียงมู่เฉินทำหน้าซื่อตาใสลูบจมูกปอยๆ เขาอยากจะเอาไว้ดูต่างหน้าเมื่อไหร่กัน

 

 

           “นายลบข้อความในมือถือของฉัน ฉันไม่เชื่อหรอกว่ามือถือนายจะขาวสะอาดไม่มีอะไรให้จับผิด”

 

 

           ซือเหยี่ยนกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง เจียงมู่เฉินเจ้าหมอนี่เปิดปากมา ตัวเองก็รู้ได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ วิธียั่วอารมณ์ปั่นประสาทอะไรใช้กับเขาไม่ได้ผลเลยสักนิด

 

 

           “เฉินเฉิน คุณรู้จักผมมาตั้งนานขนาดนี้ คุณคิดว่าวิธียั่วอารมณ์ปั่นประสาทใช้กับผมได้ผลเหรอ”

 

 

           “ได้ผล ไม่ได้ผล ก็ต้องลองกันสักตั้ง เผื่อสำเร็จขึ้นมาไง”

 

 

           ซือเหยี่ยนหัวเราะเยาะ “ช่างเถอะ คุณทำใจจะดีกว่า”

 

 

           เจียงมู่เฉินกำลังอยากจะโต้แย้ง มือถือที่เพิ่งจะถูกซือเหยี่ยนโยนทิ้งกลับคืนมาให้ก็มีเสียงดังขึ้นมา เจียงมู่เฉินคลำหาอยู่ครู่หนึ่ง ถึงเพิ่งจะหยิบมือถือขึ้นมา

 

 

           เมื่อเจียงมู่เฉินเห็นที่หน้าจอแสดงว่าใครโทรมา ก็ชะงักไปมือสั่นขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ

 

 

           เขาเงยหน้ามองซือเหยี่ยน “พ่อฉันโทรมาหาฉัน ทำยังไงดี”

 

 

           แต่ซือเหยี่ยนกลับทำหน้านิ่ง “รับสิ”

 

 

           เจียงมู่เฉินขบกราม เขาไม่รู้ว่าต้องรับเหรอ ปัญหาคือจู่ๆ พ่อเขาโทรมาหาเวลานี้ได้หมายความว่าไง คงจะไม่ใช่ว่าพวกท่านทะเลาะกันกับพ่อแม่ของซือเหยี่ยนแล้วให้เขาเข้าไปจับแยกหรอกใช่ไหม

 

 

           พอคิดถึงตรงนี้หัวใจก็อดจะรู้สึกหนักอึ้งไม่ได้ เขาแบกหัวใจที่หนักอึ้งรับสายโทรศัพท์

 

 

           “พ่อ เกิดเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”

 

 

           “เฉินเฉิน มาโรงพยาบาลที” เสียงปลายสายไม่ใช่เสียงของคุณพ่อเจียง แต่เป็นเสียงของคุณแม่เจียง

 

 

           เจียงมู่เฉินชะงักงันทันที คนทั้งคนยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา แม่เขาโทรมาให้เขาไปโรงพยาบาลเหรอ

 

 

           “เฉินเฉิน…”

 

 

           เจียงมู่เฉินรีบเรียกสติกลับมา “ครับ ได้ครับ ผมจะเข้าไปเดี๋ยวนี้”

 

 

           เขาเพิ่งจะพูดจบสายก็ตัดไปทันที เจียงมู่เฉินเหมือนปลาไนตัวหนึ่งที่เด้งตัวขึ้นมาจากซือเหยี่ยน

 

 

           ซือเหยี่ยนมองเขาแวบหนึ่ง “เป็นไรไป”

 

 

           เจียงมู่เฉินพรวดพราดลุกขึ้นยืน “แม่ฉันให้ฉันไปโรงพยาบาล”

 

 

           ซือเหยี่ยนวางเอกสารในมือลงก่อนจะเอ่ยถาม “ให้ผมไปด้วยไหม”

 

 

           เจียงมู่เฉินกวาดสายตามองซือเหยี่ยนแวบหนึ่ง “อย่าเพิ่งเลย แม่ฉันแค่บอกให้ฉันไป เดี๋ยวฉันดูสถานการณ์ก่อน ค่อยว่ากันอีกที”

 

 

           “อืม” ซือเหยี่ยนขานรับ แล้วก็ไม่ได้ดึงดันที่จะไป

 

 

           “โอเค งั้นคุณก็ระวังตัวด้วย”

 

 

           เจียงมู่เฉินถือมือถือไว้แล้วรีบพุ่งตัวออกไป ตื่นตระหนกจนไม่ไหวมาตลอดทาง จู่ๆ เวลานี้แม่เขาให้เขาเข้าไป นี่เตรียมจะทำอะไรหรือเปล่า

 

 

           ‘หรือว่าคุยกับพ่อแม่ซือเหยี่ยนจนแตกหักกันแล้ว ให้ตัวเองหนีจากซือเหยี่ยนทันที’

 

 

           เจียงมู่เฉินยิ่งคิดยิ่งรู้สึกถึงความเป็นไปได้ที่พอจะเกิดขึ้น เพียงชั่วพริบตาอารมณ์ก็ตื่นตระหนกจนไม่ไหว ตลอดทางที่ขับรถมา มือที่กำพวงมาลัยจนแน่นสนิทต่างก็มีเหงื่อไหลออกมาแล้ว

 

 

           ในที่สุดก็มาถึงที่หน้าประตูห้องพักผู้ป่วย เจียงมู่เฉินยืนอยู่ตรงนั้น เจียงมู่เฉินจับลูกบิดประตูไว้ ลังเลสองจิตสองใจอยู่ในที

 

 

           เขาหยุดชะงักสักพัก ให้ตัวเองเตรียมอกเตรียมใจ ปลุกความกล้าขึ้นมา ผลักเปิดประตูห้องพักผู้ป่วยเข้าไป

 

 

           พ่อแม่ซือเหยี่ยนกลับไปแล้ว ข้างในเหลือเพียงคุณพ่อเจียงและคุณแม่เจียงที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้กันสองคน

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นบรรยากาศในห้องมีความกดอากาศต่ำมาก เดินเข้าไปแวบแรกยังไม่กล้าจะเอ่ยปากออกมา

 

 

           คุณแม่เจียงเองก็ไม่ได้รีบร้อน จ้องมองเจียงมู่เฉินอยู่แบบนี้ พินิจมองไม่หยุด

 

 

           โดนเธอมองแบบนั้น ในใจก็กระวนกระวายจริงๆ เจียงมู่เฉินเอ่ยถามไปตรงๆ อย่างเทหมดหน้าตัก

 

 

           “แม่ แม่กับพ่อเรียกผมมามีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”

 

 

           

 

 

        ตอนที่ 421 ผมเชื่อเขา

 

 

           คุณแม่เจียงเงียบงันไม่พูดจาอยู่หลายนาที เธอยังไม่ค่อยอยากจะพูดเท่าไหร่ สุดท้ายเธอมองคุณพ่อเจียง ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำ “คุณ คุณมาพูดทีค่ะ”

 

 

           คุณพ่อเจียงถูกเรียกตัวกะทันหัน ยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาชั่วขณะหนึ่ง จิตสำนึกสั่งให้เขามองคุณแม่เจียงแวบหนึ่ง เห็นแววตาของเธอเหม่อมองมาทางเจียงมู่เฉิน ก็เข้าใจได้ในทันใด

 

 

           “เมื่อกี้พ่อแม่ของซือเหยี่ยนมา”

 

 

           เจียงมู่เฉินพยักหน้า “ผมรู้ครับ”

 

 

           “พวกเขาสองคนมาเพื่อเรื่องของแกกับซือเหยี่ยน…” คุณพ่อเจียงเพิ่งจะเอ่ยปาก เจียงมู่เฉินก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ

 

 

           “พวกเขาเองก็รู้เรื่องความสัมพันธ์ของแกกับซือเหยี่ยน” คุณพ่อเจียงหยุดสักพัก “พวกเราได้หารือกันกับพวกเขา”

 

 

           ทุกๆ คำที่คุณพ่อเจียงพูดออกมา เจียงมู่เฉินก็ยิ่งตื่นตระหนกมากขึ้นทุกที

 

 

           เขากลืนน้ำลายโดยไม่ตั้งใจ รอคอยคำพูดต่อจากนี้ของคุณพ่อเจียง

 

 

           “แกกับซือเหยี่ยนอายุยังน้อย ยังมีหนทางให้ต้องเดินอีกยาวไกลต่อจากนี้ มันก็เป็นแค่ความรู้สึกรักใคร่หลงใหลเพียงชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น เวลาในอนาคตยังอีกยาวไกล อาจจะมาเสียใจทีหลังได้…

 

 

           …ดังนั้น พวกเราสี่คนคิดว่าแกกับเขาจะคบกันไม่ได้”

 

 

           คุณพ่อเจียงพูดคำพูดนี้ออกมาด้วยท่าทีเคร่งขรึมจริงจัง หัวใจของเจียงมู่เฉินตกลงไปก้นเหวเพียงชั่วพริบตาเดียว ความรู้สึกที่ร่วงหล่นลงมานั้นคือความรู้สึกที่เขาไม่เคยประสบพบเจอมาก่อนตลอดชีวิตนี้

 

 

           “พ่อ ผมแยกจากซือเหยี่ยนไม่ได้” เจียงมู่เฉินตอบกลับแบบไม่คิดด้วยความดื้อรั้น

 

 

           “พวกเรากับพ่อแม่ซือเหยี่ยนไม่เห็นด้วยกันทั้งนั้น หรือว่าแกจะไม่เอาแม้กระทั่งพ่อแม่แล้ว เพียงเพราะซือเหยี่ยนคนเดียว”

 

 

           ความเจ็บปวดขื่นขมฉายสะท้อนผ่านนัยน์ตาดอกท้อที่เย่อหยิ่งมาแต่ไหนแต่ไร เขามองคุณพ่อเจียงคุณแม่เจียงแล้วยิ้มหัวเราะด้วยความจนใจ “พวกท่านเป็นพ่อแม่ของผม มีความสัมพันธ์ผูกพันกันทางสายเลือด ทั้งชีวิตนี้ก็ตัดไม่ขาดหรอกครับ…

 

 

           …ถ้าพวกท่านไม่เห็นด้วยที่ผมกับซือเหยี่ยนจะคบกันให้ได้ ผมก็ต้องทำได้เพียงแค่เลือกที่จะเลิกกับซือเหยี่ยน…

 

 

           …แต่เจียงมู่เฉินแบบนั้นทั้งชีวิตนี้จะเป็นได้เพียงแค่ลูกชายของพวกท่าน เขาจะไม่มีคนรักคนไหนอีกตลอดชีวิต จะไม่ให้ความรู้สึกรักกับใครคนอื่นอีกตลอดชีวิต”

 

 

           “เฉินเฉิน แกเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เอง ตลอดชีวิตยาวนานขนาดนั้น” คุณพ่อเจียงพูดจากใจอย่างหนักแน่น “แกยังเด็ก บางทีอาจจะใช้เวลาไม่นาน แกก้จะได้เจอคนที่เหมาะสมกับแกจริงๆ”

 

 

           เจียงมู่เฉินหัวเราะเยาะเย้ยหยัน “จะไม่มีคนที่เหมาะสมอะไรกับผมอีก”

 

 

           ทั้งชีวิตนี้เขาอยากแค่คบกับซือเหยี่ยนเท่านั้น พวกเขาผ่านอะไรด้วยกันมามากมาย ต่อให้มีคนอื่น ก็ไม่เกี่ยวกับเขาเจียงมู่เฉิน

 

 

           เหมือนคุณพ่อเจียงถูกท่าทีแบบนี้ของเขาทำให้อารมณ์เดือดดาลขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น เขาเอามือกุมขมับทำให้ตัวเองใจเย็นลงอย่างช้าๆ

 

 

           “แล้วซือเหยี่ยนล่ะ แกจะมั่นใจได้ยังไงว่าซือเหยี่ยนจะเหมือนแก อยากจะคบกับแกไปตลอดชีวิต…

 

 

           …หรือบางทีเขาอาจจะใช้เวลาแค่สามสี่ห้าปี ก็ไม่อยากจะคบกับแกแล้ว ถึงตอนนั้นแกจะทำยังไง”

 

 

           เจียงมู่เฉินยิ้มหัวเราะ “ไม่หรอกครับ ผมเชื่อเขา”

 

 

           สีหน้าอารมณ์ที่แสดงออกมาบนใบหน้าของเขาเด็ดเดี่ยวแน่วแน่มากล้น นัยน์ตาดอกท้อทอประกายแสงระยิบระยับ

 

 

           เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อยมองมายังคุณพ่อเจียง “ซือเหยี่ยนไม่มีทางหรอกครับ ต่อให้ผมเปลี่ยนไปรักคนอื่น ซือเหยี่ยนก็จะไม่เป็นแบบนั้น”

 

 

           เจียงมู่เฉินเอ่ยคำต่อคำออกมาด้วยความไม่หวั่นไหว

 

 

           เขามองคุณแม่เจียง คุกเข่าลงไปตรงๆ แล้วก้มหัวชิดพื้นต่อหน้าคุณพ่อเจียงคุณแม่เจียง สายตาเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ “พ่อครับ แม่ครับ พวกท่านให้ผมคบกับซือเหยี่ยนได้ไหมครับ”

 

 

           ……

 

 

           ไม่นานก่อนหน้านี้ ซือเหยี่ยนก็เป็นแบบนั้น คุกเข่าลงก้มหัวติดพื้นต่อหน้าพวกเขาอย่างไม่จองหองไม่เจียมตัว เอ่ยคำต่อคำว่า “อาเจียงครับ น้าเจียงครับ ผมอยากจะช่วยพวกท่านรักเฉินเฉินไปด้วยกัน โลกใบนี้นอกจากพวกท่าน ผมก็จะเป็นคนที่รักเขาที่สุด…

 

 

           …ดังนั้น ผมอยากจะขอร้องพวกท่าน ยอมให้ผมคบกับเฉินเฉินได้ครับ”

 

 

           คุณแม่เจียงเห็นภาพเจียงมู่เฉินที่คุกเข่าอยู่ที่พื้นกับภาพของซือเหยี่ยนเมื่อครู่นี้ ทั้งสองภาพค่อยๆ ทับซ้อนกันอย่างช้าๆ เบ้าตาเธอเจ็บขึ้นมานิดๆ สุดท้ายก็กะพริบตา กดเก็บความเจ็บปวดผ่านดวงตานี้ลงไป

 

 

           เจียงมู่เฉินคุกเข่าอยู่ต่อหน้าคุณแม่เจียงอยู่อย่างนั้นไม่ไหวติง

 

 

           เวลาผ่านไปนานแล้ว ในที่สุดคุณแม่เจียงก็เอ่ยปากออกมา