บทที่ 611 เรื่องราวขององค์กร

โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล

RC: บทที่ 611 เรื่องราวขององค์กร

 

“บ้าเอ้ย! เหลือกองกำลังไหนอีกหละ พวกเราต้องรออีกนานแค่ไหน?” ทันใดนั้นรองหัวหน้าของตระกูลฮัวหยุนจงก็หมดความอดทนและพูดออกมาดัง ๆ

 

“ใช่ เวลามีค่าของเรากำลังสูญเปล่า พวกเรารอมาหนึ่งชั่วโมงแล้ว เราไม่ได้มารอนานขนาดนี้!”

 

“ ฉันไม่ได้สนใจเรื่องของกองกำลังทั้งเจ็ดเท่าไหร่หรอก!”

 

“……. “

 

ผู้ที่มาก่อนเวลาแสดงย่อมแเสดงความโกรธออกมา ท้ายที่สุดคนที่มาเร็วที่สุดก็รอมาเกือบสี่ชั่วโมงเกือบครึ่งวันแล้ว

 

“อย่าเพิ่งหมดความอดทนกันก่อน กองกำลังที่เหลือคือพันธมิตรแห่งความมืดที่ก่อตั้งขึ้นโดยองค์กรแห่งความมืดทั้งสาม ข้าเองก็ไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงยังถึงไม่มา” ในเวลานี้ผู้อาวุโสแห่งการลงทัณฑ์ซึ่งอยู่ข้าง ๆ ผู้อาวุโสอีกสองคน เดินมาข้างหน้าและกล่าวประกาศ

 

แต่ก็มีคนที่ไม่เห็นด้วย ในหมู่คนพวกนั้น หกสำนัก ฮั่วหยุนจง และองค์กรนักฆ่าที่มีเสียงก็ยังไม่ค่อยเห็นด้วยเช่นกัน

 

รองหัวหน้านิกายฮัวหยุนจงไม่ได้พูดอะไรในครั้งนี้ แต่มีคนหลายคนที่อยู่เบื้องหลังเขา :  “พวกเราอยู่ที่นี่มานานแล้ว พวกมันยังไม่มาถึงเลย ทำไมพวกเราต้องรอคนที่ไม่เคารพเวลากันหละ?”

 

“ใช่ มันเสียเวลาของพวกเรามาก!”

 

“ใช่! ถ้ามีอะไรจะพูดก็พูดไปเลย มันเป็นเรืองของพวกมัน มันผิดเองที่ไม่ได้มาร่วมประชุม!”

 

ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็มีเสียงตะโกนด่าทอกันทั้งห้อง 

 

“อะแฮ่ม! อะแฮ่ม! อะแฮ่ม!”

 

ทันใดนั้นเสียงกระแอ่มก็ดังขึ้น แต่ดูเหมือนว่ามันจะมาจากก้นบึ้งของจิตใจทุกคน ทำให้ผู้คนที่เดือดดาลในปัจจุบันเงียบลงทันที

 

ทันทีที่หลินเฟิงเห็นว่าเสียงนั้นดังขึ้นโดยหนึ่งในสามผู้อาวุโส เสียงนั้นสง่างามราวกับหงบนท้องฟ้ามันดังก้องอยู่ในหูของผู้คนทุกคนในที่แห่งนี้

 

“กรุณารออีกนิด อย่างเงียบ ๆ ถ้าพวกเขาไม่มาภายในครึ่งชั่วโมง เราจะเริ่มการประชุมทันที!” เสียงแก่ ๆ ของผู้เฒ่าเทียนดังขึ้นและความร้อนรนในใจของผู้คนดูเหมือนจะหายไปทันที

 

ราวกับว่าเสียงของชายชรามีพลังวิเศษ ทั้งต่อร่างกายและจิตใจมันทำให้ผู้คนต่างก็รู้สึกเหลือเชื่อไปตาม ๆ กัน

 

“ ช่างเป็นพลังที่น่ากลัวอะไรขนาดนี้!”

 

คนอื่น ๆ อาจรู้สึกได้ถึงความสงบและความสะดวกสบายของทั้งร่างกายและจิตใจ แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนในที่เกิดเหตุ ต่างก็รู้ดีเขาสัมผัสได้ถึงพลังและการฝึกฝนของผู้เฒ่าเทียน

 

เพราะคำพูดไม่กี่คำสามารถทำให้ร่างกายและจิตใจของคนอื่นสงบลงได้ และคนที่โกรธง่ายได้ง่ายบางคงยังสามารถสงบอารมณ์ลงในทันทีได้ นั้นคือสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างแท้จริง

.

หลินเฟิงสามารถสัมผัสได้ถึงการสั่นสะเทือนของเสียงนั้นที่ขับเคลื่อนโดยการฝึกฝนที่น่ากลัวนี้ แต่เขาไม่สามารถรู้สึกได้ว่ามันเป็นสถานะแบบไหน

 

“การฝึกตนแบบนี้ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าสองมหาเทพจากยุคก่อนเลย ทั้งราชามังรแห่งการเวลาและราขีนีมังกร!” หลินเฟิงแอบประเมินเรื่องเหล่านั้นในใจของเขา

 

หลังจากที่ผู้เฒ่าเทียนพูดจบ คนที่โกรธเกรี้ยวและโกรธเคืองก็เงียบลงในทันที

 

ในเวลานี้หลินเฟิงมองไปที่กองกำลังอื่น ๆ บ้าง ในสายตาเหล่านั้นความตกใจเกิดขึ้นบนใบหน้าของใครหลาย ๆ คน เห็นได้ชัดว่าหลินเฟิงไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกถึงระดับการฝึกฝนที่น่ากลัวของผู้เฒ่าเทียน

 

ในพริบตาเดียวทั้งห้องกลับสู่ความเงียบสงบอย่างน่ากลัว

 

หลังจากนั้นประมาณหนึ่งในสี่ของชั่วโมงก็มีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดดังขึ้นพร้อมกับประตูก็เปิดออก

 

มีคนห้าคนในชุดคลุมสีดำปรากฏตัวขึ้น รวมถึงชายสี่คนและผู้ที่ที่มีหน้ากากสวมอยู่ พวกเขาสวมเสื้อคลุมสีดำ

มิดชิด ร่างกายของชายคนนั้นที่สวมหน้ากาก เปล่งเสียงแห่งความหวาดกลัวอย่างหาที่เปรียบมิได้ออกมา เขาสวมหมวกสีดำชิ้นเดียวที่เต็มไปด้วยความรู้สึกแห่งความมืดมิด

 

ผู้คนไม่สามารถมองเห็นรูปร่างหน้าตาของผู้ชายคนนั้นได้ชัดเจนนักยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาไม่รู้ว่าเขาเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่

 

ทั้งห้าเดินเข้ามาโดยไม่พูดอะไร พวกเขาตรงไปทางด้านซ้ายของหลินเฟิงและนั่งลง

 

ทันทีที่พวกเขานั่งลงชายในชุดคลุมสีดำก็หันศีรษะและมองไปที่หลินเฟิงดวงตาที่หรี่ลงเล็กน้อย

 

การกระทำนี้ทำให้หลินเฟิงงงงวยมาก

 

แต่ในที่สุดสายตาของนั้นก็เคลื่อนไปที่ร่างของเสี่ยวหยาง เขามองค้างอยู่ตรงนั้นไปนานสองสามวินาทีก่อนจะเดินออกไป

 

“ฮึ่ม! คิดว่ามันเป็นคนที่มีพลังบางซ่อนอยู่ อย่างกับว่าพวกหนูที่เอาแต่ซ้อนอยุ่ในร่มเงา”!

 

“คงภูมิใจมากที่ให้เรานั่งรอที่นี่เกือบสองชั่วโมง!” ทันใดนั้นทางหกสำนักก็มีเสียงบ่นออกมาเช่นกัน

 

“พวกเราสามารถสังหารคนจำนวนมากได้ง่าย ๆ ภายในสองชั่วโมงที่เสียเปล่านี้!” ในทิศทางขององค์กรนักฆ่าจ้องมองไปที่ชายผู้ที่นั่งอยู่ในชุดสีดำอย่างเย็นชา

 

คำพูดของทั้งสามฝ่ายนี้มีความหยิ่งผยองเป็นของตัวเอง แต่พวกเขาก็มีจุดร่วมเดียว ฝ่ายหนึ่งแข็งแกร่งกว่าอีกฝ่ายมันจึงเต็มไปด้วยการยั่วยุมากมาย

 

แต่ในทางกลับกันชายชุดดำเหล่านั้นดูเหมือนจะไม่สนใจสิ่งที่ผู้คนพูดด้วยซ้ำ แต่พวกเขามองไปที่หลินเฟิงเป็นตาเดียว

 

แต่เอาจริง ๆ แล้ว คราวนี้พวกเขาไม่ได้มองไปที่หลินเฟิง แต่เป็นเสี่ยวหยาง ดวงตาของพวกเขาหรี่ลงอีกครั้ง

 

หลินเฟิงมองไปที่ดวงตาเหล่านั้น เขารู้ว่านี่คือการแสดงออกแบบไหน มันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ความโกรธเคือง

 

“ พวกเขายิ้มให้เสี่ยวหยางยังงั้นรึ ? ” หลินเฟิงมองไปที่ฉากนี้ด้วยความงงงวย

 

ในสายตาของกองกำลังอื่น ๆ การวางตัวของสหพันธ์แห่งความมืดกลายเป็นการกระทำที่เพิกเฉยต่อคนกลุ่มอื่นแทน

 

ทันใดนั้นกองกำลังอีกสามกองกำลังที่ติดตามมานั้น ในดวงตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความเยือกเย็น

 

ในตอนนี้ฮั่วหยุนจง อยู่ตรงข้ามกลุ่มสหพันธ์แห่งความมืด

 

เสียงที่เย็นชาดังขึ้นพร้อมกับปรบมือบนโต๊ะทำงาน ทันใดนั้นพลังแห่งความมืดก็มาจากโต๊ะและพุ่งไปที่ชายสวมหน้ากากในทันที

 

“ท่าน!!”

 

ชายที่สวมหน้ากากยิ้มและวางมือลงบนโต๊ะ โต๊ะนั้นสั่นสะเทือนก่อนที่จะสงบลงทันที พลังแห่งความมืดก็หายไป

 

“หึ…แข็งแกร่งพอรึยังหละ”

 

ฉากนี้ทำให้รองผู้ปกครองของตระกูลฮัวหยุนจงรู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัว เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้คาดหวังว่าพลังแห่งความมืดนั้น จะถูกอีกฝ่ายใช้กดดันได้อย่างง่ายดายแบบนี้

 

“ไหนใครมีปัญหาอีก!”

 

รองหัวหน้านิกายฮั่วหยุนจงดูเหมือนไม่มั่นใจมากนัก เขาไม่ชอบครั้งสุดท้ายที่เขาลองพยายามดูเลย แต่เขาก็พยายามด้วยกำลังทั้งหมดที่เขามี

 

ทันใดนั้นโต๊ะขนาดใหญ่ตรงหน้าพวกเขาก็สั่นสะท้าน พร้อมกับมีเสียงดังขึ้น

 

“เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นได้อย่างไร” ในเวลานี้บรรพบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลมังกรทั้ง 6 สำนัก ก็ใช้ฝ่ามือตบลงบนโต๊ะด้วยความตกตะลึงเช่นกัน

 

เห็นได้ชัดว่าพลังแห่งความหวาดกลัวนั้นแพ่ออกมาจากกลุ่มชายชุดดำ

 

เมื่อเห็นกลุ่มของทั้งสองคนนั้นตกตะลึง ราวกับว่าพวกเขากำลังดูละคร

 

ทันใดนั้นผู้นำขององค์กรลั่วฉ่า ซึ่งไม่ค่อยมีคนรู้สึกถึงการมีอยู่ของพวกเขาในห้องประชุมเองก็เกิดเคลื่อนไหวเช่นกัน

 

“ยังไงซะ มันก็เสียเวลาอยู่ดี!”

 

จากนั้นผู้นำขององค์กรลั่วฉาก็ฉายแววเย็นชาในดวงตาของเขา และตบโต๊ะลงไปบ้างเช่นกัน

 

ทิศทางของกองกำลังทั้งหมดยังมุ่งเป้าไปที่กลุ่มพันธมิตรแห่งความมืด

 

อย่างไรก็ตามใบหน้าที่สวมหน้ากากของผู้นำก็มีเพียงรอยยิ้มแห่งความรังเกียจ มือข้างหนึ่งเอื้อมออกไปจับโต๊ะโดยตรง

 

ทันใดนั้นโต๊ะทั้งโต๊ะก็สั่น เสียงของการปะทะกันก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่ามันจะระเบิดได้ทุกเมื่อ

 

กองกำลังอื่น ๆ ที่ไม่ได้ทุบโตะคือ เทียนกง,ปิงหยวนจง และ นิกายจือหยวน ไม่รู้สึกถึงแรงกดดันนี้

 

ประสิทธิภาพของทั้งสี่สำนักนี้แตกต่างกันไป ผู้อาวุโสทั้งสามของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ต่างพากันหลับตาราวกับว่าพวกเขากำลังหลับใหล

 

แต่เหล่าสมาชิกหยวนจง แค่มองไปที่การแข่งขันตรงหน้าของพวกเขาอย่างเงียบ ๆ ส่วนนิกายจือหยวนก็ไม่มีความผันผวนราวใด ๆ เกิดขึ้นราวกับว่าพวกเขาไม่เห็นอะไรที่เกิดขึ้นเลย

 

สำหรับหลินเฟิงพวกเขามองดูด้วยรอยยิ้มเหมือนกับดูละครที่บันเทิงใจ

 

เมื่อความแข็งแกร่งของชายลึกลับผู้แข็งแกร่งคนนี้เพิ่มขึ้น เห็นได้ชัดว่าโต๊ะไม่สามารถทนได้อีกต่อไปแล้ว