บทที่ 612 เรื่องราวของการประชุม

โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล

RC:บทที่ 612 เรื่องราวของการประชุม

 

เพียงแค่เสียงแกร็ก โต๊ะก็เหมือนกับกระจกที่ค่อย ๆ ร้าว กระจายไปทั่วทั้งโตะประชุมขนาดใหญ่

 

โต๊ะนี้โต๊ะไม้ แต่ไม่ใช่โต๊ะไม้ธรรมดา แต่เป็นวัสดุพิเศษ

 

หลิงเฟิงมองไปที่มือของพวกเขา และอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ชายที่สวมหน้ากากในความมืดมิดคนนั้น

 

เนื่องจากเขาเป็นคนที่กล้าพอที่จะกดดันผู้มากความสามารถถึงสามคนตรงน้า พลังของเขาก็ควรจะแข็งแกร่งมากเช่นกัน

 

สิ่งที่เขาทำนั้น ทำให้คนทั้งห้องประชุมต่างตกตะลึงมากขึ้นเรื่อย ๆ 

 

หลินเฟิงมองไปที่ฉากนี้ แล้วก็กลับไปมองผู้อาวุโสทั้งสามคนอีกครั้งหนึ่ง เขาได้แต่สงสัยว่าทำไมชายผู้มีอำนาจทั้งสามคนนี้ ถึงไม่หยุดการกระทำที่ก่อให้เกิดการปะทะกันแบบนี้ เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้นอาคารแห่งนี้ไม่เพียงพอที่จะป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

 

และผู้ยิ่งไปกว่านั้น ชายอาวุโสทั้งสามไม่ได้ดูตื่นเต้นหรือเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย

 

“ตู้ม!!”

 

จากนั้นก็มีเสียงดังขึ้น และโต๊ะไม้ที่แข็งแกร่งนั้นถูกแรงกระแทกราวกับวันมันถูกทุบ

 

ขณะที่โต๊ะแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ชิ้นส่วนที่แตกกระจายออกบินไปทุกทิศทุกทางผู้เฒ่ามู่ก็ยกแขนขึ้นมาในความว่างเปล่า 

 

เขาใช้พลังในการสร้างบาเรียเล็ก ๆ กดเข้าไปในช่องว่างของโลก ชิ้นส่วนที่ปลิวออกมานั้นถูกแช่แข็งไปอย่างง่ายดาย

 

ทุกอย่างถูกแช่แข็งในขณะนั้นผู้คนและสิ่งของในนั่นไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

 

แต่หลินเฟิงพบว่าโลกด้านนอกยังคงเป็นปกติ เมฆสีขาวลอยอยู่ นกกำลังบิน และคนก็ยังคงเดินบนพื้นได้ ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม

 

“ เกิดอะไรขึ้น?” หลินเฟิงเกิดความกลัวขึ้นในใจ

 

ทุกอย่างที่นี่ถูกแช่แข็งราวกับว่าเวลาถูกหยุดลง

 

“ วิถีแห่งเวลาของเขามาถึงระดับนี้แล้วยังงั้นรึ!”

 

การหยุดไหลของเวลานี้ ความคิดของหลินเฟิงร้องดังขึ้นในใจเขาเอง

 

เมื่อได้เห็นเช่นนี้ หลินเฟิงก็มีความดีใจลึก ๆทันใดนั้นราชามังกรแห่งกาลเวลาก้ปรากฏตัว

 

“ชายชราสามคนตรงหน้านั้น ไม่ใช่คนธรรมดาเลย โดยเฉพาะชายชราตรงกลางนั้น สิ่งที่เขาปฏิบัติคือวิถีแห่งกาลเวลา” ราชามังกรแห่งกาลเวลาพูด ดวงตาของหลินเฟิงฉายแสงสีเงินออกมา

 

จากนั้นหลินเฟิงก็พ้นจากสภาพเยือกแข็ง

 

“หืม?” หนึ่งในชายอาวุโสผู้ยิ่งใหญ่ของราชวงศ์เกิดอาการแปลกใจขึ้น

 

แม้จะเห็นแสงสีเงินในความอ่อนไหวของหลินเฟิง เขาก็ทำความเข้าใจและพูดด้วยเสียงที่เบาบาง: “ฉันไม่คิดเลยว่า เจ้าแห่งกาลเวลา จะอยู่ที่นี่กับพวกเราด้วย ราวกับว่าฉันกำลังแสดงความสามารถให้ผู้ที่ถึงจุดสูงสุดดูยังไงยังงั้นเลย!”

 

คำพูดของผู้เฒ่ามู่ลอยอยู่ในความว่างเปล่าเสมือนว่ามันดังออกมาจากทุกสิ่ง

 

“เจ้าไม่ต้องถ่อมตนนักก็ได้ พลังของเจ้าก็ไม่ได้แย่ไปกว่าข้านัก ข้าต่างหากที่แปลกใจที่ได้รู้ว่าเจ้ามาไกลถึงขั้นนี้แล้ว” เสียงนั้นดังมาจากด้านหลังของหลินเฟิง

 

เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วผู้เฒ่ามู่ก็กุมมือแสดงความเคารพ

 

“ขอคุยสักหน่อยได้ไหม” เจ้ามังกรมองไปที่ผู้เฒ่ามู่แล้วพูด

 

“ถือเป็นเกียรติอย่างมาก” จากนั้นราชามังกรและผู้เฒ่ามู่ก็เดินหายเข้าไปในห้องอีกห้อง

 

เมื่อทั้งสองหายไปทั้งห้องก็กลับสู่สถานะปกติ โต๊ะไม้ที่หายไปในทันทีราวกับว่ามันไม่เคยมีอยุ่มาก่อน

 

“กะ เกิดอะไรขึ้น?” ฉากนี้ทำให้ผู้คนที่อยู่ในช่วงเวลาปัจจุบันตื่นกลัวและสงสัยราวกับว่ามีภาพหลอนอยู่ในหัวของพวกเขา

ถ้าไม่ใช่เพราะหลินเฟิงได้เห็นมันด้วยตาของเขาเอง เขาก็จะไม่มีทางเชื่อว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างแน่นอน

 

ในช่วงเวลาที่ราชามังกรและผู้เฒ่ามู่จากไปโต๊ะที่หักได้รับการฟื้นฟูหลังจากถูกแช่แข็งของเวลา

 

กระบวนการนี้มีเพียงหลินเฟิงเท่านั้นที่เห็นเพราะราชามังกรแห่งกาลเวลาช่วยให้เขาปลดปล่อยพันทนาการของเวลา

 

และภาพที่เขาเห็นก็เหมือนกับวิดีโอที่เล่นกลับหัว มันเป็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจ.

 

“เวลาย้อนกลับไปกลับกลายเป็นช่วงเวลาใหม่อย่างงั้นรึ! พลังที่น่ากลัวอะไรแบบนั้น ก็ทำให้หลินเฟิงตกใจเป็นเวลานานก่อนที่เขาจะกลับมาเป็นปกติ

 

และคนที่อยู่ข้าง ๆ เขา แต่ละคนต้างก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

 

พวกเขาจำได้ชัดเจนว่าโต๊ะถูกทำลายไปแล้ว และจากนั้นก็กลับสู่สภาวะปกติเฉย ๆ เลย

 

ผู้นำของ ฮั่วหยุนจง, องค์กรลั่วฉา, สหพันธ์แห่งความมืด, หกสำนัก และสี่กองกำลัง มองมาที่หลินเฟิงและเขาก็มองกลับไปหาทุก ๆ คนเช่นกัน ดูเหมือนว่าหลินเฟิงแน่ใจกับเหตุการที่เกิตขึ้นมากที่สุด

 

เห็นได้ชัดว่าเราสามารถเห็นได้จากปฏิกิริยาของกันและกัน ตอนนี้พวกเขาเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นภาพหลอนทุกอย่างที่เกิดขึ้นและเป็นเรื่องจริง

 

“อะแห่ม! ท่านสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ! ที่นี่เป็นสถานที่สำหรับการสนทนาไม่ใช่เพื่อการต่อสู้ดังนั้นโปรดหยุดและอย่าพยายามทำอะไรที่สิ้นคิด!” ขณะที่ทุกคนยังคงตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ ผู้เฒ่าไป๋หนึ่งในสามผู้อาวุโสกล่าว 

.

มองขึ้นไปก็พบว่าชายชราคนนั้นยังคงอยู่ตรงหน้าของทุกคน

 

สิ่งที่ทำให้พวกเขาตกใจมากขึ้นก็คือ เมื่อทุกคนเห็นผู้เฒ่ามู่หายตัวไป พวกเขาไม่ได้มีข้อมูลใด ๆ เลยเกี่ยวกับชายคนนั้น ซึ่งนั้นก็ทำให้พวกเขาตกใจมาก

 

“ตอนนี้ทุกคนอยู่ที่นี่กันพร้อมแล้ว ให้ฉันพูดถึงเหตุผลและจุดประสงค์ของการประชุมของราชวงค์ก่อน” ผู้เฒ่าไป๋กล่าว

 

ทันทีที่พวกเขาได้ยินว่าพวกเขากำลังจะเข้าสู่การประชุม ทุกคนที่โห่ร้องกันไปต่าง ๆ นา ๆ ก็เงียบลง

 

“การประชุมครั้งนี้มีไว้เพื่อให้ทุกคนได้พูดคุยกันในหลาย ๆ เรื่อง นี่คือเป็นหลักประการแรก ด้วยการถือกำเนิดของภัยพิบัติที่กำลังจะมาถึง กองกำลังที่แตกต่างกันในช่วงเวลาที่แตกต่างกันได้ก่อตัวขึ้นทีละกลุ่ม! ประเทศตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายพวกเราควรจะสร้างกฎขึ้น!” ผู้เฒ่าไป๋กล่าว

 

“กฎอะไร” ผู้คนต่างก็ไม่เข้าใจ.

 

“หยุดการต่อสู้ที่ไร้ความหมายซะ ฉันคิดว่าคุณทุกคนควรและเข้าใจว่าภัยพิบัตินั้นจะมาในอนาคตอันใกล้ และนั้นก็คือสาเหตุที่ทุกคนตื่นจากผนึกในเวลาที่ใกล้เคียงกัน! ดังนั้นพวกเราควรช่วยเหลือกันและกัน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาต่อสู้กันเอง!” ชายชรากล่าว เขามองดูผู้คนที่ตื่นขึ้นมาจากยุคสมัยต่าง ๆ 

 

“แต่ตอนนี้ทุกคนไม่พอใจซึ่งกันและกันอย่างเห็นได้ชัด ในกรณีนี้กองกำลังของประเทศจึงกระจัดกระจายและไม่มีความร่วมมือซึ่งกันและกันเลย พวกเราจะเผชิญกับหายนะครั้งต่อไปได้อย่างไร” ในเวลานี้รองหัวหน้าของนิกายฮั่วหยุนจงกล่าว

 

“ดังนั้นจุดประสงค์ของการประชุมครั้งนี้ คือเพื่อหารือเกี่ยวกับข้อเสนอที่สมเหตุสมผลและเพื่อความพึงพอใจของทุกฝ่าย ใครมีความคิดอะไรที่ฟังดูดี และเหมาะที่จะหยิบยกขึ้นมาบ้างไหม? ” ผู้เฒ่าไป๋ถามเมื่อมองไปรอบ ๆ ฝูงชน

 

แต่คำ ๆ นี้ ก็ทำให้ผู้ฟังทั้งหมดก็เงียบลง ไร้ซึ่งเสียงตอบรับ

 

“เนื่องจากไม่มีใครพูด ฉันจะเสนอเอง” ทันใดนั้นชายชราข้าง ๆ ผู้เฒ่าไป๋ก็เปิดปากขึ้น

 

ทุกคนหันมาสบตาชายชราคนนั้น

 

“ ตอนนี้เราอยู่ในสถานการณ์ที่กองกำลังต่าง ๆ ยังคงต่อสู้เพื่อแย่งชิงดินแดนและทรัพยากร การฆ่าและทำร้ายนั้นส่งผลไปถึงผู้คนนับไม่ถ้วนโดยไม่เลือกฝ่าย! สถานการณ์แบบนี้เป็นเรื่องปกติที่จะเกิดขึ้นในกลุ่มของคนที่ไม่รู้ เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียและประสิทธิภาพในการรบระดับสูง เราไม่สามารถเผชิญกับอนาคตได้ ถ้าพวกเรายังประสบกับหายนะที่สร้างขึ้นโดยคนกันเองแบบนี้ เรามีข้อเสนอมาให้! “เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ผู้เฒ่าเทียนดูเหมือนจะหยุดลงอย่างกะทันหัน เพื่อเพิ่มความอยากรู้ของทุกคน

 

“มีอะไรบอกมาสิ!”

 

“ใช่ ๆ ประเด็นอะไร?”

 

“นั้นสิอย่าเสียเวลาไปมากกว่านี้เลย!”

 

เมื่อมองไปที่ฝูงชนที่ดูเป็นกังวล ผู้เฒ่าเทียนก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม: “ก่อนที่จะเกิดภัยพิบัติ ผู้คนที่อยู่เหนือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ห้ามเคลื่อนไหวกับเหตุการณ์แย่งชิงทุกแย่าง!”

 

ทันทีที่พูดสิ่งนี้ บางคนก็เห็นด้วยและบางคนก็คัดค้าน

 

เหนือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา คนเหล่านั้นเป็นบุคคลสำคัญของกองกำลังต่างๆ พวกเขาไม่ได้พบเห็นมาเป็นร้อย ๆ ปี แต่ถึงยังงั้นพวกเขาก็มีค่ามาก เมื่อพวกเขาล้มหายตายจากไป ทุกคนก็จะได้รับการสูญเสียที่หนักหน่วง

 

ยิ่งไปกว่านั้นผู้คนที่อยู่เหนือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยังมีอำนาจและพลังที่น่ากลัว เมื่อพวกเขายกมือและเท้าของพวกเขา พวกเขาสามารถทำลายสวรรค์และโลกได้ เป็นความคิดที่ดีที่จะห้ามพวกเขาไม่ให้ทำอะไรในเวลานี้

 

“ไม่มีทาง…”