ตอนที่ 475 ทำใจให้สงบ / ตอนที่ 476 เด็กสาวผู้ฉลาดหลักแหลม

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 475 ทำใจให้สงบ 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่ววิ่งตึงตังออกมาจากห้องครัว ปรู๊ดเดียวก็มายืนหยุดอยู่ข้างๆ สวีรั่วชี ก่อนจะถามอย่างสะอกสนใจ “เธอท้องหรือเปล่า” 

 

 

“ไปไกลๆ เลย!” สวีรั่วชีผลักหน้าเธอออกไป 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วยืดตัวขึ้นหลบหลีกการโจมตี เธอไม่เข้าใจอาการโมโหกลบเกลื่อนความเหนียมอายของสวีรั่วชีเลยสักนิด “เธอเรียนหมอมานะ เรื่องพวกนี้มีอะไรให้อายกัน” 

 

 

“เธอไม่อายหรือไง! เธอท้องหรือไง!” สวีรั่วชีหยิกท้องเธอ 

 

 

จู่ๆ วิญญาณดราม่าควีนก็เข้าร่างซย่าเสี่ยวมั่ว เธอกุมท้องตัวเองแล้วทรุดตัวลงไปนั่งบนพื้น ก่อนจะร้องครวญครางอย่างเจ็บปวด “เสี่ยวชี ลูกฉัน!” 

 

 

“หุบปากไป!” สวีรั่วชีทนไม่ไหวจึงหยิบหนังสือเล่มหนึ่งตีเข้าที่ศีรษะของเธอ “วันๆ หนึ่งสมองเธอคิดอะไรบ้างน่ะหา ช่วยคิดอะไรให้มันปกติหน่อยได้ไหม!” 

 

 

“จ้าๆๆ ฉันจะคิดให้ปกตินะ” ซย่าเสี่ยวมั่วกลอกตา ม้วนแขนเสื้อขึ้นแล้วกลับไปล้างจานต่อ ปากก็พึมพำไม่หยุด “ถ้ารู้ว่าเธอไม่ได้ท้องจริง ให้ตายฉันก็ไม่ไปแข่งม้าแทนเธอหรอก” 

 

 

สวีรั่วชีกุมขมับ ให้เธอได้รู้สึกซาบซึ้งใจนานกว่านี้สักหน่อยไม่ได้หรือไง ทว่าปัญหาที่ซย่าเสี่ยวมั่วเอ่ยถึงทำให้เธอเกิดความรู้สึกแปลกๆ ขึ้นในใจ เกิดการคาดเดาที่เธอไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรนัก รู้สึกเหมือนสายฟ้าฟาดผ่าลงมาในยามท้องฟ้าแจ่มใส คงไม่จริงหรอกมั้ง… 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วกำลังล้างจานอยู่ แต่โทรศัพท์ที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์จนเกือบจะตกลงไปในอ่าง 

 

 

“ฮัลโหล สวัสดีค่ะ ซย่าเสี่ยวมั่วค่ะ” 

 

 

“ซย่าเสี่ยวมั่ว เธอทำอะไรน่ะ” อันหร่านไม่เคยเห็นซย่าเสี่ยวมั่วรับโทรศัพท์อย่างจริงจังเช่นนี้มาก่อน 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วได้ยินว่าเสียงเธอแปลกไป จึงวางมะเขือเทศที่เพิ่งล้างเสร็จในมือลง “เธอโทรหาฉันทำไม” 

 

 

“ทำไมเสียงเธอแหบต่ำจังล่ะ” 

 

 

“แหบต่ำงั้นเหรอ” ซย่าเสี่ยวมั่วถามกลับ ก่อนจะตอบอย่างไม่ยี่หระ “ช่วงนี้เปลี่ยนสไตล์เป็นเซ็กซี่แล้วน่ะ” 

 

 

อันหร่านนึกว่าเธอจะพูดอะไร ที่แท้ก็แค่พูดตลกเท่านั้น “ให้มันน้อยๆ หน่อยย่ะ หนังหุ้มกระดูกอย่างเธอจะเอาอะไรมาเซ็กซี่” 

 

 

“เหอะๆ” ซย่าเสี่ยวมั่วไม่ได้โต้กลับ เธอเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว อยากจะกลับห้องครัวไปเอนหลังสักหน่อย “เธอมีอะไรก็รีบพูดมา ฉันจะไปนอนแล้ว” 

 

 

“เธอก็เอาแต่นอนทั้งวัน งานการก็ไม่ทำ” 

 

 

“เหอะๆ แน่นอนสิจ๊ะ ฉันจะไปจู๋จี๋กับหนุ่มหล่อ มีเวลาไปทำงานที่ไหนเล่า” ซย่าเสี่ยวมั่วพลิกตัวกลิ้งลงบนเตียง เธอยังพักผ่อนไม่พอเลย เรื่องงานการก็ช่างมันไปก่อนแล้วกัน 

 

 

อันหร่านไม่อยากจะบ่นเรื่องการไม่คิดจะทำการทำงานของเธอแล้ว แถมเธอยังมีเรื่องที่สำคัญกว่าที่ต้องถามความคิดเห็นจากซย่าเสี่ยวมั่วด้วย 

 

 

“หัวหน้าบก.เราชวนฉันไปกินข้าวแหละ” 

 

 

“อืม” ซย่าเสี่ยวมั่วยังไม่รู้สึกตัว เธอยังรอคอยคำพูดต่อจากนั้นอยู่ หลังจากเธอครุ่นคิดภายใต้ความเงียบสงัดนั้นแล้วก็อดถามขึ้นอีกครั้งไม่ได้ “เธอว่าอะไรนะ” 

 

 

“ฉันบอกว่าหัวหน้าบก.เราชวนฉันไปกินข้าว ฉันจะทำยังไงดี” 

 

 

“หัวหน้าบก.คนเก่าใช่ไหม” ซย่าเสี่ยวมั่วคาดไม่ถึงว่าความรักในวัยผู้ใหญ่ของอันหร่านจะมาไวขนาดนี้ ทำไมถึงไม่มีคนที่เธอชอบมาสารภาพรักกับเธอบ้างเลยล่ะ! 

 

 

“ใช่” อันหร่านพยักหน้าอย่างเศร้าซึม 

 

 

“ก็ไปสิ หรือว่าเธอยังกลัวว่าเขาจะอย่างนู้นอย่างนี้กับเธอ” ซย่าเสี่ยวมั่วเป็นคนคิดแบบตรงไปตรงมา เรื่องที่ไม่มีใครรู้แบบนี้มีอะไรให้ต้องกลัวกัน จะมามัวแต่กลัวแล้วหลบหน้าเพราะตัวเองชอบเขา ถ้าพลาดโอกาสดีๆ ไปจะทำอย่างไร 

 

 

อันหร่านยอมรับว่าบางเรื่องที่เกิดขึ้นก็ทำให้เธอขี้ขลาดเหมือนกัน เธอเอ่ยอย่างน่าสงสาร “ฉันกลัว” 

 

 

“ไม่มีอะไรน่ากลัวสักหน่อย” ก่อนที่ซย่าเสี่ยวมั่วจะขี่ม้าก็กลัวเช่นกัน ถึงแม้ว่าในภายหลังตนสามารถขี่ม้าได้เป็นเพราะเหยียนเค่อถึงแปดสิบเปอร์เซ็นก็เถอะ แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่เธอสามารถเอาชนะความกลัวยี่สิบเปอร์เซ็นนั้นต่างหาก จึงสามารถขึ้นขี่ม้าได้ 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 476 เด็กสาวผู้ฉลาดหลักแหลม 

 

 

“เธอก็พูดง่ายสิ” หัวใจของอันหร่านเหมือนกับลูกบอลขนที่ถูกฉีกออก รู้สึกคันยุบยิบ วุ่นวายใจ จับต้นชนปลายไม่ถูก 

 

 

ของแบบนี้ต้องสัมผัสด้วยใจ แสดงออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ซย่าเสี่ยวมั่วก็ไม่มีปัญญาไปเพิ่มความกล้าหาญให้เธอหรอก ทำได้เพียงเอ่ยให้กำลังใจแบบขอไปทีเท่านั้น “เธอลองคิดดูว่าบก.ของเธอกำลังรอเธออยู่ท่ามกลางลมฝนพายุขนาดไหน เธอไม่สงสารเขาเหรอ” 

 

 

“ทำไมเขาต้องรอฉันอยู่ท่ามกลางลมฝนพายุด้วยล่ะ” อันหร่านขยะแขยงคำที่เธอใช้ 

 

 

“ก็เพราะหัวใจโดนทำร้ายมานานยังไงล่ะสาวน้อย เธอนี่ไม่สนุกเลย” ซย่าเสี่ยวมั่วพลิกตัวตะแคงไปหยิบรุปภาพที่วางอยุ่บนตู้หัวเตียง ก่อนจะมองดูคนในรูปภาพอย่างพึงพอใจ “ถ้าเธอมีเขาอยู่ในใจก็รักษาเขาไว้ให้ดีล่ะ อย่าชักช้า” 

 

 

“พูดได้ดี” อันหร่านหมดแรงจะเถียง เธอไม่มีความกล้าจริงๆ นั่นแหละ เมื่อก่อนก็ไม่ได้มีความรู้สึกที่เกินเลยไปกว่าเพื่อนร่วมงาน แต่เพราะว่าซย่าเสี่ยวมั่วพูดเตือนเป็นนัยๆ ทำให้ตอนนี้เธอเริ่มรู้ตัวแล้วว่าที่แท้เธอนั้นชอบหัวหน้าบก.คนเก่าของตัวเองหรือเปล่า 

 

 

“รักษาไว้ให้ดี เธอลองคิดนะ ถ้าวันนี้เขาจะเอาการ์ดแต่งงานมาให้เธอล่ะ หรือเป็นการ์ดเชิญไปงานเลี้ยงฉลองลูกชายอายุครบหนึ่งเดือนล่ะ เธอไม่ต้องคิดมากขนาดนั้นได้ไหม วันดีๆ ไม่ได้มีทุกวันหรอกนะ”  ซย่าเสี่ยวมั่วก็แค่พูดไปอย่างนั้นแหละ นึกไม่ถึงว่าเธอจะทายถูก 

 

 

อันหร่านพยักหน้า “เธอก็พูดถูก” แต่ฟังคำที่ซย่าเสี่ยวมั่วพูดแล้วก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ 

 

 

เบลล์ยืนฟังซย่าเสี่ยวมั่วพูดอยู่ข้างๆ อดหัวเราะไม่ได้ 

 

 

ความจริงแล้วผู้หญิงคนนี้ฉลาดหลักแหลมมาก มีแค่ตอนที่อยู่ต่อหน้าเหยียนเค่อเท่านั้นแหละ เธอถึงจะดูเอ๋อๆ บ๊องๆ ไปบ้าง พวกคนรอบข้างน่าจะโดนเหยียนเค่อล้างสมอง ถึงบอกว่าซย่าเสี่ยวมั่วเป็นเด็กโง่ 

 

 

“ความคิดประหลาดมากเลยใช่ไหมคะ” อันหร่านวางสายแล้วหันไปมองเบลล์ที่ยืนหัวเราะอยู่ข้างๆ 

 

 

“ฉันว่าเขาก็พูดถูกนะคะ” เบลล์พูดตามตรง “ในชีวิตมีเรื่องนอกเหนือความคาดหมายมากมาย สิ่งที่คุณจินตนาการก็มีแต่สิ่งที่คุณอยากให้เกิดขึ้นหรือไม่ก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่เหตุการณ์จริงๆ ก็ไม่ได้เกิดขึ้นตามสิ่งที่คุณจินตนาการนี่คะ” 

 

 

ความรู้สึกเหมือนดอกไม้บานในใจของอันหร่านโดนสองคนนี้ทำลายลงไปเสียหมด จึงกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้องทำงานเพื่อไปตามนัดแต่โดยดี 

 

 

เบลล์นั่งบนเก้าอี้ ทอดสายตามองไกลออกไป เธอเพิ่งใช้ชีวิตอันเรียบง่ายไปเพียงไม่กี่วัน ก็ทำให้เธอลืมความเจ็บปวดเสียใจที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไปได้ ความรู้สึกที่ว้าวุ่นใจเพราะคนที่ตัวเองชอบเหมือน 

 

 

อันหร่านนั้น เธอไม่ได้สัมผัสมันมาหลายสิบปีแล้ว 

 

 

ชีวิตหลังจากนี้ ทางที่ดีก็คือหาใครสักคนมาร่วมใช้ชีวิตที่แสนเรียบง่ายนี้ไปด้วยกัน 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วกอดรูปภาพแล้วนอนหงายลงกับเตียง เธอไม่มีจินตนาการแบบอันหร่านเลยสักนิด ผู้ชายรูปหล่อถ้าไม่เป็นของคนอื่นก็ต้องเป็นของเธอ ถ้าไม่เกี่ยวข้องกับเธอก็ต้องเป็นคนที่มีสายเลือดเดียวกัน เธอคาดเดาไว้แล้วล่ะ ว่าชีวิตต่อจากนี้ของตนคงหมดหวังกับการสารภาพรักและการแต่งงานแล้ว 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วยังคงล่องลอยอยู่ในความเพ้อฝันเกี่ยวกับหนุ่มหล่อรูปงาม จู่ๆ ก็มีมือหนึ่งฟาดเข้าที่ขาของเธอ เล่นเอาสะดุ้งไปทั้งตัว 

 

 

“ทำอะไรเนี่ย!” ซย่าเสี่ยวมั่วเห็นสวีรั่วชีที่ยืนอยู่ตรงปลายเท้าแล้วอยากจะยกขาถีบออกไปจริงๆ 

 

 

“ฉันรู้สึกถึงลางไม่ดี” สวีรั่วชีพูดกับซย่าเสี่ยวมั่วอย่างลับๆ ล่อๆ 

 

 

“ลางไม่ดีอะไรเธอถึงต้องมาปลุกฉันด้วยหา!” ซย่าเสี่ยวมั่วถีบเข้าที่ขาของเธอเบาๆ 

 

 

สวีรั่วชีกอดขาซย่าเสี่ยวมั่วไว้ด้วยสีหน้าโมโหปนเศร้าใจ “ทำไมฉันรู้สึกว่าฉันมีแล้วกันนะ” 

 

 

“มีอะไร” ซย่าเสี่ยวมั่วกำลังจะแกะมือเธอออก ก็เพิ่งจะจับใจความได้ว่าอีกฝ่ายพูดอะไรออกมา เผลอแผดเสียงสูงโดยไม่รู้ตัว “ท้องเหรอ!” 

 

 

“เบาๆ หน่อยสิ! จะทำให้ฉันหัวใจวายตายหรือไง” สวีรั่วชีถลึงตาใส่เธออย่างไม่ชอบใจ คนที่ก่อนหน้านี้บอกว่าเธอท้องก็คือซย่าเสี่ยวมั่ว แต่ตอนนี้เขากลับมีรีแอคชั่นเว่อร์ที่วังเสียอย่างนั้น ช่างประหลาดเสียจริง 

 

 

“ฉันอยากให้เธอหัวใจวายตาย” ซย่าเสี่ยวมั่วขบฟันด้วยท่าทางน่าสะพรึงกลัว ถ้าทำให้เขาตายได้เธอก้จะได้นอนอย่างสงบสุขเสียที