กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 888

“รูปร่างก็ดี”

กู้ชูหน่วนพูดอย่างไม่ใส่ใจ ทำให้ผู้คนไม่สามารถตามอารมณ์ของนางได้ และยิ่งไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ แต่สายตาของนางไม่ขยับเขยื้อน และไม่ว่าใครก็ไม่สามารถยอมรับได้

ยิ่งไปกว่านั้น ซั่งกวนหมิงหลางเปรียบเสมือนบุตรแห่งสวรรค์

“เจ้าจะทำอะไร?”

“คืนนี้เจ้าจะเป็นอาหารบนจานของจักรพรรดินี”

อาหารบนจาน สามคำนี้ช่างไม่น่าฟังยิ่งนัก

สีหน้าของซั่งกวนหมิงหลางทรุดลง ราวกับว่าเขากำลังระงับความโกรธไว้

“เจ้าว่าหากข้าทำลายความบริสุทธิ์ของเจ้าเสียก่อน จักรพรรดินีจะทำอย่างไร”

“เจ้าต้องการจะทำอะไรกันแน่?”

“ใครคือฆาตกรตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังการฆ่าล้างตระกูลมู่ของข้า?”

“ข้าไม่รู้” ซั่งกวนหมิงหลางตอบอย่างไม่ต้องคิด

กู้ชูหน่วนหยิบกริชสั้นออกมาจากในอ้อมแขน แล้วกวัดแกว่งไปมาข้างหน้าซั่งกวนหมิงหลาง ความเยือกเย็นเปล่งประกายในแววตาของซั่งกวนหมิงหลาง และบังคับให้ซั่งกวนหมิงหลางไม่กล้ามอง

“บุตรที่เกิดภรรยาเอกของตระกูลซั่งกวน ซั่งกวนหมิงหลางเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงในดินแดนวิญญาณเยือกแข็ง ไม่รู้ว่าร่างกายของเจ้าสมบูรณ์แบบเหมือนกับชื่อเสียงของเจ้าหรือไม่”

ปลายมีดตัดผ้าที่บางเบาของซั่งกวนหมิงหลาง เพียงแค่กู้ชูหน่วนออกแรงเล็กน้อย ผ้าที่บางเบาก็ถูกตัด

ไม่มีเสื้อผ้าใด ๆ อยู่ภายใต้ผ้าที่บางเบา และร่างกายของซั่งกวนหมิงหลางก็ถูกเปิดเผยต่อหน้ากู้ชูหน่วน

ไม่ว่าซั่งกวนหมิงหลางจะสงบนิ่งเพียงใด แต่การหายใจของเขาก็เร็วขึ้นมาก

เขากำลังเดิมพันว่ากู้ชูหน่วนคงไม่ไร้ยางอายถึงขนาดฉีกเสื้อผ้าของเขา

แต่เขาเดิมพันผิดไป

นัยน์ตาของกู้ชูหน่วนเป็นประกายอย่างเย็นชา และปลายมีดก็ตัดผ้าที่บางเบาโดยตรง

สีหน้าของซั่งกวนหมิงหลางเปลี่ยนไปในทันที และต้องการที่จะปกปิด แต่เขาไม่สามารถขยับเขยื้อนได้

เขาไม่กล้าที่จะมองหน้ากู้ชูหน่วน

บรรยาอากาศเย็นยะเยือก ซั่งกวนหมิงหลางรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้นอย่างไม่หยุด

หลังจากรออยู่นาน กู้ชูหน่วนก็ไม่พูดและไม่ทำอะไร

ซั่งกวนหมิงหลางลืมตาขึ้นอย่างสั่นเทา

สิ่งที่เขาเห็นคือนัยน์ตาอันเยือกเย็นของกู้ชูหน่วน

นัยน์ตาคู่นั้นไม่มีร่องรอยของอารมณ์ใด ๆ และเยือกเย็นจนน่ากลัว

เมื่อมองลงไป เขาเห็นว่าผ้าอันบางเบาที่อยู่เหนือเอวขึ้นไปถูกตัด ส่วนที่เหลือก็ไม่บุบสลาย ถือว่ายังไว้หน้าเขาอยู่บ้าง

“ข้ามู่หน่วนมีความอดทนจำกัด และไม่อาจรับรองได้ว่าครั้งหน้าจะไม่ตัดทั้งหมด”

นางใช้มีดฟาดไปที่ร่างของเขาหลายครั้ง ซั่งกวนหมิงหลางสูดหายใจเข้าลึก

“ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าใครสังหารผู้คนในตระกูลมู่”

“มีดสั้นเล่มนี้คมกริบ เจ้าว่าหากไม่ระวังแล้วเฉือนเนื้อของเจ้า หรือว่ากรีดหน้าอันหล่อเหล่าของเจ้า?ใบหน้าของเจ้าจะกลายเป็นอัปลักษณ์ แล้วเจ้าว่าคนในใต้หล้ายังจะชี้นิ้วมาที่เจ้าได้อย่างไร?”

“ไร้ยางอาย”

“เหอะ เจ้าอยากรู้หรือไม่ว่าอะไรที่เรียกว่าไร้ยางอายจริง ๆ?ก็ได้ เช่นนั้นข้าจะแสดงให้เจ้าดู”

กู้ชูหน่วนวางปลายมีดลงบนหัวใจของเขา แล้วค่อย ๆ กรีดลงไป

ทุกครั้งที่นางกรีดลงไป ร่างกายของซั่งกวนหมิงหลางก็อดไม่ได้ที่จะสั่นเทา

เขาไม่กลัวว่ากู้ชูหน่วนจะกรีดลงไปบนร่างของเขากี่ครั้ง

กรีดลงไปก็ดี อย่างน้อยจักรพรรดินีเห็นแล้วจะได้รู้สึกขยะแขยง และเขาก็จะสามารถรักษาความบริสุทธิ์ไว้ได้

แต่บางที……

กู้ชูหน่วนวางมีดไว้ในที่ที่ไม่สมควรไว้ที่สุด

เขาไม่สามารถที่จะสงบนิ่งได้ และกล่าวอย่างโกรธเคือง “ปล่อย หากเจ้าไม่ปล่อย ข้าสาบานว่าจะฆ่าเจ้า”

“ผู้คนทั่วทั้งใต้หล้าล้วนแต่ตามฆ่าข้า มีเพิ่มเจ้ามาอีกสักคนจะเป็นไรไป ซั่งกวนหมิงหลาง เจ้าคิดให้ดี ๆ มีดของข้าไม่มีตา เจ้าอาจจะกลายเป็นขันทีก็ได้”

“มู่หน่วน เจ้าทำเกินไปแล้ว”

“เจ้าควรจะดีใจที่เมื่อครู่ข้าไม่ได้ตัดผ้าอันบางเบาของเจ้าจนหมด”

“เจ้า……”

“สาม……”

กู้ชูหน่วนไม่อยากจะพูดไร้สาระกับเขา

สามารถเห็นได้แววสายตาที่เยือกเย็นและเคร่งขรึมของนาง

นางไม่ได้ล้อเล่น

หากซั่งกวนหมิงหลางไม่พูดอะไร เขาจะต้องกลายเป็นขันทีไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน

“สอง”

เมื่อเห็นว่ากู้ชูหน่วนกำลังจะนับหนึ่ง ซั่งกวนหมิงหลางก็มองไปที่แววตาอันเยือกเย็นและไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ ของนาง เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเย็นวาบตั้งแต่หัวจรดเท้า

“ตระกูลไป๋หลี่เสนอให้ไปซุ่มโจมตีที่ด้านนอกตระกูลมู่ คนแรกที่บอกว่าตระกูลมู่ถูกสังหารทั้งตระกูลคือไป๋หลี่เฉิง และตอนที่พวกเราไปถึง ตระกูลมู่ก็ถูกฆ่าล้างตระกูลแล้ว”

“เช่นนั้นหมายความว่า……เป็นตระกูลไป๋หลี่ที่ฆ่าล้างตระกูลมู่ของข้า?”

เสียงของกู้ชูหน่วนเย็นชามาก และไปสังหารก็ฉายผ่านแววตาของนาง

“ใครกันแน่ที่เป็นคนทำ ตระกูลซั่งกวนของเรากำลังสืบอยู่ แต่……วิธีการฆ่าล้างตระกูลมู่นั้นโหดเหี้ยมเกินไป สามารถใช้กำลังภายในเพื่อทำลายกระดูกทั้งหมดได้โดยไม่ให้ตายในทันที ในตระกูลไป๋หลี่ไม่มีใครสามารถทำเช่นนี้ได้”

เมื่อนึกถึงการเสียชีวิตของมู่ซินและผู้นำตระกูลมู่ ซั่งกวนหมิงหลางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเห็นอกเห็นใจ

เขานึกภาพไม่ออกเลยว่าก่อนที่พวกเขาจะตาย พวกเขาต้องทุกข์ทรมานมากเพียงใด

“เป็นเช่นนี้จริง ๆ หรือ?”

“เจ้าจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่นี่คือทั้งหมดที่ข้ารู้”

“พวกเจ้าซุ่มโจมตีอยู่ที่ตระกูลมู่มากมายขนาดนั้น ตระกูลมู่ถูกฆ่าล้างตระกูล พวกเจ้าจะไม่รู้ได้อย่างไร?”

“นี่คือสิ่งที่พวกเราแปลกใจ ผู้ที่ฆ่าล้างตระกูลมู่มีเพียงคนเดียว และวรยุทธ์ของคนผู้นั้นจะต้องยอดเยี่ยม มิเช่นนั้นจะไม่มีเสียงใด ๆ เลยได้อย่างไร”

กู้ชูหน่วนจ้องมองเขาอย่างแน่วแน่ และอยากดูว่าเขากำลังโกหกหรือไม่

แต่แววตาของซั่งกวนหมิงหลางแหลมคม มีความสง่าผ่าเผยเล็กน้อยที่หว่างคิ้วของเขา และเขาดูไม่เหมือนคนโกหก

“ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?”

แววตาของซั่งกวนหมิงหลางหรี่ลง และเบือนหน้าหนีอย่างเศร้าหมอง

“จักรพรรดินีมีคำสั่ง แม้ว่าจะเป็นสี่ตระกูลใหญ่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่ง”

“ดังนั้นเจ้าถูกลักพาตัวมางั้นหรือ?เหอะ ตระกูลซั่งกวนผู้สูงศักดิ์ ต่อให้ไม่กล้าขัดคำสั่ง ก็ไม่มีทางที่จะทำให้จักรพรรดินียกเลิกความคิดที่จะเรียกเจ้าเข้าไปในวังเลยหรือ?”

“เจ้าต้องการจะพูดอะไร?”

“ข้าต้องการจะพูดอะไร เจ้าก็รู้ดีอยู่แก่ใจ”

“หากท่านพ่อของข้ามีหนทาง เขาไม่มีทางที่จะส่งข้าเข้ามาในวัง”

กู้ชูหน่วนยิ้มเยาะและไม่ได้ตอบอะไรอีก

ด้วยท่าทางของนาง หัวใจของซั่งกวนหมิงหลางจึงแตกเป็นเสี่ยง ๆ

เขากล่าวอย่างมั่นใจว่า “จักรพรรดินีเป็นเจ้าแห่งรัฐปิง มีอำนาจมากในใต้หล้า และมีบริวารมากมาย เรื่องที่นางต้องการทำ ไม่มีใครสามารถขัดขวางได้ นิกายต่าง ๆ รวมทั้งข้าราชบริพารที่ต่อต้านาง ล้วนแต่ถูกประหารเก้าชั่วโคตร”

“ข้าไม่สนใจเรื่องของเจ้า ข้าเพียงแค่ถามเจ้าว่าตอนนี้ร่างของคนในตระกูลมู่ของข้าอยู่ที่ใด?”

แววตาของซั่งกวนหมิงหลางเปลี่ยนไป และนานกว่าเขาจะพูดออกมา

กู้ชูหน่วนมีลางสังหรณ์ไม่ดี

“พวกเจ้าทำอะไรกับศพ?ทำลาย?เผา?บอกมา……”

กู้ชูหน่วนออกแรงกดปลายมีดเล็กน้อย ซั่งกวนหมิงหลางขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวด

หากนางแทงลงไปที่อื่นก็ไม่เป็นไร

แต่กลับเป็นตรงนั้น

หากนางออกแรงอีกนิดหน่อย เขาจะต้องกลายเป็นขันทีอย่างแน่นอน

“กลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว”

“ใครทำ?”

“คนของตระกูลไป๋หลี่”

ไอสังหารของกู้ชูหน่วนปรากฏออกมาในทันที ใบหน้าอันงดงามของนางเหมือนกับปีศาจ และทำให้ผู้คนสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว

เป็นเพียงแค่ผู้ที่มีวรยุทธ์ระดับสาม

ทำไมถึงมีไอสังหารที่แข็งแกร่งเช่นนี้

“ไอสังหารของเจ้าช่างรุนแรงยิ่งนัก อาจจะดึงดูดพวกเขา”

ก่อนที่คำพูดของซั่งกวนหมิงหลางจะจบลง ไอสังหารของกู้ชูหน่วนก็ลดลง

หากมองให้ดี ๆ นางก็ยังเป็นนาง

เป็นเพียงผู้หญิงที่เยือกเย็น และไม่มีร่องรอยของไปสังหารใด ๆ

ราวกับว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็นเพียงภาพลวงตา

กู้ชูหน่วนกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าโยนความผิดทั้งหมดไปให้ตระกูลไป๋หลี่แล้ว ตระกูลซั่งกวนของเจ้าจะไร้ความผิดงั้นหรือ?ผู้คนที่ซุ่มโจมตีอยู่รอบตระกูลมู่ก็มีตระกูลซั่งกวนด้วยไม่ใช่หรือ ในวันนั้นผู้ที่รัดคอข้าที่ตระกูลมู่ ไม่มีตระกูลซั่งกวน?เจ้ากล้าพูดหรือไม่ว่าพวกเจ้าไม่ได้ต้องการดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีสัน?”