บทที่ 610 การรวบรวมในจังหวัด K

โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล

RC:บทที่ 610 การรวบรวมในจังหวัด K

 

ในช่วงเวลาที่หลินเฟิงผลักประตูออกไป พลังที่น่าเกรงกลัวก็มาถึงห้องประชุม

 

“ฮึบ!” เสี่ยวหยางและหลินเฟิงก็ก้าวไปข้างหน้าในเวลาเดียวกัน พวกเขายืนอยู่ตรงหน้ากลุ่มโดยมี ลู่ซื่อจี้และตู๋กังเดินตามเข้ามา พวกเขาเดินตามพลังทรงอันน่าเกรงขามเข้ามาได้อย่างง่ายดาย

 

หลินเฟิงเห็นว่าเสี่ยวหยางไม่ลังเลที่จะปิดกั้นพลังอันน่ากลัวของตนเอาไว้กับตัวเลย เขาจึงวางความสงสัยในใจลงไปได้ในทันที

 

จากนั้นทั้งสองคนก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างสง่างาม

 

ด้านในห้องแห่งนั้นจะเห็นโต๊ะตัวใหญ่ โต๊ะนี้มีขนาดใหญ่มากและเป็นแปดเหลี่ยม

 

ในเวลานี้มีสี่ทิศทางเหนือตำแหน่งที่หลินเฟิงนั่ง เขามองออกไปข้างหน้าและพบว่าผู้คนเหล่านี้ต่างก็มีความอยากรู้อยากเห็น ที่มองกลับมา

 

หลินเฟิงไม่ได้สนใจพวกเขามากนัก ดังนั้นเขาจึงนั่งและหันไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง

 

และ ตู๋กัง, ลู่ซื่อจี้ และเสี่ยวหยาง ทั้งหมดนั่งอยู่ในตำแหน่งด้านหลังของหลินเฟิง

 

ในเวลานี้หลินเฟิงเริ่มมองไปทางอื่นเพื่อสังเกตุผู้คนรอบ ๆ อย่างจริงจัง เขาเห็นกองกำลังใหญ่ ๆ ทั้งหมดห้ากองที่มาถึงแล้วในตอนนี้

 

หลินเฟิงและสถานที่ของพวกเขาอยู่นั้น ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่อยู่ใต้สุดและด้านหน้าที่ ที่พวกเขานั่งคือคนแก่สามคน ผู้อาวุโสทั้งสามนี้ทำให้หลินเฟิงรู้สึกแย่มาก

 

แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ปล่อยลมหายใจที่ดุดันออกมา แต่เพียงแค่นั่งเงียบ ๆ หลินเฟิงก็รู้สึกอึดอัดเพราะพวกเขา มันทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นราชินีมังกรและราชามังกรแห่งกาลเวลาจับจ้องมองมาที่เขายังไงยังงั้น

 

เห็นหลินเฟิงมองมาชายสูงวัยทั้งสามคนก็ยิ้มให้หลินเฟิง หลินเฟิงก็รีบยิ้มตอบกลับอย่างรวดเร็ว

 

“ท่านเฟิงทั้งสามเป็นผู้อาวุโสสามของราชวงศ์ ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นน่ากลัวมากและไม่อาจหยั่งรู้ได้เลยว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาไปถึงระดับไหนแล้ว มันยังคงเป็นปริศนาถึงทุกวันนี้”ลู่ซื่อจี้เทศน์ให้ฟัง

 

หลินเฟิงพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากหลินเฟิงไม่สามารถรู้สึกถึงความแข็งแกร่งของทั้งสามคนที่นั่งตรงข้ามกับเขาได้เลยจริง ๆ

 

แต่ในเวลานี้ หลินเฟิงมองไปที่ชายชราหนึ่งในสามคนและทันใดนั้นก็รู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย

 

ในช่วงเวลาต่อมาหลินเฟิงก็คิดว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขา เขาทั้งตกใจดวงตาเบิกโตไม่อยากจะเชื่อ “ชายที่ชื่อ ไป๋?”

 

หลินเฟิงประเมินสิ่งนั้นในหัวใจของเขา สายตาของอีกฝั่งมองมาหาเขาและดูเหมือนจะรับรู้ความความรู้สึกของหลินเฟิงได้ เขาคงพยักหน้าให้หลินเฟิง เป็นใบหน้าที่แสดงรอยยิ้มที่พึงพอใจ

 

สิ่งนี้ทำให้หลินเฟิงยากที่จะสงบลงได้เป็นเวลานาน เพราะเขาจำชายชราคนนี้ได้ชัดเจนมาก นี่คือชายชราที่เขาพบเมื่อเขาเสนอขายองุ่น ในเมืองเมื่อเขาเพิ่งได้รับกระแสน้ำวนลึกลับครั้งแรก

 

เขาไม่สามารถจินตนาการได้ว่าชายคนนี้คือสมาชิกวุฒิสภาผู้ยิ่งใหญ่ ชายแก่ที่เขาพยายามจะขายองุ่นให้สามคนกลุ่มราชวงศ์

 

หลังจากนั้นไม่นานหลินเฟิงก็สงบลง

 

จากนั้นหลินเฟิงมองไปที่ตำแหน่งทางด้านขวาตรงข้ามกับเขา มีเพียงสามคนที่นั่น พวกเขาทั้งหมดปกปิดใบหน้าของพวกเขาเอาไว้ ใบหน้าของพวกเขาเย็นชาและทุกลมหายใจแทบจะถูกยับยั้งเมื่องมองกลับไปที่อีกฝ่าย 

 

ในเวลานี้เสียงของลู่ซื่อจี้ ก็ดังขึ้นอีกครั้งในหูของหลินเฟิง: “ท่านเฟิงทั้งสามคนเป็นตัวแทนจากองค์กร ลั่วฉา ยังไม่ชัดเจนว่าพวกเขาเป็นผู้นำในเวลานี้หรือไม่”

 

“เป็นนักฆ่าจริง ๆ แค่ออร่าก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงแล้ว” หลินเฟิงพึมพำในใจ

 

จากนั้นหลินเฟิงก็มองไปที่ข้างๆ กลุ่มคนเหล่านั้น ตรงนั้นมีคนอีกกลุ่มหนึ่งจำนวนสี่คน หนึ่งในนั้นนั่งไขว่ห่างเคาะขาตัวเองรั่ว ๆ ท่าทีของเขานั้นดูหยิ่งผยองมาก

 

หลินเฟิงได้เห็นใบหน้านั้นชัดเจน เพราะเขาเป็นรองหัวหน้าของสำนักฮั่วหยุนจง ซึ่งเกือบจะถูกราชามังกรแห่งการเวลาและราชินีมังกรตบตายเพราะความบ้าของตัวเอง

 

เมื่อหลินเฟิงมองไปที่พรรคพวกของคนเหล่านั้น ก่อนที่จะมองข้ามไปเช่นกัน

 

อย่างไรก็ตามเมื่อเมื่อชายคนนั้นเห็นหลินเฟิง เขาก็ตกใจเพราะเมื่อเห็นหลินเฟิงทำให้เขานึกถึงฉากที่เขาเกือบจะตายโดยสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวทั้งสองตัวนั้น เขายังคงรู้สึกว่ามันเป็นความทรงจำที่สดใหม่เสมอ

 

“คนพวกนั้นเป็นคนของนิกายฮัวหยุนจง!” การแนะนำของลู่ซื่อจี้ เกียวกับเรื่องของฮั่วหยุนจงนั้นเรียบง่ายมากจนไม่มีคำซ้ำซ้อนใด ๆ เลย

 

จากนั้นหลินเฟิงมองไปทางซ้ายบ้างซึ่งมีกลุ่มคนหกคน

 

หลินเฟิงที่อยู่ด้านหน้าสามารถมองเห็นได้ชัดเจน และคุ้นเคยกับมันมากเพราะผู้ชายคนนั้นที่นั่งอยู่ด้านซ้ายเป็นบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลหลง เขาเกือบจะถูกฆ่าตายด้วยราชามังกรแห่งเวลาเช่นกัน

 

โชคดีที่ผู้อาวุโสทั้งสองปรากฏตัวขึ้นและหยุดพวกเขาได้ทันเวลา ไม่งั้นตอนนี้ผู้ชายคนนี้อาจอยู่ในขี้เถ้าไปแล้วก้ได้

 

พวกเขาไม่ต้องการให้ลู่ซื่อจี้แนะนำพวกเขาแต่อย่างใด พวกเขาทั้งหมดได้รับการยอมรับจากหลินเฟิง พวกเขาเป็นสำนักหกมังกรซึ่งประกอบด้วยหกตระกูล

 

หลินเฟิงและพวกเขามีกองกำลังทั้งหมดห้ากองกำลังและยังมีกองกำลังเหลืออยู่สามกองกำลัง : นิกายจือหยวน, ปิงหยวนจง และ สหพันธ์แห่งความมืดที่ประกอบด้วยกองกำลังแห่งความมืดอีกสามกองกำลัง

 

กองกำลังทั้งห้านั่งอยู่ในนั้นและไม่มีใครพูดกับฝ่ายอื่น ๆ ห้องขนาดใหญ่ทั้งห้องจึงดูแปลกและอึกอัดมาก

 

หลังจากผ่านไปไม่ถึงหนึ่งในสี่ของชั่วโมง ในที่สุดก็มีกองกำลังเข้ามาอีกกองกำลัง

 

หลินเฟิงเห็นว่ามีคนห้าคนในกองกำลังนี้ ทั้งหมดเป็นผู้หญิง และผู้หญิงแต่ละคนก็สวมผ้าคลุมหน้า

 

ผู้หญิงคนหนึ่งมีเดินนำไปข้างหน้าด้วยแสงที่ขุ่นมัว แม้แต่หลินเฟิงก็ไม่สามารถมองเห็นลักษณะของเธอได้เลย

 

อย่างไรก็ตามจากโครงร่างเราจะเห็นว่าผู้หญิงคนนี้สูงใหญ่ผิวขาว ดวงตาของเธอเย็นชาและเด็ดเดี่ยว ทั้งยังมีออร่าที่แสดงถึงพลังที่น่ากลัวมาก

 

“ท่านเฟิง พวกเธอเป็นคนของนิกายจือหยวน สำนักที่มีแต่ผู้หญิง ไม่มีผู้ชายในตระกูลเลย!” ลู่ซื่อจี้กล่าวจากด้านข้างของหลินเฟิง

 

หลินเฟิงพยักหน้าและบอกว่าเขารับรู้แล้ว ความประหลาดใจเล็กน้อยปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา มันแปลกมากที่กลุ่มของผุ้หญิงเหล่านั้นไม่ยอมรับผู้ชายเข้าร่วมเลยแม้แต่คนเดียว

 

เมื่อคนของนิกายจือหยวนมาถึง คนเหล่านั้นก็นั่งตรงตำแหน่งที่สองจากทางซ้ายของหลินเฟิงโดยไม่เคลื่อนไหวอื่น ๆ เลย

 

ในเวลานี้หลินเฟิงพบว่ามีบางอย่างผิดปกติเพราะในเวลานี้ทั้งสองข้างของหลินเฟิงว่างเปล่าราวกับว่าพวกเขาโดดเดี่ยว จาก 8 ที่นั่งทั้งหมด

 

แต่หลินเฟิงไม่สนใจ แต่อย่างใดและนั่งอยู่บนนั้นอย่างสงบ

 

พวกเขารออย่างเงียบ ๆ หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็รู้สึกได้ว่าอากาศในห้องทั้งห้องดูเหมือนจะเย็นลง

จากนั้นประตูก็เปิดออกอีกครั้งหนึ่ง มีคนสี่คนเดินเข้ามาเป็นชายสามคนและหญิงหนึ่งคน

 

หลินเฟิงพบว่าทั้งสี่คนมีท่าทีที่เย็นชาอย่างมาก พวกเขาเข้ามาและนั่งทางด้านขวา มือของหลินเฟิง ความหมายที่เย็นชานั้นไม่ได้มีเจตนาใด ๆ แม้ว่าพลังอันน่ากลัวไม่แพ้คนอื่นๆ จะตามมาด้วย

 

ตู๋กังและลู่ซื่อจี้ ต่างก็รู้สึกเย็นวูบ

 

“ขอโทษที่พวกเราไม่ได้ตั้งใจ!” ด้วยความประหลาดใจของหลินเฟิง หัวหน้าของคนทั้งสี่ พูดกับหลินเฟิง

 

ผู้นำเป็นสุภาพบุรุษรักษาท่าที เขาสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินมีฝักดาบในมือและเสื้อคลุมสีน้ำเงิน

 

หลินเฟิงเห็นสิ่งนี้เพียงแค่รอยยิ้มกล่าวว่า “ไม่เป็นไรพวกเราไม่ถือ!”

 

หลังจากที่ทุกคนนั่งลงแล้ว ก็มีกองกำลังสุดท้ายที่เหลืออยู่ซึ่งก็คือ สหพันธ์แห่งความมืด

 

แม้ว่าวหพันธ์แห่งความืดจะเป็นกองกำลังสมัยใหม่ แต่ก็มีความลึกลับอย่างมากและแทบจะไม่ปรากฏ โดยเฉพาะในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ดูเหมือนจะหายไปแล้วยังไงยังงั้นจนคราวนี้….

 

ระดับความลึกลับของพวกเขาไม่น้อยไปกว่า ลั่วฉาที่เป็นองค์กรนักฆ่าเลย

 

ในการรอคอยเวลาผ่านไป

ครึ่งชั่วโมง!

 

หนึ่งชั่วโมง……