กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 889

ซั่งกวนหมิงหลางขยับริมฝีปาก เขาต้องการที่จะโต้แย้งอะไรบางอย่าง แต่ก็ไร้เรี่ยวแรงที่จะโต้แย้ง

เขาไม่รู้ว่านิกายต่าง ๆ กำลังปิดล้อมนางอยู่ เพียงเพราะนางมีของล้ำค่าแปลก ๆ

เขายังไม่ทันจะได้เห็นอกเห็นใจ เสียงที่ดูถูกเหยียดหยามของกู้ชูหน่วนก็ดังขึ้นมาอย่างชัดเจน

“ผู้ที่มีพรสวรรค์จนสะเทือนไปทั่วทั้งใต้หล้า รูปลักษณ์ก็เพียงเท่านี้”

การดูถูกเหยียดหยามและการเยาะเย้ยของนาง ล้วนแต่ทำร้ายซั่งกวนหมิงหลางอย่างสุดซึ้ง

ตั้งแต่เด็กจนโต ไม่เคยมีใครดูถูกเหยียดหยามเขาเช่นนี้

ซั่งกวนหมิงหลางโกรธจัด

และกู้ชูหน่วนก็จากไป เหลือเพียงเงาปีศาจของนาง

หน้าต่างเปิดอยู่

ลมหนาวในยามค่ำคืนพัดเข้ามาจากนอกหน้าต่าง ร่างกายท่อนบนของซั่งกวนหมิงหลางเปลือยเปล่า การเปิดเผยเช่นนี้ทำให้เขายิ่งอับอายมากขึ้นไปอีก

เขาหลับตาลงด้วยความเจ็บปวดใจ และได้แต่หวังว่าคืนนี้จักรพรรดินีจะไม่เข้ามาที่นี่ มิเช่นนั้นความบริสุทธิ์ของเขาจะต้องถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง

กู้ชูหน่วนรออยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่ได้รอจนจักรพรรดินีเข้ามาในห้องซั่งกวนหมิงหลาง

ยังไม่พบว่าคืนนี้จักรพรรดินีไปประทับอยู่ที่ใด

เมื่อเห็นว่าฟ้าสางแล้ว

นางก็ไม่พอใจ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้

พระราชวังกว้างใหญ่มากเกินไป และไม่ง่ายอย่างที่คิด

ในขณะที่นางกำลังจะเลิกตามหา และกลับไปที่เรือนของนางกำนัล ขันทีคนหนึ่งก็เรียกนาง

“เจ้า มานี่ มั่วงุนงงอะไรอยู่ ข้าเรียกเจ้า”

“กงกง ไม่ทราบว่าท่านมีอะไรจะกำชับ” กู้ชูหน่วนถามด้วยท่าทางที่อ่อนน้อมถ่อมตน และแสร้งทำเป็นหวาดกลัว

“คืนนี้ฝ่าบาททรงพระเกษมสำราญ เจ้านำสิ่งนี้ไปส่งที่ตำหนักอวิ๋นลู่ เพื่อทำให้ฝ่าบาททรงพระเกษมสำราญมากยิ่งขึ้น”

กู้ชูหน่วนรับถาดรองที่มีขวดยาและตราคำสั่งเล็ก ๆ นางสูดกลิ่นเบา ๆ และได้กลิ่นยาที่ช่วยกระตุ้นอารมณ์

“บ่าว……บ่าวไม่รู้ว่าตำหนักอวิ๋นลู่อยู่ที่ใดเจ้าค่ะ”

“เดินตรงไป เลี้ยวขวาสองครั้งก็ถึงแล้ว”

“เจ้าค่ะ……”

กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะในใจ

เจ้าขันทีสุนัขผู้นี้มี เห็นได้ชัดว่ามีขันทีหนุ่มและนางกำนัลอยู่ข้าง ๆ แต่กลับให้นางไปส่งยา

นี่หมายความว่าจักรพรรดินีทรงโหดเหี้ยม และคนส่วนใหญ่ที่นำยาไปส่งก็ไม่สามารถมีชีวิตรอดออกมาได้ จึงส่งให้นางไปตายแทน และไม่แม้แต่จะถามว่านางเป็นนางกำนัลของตำหนักใด

ช่างเถอะ

นางกำลังกังวลว่าจะหาจักรพรรดินีไม่พบ เป็นเช่นนี้ก็ดี

กู้ชูหน่วนทำตามที่ขันทีผู้นั้นบอก และเดินตรงไปข้างหน้า

ในที่สุด……ตอนที่นางใกล้จะถึงตำหนักอวิ๋นลู่ นางก็ได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด “อ้า……”

เสียงนี้มีความอดทน มีความอึดอัดใจ และเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

ตามด้วยเสียงแส้

กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้น และเห็นทหารองครักษ์หลายสิบคนเฝ้าอยู่ที่หน้าตำหนักไม่ไกล

ทหารองครักษ์เหล่านั้นล้วนมีนัยน์ตาที่ลึกล้ำและถือดาบไว้

ภายใต้ความมืด พวกเขาดูเหมือนหุ่นกระบอก

ราวกับว่าพวกเขาจะชินกับเสียงร้องอันเจ็บปวดที่ดังออกมาจากในตำหนักตั้งนานแล้ว

กลิ่นคาวเลือดลอยมาตามลม

ฟังจากเสียงแส้ที่ดังออกมาแล้ว ไม่รู้ว่าผู้ที่อยู่ข้างในถูกทรมานจนเป็นอย่างไรบ้าง

กู้ชูหน่วนขยับมือขวา นางนำแขนเสื้อมาปิดขวดยาที่อยู่ในถาด และเปลี่ยนขวดยา

นางก้มหน้าและเดินไปที่ตำหนักอวิ๋นลู่

ทหารองครักษ์ขวางนางไว้

กู้ชูหน่วนก้มหน้าลงและกล่าวว่า “กงกงให้บ่าวนำยามาถวายให้ฝ่าบาท นี่เป็นตราคำสั่งที่กงกงให้บ่าวมา”

หลังจากที่ทหารองครักษ์แน่ใจว่าตราคำสั่งถูกต้อง นัยน์ตาอันเยือกเย็นของเขาก็มองออกไปไกล ๆ

กงกงที่อยู่ใต้ต้นไม้ไกล ๆ พยักหน้าให้ทหารองครักษ์

จากนั้นทหารองครักษ์ก็ปล่อยให้กู้ชูหน่วนเข้าไป

เมื่อกู้ชูหน่วนผลักประตูเข้าไป

นางก็แทบจะอาเจียนออกมาในทันที

ข้างในเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและคาวโลกีย์ กลิ่นติดอยู่ที่ปลายจมูกของนาง

นางเงยหน้าขึ้น ผ้าม่านสีขาวราวหิมะเผยให้เห็นภาพข้างในอย่างเลือนราง

เมื่อเห็นเช่นนี้ นางก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ

ด้านในผ้าม่านเป็นห้องทรมาน หรือเป็นห้องบรรทมที่ตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม

เนื่องจากครึ่งหนึ่งเป็นห้องทรมาน บนผนังจึงเต็มไปด้วยเครื่องมือทรมาน มีทั้งเครื่องมือทรมานที่นางรู้จักและไม่รู้จัก

อีกครึ่งหนึ่งเป็นเตียงไม้จันทน์แกะสลักขนาดความกว้างหกฉื่อ (1ฉื่อประมาณ10นิ้ว) เตียงนอนล้อมรอบด้วยดอกไม้และผ้าม่านหลากสีสัน

กลิ่นคาวเลือดผสมกลิ่นน้ำอบ

ความโหดเหี้ยมผสมคาวโลกีย์

ความเยือกเย็นผสมความอบอุ่น

และในเวลานี้ก็ไม่รู้ว่าจะบรรยายฉากข้างในได้อย่างไร

ในห้องทรมาน มีชายหนุ่มคนหนึ่งถูกมัดไว้ทั้งตัว และถูกห้อยหัวอยู่

ในเวลานี้หัวครึ่งหนึ่งของเขาจมอยู่ในถังน้ำขนาดใหญ่

เขาพยายามดิ้น แต่เนื่องจากร่างกายของเขาถูกมัดไว้ เขาจึงไม่สามารถดิ้นจนหลุดได้

ทหารองครักษ์สองสามคนใช้แส้ฟาดไปที่ร่างกายของเขา

ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น ดูน่าสยดสยอง และมีอีกหลายจุดที่ถูกนาบด้วยเหล็กร้อนจนเป็นรอยแดง

เนื้อหนังของเขาถูกนาบจนเห็นกระดูกขาวราง ๆ

บนเตียงไม้จันทน์ขนาดใหญ่ยังมีชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง

ชายหนุ่มผู้นั้นน่าเวทนายิ่งกว่า

เขาถูกล่ามโซ่ไว้ทั้งสี่มุมของขอบเตียง และร่างกายของเขาเปลือยเปล่า

ชายที่อยู่บนเตียงผู้นั้นทำให้กู้ชูหน่วนตระหนกตกใจ

เขาอายุเพียงยี่สิบต้น ๆ หน้าตาหล่อเหลา แต่ทั้งตัวเต็มไปด้วยบาดแผลทั้งเล็กและใหญ่นับไม่ถ้วน

มีทั้งบาดแผลจากมีด ดาบ อาวุธลับ ไฟไหม้ และบาดแผลที่ถูกงูกัด ในจำนวนนี้มีทั้งบาดแผลใหม่และบาดแผลเก่า อีกทั้งไม่มีตำแหน่งใดที่สมบูรณ์เลย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ที่เขาเลือดไหล เลือดสีแดงสดไม่เพียงแต่จะเปื้อนเตียง แต่แม้กระทั่งดอกไม้ข้างเตียงก็ยังเต็มไปด้วยเลือดของเขา

นางรู้วิชาแพทย์

และสามารถดูออกได้ว่าอาการบาดเจ็บของชายที่อยู่บนเตียงมีมาตั้งแต่เด็ก

เพียงแต่ในตอนนี้เขาถูกคนใช้มีดเลาะกระดูกทั้งตัว

เนื้อหนังถูกเฉือนออกและใช้มีดเลาะกระดูก

แบบนี้จะเจ็บปวดมากเพียงใด

แต่เขากัดฟันแน่นและไม่ส่งเสียงใด ๆ

หากไม่ใช่เพราะเขากำแน่นมือทั้งสองไว้แแน่นด้วยความเจ็บปวด เส้นเลือดของเขาก็คงจะแตก และเกรงว่าทุกคนก็คงคิดว่าเขาเป็นคนโง่เขลาและสติไม่ดี

เมื่อเห็นว่าเขามีบาดแผลไปทั่วทุกที่

กู้ชูหน่วนไม่อยากจะคิดเลยว่าก่อนหน้านี้ชายหนุ่มผู้นี้ถูกทรมานอย่างไร้มนุษยธรรมมามากเพียงใด

ขันทีหนุ่มกระซิบข้างหู

“ไปอยู่ข้าง ๆ เมื่อฝ่าบาทต้องการก็นำยาไปถวาย”

“เจ้าค่ะ……”

“ครั้งนี้ปริมาณยาเพียงพอใช่หรือไม่?หากไม่เพียงพอ ระวังหัวจะหลุดออกจากบ่า”

“เพียงพอเจ้าค่ะ…”

กู้ชูหน่วนใจสั่น นางรออยู่ด้านข้างด้วยความเคารพ และชำเลืองมองเป็นครั้งคราว

ในความสลัว นางเห็นผู้หญิงคนหนึ่งใช้มืออันเรียวยาวเชยคางของผู้ชายที่อยู่บนเตียงอย่างสบายใจ เสียงของนางมีเสน่ห์

“ทำให้เจ้าต้องเจ็บแล้ว หากเจ้ายอมจำนนตั้งแต่แรก ข้าจะทำเช่นนี้กับเจ้าได้ลงคอได้หรือ?”

ชายที่อยู่บนเตียงเบือนหน้าหนี เขาหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด และปล่อยให้จักรพรรดินีทำสิ่งต่าง ๆ กับเขาได้ตามอำเภอใจ

“รู้หรือไม่ว่าทำไมข้าถึงชอบเจ้า?ข้าไม่เคยเจอใครที่แบกรับความโหดร้ายทารุณได้เหมือนเจ้ามาก่อน และไม่เคยเจอใครเย่อหยิ่งเช่นเจ้า”

“ข้าให้ในสิ่งที่ท่านต้องการแล้ว ปล่อยเขาไป”

เสียงอันแหบแห้งดังขึ้น มุมปากของเขาแตกและมีคราบเลือด

ไม่รู้ว่าไม่ได้พูดนานเกินไปหรือว่ากระหายน้ำ

จักรพรรดินีโบกมือ และขันทีเหล่านั้นก็ดึงเชือกในทันที

เชือกถูกดึงขึ้น และชายที่ห้อยหัวอยู่ก็สูดหายใจเข้าลึกในทันที

เขาถูกแช่อยู่ในน้ำนานจนแทบจะหายใจไม่ออก และในทันทีที่สูดอากาศเข้าไป เขาก็ไออย่างรุนแรง