ตอนที่ 424 คุณชายชอบนาย / ตอนที่ 425 ฉันไม่ชอบนาย

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 424 คุณชายชอบนาย

 

 

           เจียงมู่เฉินเพิ่งจะเข้าไปก็ไปเตะตาต้องใจกำไลข้อมือที่มีสีเขียวมรกตทั่วทั้งวงเป็นหยกน้ำงามชั้นดีเยี่ยม

 

 

           เขามองดูกำไลข้อมือวงนั้น แม่ซือเหยี่ยนต้องชอบมากแน่ๆ เจียงมู่เฉินให้พนักงานจัดลงกล่องห่อของขวัญโดยไม่ลังเลเลยสักนิด

 

 

           “คุณผู้ชายคะ ที่นี่ยังมีแหวนหยกที่ใช้สวมหัวแม่มือ[1]ประกอบเป็นของคู่กันด้วยนะคะ”

 

 

           เจียงมู่เฉินเอียงหน้าไปมอง ของสองชิ้นนี้เห็นได้ชัดว่าเจียระไนมาจากหยกเจไดต์[2]ก้อนเดียวกัน เพียงแต่ว่าแหวนวงนั้นมีสีแดงย้อมเจือมาระเรื่อ

 

 

           แต่สีแดงนั้นทิ้งรอยอยู่จุดบนสุดของแหวนพอดี แต่งแต้มขึ้นมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ช่างเหมาะสมเข้ากันพอดี

 

 

           เจียงมู่เฉินพยักหน้า “เอาสองชิ้นนี้ห่อด้วยกันเลย”

 

 

           เห็นเลขศูนย์ที่อยู่ต่อกันข้างหลัง เจียงมู่เฉินไม่รู้สึกเสียดายเลยสักนิด รูดบัตรจ่ายเงินเสร็จสรรพ

 

 

           หลังจากซื้อของขวัญเสร็จ เจียงมู่เฉินก็เตรียมจะกลับบ้านตระกูลเจียง แต่พอคิดว่าตอนนี้แม่เขายังอยู่ที่โรงพยาบาล พ่อเขาก็อยู่เป็นเพื่อนแม่ด้วย

 

 

           ไม่มีใครอยู่บ้านสักคน

 

 

           กลับไปก็มีเขาอยู่คนเดียว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สู้เขากลับไปคอนโดของตัวเองกับซือเหยี่ยนดีกว่า

 

 

           คิดได้แบบนี้ เจียงมู่เฉินก็ขับรถกลับไปที่คอนโดมิเนียมใจกลางเมืองทันที

 

 

           หลังจากกลับมา พักอยู่ที่นี่ได้สองวัน ก็ถูกซือเหยี่ยนส่งตัวกลับมาบ้านตระกูลเจียงแล้ว พอวันนี้เข้ามาก็รู้สึกเหมือนคืนสู้เหย้ายังไงชอบกล

 

 

           เจียงมู่เฉินวางของขวัญที่ซื้อมาไว้ข้างๆ หลังจากนั้นตัวเองก็นอนบนโซฟาสักพัก

 

 

           ดูเวลาแล้ว เวลานี้มั่วไป๋น่าจะตื่นได้แล้ว เขาจึงโทรหามั่วไป๋

 

 

           คำนวณเวลาดู เขาถึงที่นั่นก็เป็นเวลาสองวันแล้ว

 

 

           เจียงมู่เฉินหยิบมือถือขึ้นมาโทรวิดีโอคอลหาเขา รออยู่สักพักหนึ่ง มั่วไป๋ถึงได้รับสาย เขานอนฟุบอยู่บนเตียง สีหน้าค่อนข้างซีดเซียวทีเดียว

 

 

           “ช่วงนี้นายไปโรงพยาบาลแล้วหรือยัง”

 

 

           เหมือนมั่วไป๋ยังไม่ได้ตื่นดี พยักหน้าอย่างสะลึมสะลือ “อืม”

 

 

           เจียงมู่เฉินอยากถามว่าไป๋จิ่งได้ไปหาเขาหรือเปล่า แต่กลัวว่าไป๋จิ่งจะไม่ได้ไป ยิ่งจะเพิ่มความยุ่งยากกันไปใหญ่

 

 

           “เหยียนอวี้ทางนั้นว่ายังไงบ้าง ร้ายแรงไหม”

 

 

           “ก็พอค่อยยังชั่ว วันนี้ฉันจะไปเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล”

 

 

           เจียงมู่เฉินหยุดลงสักพัก “อยากให้ฉันไปอยู่เป็นเพื่อนนายไหม”

 

 

           มั่วไป๋เงียบงันไม่พูดจาอยู่สองนาที ก็ส่ายหัวไปมา “เฉินเฉิน นายอย่ามาเลย”

 

 

           “แต่นายคนเดียว ฉันไม่ค่อยวางใจ”

 

 

           มั่วไป๋ยิ้มหัวเราะ รอยยิ้มบนใบหน้าซีดเซียวดูไร้เรี่ยวแรงอย่างเห็นได้ชัด “ไม่เป็นไร มีเหยียนอวี้อยู่ นายจะกลัวอะไร”

 

 

           เขาหยุดลงสักพัก “อีกอย่างฉันจะอยู่ใต้เงาการปกป้องของนายตลอดไม่ได้อยู่แล้ว มีบางเรื่อง ฉันก็ควรจะเผชิญหน้าเอง”

 

 

           ตอนนั้นเจียงมู่เฉินปกป้องเขาครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งนี้ก็ควรจะเป็นตัวเองที่เผชิญหน้า

 

 

           หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ของมั่วไป๋ เจียงมู่เฉินก็ทุกข์ใจอยู่ไม่น้อย เขาหลับตาลงราวกับกำลังซึมซับอย่างช้าๆ

 

 

           เวลาผ่านไปนานแล้ว เสียงต่ำเอ่ยขึ้น “มั่วไป๋ พวกเราเป็นเพื่อนกัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะอยู่เคียงข้างนายได้ตลอดไปเลยนะ”

 

 

           มั่วไป๋กะพริบตาปริบๆ เบ้าตารู้สึกเจ็บปวดอยู่ไม่น้อย เขาพยักหน้าพร้อมเอ่ย “อืม โอเค”

 

 

           “โอเค นายทำการรักษาดีๆ นะ ฉันจะรอข่าวดีของนาย”

 

 

           “เจียงมู่เฉิน ขอบใจนายนะ”

 

 

           ถ้าไม่ได้เจียงมู่เฉิน เขามั่วไป๋คงจะตายไปตั้งแต่แรกแล้ว

 

 

           เจียงมู่เฉินยิ้มหัวเราะ “พวกเราเป็นพี่น้องกันไง”

 

 

           ……

 

 

           ครั้งแรกที่เจอเจียงมู่เฉิน…

 

 

           มั่วไป๋หวนย้อนคิดกลับไป ไม่รู้ว่าคิดถึงอะไรขึ้นมา จู่ๆ ก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นด้วยความขำขัน

 

 

           นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาเป็นฝ่ายไปสารภาพกับไป๋จิ่งเอง ผลสุดท้ายกลับโดนไป๋จิ่งปฏิเสธมาจนได้

 

 

           เขายืนอยู่ในไนท์คลับ อดจะอยากลองดื่มเหล้าไม่ได้

 

 

           นั่นเป็นครั้งแรกที่เขามาไนต์คลับ ขาดแค่บนใบหน้าไม่ได้เขียนว่า ‘น้องใหม่’ เท่านั้นเอง

 

 

           เขาเพิ่งจะนั่งลงที่เคาน์เตอร์บาร์ ก็มีคนส่งเหล้ามาให้เขาแก้วหนึ่ง ตอนนั้นเขาตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อรีบบ่ายเบี่ยงทันที

 

 

           ใครจะคิดว่าคนข้างๆ จะยกยิ้มมุมปากมองเขาด้วยความขำขัน นัยน์ตาดอกท้อประกายรอยยิ้ม สว่างพร่างพราวดั่งดวงดาวระยับแสง

 

 

           เขาไม่เคยเจอคนคนนี้มาก่อน ความหวาดระแวงปรากฏขึ้นในแววตา

 

 

           “นายคือ?”

 

 

           จู่ๆ คนคนนั้นก็เอื้อมมือไปจับคางมั่วไป๋เชิดขึ้น เผยอปากเล็กน้อย “คุณชายชอบนาย”

 

 

 

 

 

 

[1] แหวนหยกที่ใช้สวมหัวแม่มือ เดิมใช้สวมยิงเกาทัณฑ์ ต่อมาใช้เป็นของประดับ

 

 

[2] เจไดต์ (Jadeite) มีองค์ประกอบทางเคมีคือ โซเดียมอะลูมิเนียมซิลิเกต สีเขียวเข้มสดกว่าเนฟไฟรต์ จัดเป็นหยกคุณภาพดี และหาได้ยากในปัจจุบัน โดยธรรมชาติมักพบเป็นก้อนเนื้อแน่น ประกอบด้วยผลึกขนาดเล็กอยู่รวมกัน มีความวาวตั้งแต่แบบแก้วจนถึงแบบน้ำมัน พบในประเทศเมียนมาร์ กัวเตมาลา ญี่ปุ่น และรัสเซีย หยกเจไดต์มีความแข็งอยู่ที่ระดับ 7.0-7.5

 

 

 

 

ตอนที่ 425 ฉันไม่ชอบนาย

 

 

มั่วไป๋หลุดขำออกมา เวลานั้นใบหน้าของเจียงมู่เฉินขาดแค่ไม่ได้เขียนคำว่า ‘โรคจิต’

 

 

เขาเอามือปัดมือเจียงมู่เฉินให้พ้นทาง “ฉันไม่ชอบนาย”

 

 

เจียงมู่เฉินได้ยินคำพูดนี้กลับรู้สึกบันเทิงใจไปได้ นัยน์ตาดอกท้อหรี่ลงเล็กน้อย เหมือนคลื่นที่เริ่มสั่นสะเทือนและซัดสาดอย่างเอาแต่ใจอยู่ในดวงตาสีดำขลับ

 

 

“ไม่เป็นไร คุณชายชอบนาย ได้ไหม”

 

 

มั่วไป๋ตกใจกลัวจนเด้งตัวจากเก้าอี้เตรียมจะวิ่งหนี

 

 

คนข้างๆ เห็นเจียงมู่เฉินเย้าหยอกแบบนั้นไปเมื่อครู่นี้ ก็เอ่ยขึ้น “คุณชายเจียง นายอย่าแกล้งกระต่ายขาวตัวน้อยแบบนั้น อย่าทำให้คนเขาตกใจจนอกสั่นขวัญแขวนสิ”

 

 

เจียงมู่เฉินบีบคางตัวเองเบาๆ เหมือนกำลังครุ่นคิดอย่างไรอย่างนั้น ผ่านไปครู่ใหญ่เขายังคิดไม่ตก พลางมองมาทางมั่วไป๋ “ฉันหน้าตาดูน่าสะพรึงกลัวเหรอ”

 

 

โดนเขาถามแบบนี้ จิตใต้สำนึกของมั่วไป๋ถึงได้สั่งให้เขามองมาที่เจียงมู่เฉิน

 

 

เขากับคนที่น่าสะพรึงกลัวดูจะไม่ไปด้วยกันเลยสักนิด เครื่องหน้าได้รูป มุมปากเชิดขึ้นเป็นรอยยิ้มที่ไม่น่าสนิทใจ ดูๆ ไปเหมือนจะเล่นๆ ไม่จริงจังอะไรอย่างเห็นได้ชัด

 

 

สันจมูกโด่งสูง ทั้งยังมีนัยน์ตาดอกท้อคู่นั้นที่ทำให้คนติดบ่วงได้อีก มั่วไป๋ไม่เคยพบเจอคนที่มีดวงตางดงามขนาดนี้มาก่อน ดั่งดวงดาวทอแสง เป็นแววตาที่ดึงดูดคนอื่นได้โดยไม่รู้ตัว

 

 

เขาหน้าตาสวยมาก ถึงขนาดพูดได้ว่ามีความเป็นปีศาจยั่วเสน่ห์อยู่ในที

 

 

ดูไม่เข้าทีกับคนที่น่าสะพรึงกลัวเลยสักนิด

 

 

มั่วไป๋ส่ายหัว “ไม่น่าสะพรึงกลัว สวยมากเลย”

 

 

ผู้ชายคนหนึ่งถูกเรียกว่า ‘สวย’ ไม่ว่าใครก็จะไม่ค่อยดีใจเท่าไหร่นัก แต่เจียงมู่เฉินกลับหัวเราะเสียงต่ำออกมา

 

 

“พูดจริงๆ นะ คุณชายอย่างฉันชอบนายมากเลย อยากเป็นเพื่อนกับฉันไหม”

 

 

ด้านข้างมีเสียงผิวปากขึ้นมาเป็นระลอก ราวกับกำลังดูอะไรน่าตื่นเต้นไม่มีผิด

 

 

มั่วไป๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจ คำว่า ‘คบเป็นเพื่อน’ จากปากคนเหล่านี้หมายความว่ายังไง

 

 

ถ้าหากไม่ใช่เพื่อนธรรมดาตามที่เขาเข้าใจ แบบนั้นก็ค่อนข้างจะวุ่นวายแล้ว มั่วไป๋เอ่ยปฏิเสธอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “ไม่อยาก”

 

 

คงจะไม่เคยมีใครจะปฏิเสธเจียงมู่เฉินได้ เพียงชั่วครู่เดียวเขาก็ทนไม่ไหวหัวเราะออกมา ไม่มีร่องรอยความโกรธเลยสักนิด

 

 

ภาพจำแรกที่มั่วไป๋มีต่อเจียงมู่เฉินก็คือคุณชายเจียงคนนี้เหมือนจะแปลกประหลาดไปสักหน่อย

 

 

หลังจากพูดจบ ก็ไม่ได้สนใจเจียงมู่เฉินที่ยังหัวเราะคิกคักอยู่ รีบเร่งออกจากไนต์คลับไป

 

 

เดิมคิดว่าต่อจากนี้จะไม่ได้พบเจอคุณชายเจียงคนแปลกคนนี้อีกแล้ว คิดไม่ถึงว่าไม่ถึงสิบหน้าก็มาเจอกันอีกจนได้

 

 

เขาออกจากไนต์คลับได้เพียงไม่กี่นาที ก็โดนคนสกัดเอาไว้ คนพวกนั้นมาด้วยเจตนาไม่ดี หน้าตาอากัปกิริยาถ่อยและต่ำทราม

 

 

เมื่อมั่วไป๋เห็นก็หมุนตัวเตรียมจะวิ่งไปด้านหลัง ใครจะคิดว่าพอหันไปก็จะชนเข้ากับเจียงมู่เฉินพอดี

 

 

เจียงมู่เฉินเห็นคนพวกนั้นอยู่ต่อหน้า หรี่ตาลงเล็กน้อย เขายื่นมือไปดึงมั่วไป๋มาอยู่ข้างหลังตัวเอง เสียงต่ำเอ่ยขึ้น “รอก่อนนะ คุณชายเป็นพระเอกมาช่วยนางเอกแล้ว”

 

 

มั่วไป๋เพิ่งจะเตรียมบอกให้เขาระวัง เจียงมู่เฉินก็ลงมือไปแล้ว

 

 

ท่าทางเขาคล่องแคล่วว่องไว ไม่ชักช้าอืดอาดเลยแม้แต่น้อย มั่วไป๋เห็นแล้วก็แปลกใจอยู่ไม่เบา เดิมทีเขาคิดว่าคุณชายเจียงคนนี้จะเป็นแค่เติ้งถูจื่อ ที่รวยเงิน คิดไม่ถึงว่าต่อสู้กันขึ้นมาจะสบายหายห่วงได้ขนาดนี้

 

 

เจียงมู่เฉินซัดคนพวกนั้นจนล้มลงอย่างรวดเร็วและง่ายดาย รอจนคนพวกนั้นเผ่นไปไกล เขาถึงได้หันมามองมั่วไป๋ “วันหลังอย่ามาที่แบบนี้สุ่มสี่สุ่มห้า ระวังจะโดนรังแกเอา”

 

 

“ขอบใจนะ”

 

 

เจียงมู่เฉินกลับยักคิ้วให้ “อยากตอบแทนด้วยร่างกายไหม”

 

 

มั่วไป๋ตะลึงงัน เสมือนว่าเจียงมู่เฉินในมาดจริงจังเพียงชั่วพริบตาเดียวนั้นเมื่อครู่นี้เป็นสิ่งที่ตัวเองเพ้อฝันออกมาเท่านั้น

 

 

เจียงมู่เฉินเห็นสีหน้าแบบนั้นของเขาก็ยกยิ้มมุมปากด้วยความขบขัน “ล้อนายเล่น คนที่อยากเอาร่างกายเข้าแลกให้คุณชายเจียงมีเยอะจนวนรอบถานโจวไปรอบหนึ่งได้แล้ว”

 

 

“เมื่อกี้ทำไมนายถึงอยากมาช่วยฉัน”

 

 

เจียงมู่เฉินกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง “คุณชายบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าคุณชายอยากเป็นเพื่อนกับนาย เพื่อนตกอยู่ในอันตราย คุณชายไม่ควรจะออกมาช่วยเหรอ”

 

 

“คำว่าเป็นเพื่อนของนายคือเป็นเพื่อนแบบไหนกัน”

 

 

เจียงมู่เฉินหรี่ตาลง นาทีต่อมาก็หัวเราะออกมากะทันหัน “วางใจได้ ฉันไม่ได้คิดจะเป็นเพื่อนแบบเซ็กส์เฟรนด์กับนายหรอก”