ตอนที่ 422 อยากจดทะเบียนกับฉันไหม / ตอนที่ 423 ไปบ้านซือเหยี่ยน

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 422 อยากจดทะเบียนกับฉันไหม

 

 

“ได้”

 

 

หนึ่งคำแผ่วเบาปลิวตามลม ในตอนแรกเจียงมู่เฉินยังไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา แต่ทันทีหลังจากนั้นความดีใจแทบคลั่งก็ประกายวาบขึ้นมาในแววตา ดวงตาลุกวาวเพียงชั่วพริบตา ดั่งดวงดาวระยับแสงส่องสว่างที่สุดในยามราตรีนี้

 

 

นิ้วมือเขาสั่นเล็กน้อย เจียงมู่เฉินกำมือแน่นทันที พร้อมเอ่ยเสียงต่ำ “แม่ครับ เมื่อกี้แม่ว่าอะไรนะครับ”

 

 

คุณแม่เจียงไม่ได้พูดต่ออีก เมื่อครู่นี้ก็เต็มที่พอกับแรงเฮือกสุดท้ายที่เธอเค้นออกมาแล้ว

 

 

เธอหลับตาลงเอนตัวลงนอนบนเตียง คุณพ่อเจียงก็ถอนหายใจลึกๆ ดึงเจียงมู่เฉินขึ้นมา “ฉันกับแม่แกเห็นด้วยแล้ว”

 

 

เจียงมู่เฉินไม่รู้ว่าเพราะไม่กล้าที่จะเชื่อได้ หรือว่าเพราะดีใจแทบบ้าจนเกินไป ทั้งร่างกายสั่นสะท้านโดยไม่ตั้งใจ

 

 

“เอาล่ะ ออกไปก่อนเถอะ แม่แกต้องการพักผ่อนแล้ว”

 

 

เจียงมู่เฉินขอบตาอุ่นร้อน พูดอะไรไม่ออกสักอย่าง ทำได้เพียงพยักหน้าไม่หยุด แล้วออกจากห้องไป

 

 

จนกระทั่งตัวคนมายืนอยู่นอกประตู เจียงมู่เฉินถึงค่อยพิงผนัง เอามือปิดที่ดวงตา

 

 

เขายิ้มหัวเราะ นี่ถือว่าสงครามต่อต้านของตัวเองกับซือเหยี่ยนประสบผลสำเร็จแล้วสินะ

 

 

……

 

 

ในห้องพักผู้ป่วย คุณแม่เจียงยิ่งไปไม่ถึงไหนยิ่งกว่าเจียงมู่เฉิน ดวงตาเธอแดงก่ำ วันนี้รับปากกับเจียงมู่เฉินแล้ว ก็แฝงความนัยว่าลูกชายของเธอทั้งชีวิตนี้อาจจะต้องใช้ชีวิตภายใต้สายตาผู้คนที่คอยจับผิดต่างๆ นานาแล้ว

 

 

พอเธอคิดถึงว่าต่อจากนี้เจียงมู่เฉินทำได้เพียงแค่คบกับซือเหยี่ยนแบบหลบๆ ซ่อนๆ ในใจก็รู้สึกเป็นทุกข์

 

 

ซือเหยี่ยนเด็กคนนี้ที่จริงก็ไม่เลว แต่พอนึกกลับมาในความเป็นจริงยังไม่เปิดกว้างสำหรับพวกเขาผู้ชายสองคน

 

 

เธอไม่มีความปรารถนาอื่นใด แค่เพียงหวังว่าลูกชายที่ตัวเองทั้งรักและทะนุถนอมไว้ในใจพอจะใช้ชีวิตได้อย่างผ่อนคลายสักหน่อย

 

 

คุณพ่อเจียงรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เขาเดินเข้าไปกอดเธอไว้ในอ้อมอก “วางใจเถอะ ลูกชายของผมเจียงเฉิน ใครจะกล้ามาดูถูกได้”

 

 

คุณแม่เจียงตาแดงพยักหน้ารับ ยังดีที่พวกเขาไม่ถือว่าไม่ไร้ประโยชน์จนเกินไป ยังช่วยทั้งสองคนนี้ได้

 

 

คุณพ่อเจียงเห็นเธอร้องไห้จนตาแดง ก็เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้เธอด้วยความรู้สึกทั้งรักทั้งสงสาร “วางใจเถอะ เฉินเฉินนิสัยทะนงตัวแบบนั้น จะไม่ถูกเอาเปรียบหรอก…

 

 

…อีกอย่างยังมีซือเหยี่ยน มีซือเหยี่ยนอยู่ทั้งคน เขาไม่มีทางจะให้เฉินเฉินถูกเอาเปรียบหรอก”

 

 

……

 

 

เจียงมู่เฉินออกไปได้ไม่ทันไร พ่อแม่ซือเหยี่ยนก็เข้ามา

 

 

เข้ามาห้องทำงานแล้ว เหวินฮุ่ยก็พูดกับซือเหยี่ยนทันที “ทางฝั่งแม่ของเฉินเฉินจัดการเรียบร้อยแล้ว ลูกแม่ทั้งหล่อทั้งเก่งขนาดนี้ ใครจะกล้ามาไม่ชอบได้”

 

 

“พ่อครับ แม่ครับ ครั้งนี้ขอบคุณพ่อกับแม่เลยครับ” ถ้าไม่มีพวกเขาให้การช่วยเหลือ เกรงว่าคงจะไม่ได้ราบรื่นถึงขนาดนี้ได้

 

 

“ขอบคุณอะไรกัน ลูกเป็นลูกชายของแม่ ยังหาเฉินเฉินมาเป็นลูก…เอ่อ…ลูกชาย เป็นเรื่องที่ดีนะ”

 

 

เหวินฮุ่ยคิดในใจ อีกนิดเกือบจะพูดตามความเคยชินแล้วว่าเป็น ‘ลูกสะใภ้’

 

 

“เฉินเฉินโดนพ่อแม่เขาเรียกตัวไปแล้วครับ เพิ่งจะไปเมื่อกี้”

 

 

เหวินฮุ่ยพยักหน้า “งั้นก็คงจะบอกกับเฉินเฉินว่าเห็นด้วยกับเรื่องที่พวกลูกสองคนคบกันแล้ว”   

 

 

“ใช่แล้ว พรุ่งนี้ลูกพาเฉินเฉินกลับมาด้วยนะ บอกว่ากลับบ้านมากินข้าวกันสักมื้อ” เหวินฮุ่ยเบิกบานใจ นี่จะเป็นครั้งแรกที่ลูกชายพาลูกสะใภ้หรือแฟนหนุ่มของเขากลับมา

 

 

ซือเหยี่ยนยิ้มพร้อมพยักหน้า “ได้ครับ พรุ่งนี้ผมจะพาเขากลับไปกินข้าว”

 

 

เรื่องสำคัญก็พูดจบแล้ว เหวินฮุ่ยกับคุณพ่อซือก็ไม่ได้อยู่ต่อนาน กลับออกไปก่อน

 

 

ในห้องทำงานเหลือเพียงแค่ซือเหยี่ยนอยู่คนเดียว เขายืนอยู่ต่อหน้าหน้าต่าง จู่ๆ ก็อยากสูบบุหรี่ขึ้นมา

 

 

หาในตู้ที่อยู่ข้างๆ อยู่ตั้งนานถึงหากล่องบุหรี่กล่องหนึ่งเจอ เขาหยิบออกมาจุดไฟหนึ่งมวน ซือเหยี่ยนยืนอยู่ต่อหน้าหน้าต่างสูบบุหรี่ไปพลางมองไปยังนอกหน้าต่าง

 

 

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ข้างนอกแสงอาทิตย์นั้นได้ส่องทะลุผ่านใบไม้ลงมาตกกระทบบนใบหน้าของซือเหยี่ยน พาความอบอุ่นมา

 

 

เขาเชิดมุมปาก หลับตาลงเล็กน้อย

 

 

ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เจียงมู่เฉินก็โทรมา เสียงเรียกเข้าดังไม่หยุด เหมือนอารมณ์ที่ตื่นเต้นของเจียงมู่เฉิน

 

 

ไม่มีหนทางใดจะสงบจิตสงบใจลงได้เลย

 

 

รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากของซือเหยี่ยน ล้วงเอามือถือจากในกระเป๋ากางเกงออกมากดรับสาย

 

 

เจียงมู่เฉินยืนอยู่ตรงระเบียงทางเดิน เขามองดูแสงแดดที่นอกหน้าต่าง เชิดมุมปากขึ้นเล็กน้อยพลางเอ่ยเสียงต่ำ “ซือเหยี่ยน นายอยากจะจดทะเบียนกับฉันไหม”

 

 

 

 

ตอนที่ 423 ไปบ้านซือเหยี่ยน

 

 

           ซือเหยี่ยนได้ยินประโยคนี้ หัวใจก็แทบจะหยุดเต้นทันทีในชั่วพริบตานั้น

 

 

           เขากำมือถือแน่นสนิท เส้นเลือดใหญ่ปูดขึ้นมาเด่นชัดราวกับจะระเบิดออกมาแล้ว

 

 

           ผ่านไปพักใหญ่ เสียงต่ำเอ่ยขึ้น “ไม่อยาก”

 

 

           เจียงมู่เฉิน “?”

 

 

           เขาคิดว่าตัวเองฟังผิด จึงถามออกไปอีกครั้ง “นายว่าอะไรนะ”

 

 

           ซือเหยี่ยนหลับตาลง ปกปิดความดีใจแทบบ้าในแววตาไว้ เอ่ยด้วยท่าทีเอาจริงเอาจัง “ไม่อยาก”

 

 

           อารมณ์ตื่นเต้นอันร้อนแรงดั่งไฟร้อนแต่เดิมของเจียงมู่เฉินถูกสองคำนี้ของซือเหยี่ยนสาดน้ำใส่ดับมอดจนเย็นเฉียบ

 

 

           เขากระแทกเสียงกดตัดสายไปทันที

 

 

           ‘เจ้าหมอนี่ไม่อยากจะจดทะเบียนกับตัวเอง แล้วคุยกับเขาจะมีความหมายอะไร’

 

 

           ซือเหยี่ยนกำลังจะเตรียมพูดต่อ ก็ได้ยินเสียงตู๊ดๆ ในทันใด เขาเอามือถือลงมาดูก็เห็นอีกฝ่ายตัดสายไปแล้ว

 

 

           เขามองดูมือถือแล้วยกยิ้มมุมปากขึ้น

 

 

           ‘ที่แท้เจียงมู่เฉินคนดีคนเดิม อารมณ์หัวร้อนระเบิดลงแบบนี้ตลอดชีวิตก็เปลี่ยนไม่ไหวเลยจริงๆ’

 

 

           เขาเพิ่งจะเตรียมวางมือถือลง เจียงมู่เฉินก็โทรมาอีกครั้ง

 

 

           ซือเหยี่ยนยกยิ้มมุมปาก กดรับสายอีกครั้ง

 

 

           “นายแม่งทำไมไม่อยากจดทะเบียนกับฉัน” เจียงมู่เฉินโทรติดแล้ว ก็กระแทกประโยคนี้ใส่หูเต็มๆ

 

 

           ซือเหยี่ยนไม่ได้ตอบคำถามของเขา แต่พูดว่า “พ่อแม่ผมให้พรุ่งนี้คุณไปกินข้าวที่บ้านผม”

 

 

           เจียงมู่เฉินได้ยินก็งุนงงในทันใด พ่อแม่ของซือเหยี่ยนให้เขากลับไปกินข้าวด้วยเหรอ

 

 

           ‘คงจะไม่ใช่ว่าคิดวิธีจับเขากับซือเหยี่ยนแยกออกจากกันได้แล้ว ดังนั้นตอนนี้จึงเรียกให้เขาไปพบหรอกใช่ไหม’

 

 

           “กิน กินข้าว?” หัวใจดวงน้อยๆ ของเจียงมู่เฉินเต้นตึกตักขึ้นมาชั่วขณะ

 

 

           ‘น่าสะพรึงนะ เอาจริง’

 

 

           ซือเหยี่ยนยิ้มหัวเราะเบาๆ “อะไรกัน ไม่กล้าไป?”

 

 

           “เหอะๆ” เจียงมู่เฉินทำเสียงหัวเราะแห้งใส่ “คุณชายอย่างฉันจะมีอะไรไม่กล้าไป”

 

 

           พ่อแม่เขาก็จัดการเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องพ่อแม่ซือเหยี่ยนอีกไม่นานเกินรอก็จะจัดการได้แล้ว นี่แค่กินข้าวเองไม่ใช่เหรอ

 

 

           ‘มีอะไรน่ากลัวกัน’  

 

 

           “งั้นพรุ่งนี้ตอนเที่ยงผมจะไปรับคุณนะ”

 

 

           พอเจียงมู่เฉินคิดถึงวันพรุ่งนี้ก็ชักจะลนลานนิดหน่อยแล้ว แต่เพื่อรักษาหน้าอย่างไรก็ต้องไป เขาทำเสียงเย็นใส่อย่างตามใจตัวเอง “ได้มั้ง”

 

 

           “อืม” ซือเหยี่ยนขานรับ “คุณก็ไปเตรียมตัวให้ดี ผมขอตัวทำงานต่อก่อน”

 

 

           ‘เตรียมตัว เตรียมตัวกับผีสิ’ หลังจากเจียงมู่เฉินวางสายไป ยืนอยู่ในโรงพยาบาลอยากต่อยผนัง

 

 

           ‘นี่ถือว่าเป็นการเข้าพบผู้ใหญ่ใช่ไหม’

 

 

           ถึงแม้ว่าจะเจอหน้าพ่อแม่ของซือเหยี่ยนไม่รู้ว่าตั้งกี่ครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน

 

 

           ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนพ่อแม่ของซือเหยี่ยนจะมีใบหน้าแต้มรอยยิ้มให้ แต่ครั้งนี้อาจจะถือมีดไล่ฆ่าเขาก็ได้

 

 

           เจียงมู่เฉินเอามือกดที่หัวตัวเอง เขาพูดเรื่องจดทะเบียนไปไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมมันไปถึงขั้นไปกินข้าวที่บ้านซือเหยี่ยนได้

 

 

           ‘นี่มันก้าวกระโดดเกินไปไหม ยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองจริงๆ’

 

 

           พ้นประตูโรงพยาบาลมา ในใจเจียงมู่เฉินเหมือนถูกแมวข่วนอย่างไรอย่างนั้น หัวใจคันยุกยิกยากจะทนได้ พอคิดถึงวันพรุ่งนี้ก็นั่งแทบไม่ติดแล้ว

 

 

           ‘พรุ่งนี้ต้องไปบ้านซือเหยี่ยน ซื้ออะไรดีไปฝากพ่อแม่ของซือเหยี่ยน’

 

 

           เจียงมู่เฉินครุ่นคิด ขับรถไปห้างสรรพสินค้า คิดจะซื้อของให้พ่อแม่ซือเหยี่ยนสักหน่อย

 

 

           แต่พอเข้าในห้างสรรพสินค้าแล้ว ของละลานตา ไม่รู้จริงๆ ว่าต้องซื้ออะไร

 

 

           เขาคิดๆ ดูแล้วก็ปวดหัวนิดหน่อย อดจะโทรหาซือเหยี่ยนอีกไม่ได้ “ฮัลโหล พ่อแม่นายชอบอะไรเหรอ”

 

 

           ซือเหยี่ยนเลิกคิ้ว “อะไรกัน อยากจะเอาใจพ่อแม่ผมเร็วขนาดนี้เชียวเหรอ”

 

 

           “หึ” เจียงมู่เฉินทำเสียงประชดใส่ “ของฉันนี่เขาเรียกว่ามารยาท ขอบใจ”

 

 

           “อืม เฉินเฉินเข้าใจมารยาทที่สุดเลย”

 

 

           เจียงมู่เฉินรู้สึกว่าประโยคนี้เหมือนหยอกหมาไม่มีผิด ไม่ใส่ใจกันเลยสักนิด

 

 

           “ช่างเถอะๆ ฉันดูเองแล้วกัน” พูดจบก็กระแทกเสียงกดตัดสายทันที

 

 

           ซือเหยี่ยนมองดูมือถือตัวเองที่ถูกตัดสายไป เลิกคิ้วขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง เขาประมาณการเอาไว้ว่าใช้เวลาอีกไม่นาน เฉินเฉินของเขาก็จะโทรมาอีก

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นร้านขายหยกที่อยู่ข้างๆ

 

 

           เขารีบเดินเข้าไป เขาจำได้ว่าพ่อแม่ซือเหยี่ยนชอบหยกเอามากๆ

 

 

           คิดได้แบบนี้ก็เดินเข้าไปทันที