เพียงแค่ยันแผ่นนั้นสัมผัสลงไปเบาๆ ก็สลายหายไปในทันทีราวกับว่า มันไม่เคยได้สัมผัสกับร่างกายขององค์หญิงมาก่อน
ยันต์ติดตามนี้สามารถติดตามกระแสพลังของคำสาปได้
พูดง่ายๆ ก็คือเป็นดั่งจมูกของสุนัขดมกลิ่นนั่นเอง
บนร่างขององค์หญิงใหญ่ยังมีกลิ่นอายของปีศาจความฝันอยู่ หากอาศัยพลังของยันต์ติดตามนี้ ก็จะสามารถหาร่อยรอยของคนที่ใช้อาคมกับนางออกมาได้
แต่การสร้างยันต์ชนิดนี้ไม่ง่ายเลย ไม่เพียงจะต้องสิ้นเปลืองพละกำลังไปมาก ในหนึ่งปีนางก็สามารถใช้ออกได้เพียงครั้งเดียว
พวกเขายังไม่ได้สอบถามตู๋กูซิงหลันว่าทำอะไรลงไป ก็เห็นองค์หญิงใหญ่ถอนหายใจยาว เริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา
ทันทีที่นางรู้สึกตัวก็ทอดพระเนตรเห็นตู๋กูจุน
” จีฉุน” ตู๋กูจุนส่งเสียงเรียกนางครั้งหนึ่ง บนหน้าอกของเขายังคงมีเลือดหยาดหยดออกมา ไหลลงไปบนหลังหัตถ์ของนาง ” ตื่นขึ้นมาก็ดีแล้ว”
จีฉุนพึ่งจะรู้สึกตัว ยังคงสับสนระหว่างความจริงกับความฝัน
นางทอดพระเนตรเห็นใบหน้าของตู๋กูจุน ก็เกิดอารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นมา กำหมัดทุบลงไปบนอกของเขา “ตู๋กูจุน เจ้าฆ่าอาซู่ แล้วยังผลักเขาลงเหวไปอีก ข้าเกลียดเจ้า! ข้าจะให้เจ้าชดใช้ชีวิตให้อาซู่!
นางกระหน่ำหมัดลงไป ตู๋กูจุนก็ไม่ได้หลบหลีก
ทุกหมัดของจีฉุนล้วนกระแทกลงไปบนบาดแผลของเขา เดิมทีบาดแผลนี้ก็ฉีกขาดแล้ว ยามนี้ก็ยิ่งเจ็บซ้ำลงที่เดิมอีก
เลือดสดของเขารินไหลออกมา ย้อมหมัดของจีฉุนจนแดงฉาน
หยวนเฟยมองดูจากด้านข้าง ทำเอาหัวใจของนางเองเจ็บปวดแทน บุรุษผู้นี้ทำไมถึงได้โง่เขลาเช่นนี้ เขาไม่รู้จักหลบหลีกหรือไร?
กระทั่งจีฉุนเหน็ดเหนื่อยแล้ว ตู๋กูจุนถึงได้กล่าวว่า ” ทูลองค์หญิง กระหม่อมไม่อาจตายได้”
เขารับปากฉางซุนซู่เอาไว้ จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ปกป้องพวกนางแม่ลูก
หัตถ์ของจีฉุนเปื้อนไปด้วยเลือด ทำเอานางรู้สึกถึงความเหนอะหนะที่อุ่นร้อนขึ้นมา นางถึงได้รู้สึกตัวอย่างเต็มที่ นี่เป็นความจริง มิใช่ความฝัน
เมื่อเจ็ดวันก่อน เป็นวันครบรอบรำลึกถึงอาซู่ นางไปกราบไหว้ที่สุสาน พอกลับมาก็งุนงงไม่ค่อยได้สติ รู้สึกเหมือนตกอยู่ในฝันร้าย
ในความฝันนั้นนางและอาซู่พึ่งจะผ่านพิธีวิวาห์ เขาก็ลาไปสนามรบ สิ้นชีวิตอยู่บนภูเขาท่ามกลางทะเลเลือด
คนที่เคยพูดบ่อยๆ ว่าจะรักนางไปทั้งชาติ ปกป้องนางไปชั่วชีวิต จะไม่กลับมาอีกแล้ว
ในความฝันนั้นเขาตายอย่างน่าอนาถนัก ดาบเดียวแทงทะลุหัวใจ สิ้นไปในทันที
กระทั่งยามนี้เมื่อนางคิดขึ้นมา ก็รู้สึกว่าหัวใจถูกคนมาควักออกไปอย่างโหดเ**้ยม
จีฉุนพยายามเก็บงำความปวดร้าวราวกับหัวใจถูกทิ่มแทงนั้นเอาไว้ นางปิดเนตรลง ” เจ้าไปซะ ข้าไม่ต้องการเห็นเจ้าอีก”
” ได้ ข้าไป ” ตู๋กูจุนลุกขึ้นยืน ” เพียงแต่ไม่อาจทำตามพระประสงค์ในประโยคหลังขององค์หญิงได้ เมื่อท่านมีอันตราย ข้าจำเป็นจะต้องปกป้องชีวิตของท่าน”
ใบหน้าของเขาขาวซีด พยายามเก็บอาการบาดเจ็บเอาไว้ เขาเดินออกไปจากเรือนตะวันตกท่ามกลางสายตาเกลียดชังของจีฉุน
” เสี่ยวหยวนเฟย รบกวนเจ้าช่วยดูแลพี่ใหญ่แทนข้าหน่อยเถอะ” ตู๋กูซิงหลันหันไปขอร้องหยวนเฟย
เมื่อครู่นางไม่ได้ห้ามองค์หญิงใหญ่ทำร้ายพี่ชาย เพราะรู้ว่าในใจของพระองค์เต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างลึกล้ำ
พี่ชายยอมทนเช่นนี้ จะต้องรู้จักหนักเบาอยู่แล้วแน่
พอได้ฟังคำพูดของพี่ชาย ขนาดนางที่เป็นคนโสดมานานแสนนานยังรู้สึกประทับใจขึ้นมาเลย ถ้าจะบอกว่าพี่ใหญ่ไม่ได้ชอบองค์หญิงละก็ นางไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด
แต่เพราะไปฆ่าสามีของผู้อื่น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับฆาตกรที่ฆ่าสามี จะให้องค์หญิงใหญ่ทนได้เช่นไร
หยวนเฟยชะงักไปชั่วครู่ ก็พยักหน้า ติดตามออกไปทันที
ตู๋กูซิงหลันสั่งให้เชียนเชียนไปชงชาสงบใจมา
ในห้องจึงมีแต่เพียงองค์หญิงใหญ่และตู๋กูซิงหลันเท่านั้น นางหยิบผ้าสะอาดมาเช็ดคราบเลือดบนหัตถ์
” องค์หญิง หากวางความแค้นลงจึงจะสามารถเดินหน้าต่อไปได้ หากว่าท่านราชบุตรเขยยังคงอยู่ เขาย่อมต้องคาดหวังให้ท่านมีความสุข ” ตู๋กูซิงหลันนั่งลงที่ข้างกายนาง
ที่ปีศาจฝันร้ายสามารถกักขังพระองค์เอาไว้ในความฝันได้ ก็เป็นเพราะว่าองค์หญิงใหญ่คำนึงหาอยู่ตลอดเวลา แม้ผ่านมานานหลายปีก็ยังคงตอกย้ำอยู่กับตนเอง
” ท่านถูกมนต์ควบคุมเข้าแล้ว เป็นพี่ใหญ่ไปช่วยท่านกลับมา ” ผ่านไปครู่หนึ่งตู๋กูซิงหลันก็พูดขึ้นมาอีก
” ไทเฮา หากท่านจะมาขอร้องให้ข้าให้อภัยตู๋กูจุนละก็ ท่านจงล้มเลิกความตั้งใจเสียเถอะ ” จีฉุนเอนตัวอยู่บนฟูก ” ท่านไม่เคยต้องเผชิญกับความทุกข์และความสิ้นหวังเช่นเดียวกันกับข้า…….”
” ข้าเป็นองค์หญิงใหญ่ของต้าโจว สามีข้าอาจตายในสงครามได้ สามารถตายเพื่อชาติบ้านเมืองได้ แต่ไม่สมควรจะต้องมาตายด้วยมือของทหารของชาติตนเอง! “
” อาซู่ห่วงใยชาติบ้านเมือง ถึงแม้เข้าจะเป็นเพียงขุนนางบุ๋น แต่สงครามกับพวกริวกิว (โอกินาว่า , ญี่ปุ่น) ในปีนั้น กองทหารสิบหมื่นของตระกูลตู๋กูถูล้อมเอาไว้ เป็นสามีของข้าที่บุกป่าผ่าวงล้อมเข้าไปส่งเสบียง ช่วยชีวิตทหารทั้งสิบหมื่นของตู๋กูจุน อยู่ร่วมต้อสู้ในแนวหน้ากับพวกเขาทั้งวันทั้งคืน ถึงได้ได้สามารถเอาชัยเหนือพวกริวกิวได้ “
” แต่ว่าต่อมาละ………เขากลับตายเสียแล้ว”
จีฉุนพยายามหักห้ามอารมณ์ที่พลุงพล่านของตนเอง “เขาตายด้วยน้ำมือของคนที่เขาช่วยเอาไว้ “
นางพยายามหักห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา จนร่างกายสั่นสะท้านไปทั้งร่าง
ท่าทางเช่นนี้ไม่ว่าผู้ใดได้เห็นเป็นต้องปวดใจแน่แท้
” เขาไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าซุนเอ๋อร์ ไม่มีโอกาสได้ร่ำลาข้าเลยสักคำ”
” เป็นข้าที่ผิดไปแล้ว ข้าไม่ควรรับปากให้เขาไปสงคราม ข้าสมควรรั้งเขาเอาไว้ในเมืองหลวง ไม่ให้เขาไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว”
” เขาเป็นถึงราชบุตรเขย สามารถอยู่อย่างมีเกียรติสูงส่งไปชั่วชีวิต เดิมเขาไม่จำเป็นต้องไปแนวหน้าเลยด้วยซ้ำ”
จีฉุนสูดลมหายพระทัยติดๆ กัน
พอเห็นร่างที่สั่นสะท้านอย่างรุนแรงของพระองค์ ตู๋กูซิงหลันก็ลุกขึ้นมา โอบกอดพระองค์ไว้เบาๆ
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ยามที่จีฉุนพูดเรื่องเหล่านี้ออกมา หัวใจของนางก็พลอยเจ็บปวดไปด้วย ราวกับว่านางเองก็เคยได้ผ่านเหตุการณ์ที่ขมขื่นทรมานหัวใจเช่นนี้มาแล้วเหมือนกัน
องค์หญิงใหญ่มิได้ปฎิเสธอ้อมกอดของนาง พระองค์เองก็คล้ายกับจะลืมไปแล้วว่า กี่ปีมาแล้วที่ไม่เคยได้รับการปลอบประโลมจากผู้อื่น
น้ำพระเนตรที่ทรงพยายามหักห้ามเอาไว้ ก็รินไหลลงมาไม่ขาดสายในทันที
ตู๋กูซิงหลันโอบกอดและตบหลังให้พระองค์เบาๆ นางไม่รู้ว่าสมควรจะกล่าวอะไร หากจะให้พระองค์อภัยให้พี่ชายใหญ่ก็คงจะเป็นไปไม่ได้แล้ว
เรื่องนี้ตัวนางก็จะต้องรับผิดชอบเช่นกัน ไม่อาจปล่อยให้พี่ชายใหญ่เอาชีวิตไปชดใช้ให้ฉางซุนซู่ได้เด็ดขาด
ต่อไปภายภาคหน้า นางจะต้องพยายามทุ่มเทดูแลสองแม่ลูกคู่นี้ให้ดี
ตู๋กูซิงหลันคอยปลอบประโลมนางโดยมิได้กล่างวาจาใด จีฉุนก็ร้ำไห้อย่างหนักอยู่ในอ้อมแขนของนาง เมื่อได้ปลดปลอยระบายออกมา คนก็ผ่อนคลายลงมาก
นางถูกปีศาจความฝันกักขังอยู่นาน ร่างกายอ่อนแอลงมาก เมื่อร้องไห้จนเหน็ดเหนื่อยก็ยิ่งอ่อนล้าเข้าไปอีก หลังดื่มชาสงบใจลงไปไม่นานก็หลับลึกลงไป
แต่คราวนี้เป็นการหลับอย่างสงบ บนหัวตาและหางคิ้วไม่มีร่องรอยของความทุรนทุรายอีก
ตู๋กูซิงหลันห่มผ้าให้นาง ทั้งยังจุดกำยานหอมสงบใจให้ ถึงได้วางใจลงได้บ้าง
” เชียนเชียน เจ้าไปที่จวนองค์หญิง รับตัวซุ่นเออร์มาที่นี่” ครู่ต่อมานางก็หันไปร้องสั่งเชียนเชียน
แต่กลับไม่ได้ยินเชียนเชียนขานรับ
พอนางมองออกไปด้านนอก ก็เห็นร่างกลมๆ สีชมพูของเด็กหญิงตัวน้อยกำลังพุ่งเข้ามาทางนาง ” ท่านย่าน้อย ท่านแม่เป็นอะไรไปเจ้าคะ? “
ตู๋กูซิงหลันอุ้มเด็กหญิงน้อยขึ้นมา ” ไม่เป็อะไรหรอก นางแค่เหนื่อยเกินไปเท่านั้น นอนสักตื่นหนึ่งก็หายแล้ว “
ตู๋กูซิงหลันอุ้มซุ่นเออร์เอาไว้ หอมแก้มกลมๆ นั้นไปฟอดหนึ่ง ” หลายวันนี้มาพักอยู่ในจวนของย่าน้อยดีไหม? “
” แล้ว ท่านน้าฮ่องเต้เล่าเจ้าคะ? ” ซุ่นเออร์หันไปมองดูรอบๆ “ท่านน้าฮ่องเต้พาซุนเออร์มา พระองค์ก็ประทับอยู่ที่บ้านของท่านย่าน้อยด้วยใช่ไหมเจ้าคะ? “
คราวนี้ตู๋กูซิงหลันถึงได้หันไปมองเห็นจีเฉวียน เขามักจะสวมใส่แต่ชุดสีดำอยู่ตลอด ช่วงเวลารุ่นสางเช่นนี้แสงสว่างยังคงขมุกขมัวอยู่มาก หากไม่ได้สังเกตให้ดีก็คงมองไม่เห็นเขา
ยามปกติช่วงเวลานี้ ฮ่องเต้จะต้องเตรียมพระองค์สำหรับการประชุมเช้า
ตู๋กูซิงหลันจึงคิดไม่ถึงว่าเขาจะมาด้วย
ที่แท้เมื่อครู่นี้ จีเฉวียนอุ้มซุ่นเออร์รออยู่ข้างนอกมาโดยตลอด