ตอนที่ 156 ฝันร้าย

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ตลอดพระองค์ขององค์หญิงใหญ่เปรอะเปื้อนไปด้วยโลหิต ทรงกุมมือของคนผู้นั้นเอาไว้อย่างแนบแน่น น้ำพระเนตรที่รินไหลเหือดแห้งไปนานแล้ว ทั่วร่างของพระองค์เต็มไปด้วยรอยบาดแผลจากคมดาบ 

 

 

ร่างของผู้ที่พระองค์ทรงกุมมือเอาไว้ ปราศจากลมหายใจไปแล้ว เป็นเพียงร่างที่เหลืออยู่เท่านั้น พระองค์เฝ้าอยู่ข้างศพนั้น ร่ำร้องเสียงกึกก้อง 

 

 

” อาซู่ อย่าทิ้งข้าไป” 

 

 

” อาซู่ เจ้าลืมตามองดูข้าก่อน” 

 

 

” อาซู่ บุตรสาวของพวกเราคลอดออกมาแล้ว นางไม่อาจอยู่โดยไม่มีบิดา “ 

 

 

นางตรัสประโยคเหล่านั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า 

 

 

” เจ้าเคยบอกว่า เจ้าจะอยู่เคียงข้างข้าไปช่วยชีวิต เจ้าโกหกข้า” 

 

 

นางเรียกอยู่นานแสนนาน ร่างนั้นก็ไม่มีความเคลื่อนไหว 

 

 

นางคุกเข่าพับลงไปบนพื้น โอบกอดร่างที่เย็นเฉียบของเขาเอาไว้ หางตามีน้ำตาที่มีเลือดปะปนอยู่ไหลออกมา ” เจ้าโกหกข้า….โกหกข้า….” 

 

 

ฉากที่มองเห็นอยู่นั้น ทำให้ตู๋กูซิงหลันเจ็บปวดไปทั้งหัวใจเช่นกัน ในสมองของนางปรากฎภาพเหล่านั้นขึ้นมา 

 

 

ทำให้นางปวดระบมไปทั้งศีรษะ 

 

 

กระทั่งผ่านไปครู่หนึ่ง อาการค่อยสงบลงได้ 

 

 

” อาซู่ อยู่ร่วมเป็นตายร่วมฝัง ในเมื่อเจ้าไม่อยู่แล้ว เช่นนั้นข้าก็จะไปด้วย “ 

 

 

น้ำตาโลหิตเหือดแล้วไปแล้ว องค์หญิงใหญ่หันไปทอดพระเนตรหุบเหวไร้ก้นบึ้งที่ข้างตัว ทันใดนั้นไม่รู้ว่านางเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน นางโอบอุ้มศพนั้นขึ้นมา หมุนตัวไปเตรียมจะกระโดดหน้าผา 

 

 

ตู๋กูซิงหลันมองเห็นมือสีดำขนาดใหญ่ที่ปรากฎขึ้นข้างกายองค์หญิง กำลังจะผลักนางตกลงไป 

 

 

” รีบรั้งนางไว้” ตู๋กูซิงหลันส่งเสียงออกไปทันที 

 

 

ในความฝันนั้น วิญญาณทมิฬส่งเสียงคำรามออกมา ร่างที่ขมวดเป็นก้อนกลมถูกอุ้มมือสีดำข้างหนึ่งแหวกมา อุ้งมือสีดำข้างนั้นสลายร่างกลมๆ นั้นออกไป จากนั้นก็มีร่างของหมาป่าดำตนหนึ่งกระโดดออกมา หมาป่ามีขนาดเพียงหนึ่งจั้งเท่านั้น มันยืนอยู่ริมเหวลึก บนร่างของมันก็มีกลิ่นไอชั่วร้ายอยู่จางๆ เช่นกัน 

 

 

ที่แท้ร่างเดิมของถวนจื่อก็เป็นเจ้าอสูรประหลาดตัวนี้น่ะเอง 

 

 

ทันทีที่ได้ยินเสียงสั่งของตู๋กูซิงหลัน หมาป่าดำตัวนั้นก็ขย้ำลงไปบนมือสีดำ เพียงคำเดียวก็กัดกระชากมือสีดำนั้นออกมาครึ่งหนึ่ง 

 

 

มันกลืนกินมือครึ่งนั้นลงไป 

 

 

ขณะเดียวกันองค์หญิงใหญ่ก็โอบศพนั้นกระโดลงไปในเหวลึกแล้ว 

 

 

ร่างของนางที่นอนอยู่บนเตียงแสดงความเจ็บปวดรวดร้าวออกมา หางตาปรากฎน้ำตาเป็นสายเลือด ตู๋กูจุนที่ยืนอยู่ข้างเตียงของนาง อยากจะทำทุกทางเพื่อรับความเจ็บปวดนั้นเอาไว้เอง 

 

 

” นี่เป็นวิชามายาที่ชั่วร้ายเลวทราม แม้แต่หนอนพิษของพวกเราชาวหนานเจียงก็ยังมิได้ทำร้ายผู้คนจนทรมานถึงเพียงนี้ ” หยวนเฟยรีบเข้าไปดูแลองค์หญิงใหญ่ นางนึกไม่ออกเลยว่าองค์หญิงจะต้องเผชิญกับสิ่งใดบ้าง 

 

 

ทั้งๆ ที่โอษฐ์ของพระองค์ถูกผ้าอุดไว้ นางยังคงได้ยินเสียงเรียกขานชื่อหนึ่งไม่ยอมหยุด ” อาซู่” 

 

 

นางรู้ว่านามของราชบุตรเขยก็คือฉางซุนซู่ แต่นึกไม่ถึงว่าผ่านมาก็ตั้งหลายปีแล้ว องค์หญิงกลับยังไม่ลืมเลือนราชบุตรเขย ทั้งยังคำนึงหาอย่างหนักหน่วง 

 

 

” องค์หญิงใหญ่ ตื่นเถอะๆ! ” ตู๋กูจุนตบเบาๆ ลงบนพระพักตร์ของพระองค์ พยายามลองปลุกให้ทรงรู้สึกตัว 

 

 

แต่องค์หญิงใหญ่กลับไม่ได้ยินเลยแม้สักน้อย อาการกลับทรุดลงยิ่งกว่าเดิม เพียงครู่เดียวลมหายใจก็ยิ่งเบาบางอ่อนแรงลงไปอีก อ่อนจางจนแทบจะสัมผัสไม่ได้ มือเท้าก็เย็นเป็นน้ำแข็งไปจนหมด 

 

 

สมองของตู๋กูจุนแทบจะระเบิด เพียงคิดว่านางอาจจะตาย เลือดในกายของเขาก็แทบจะกลายเป็นน้ำแข็ง 

 

 

” จีฉุน เจ้าตื่นเดี๋ยวนี้! ” เขาส่งเสียงดังกว่าเดิม ตบลงไปบนพระพักตร์ขององค์หญิงอีก ” หากเจ้าตาย แล้วซุ่นเอ๋อร์จะทำเช่นไร? ฉางซุนซู่อยู่ในปรโลกพอได้เห็นเจ้า เขาจะยังสงบสุขได้อีกหรือ? “ 

 

 

หยวนเฟยอยู่ที่ข้างกายเขา นางรู้สึกได้ว่าร่างกายของตู๋กูจุนเองก็กำลังฝืนเอาไว้เช่นกัน 

 

 

เดิมที่บาดแผลนั้นก็ฉีกขาดอยู่แล้ว ยามนี้ผ้าพันแผลที่หน้าอกของเขาถูกย้อมจนเป็นสีแดงฉาน เลือดไหลซึมออกมานอกผ้า เลือดที่อุ่นร้อนจากอกของเขาไหลออกมา หยดลงบนหลังมือขององค์หญิงใหญ่ 

 

 

ในความฝัน วิญญาณทมิฬที่แปลงร่างกลับเป็นหมาป่ากระโดดตามลงไปในหุบเหวลึก เพียงครู่เดียวก็เห็นมันคาบเององค์หญิงใหญ่และศพนั้นกลับขึ้นมาอีกครั้ง 

 

 

เท้าของมันตะกุยออกไปเพียงไม่กี่ที ก็พาพวกเขามาถึงบริเวณที่สะอาดสะอ้านแห่งหนึ่ง 

 

 

จิตใจขององค์หญิงใหญ่ราวกับตายด้านไปแล้ว แม้ว่าอยู่ๆ นางจะได้เห็นหมาป่าตัวหนึ่งปรากฎขึ้นอย่างไร้ที่มา นางก็ไม่มีปฎิกิริยาเลยสักนิด 

 

 

เพียงแต่โอบกอดศพของฉางซุนซู่เอาไว้ไม่ยอมขยับ 

 

 

” หาตัวปีศาจฝันร้ายนั่นออกมา ให้เจ้าจัดการได้ตามอำเภอใจ ” ตู๋กูซิงหลันออกคำสั่งกับวิญญาณทมิฬอีกครั้ง 

 

 

นางยังคงยืนพิงอยู่ข้างกำแพง แผ่นยันต์ในมือยังถูกคีบเอาไว้แน่น 

 

 

ทันทีที่นางสั่งออกไป ภูเขาที่รายล้อมอยู่รอบๆ ก็แปลเปลี่ยนเป็นแม่น้ำโลหิต สายน้ำนั้นกำลังคลุ้มคลั่ง ราวกับงูร้ายตัวหนึ่งที่กำลังจะม้วนกลืนองค์หญิงใหญ่เข้าไป 

 

 

ที่นี่เป็นโลกแห่งความฝัน ถึงแม้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นที่จริงแล้วมีแต่ความว่างเปล่า แต่ว่าสำหรับผู้คนหรือจิตใจที่ถูกดูดเข้ามาในความฝันนี้กลับมีผลร้ายอย่างรุนแรง 

 

 

และผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงที่สุดนั้นย่อมเป็นเจ้าของความฝัน 

 

 

หากว่าองค์หญิงใหญ่ทรงติดอยู่ในเหวลึกของความฝัน นางก็จะกลายเป็นเพียงร่างที่เดินได้แต่ไร้ซึ่งจิตวิญญาณ หากเปรียบเทียบกับคนที่ตายแล้วก็ไม่แตกต่างกัน 

 

 

วิญญาณทมิฬกระโดดลงไปในทะเลเลือดนั้น มันกลายร่างอีกครั้งอย่างรวดเร็วเปลี่ยนเป็นภูเขาสูงขนาดเล็กลูกหนึ่ง ต้านทานทะเลเลือดที่คลุ้มคลั่งราวกับงูนั้นไว้ 

 

 

มันอ้าปากที่แดงฉานไปด้วยโลหิต กลืนกินทะเลเลือดที่ราวกับงูน้ำตัวนั้นลงไป 

 

 

งูเลือดตัวนั้นพลิกตัวหนี โอบล้อมไปรอบตัวมัน พยายามจะกลืนกินมันเช่นกัน 

 

 

หางตาขององค์หญิงใหญ่มีโลหิตไหลซึมออกมาอีก นางไม่สนใจไยดีวิญญาณทมิฬ โอบกอดศพของฉางซุนซู่ไว้ เตรียมจะหันไปกระโดดเหวอีกครั้งหนึ่ง 

 

 

พอนางขยับตัว ทันใดนั้นก็ปรากฎเงาร่างหนึ่งผุดขึ้นมาขวางเอาไว้ นางหันไปมองดู ก็เห็นตู๋กูจุนที่สวมเกราะเงิน มือถือดาบฬใหญ่ขวางอยู่เบื้องหน้านาง 

 

 

” จีฉุน กลับไปกับข้า” 

 

 

จีฉุนพอเห็นเขา ก็เริ่มมีปฎิกิริยาขึ้นมา ดวงตาของนางปรากฎแววแห่งความเคียดแค้นชิงชังอย่างที่สุด 

 

 

” อาซู่ตายในน้ำมือของเจ้า เจ้าก็ฆ่าข้าไปด้วยกันเสียเถอะ “ 

 

 

” กลับไปกับข้า” ตู๋กูจุนย้ำประโยคนั้นอย่างหนักแน่นอีกครั้ง 

 

 

” ซุ่นเอ๋อร์กำลังรอเจ้าอยู่ “ 

 

 

พอเอ่ยถึงชื่อนี้ขึ้นมา จีฉุนก็เริ่มฟิ้นฟูความคิดขึ้นมาได้ นางกอดศพในอ้อมแขนเอาไว้แน่น ” ซุ่นเอ๋อร์…….ซุ่นเอ๋อร์……” 

 

 

ใช่แล้ว บุตรสาวของนางกับอาซู่ 

 

 

” ซุ่นเอ๋อร์ไม่อาจไร้มารดา ” ตู๋กูจุนกุมข้อมมือขององค์หญิงไว้ ยกมืออีกข้างขึ้นมาผลักศพของฉางซุนซู่ลงไปทางเหวลึก 

 

 

อีกด้านหนึ่ง วิญญาณทมิฬกำลังต่อสู้กับทะเลเลือดที่ราวกับงูที่คุ้มคลั่ง ตลอดร่างของมันมีแต่รอยแผล 

 

 

วิญญาณทมิฬได้เปรียบกว่าขั้นหนึ่ง ” ในดวงตาทั้งสองข้างที่แดงก่ำประดุจเลือดของมันปรากฎสายฟ้าสีแดงขึ้นมา รอยแผลทั่วทั้งตัวของมันก็ประสานกันอย่างรวดเร็ว 

 

 

” ตอนที่อั๊วได้เป็นปีศาจร้ายนั้น เจ้ามันก็แค่ไข่ใบหนึ่ง” 

 

 

ทะเลโลหิตนั้นถูกมันกลืนกินลงไปกว่าครึ่งหนึ่ง ส่วนที่เหลือได้แต่ดิ้นรนอยู่บนพื้นอย่างคุ้มคลั่ง 

 

 

 

 

 

วิญญาณทมิฬมิได้ให้โอกาสมันต่อต้านเลยแม้แต่น้อย กรงเล็บที่แหลมคมของมันตวัดออกมา ก็อ้าปากกว้างที่เต็มไปด้วยเลือดขึ้น มันใช้กรงเล็บฉีกกระชากปีศาจนั้นออกเป็นชิ้นๆ กลืนกินลงไปราวกับขบเคี้ยวน้ำตาลเม็ด 

 

 

เมื่อกินจนหมดก็อิ่มเอมเปรมปรีอย่างพออกพอใจ 

 

 

คราวนี้ หุบเหวลึกที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาก็ทะยอยหายไปจนหมด วิญญาณทมิฬจดจ้องมองดูร่างของตนเอง มันติดตามตู๋กูซิงหลันข้ามภพมาตั้งนาน นี่เป็นครั้งแรกที่มันสามารถฟื้นฟูร่างเดิมได้ส่วนหนึ่ง ถึงแม้ว่าร่างนี้จะมีกำลังไม่ถึงหนึ่งในสิบส่วนของร่างเดิมที่มันเคยมี แต่ว่าความองอาจนี้ก็ยังทำให้มันพอใจอยู่ไม่น้อย 

 

 

หากว่าสามารถฟื้นฟูร่างเดิมเหมือนในชาติก่อนได้ ก็คงจะดียิ่ง 

 

 

……………………………. 

 

 

ภายในเรือนตะวันตกของตระกูลตู๋กู 

 

 

ผู้คนในห้องเพียงรู้สึกถึงสายลมเย็นยะเยือกหอบหนึ่งพัดผ่านตนเอง พวกเขาคับคล้ายคับคลาว่าได้เห็นไอสีดำลอยออกมาจากหน้าผากขององค์หญิงใหญ่ 

 

 

จากนั้นนางก็สงบลงในทันที 

 

 

ขณะที่พวกเขายังงงงันกันอยู่นั้น ก็เห็นตู๋กูซิงหลันที่ยืนพิงกำแพงอยู่ตลอดรีบเข้ามาแปะยันต์แผ่นหนึ่งลงบนหน้าผากขององค์หญิงใหญ่เอาไว้