ตอนที่ 477 ไปตรวจ / ตอนที่ 478 ไถ่ถามสถานการณ์ในช่วงนี้

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 477 ไปตรวจ

 

 

ในโถงทางเดินของโรงพยาบาล มีผู้คนมากมายต่อแถวรอเข้ารับการตรวจ คนที่ไม่เกี่ยวข้องอย่าง

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วยืนรอเป็นเพื่อนสวีรั่วชีอยู่ด้านนอก เธอหาวไปบ่นไป “ไม่ยอมไปหาฉินซื่อหลาน แต่มายืนต่อแถวอยู่ตรงนี้ ต้องการอะไร”

 

 

“เธอจไปรู้อะไร!” สวีรั่วชีเอานิ้วจิ้มกะโหลกเธอ “เธอรู้ไหมว่าใช้เส้นสายมันต้องแลกมาด้วยอะไร”

 

 

“อะไรล่ะ” ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกว่า แค่ท้องนี่ทำอย่างกับเป็นสายลับไปได้

 

 

สวีรั่วชีมองตาขวาง สติปัญญาแบบนี้ถ้ามีคนมาหลอกไปล่ะก็จะไม่แปลกใจเลย เธออธิบายอย่างเอือมระอา “ถ้าไปตรวจกับฉินซื่อหลาน ฉินซื่อหลานก็จะรู้ผลเร็วกว่าฉัน เธอคิดว่าเขาจะเก็บความลับอยู่เหรอ”

 

 

“ก็อาจจะก็ได้นี่” เมื่อก่อนซย่าเสี่ยวมั่วก็ให้ฉินซื่อหลานคอยเก็บความลับอยู่หลายครั้ง

 

 

“เหอะๆ ก็เธอโง่ไง” คนพวกนี้จะไปรักษาความลับให้คนนอกอย่างเธอได้อย่างไร สวีรั่วชีไม่เชื่อคำพูดพล่อยๆ ของพวกนั้นหรอก ทุกคนก็ล้วนแต่ตอบรับเสียดิบดี แต่หันไปอีกทีก็เอาไปบอกคนในกลุ่มแล้ว

 

 

“ก็ได้ ฉันโง่ งั้นฉันกลับไปนอนต่อดีกว่า” ถึงปากซย่าเสี่ยวมั่วจะพูดเช่นนี้ แต่ก็ไม่ได้ขยับตัวเดินออกไปจริงๆ

 

 

สวีรั่วชีดึงเธอไว้ไม่ปล่อย “อย่าเพิ่งไปสิ เธอคือที่พึ่งของฉันนะ”

 

 

ตอนนี้เองที่ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ โดยทั่วไปแล้วถ้ามีทายาทก็ต้องเป็นเรื่องที่น่าดีใจไม่ใช่หรือ ทำไมสวีรั่วชีต้องปิดบังสวีอันหรานด้วยล่ะ

 

 

“เฮ้อ เธอทำแบบนี้ไม่ถูกนะ” ซย่าเสี่ยวมั่วจิ้มไหล่เธอ สายตาเปี่ยมไปด้วยความเคลือบแคลงใจ

 

 

“ไม่ถูกตรงไหน” สวีรั่วชีล่ะกลัวความคิดที่จู่ๆ ก็ผุดเข้ามาในหัวของซย่าเสี่ยวมั่วเสียจริง ทำอย่างกับรู้ว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น

 

 

“เธออยากปิดบังฉันก็ทำให้มันเนียนๆ หน่อยสิ” ซย่าเสี่ยวมั่วแบมือ แค่เธอไม่ถามก็พอแล้วใช่ไหม อย่างไรเสียถ้าเขาอยากจะทำเรื่องร้ายแรงอะไรลงไป เธอก็ขวางไม่ได้อยู่แล้ว

 

 

สวีรั่วชีก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตนรู้สึกอย่างไรกันแน่ ทว่าการที่ซย่าเสี่ยวมั่วก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว

 

 

“ฉันไม่ได้อยากจะปิดบังนะ ตอนนี้ความรู้สึกของฉันค่อนข้างซับซ้อนน่ะ”

 

 

“ซับซ้อนอะไร ถ้าสวีอันหรานไม่เลี้ยงพวกเธอสองแม่ลูกแล้ว ฉันจะเลี้ยงเอง ยังไงเสียฉันก็ไม่คิดจะแต่งงานอยู่แล้ว” ซย่าเสี่ยวมั่วพูดไปเรื่อยเปื่อย แต่ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ

 

 

“ให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะ” สวีรั่วชีไม่อยากจะเถียงเธอ ต่อให้ตนท้องจริงๆ แต่เธอก็ยังสะดวกกว่าผู้หญิงโสดคนอื่นๆ ในเรื่องของเงินทองอยู่ดี

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วก็แค่พูดไปอย่างนั้น คนรักเมียอย่างสวีอันหราน ถ้ารู้ว่าสวีรั่วชีท้องจริงๆ ล่ะก็ ไม่รู้จะดีใจขนาดไหน จะไม่เลี้ยงดูได้อย่างไรกันเล่า

 

 

“เข้าใจแล้ว ใกล้จะถึงคิวเธอแล้ว เตรียมใจดีๆ ล่ะ” ซย่าเสี่ยวมั่วคล้องแขนเธอ เป็นเชิงให้เขยิบไปข้างหน้า

 

 

“ฟู่ว” สวีรั่วชีพรูลมหายใจยาวเหยียด ก่อนจะกระชับมือซย่าเสี่ยวมั่ว “เธอรอฉันอยู่ข้างนอกนะ อย่าไปเดินเพ่นพ่านล่ะ”

 

 

“โอ้โห ห่วงตัวเองก่อนไหมเธอน่ะ จะมาห่วงฉันทำไม” ซย่าเสี่ยวมั่วก็คิดว่าเธอสมองปกติดีนะ แต่พอโดนพวกเขาพูดแบบนี้บ่อยเข้าก็เริ่มสงสัยว่าเธอสมองผิดปกติแล้วจริงๆ

 

 

พอสวีรั่วชีเป็นกังวล ซย่าเสี่ยวมั่วก็สามารถคลายความเครียดนั้นให้เธอได้จริงๆ เธอลูบหัว

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่ว “เธอนั่งรอฉันดีๆ ก็พอ ตอนนี้ฉันเครียดมาก เดี๋ยวฉันออกมา”

 

 

“ก็ได้ๆ ฉันจะรอข่าวดีจากเธอนะ” ซย่าเสี่ยวมั่วตีเข้าที่แขนเธอ

 

 

“อืม” สวีรั่วชีเบะปาก ก้าวเท้าเข้าไปยังห้องในแผนกที่ไม่เกี่ยวข้องกับเธอเลยสักนิดด้วยหัวใจที่เต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วแสร้งทำเป็นไม่อยากแยกจากกัน มองเธอเดินเข้าห้องไป สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมาแล้วยืนพิงเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ด้านนอก อาศัยช่วงเวลาที่รอสวีรั่วชีอยู่ด้านนอกแบบนี้ ต่อสายตรงหาพี่ชายผู้ร้ายลึกของตนทันที

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 478 ไถ่ถามสถานการณ์ในช่วงนี้

 

 

“ฮัลโหล” เสิ่นมั่วหลีเพิ่งจะขับรถเข้าไปจอดในลานจอดรถ ก็ได้รับโทรศัพท์จากเด็กดื้อซย่าเสี่ยวมั่ว

 

 

“พี่” น้ำเสียงเศร้าสร้อยของซย่าเสี่ยวมั่วที่ใช้เรียกเขา ทำให้เสิ่นมั่วหลีฟังแล้วรู้สึกพะอืดพะอมเล็กน้อย

 

 

“มีอะไรก็พูดมาดีๆ” เสิ่นมั่วหลีสวมหูฟัง เหลือบมองเหยียนเค่อที่นั่งอยู่ข้างๆ เขารู้สึกรังเกียจน้องสาวไม่แท้ของเขาคนนี้เสียจริง

 

 

เหยียนเค่อที่นั่งอยู่ข้างๆ ยังทำงานของตัวเองต่อไป แต่ฟังจากน้ำเสียงของศาสตราจารย์เสิ่นแล้วไม่เหมือนกับคุยเรื่องวิชาการอะไรทำนองนั้นเลยย

 

 

“พี่ เพื่อนสมัยเรียน เอ่อ…ไม่สิ” ซย่าเสี่ยวมั่วติดนิสัยพูดไม่คิดจนเคยชินไปแล้ว จึงรีบพูดแก้ใหม่ “เพื่อนฉัน…เขาท้องน่ะ”

 

 

เสิ่นมั่วหลีได้ยินเช่นนี้ก็อดยกยิ้มมุมปากไม่ได้

 

 

จู่ๆ เหยียนเค่อก็รู้สึกว่าบรรยากาศภายในรถแปลกไป เมื่อหันไปมองก็เห็นเสิ่นมั่วหลีกำลังยิ้ม

 

 

“แน่ใจนะว่านั่นคือเพื่อนเธอจริงๆ น่ะ”

 

 

“แน่ใจสิ” ซย่าเสี่ยวมั่วเกาศีรษะ ตอบด้วยน้ำเสียงฝืนๆ

 

 

“อืม แล้วไงต่อ ลูกเขาก็ไม่ใช่ลูกฉันสักหน่อย เธอโทรมาหาฉันจะไปมีประโยชน์อะไร”

 

 

เหยียนเค่อได้ยินเสิ่นมั่วหลีพูดแล้วก็อยากจะหัวเราะ

 

 

“ก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก ชิงจินของพี่ออกเมล็ดได้ พี่ก็ไม่มีความจำเป็นแล้ว” ซย่าเสี่ยวมั่วพึมพำออกมาอย่างไม่กลัวตาย

 

 

“สรุปว่าเธอโทรหาฉันทำไม” เสิ่นมั่วหลีมองข้ามเสียงบ่นพึมพำของเธอ

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วจับกระดุมเสื้อของตนบิดเล่นไปมา ไม่รู้ว่าเธอควรจะถามหรือไม่

 

 

“มีอะไรก็รีบพูดมาในตอนที่ฉันยังอารมณ์ดีอยู่ ไม่อย่างนั้นก็อย่ามาโทรหาฉันอีก”

 

 

นายเสิ่นผู้ร้ายลึกมีช่วงที่อารมณ์ดีกับเขาด้วยเหรอ ซย่าเสี่ยวมั่วดวงตาเป็นประกาย ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ชิงจินของพี่คงไม่ได้ท้องเหมือนกันหรอกนะ”

 

 

เสิ่นมั่วหลีรู้สึกว่าตัวเองเริ่มอารมณ์เสียอีกแล้ว เขาเอ่ยเตือน “ให้เวลาเธอพูดแค่หนึ่งนาที ฉันจะออกไปข้างนอกกับเพื่อน”

 

 

“พี่มีเพื่อนด้วยเหรอเนี่ย!” เมื่อซย่าเสี่ยวมั่วพูดออกไปแล้วก็มานึกเสียใจทีหลัง วันนี้เธอทำตัวได้คืบจะเอาศอกมากไปจริงๆ ทำไมถึงพูดจาแบบนั้นออกไปได้มากมายขนาดนั้นนะ

 

 

รอยยิ้มบนใบหน้าของสิ่นมั่วหลีมลายหายไป กลับสู่สภาวะปกติ ก่อนจะเอ่ยขู่ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ช่วงนี้พี่รองของเธอไม่อยู่บ้านนะ” ความหมายแฝงก็คือ ‘ไม่มีใครช่วยเธอได้นะ’

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วจึงนึกขึ้นได้ว่าช่วงนี้ตนไม่เพียงแต่อยู่คนเดียวอย่างโดดเดี่ยวเท่านั้น แต่ยังไปทำให้คนมากมายไม่พอใจตัวเองอีก ถ้าทำให้เสิ่นมั่วหลีไม่พอใจอีกคน เธอคงต้องจบชีวิตตัวเองแล้วล่ะ

 

 

“ฉันก็แค่อยากถามว่า…” ซย่าเสี่ยวมั่วเบ้ปาก ลูบใบหูของตัวเองก่อนจะพูดอ้อมแอ้ม

 

 

“เหยียนเค่อ…”

 

 

“ก็ดีนะ” เสิ่นมั่วหลีเหลือบตามองคนที่ทำงานยุ่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะพูดกับซย่าเสี่ยวมั่วต่อ “ถ้าอยากสานต่อก็ได้นะ”

 

 

“ไม่กล้าหรอกค่ะๆ” ในใจของซย่าเสี่ยวมั่วนั้น เสิ่นมั่วหลีอยู่ระดับเดียวกับพ่อแม่ผู้ปกครอง ปกติแล้วคำที่ใช้กับเสิ่นมั่วหลีต้องสุภาพเรียบร้อย จะมาพูดซี้ซั้วไม่ได้

 

 

“มีอะไรให้สานต่อกัน เขาไม่ชอบฉันสักหน่อย”

 

 

“เธอรู้ได้ยังไง” เสิ่นมั่วหลีพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมจนถึงวันนี้ทั้งสองคนก็ยังไม่ได้คบกันสักที ทว่าเขาก็ไม่คิดจะไปสนใจนัก การได้อยู่ด้วยกันไม่ใช่สิ่งที่คนสามารถบังคับได้ ต้องอาศัยลิขิตฟ้าด้วยเช่นกัน

 

 

“ฉันรู้ก็แล้วกัน” ซย่าเสี่ยวมั่วมั่นใจในเรื่องนี้มาก แต่เธอก็พูดเสริมออกไป “พี่อย่าไปชอบเหยียนเค่อซะล่ะ”

 

 

เสิ่นมั่วหลีหน้านิ่ง “หืม?”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วได้ยินเสียงของเขาแล้วก็ไม่กล้าพูดต่อ รีบยอมรับผิดทันที “ฉันพูดผิด…พูดผิดน่ะ อย่าทำตัวให้เหยียนเค่อมาชอบพี่ได้ล่ะ พี่หล่อขนาดนี้นี่นา ใช่ไหมล่ะ”

 

 

เสิ่นมั่วหลีไม่สนใจคำพูดยกยอปอปั้นของเธอเลยสักนิด อยากจะจบการสนทนาที่ไม่มีระบบระเบียบนี่เร็วๆ “ถ้าไม่มีอะไร วันหลังจะพูดจะทำอะไรก็คิดเยอะๆ หน่อยแล้วกัน แค่นี้นะ”

 

 

“อืม” ซย่าเสี่ยวมั่วไม่ได้พูดอะไรที่ความหมายคลุมเครือออกไปอีก ใช้เท้าวาดไปมาบนพื้นห้อง ก่อนจะยอมวางหูโทรศัพท์อย่างว่าง่าย