ตอนที่ 425 ปิดประตูตีหมา

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

หลังเวลาผ่านเวลาไปหนึ่งก้านธูป ฉินส่าวชิงและเลี่ยหยางก็อดสงสัยไม่ได้

พระราชวังที่ดูใกล้ในตอนแรกกลับห่างไกลเหลือเกิน

“ผู้นำจู ผู้อาวุโสซู พวกท่านไม่คิดว่ามันแปลกรึ?”

ฉินส่าวชิงอดไม่ได้ที่จะหันไปเอ่ยถามซูวั่งชวนและจูเฟยชวี่ด้านข้างซึ่งมีสีหน้าเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลง

“เจ้าเมืองฉินคงจะสงสัยสินะว่าเหตุใดจึงเดินไปไม่ถึงพระราชวังสักที?”

ซูวั่งชวนยิ้มกริ่มและกล่าวขึ้นเบาๆ

เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของอดีตผู้นำชนเผ่าเมฆาคราม ฉินส่าวชิงและเลี่ยหยางก็ขมวดคิ้วมุ่นและเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นในใจทันที

“ฮ่าๆๆ ยินดีต้อนรับเจ้าเมืองฉินและผู้นำเลี่ยหยางสู่คฤหาสน์ของข้า”

ทันใดนั้น เสียงหวานใสก็ดังกังวานขึ้นในหูของพวกเขา ส่งผลให้สีหน้าของทั้งฉินส่าวชิงและเลี่ยหยางเปลี่ยนไปทันที

“อวี้โม่!”

แน่นอนว่าทันทีที่ได้ยินเสียงของฉินอวี้โม่ ฉินส่าวชิงและเลี่ยหยางก็สบตากันและต้องการที่จะล่าถอยออกไปทันที

ไม่คิดเลยว่านี่จะเป็นแผนการสมคบคิดเพื่อจัดการกับพวกเขาและพวกเขาก็เดินเข้ามาติดกับดักของฝ่ายตรงข้ามแล้ว

“ฮ่าๆๆ เจ้าเมืองฉินและผู้นำเลี่ยหยางอย่าขยับจะดีกว่า ตอนนี้พวกท่านอยู่ในข่ายอาคมที่ข้าวางไว้และในข่ายอาคมนี้ก็มีกลไกมากมาย หากท่านบังเอิญไปแตะต้องสิ่งใดเข้า อย่าหาว่าข้าไม่เตือนล่วงหน้าก็แล้วกัน”

ฉินอวี้โม่ยิ้มมุมปากขณะนางค่อยๆปรากฏตรงหน้าเจ้าเมืองฉินและผู้นำเลี่ยหยาง

ตอนนี้ฉินอวี้โม่กำลังนั่งอยู่บนสิงโตที่สง่างามซึ่งตามมาด้วยมารยาและพลับพลึงแดง ใบหน้าของนางประดับด้วยรอยยิ้มงดงามดุจดั่งเทพธิดามาจุติบนพื้นโลก

“เจ้าคิดจะทำอะไร!?”

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ฉินส่าวชิงและเลี่ยหยางไม่มีเวลายลโฉมความงดงามของสตรีจอมยุทธ์ผู้นี้ สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยและกลายเป็นเหยเกทันที

“ฮ่าๆๆ ข้าคิดว่าผู้นำเลี่ยหยางและเจ้าเมืองฉินน่าจะเคยได้ยินถึงสุภาษิตที่ว่า ‘ปิดประตูตีหมา’ มาก่อน”

* 关门打狗 ปิดประตูตีหมา ตรงกับสุภาษิตไทยว่าปิดประตูตีแมว

ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากและกล่าวด้วยสีหน้าพึงพอใจ

เมื่อได้ยินคำว่า ‘ปิดประตูตีหมา’ สีหน้าของฉินส่าวชิงและเลี่ยหยางก็บิดเบี้ยวจนแทบดูไม่ได้

“ผู้นำจู นี่มันเรื่องอะไรกัน!?”

ทั้งสองหันขวับไปหาจูเฟยชวี่ซึ่งอยู่ด้านข้างและตระหนักถึงบางอย่างได้ทันที

“ฉินส่าวชิง เลี่ยหยาง มันก็เป็นดังที่เห็น นี่คือของขวัญชิ้นพิเศษสำหรับพวกเจ้าทั้งสอง ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าน่าจะเข้าใจจุดประสงค์ของข้าดี”

ผู้นำชนเผ่าวิหคโบยบินยิ้มบางๆและกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

เมื่อกล่าวจบ เขาและซูวั่งชวนก็นำผู้ติดตามเดินตรงไปยืนข้างฉินอวี้โม่

เมื่อได้ยินวาจาของจูเฟยชวี่กอปรกับอากัปกิริยาของเขา ฉินส่าวชิงและเลี่ยหยางก็มองหน้ากันด้วยความรู้สึกหวั่นใจ

“อวี้โม่ เจ้าเป็นใครกันแน่!?”

เวลานี้ฉินส่าวชิงนึกสงสัยในตัวตนที่แท้จริงของอวี้โม่ขึ้นมา หากเป็นเพียงผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับเทวะธรรมดาก็คงไม่มีทางที่ซูวั่งชวนและจูเฟยชวี่จะมีท่าทีเคารพนางถึงเพียงนี้

“ฮ่าๆๆ ท่านคิดว่าข้าเป็นใครล่ะ?”

ฉินอวี้โม่ยิ้มอ่อนและไม่ได้ตอบคำถามโดยตรง

เจ้าเมืองเพลิงมายาและผู้นำชนเผ่าเพลิงคำรามมองหน้ากันด้วยความฉงนสงสัย ทว่าพวกเขามิอาจคาดเดาได้เลย ‘อวี้โม่’ ผู้นี้ลึกลับยิ่งนัก นับตั้งแต่นางปรากฏตัวในอาณาเขตของเมืองเพลิงมายา เรื่องลึกลับยากที่จะหาคำตอบก็เกิดขึ้นมากมาย พวกเขาเคยตั้งข้อสันนิษฐานมาก่อนทว่าก็ไม่สามารถหาเหตุผลรองรับได้ เพราะเหตุนั้นพวกเขาจึงคิดมาเสมอว่าฉินอวี้โม่เป็นศิษย์ของจอมยุทธ์อิสระที่ทรงพลังสักคน

“ฉินส่าวชิง เลี่ยหยาง พวกท่านหนีไปไหนไม่ได้แล้ว ในเมื่อพวกท่านกำลังจะตาย ข้าก็จะอธิบายให้ได้เข้าใจ”

ฉินอวี้โม่ยิ้มบางๆและกล่าวต่อ “รู้รึไม่ว่าแซ่ของข้าคืออะไร?”

ไม่ว่าจะเป็นซูวั่งชวน จูเฟยชวี่และคนอื่นๆในชนเผ่าเมฆาครามต่างก็เรียกนางว่าจอมยุทธ์อวี้โม่มาเสมอ มีเพียงน้อยคนเท่านั้นที่ทราบว่านางมีแซ่ ‘ฉิน’

หากฉินส่าวชิงและเลี่ยหยางทราบก่อนหน้านี้ พวกเขาคงจะรวบรวมยอดฝีมือที่ทรงพลังมาจับตัวนางในทันที

ฉินส่าวชิงและเลี่ยหยางชะงักไปทันทีที่ได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่ พวกเขาไม่ทราบเรื่องนี้อย่างแท้จริง พวกเขาเพียงได้ยินผู้คนเรียกนางว่าจอมยุทธ์อวี้โม่หรืออวี้โม่เท่านั้นและไม่เคยสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับแซ่ของนาง

“แซ่ของข้าก็คือแซ่ฉิน”

ฉินอวี้โม่ยิ้มมุมปากขณะกล่าวชื่อแซ่ของตนเองออกไป

“อะไรนะ!? แซ่ของเจ้าคือแซ่ฉินงั้นรึ!?”

เมื่อได้ยินแซ่ฉิน สีหน้าของทั้งฉินส่าวชิงและเลี่ยหยางก็เหยเกทันที แซ่ฉินเป็นแซ่ที่พบได้ยากในโลกมายา นอกเหนือจากเจ้าเมืองเพียงไม่กี่คนและฉินเหยียนก็มีเพียงผู้บัญชาการของกองทหารหงเฟิงเท่านั้นที่ใช้แซ่ดังกล่าว การที่อวี้โม่ผู้นี้มีแซ่ฉิน..หรือนั่นหมายความว่านางมีความเกี่ยวข้องกับกองทหารหงเฟิง?

“เจ้ามาจากกองทหารหงเฟิงอย่างนั้นรึ?”

ฉินส่าวชิงแสร้งทำใจเย็นและมองฉินอวี้โม่พร้อมเอ่ยถามด้วยความสงสัย

ฉินอวี้โม่ส่ายศีรษะเบาๆและกล่าว “เจ้าเมืองฉิน ข้าจะให้ท่านสัมผัสถึงอะไรบางอย่าง”

ทันทีที่สิ้นเสียงของนาง พลังมายาพิเศษของกายเทพมายาที่นางมักจะปกปิดไว้ตลอดเวลาก็แผ่ออกไปอย่างแรงกล้า

เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยนี้ เจ้าเมืองฉินก็ชะงักค้างทันที เขานึกบางอย่างขึ้นได้และชี้นิ้วไปที่ฉินอวี้โม่ด้วยความตกตะลึง “เทพมายาคนใหม่!”

แน่นอนว่าเขารู้จักและคุ้นเคยกับกายเทพมายา แม้ว่าไม่เคยเผชิญอย่างซึ่งๆหน้ามาก่อน ฉินเหยียนก็ได้กำชับให้เจ้าเมืองทั้งหลายจับตาดูและให้ความสนใจกับเรื่องนี้อยู่เสมอ

ผู้ที่ครองกายเทพมายาคือเทพมายาคนใหม่และเป็นศัตรูคนสำคัญของพวกเขาทุกคน หากพบคนผู้นั้น พวกเขาจะต้องทำการปราบปรามและควบคุมตัวให้ได้โดยเร็วที่สุด หากไม่สามารถทำได้ พวกเขาก็ต้องแจ้งให้คนอื่นๆทราบโดยเร็ว ตราบใดที่สามารถจับตัวเทพมายาคนใหม่และส่งตัวให้กับฉินเหยียน คนผู้นั้นจะได้รับรางวัลไปอย่างงาม

เจ้าเมืองฉินไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าฉินอวี้โม่จะเป็นเทพมายาคนใหม่ นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่แม้แต่จะจินตนาการด้วยซ้ำ

“ถือว่าท่านมีความรู้พอสมควร”

ฉินอวี้โม่ยิ้มและกล่าวออกไป “เจ้าเมืองฉิน ทีนี้ท่านก็ได้ทราบแล้ว พวกเราควรจะทำอย่างไรต่อไป?”

เมื่อได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่และเห็นรอยยิ้มของนาง ฉินส่าวชิงและเลี่ยหยางก็รู้สึกถึงบรรยากาศเยือกเย็นน่าขนลุกราวกับจิตสังหารแรงกล้ากำลังกดข่มร่างกายของพวกเขาอย่างรุนแรง

“เหอะ ฉินอวี้โม่ ริอาจนัก การที่เจ้ากล้าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตนเอง วันนี้ข้าจะจับตัวเจ้าให้ได้และส่งตัวเจ้าให้กับผู้นำฉินเหยียน”

หลังจากสบตากับผู้นำชนเผ่าเพลิงคำราม พวกเขาก็ตัดสินใจทันที ในเมื่อหลบหนีไปจากที่นี่ไม่ได้ พวกเขาก็จะกัดฟันสู้อย่างสุดความสามารถ หากเอาชนะฉินอวี้โม่ได้ มันก็จะกลายเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ เมื่อถึงตอนนั้น พวกเขาจะได้รับสิ่งตอบแทนที่คาดไม่ถึงมากมาย

“ฉินส่าวชิง คิดว่าข้าจะปล่อยให้ท่านมีโอกาสนั้นรึไง?”

ฉินอวี้โม่ยิ้มอย่างเย็นชาและกล่าว “เดิมทีหากท่านและเลี่ยหยางไม่ตามราวีข้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ข้าก็ไม่อยากจะลงมือเร็วเช่นนี้ ทว่าในเมื่อพวกท่านรังแกข้าอย่างไม่ยอมลดละ เช่นนั้นก็เตรียมตัวชดใช้ได้เลย”

“เหอะ เจ้าคิดว่าซูวั่งชวนและจูเฟยชวี่จะปกป้องเจ้าได้งั้นรึ? ข้ายอมรับว่าเจ้ามีฝีมือดีและมีพรสวรรค์ที่น่าทึ่งมาก หากเจ้าเก็บตัวฝึกฝนฝีมือสักระยะ เชื่อว่าข้าก็คงสู้เจ้าไม่ได้ ทว่าตัวเจ้าในตอนนี้ยังอ่อนแอเกินไป การที่จะจัดการกับเจ้านั้นง่ายดายดุจดั่งการบดขยี้มดตัวน้อยให้ตายคามือ”

ฉินส่าวชิงแค่นเสียงเย็นชาและกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของซูวั่งชวนและจูเฟยชวี่อย่างชัดเจน แม้ว่าทั้งสองไม่อ่อนแอและพลังของผู้ติดตามที่มากับพวกเขาครานี้ก็ไม่อ่อนแอเช่นกันนั้น ทว่าเมื่อเปรียบเทียบกัน ความแข็งแกร่งของฝ่ายเขาก็มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยังมีไพ่ตายซ่อนไว้ ฉินอวี้โม่และคนอื่นๆไม่มีทางจัดการกับเขาได้อย่างง่ายดายนัก

“ฮิๆๆ ในเมื่อท่านมั่นใจนักก็ลองดูเถอะ”

อดีตนักฆ่าสาวผู้เย็นชายิ้มมุมปากและไม่ปิดบังอีกต่อไป นางปรบมืออย่างแผ่วเบา อึดใจต่อมา นอกจากซิว อสูรมายาทั้งหมดของนางก็ปรากฏร่างและยืนเรียงรายข้างกายของนาง

เพียงครู่เดียวภายในพื้นที่ที่ไม่กว้างใหญ่แห่งนี้ก็มีมังกรขนาดใหญ่ หงส์แดง วิหคอมตะ ราชาอสรพิษเก้าเศียร เต่ามังกร ยูนิคอร์นสีนิล ปี่เหมิง…  และอสูรมายาชนิดอื่นๆของฉินอวี้โม่ที่ปรากฏตัวเรียงเป็นแถวซึ่งดูน่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด

“จัดการพวกเขาซะ อย่าปล่อยให้พวกเขามีโอกาสหนี”

ฉินอวี้โม่ยิ้มบางๆและสั่งการออกไป เสี่ยวเฮยและอสูรอื่นๆก็พยักหน้ารับคำสั่งและพุ่งตรงไปยังฉินส่าวชิง เลี่ยหยางและพรรคพวกก่อนลงมือโจมตีอย่างรวดเร็ว

“สวรรค์ น่าขนลุกยิ่งนัก!”

ซูวั่งชวนและคนอื่นๆถอนหายใจเบาๆให้กับพลังของกองทัพอสูรมายาของฉินอวี้โม่ แม้ว่าพลังของฉินอวี้โม่ในเวลานี้ยังไม่แข็งแกร่งนัก ทว่าเพียงแค่กองทัพอสูรมายาของนางตรงหน้า เกรงว่าต่อให้เป็นจอมยุทธ์ขอบเขตเซียนขั้นเก้าที่ปรากฏตัวขึ้นมา นางก็มีพลังที่จะประจันหน้าได้!

“พวกเจ้ามัวรออะไรเล่า? เข้าไปช่วยกันเถอะ”

จูเฟยชวี่ยิ้มบางๆและเหล่าผู้ติดตามของเขาก็พุ่งตรงเข้าไปหาเลี่ยหยางและคนอื่นๆเช่นกัน ร่างกายของพวกเขาเต็มไปด้วยจิตสังหารแรงกล้าอย่างมิอาจปกปิด

“ผู้นำจู ข้าจะจัดการกับเลี่ยหยางเอง ข้าต้องการล้างแค้นให้ลูกสาวและลูกเขยที่ต้องตายไปเพราะเขา”

ซูวั่งชวนกล่าวพร้อมกับพุ่งตรงออกไปเหวี่ยงฝ่ามือฟาดเข้าใส่เลี่ยหยางอย่างแรง วันนี้ถึงเวลาที่พวกเขาจะได้สะสางความแค้นเสียที

ฉินอวี้โม่ก็ยังไม่ได้ขยับเขยื้อนใดๆขณะมีมารยา พลับพลึงแดง ซูชิงและป้าหลานอยู่ด้านข้าง

เห็นได้ชัดว่าฝ่ายของนางเป็นฝ่ายได้เปรียบ ฉินอวี้โม่มีอสูรมายามากเกินไป แม้ว่าฉินส่าวชิงและพวกถือว่ามีพลังพอสมควร พวกเขาก็มีความแข็งแกร่งไม่เพียงพอที่จะตอบโต้กลับได้

“หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป การต่อสู้จะสิ้นสุดโดยเร็ว”

ซูชิงกวาดสายตามองสถานการณ์ทั่วบริเวณและพบว่าตอนนี้ฉินส่าวชิงถูกล้อมรอบโดยอสูรมายาหลายตัว สภาพของเขาในตอนนี้น่าเวทนามากและมีบาดแผลปรากฏให้เห็นทั่วร่างกาย

ในขณะเดียวกัน เลี่ยหยางก็กำลังถูกซูวั่งชวนผู้ใช้พลังต่อสู้อย่างเต็มที่ผลักดันไปเรื่อยๆ ในเวลานี้เขาก็มีสีหน้าที่เหยเกไม่น้อยเลย

ก่อนหน้านี้อดีตผู้นำชนเผ่าเมฆาครามก็ซ่อนความแข็งแกร่งไว้เช่นกัน แท้ที่จริงแล้วเขาเป็นจอมยุทธ์ที่มีพลังใกล้ขอบเขตเซียนขั้นห้าซึ่งแข็งแกร่งกว่าเลี่ยหยางมาก หากเลี่ยหยางรู้ก่อนหน้านี้ เขาคงไม่กล้าสังหารบิดามารดาของอาอู่อย่างแน่นอน

“ฮ่าๆๆ ไม่ต้องห่วง มันไม่ง่ายนักหรอก ไม่ว่าฉินส่าวชิงหรือเลี่ยหยาง พวกเขาน่าจะมีไพ่ตายซ่อนไว้ การที่ต้องการจะฆ่าพวกเขาก็คงต้องใช้ความพยายามไม่น้อยเลย”

ฉินอวี้โม่เพียงยิ้มเยือกเย็นและไม่คิดว่าจะเอาชนะได้อย่างง่ายดายนัก ถึงอย่างไรแล้วแม้ว่าไพ่ใบสำคัญของเลี่ยหยางอาจไม่น่าหวาดหวั่น ทว่าสำหรับฉินส่าวชิงนั้น เขาน่าจะมีไพ่ตายที่ไม่ธรรมดาเลย นางจึงต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก

“มารยา พร้อมรึยัง?”

ฉินอวี้โม่หันไปสบตามารยาซึ่งอยู่ด้านข้างและเอ่ยถามเบาๆ

“ไม่ต้องห่วง นายหญิง ข้าเตรียมพร้อมมานานแล้ว ข้าเพียงรอให้ไพ่ตายของฉินส่าวชิงปรากฏขึ้นมาและทำลายความมั่นใจของเขาให้สิ้นซาก เมื่อถึงตอนนั้นเราก็จะฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย”

มารยายิ้มอย่างสบายๆ แน่นอนว่าทุกอย่างถูกเตรียมไว้พร้อมแล้วและเหลือเพียงรอจังหวะที่เหมาะสมเท่านั้น

เวลานี้ เจ้าเมืองเพลิงมายาถูกล้อมรอบโดยอสูรมายามากกว่าสิบตัวซึ่งดูน่าเวทนาไม่น้อย ไม่เพียงแต่เขาไม่สามารถใช้พลังทั้งหมดเท่านั้น ทว่าเขายังเสียเปรียบและได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก

สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินไปเป็นเวลานานถึงหนึ่งก้านธูปและท้ายที่สุดเขาก็อดทนไม่ได้อีกต่อไป

ฉินส่าวชิงแค่นเสียงในลำคอและหยิบโอสถหนึ่งเม็ดออกมาก่อนกลืนลงไปทันที ในขณะเดียวกัน อสูรมายาที่ทรงพลังก็ปรากฏกายข้างหลังเขา มันมีขนาดใหญ่และดูน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง

“บัดซบ ข้าจะแสดงให้พวกเจ้าได้เห็นถึงพลังที่แท้จริงของข้า!”

ด้วยเสียงตะโกนกร้าว พลังของฉินส่าวชิงก็พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

.