บทที่ 1657 – มู่หยุนชิงเฉิงบรรลุระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์
แม้ชิงส่ยจะรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะเกี่ยวพันกับฝ่ายอื่นมากนัก แต่บางครั้งมันก็มีข้อยกเว้น ไม่ว่าใครก็อาจเจอกับข้อยกเว้นเช่นนี้
“ยังไม่เป็นไร ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งมากเกินไปมันจะไม่เป็นไร พระราชวังทะเลราชันย์ต้องแข็งแกร่งขึ้น โดยเฉพาะพวกเจ้าทั้งสอง ที่นี่อยู่ใกล้กับพระราชวังสุริยาและไม่ปลอดภัยนัก” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างหมดหนทาง
“เจ้าไม่จําเป็นต้องกังวลมากไป บางที่พระราชวังมังกรอุดรอาจจะไม่สนใจในเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้” มู่หยุนชิงเฉิงกล่าวอย่างใจเย็น
หญิงผู้นี้มีความงามไม่ด้อยไปกว่าอเย่เจี้ยนเก้อ เธอมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร เธอมาจากเผ่านาคาเร้นลับ ชนเผ่านี้มีคนเป็นจํานวนน้อยและทุกคนอยู่ในฐานะที่สูงส่ง พวกเขาเป็นตระกูลราชวงศ์ที่อยู่ในมหาสมุทรแห่งนี้
ชิงสุ่ยนึกถึงสายเลือดของเธอ ตอนนี้เขาตระหนักแล้วว่าสามารถกระตุ้นสายเลือดให้กับเธอได้ ทั้งมู่หยุนชิงเฉิงและอีเย่เจี้ยนเก้ออยู่ในช่วงต้นของระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาจขั้นสูงสุด ถ้าเขาช่วยมู่หยุนชิงเฉิงในตอนนี้ เขาอาจจะทําให้เธอบรรลุไปได้อีก
เมื่อคิดถึงวิธีนี้ ชิงสุ่ยรู้สึกอยากจะลองดู หากมู่หยุนชิงเฉิงแข็งแกร่งขึ้น อีเย่เจี้ยนเก้อก็จะก้าวหน้าไปด้วย พวกเธอทั้งสองเป็นพี่น้องที่ใกล้ชิดกัน มันเป็นเรื่องดีสําหรับพวกเธอไม่ว่าใครจะแข็งแกร่งขึ้นก็ตาม
“ข้ามีวิธีที่จะช่วยยกระดับพลังของเจ้า เจ้ายินดีที่จะลองหรือไม่?” ชิงสุ่ยกล่าวโดยตรง
มู่หยุนชิงเฉิงมองดูชิงสุ่ยด้วยความประหลาดใจว “มันทําได้งั้นหรือ”
“แน่นอน นั่นเป็นเพราะพลังของสายเลือดในร่างกายเจ้า ข้าไม่รู้ว่ามันจะได้ผลกับอีเย่ เจี้ยนเก้อหรือเปล่า ตอนนี้เป็นเวลาที่พวกเราต้องการพลัง เจ้าอยากจะลองไหม?”
“ตกลง” มู่หยุนชิงเฉิงพยักหน้า มีหลายครั้งที่ชิงสุ่ยคอยรักษาเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่กลัวต่อให้ชิงสุ่ยท่าอะไรกับเธอ ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากผ่านอะไรมา เธอตระหนักดีว่าชายผู้นี้ไม่ใช่คนเลว ชายผู้นี้จะเลวได้อย่างไรในเมื่อเขาเป็นสามีของอเย่เจี้ยนเกือ?
เมื่อชิงสุ่ยช่วยมู่หยุนชิงเฉิงทําการกระตุ้นพลังของเธอ เขาไม่ได้หลบซ่อนมันจากใคร เขาให้อีเย่เจี้ยนเก้อเฝ้าระวังอยู่ด้านนอก คราวนี้มู่หยุนชิงเฉิงสวมเพียงเสื้อผ้าบางๆ อย่างไรก็ตาม เรือนร่างที่งดงามของเธอยังคงน่าดึงดูด หน้าอกที่กระทบไปมาของเธอยกเสื้อผ้าบางๆให้แยกออก มันเผยให้เห็นรูปร่างอันไร้ที่ติซึ่งทําให้ชิงสุ่ยถึงกับคอแห้งผาก
เขาเคยเห็นเธอทั้งที่ไม่สวมเสื้อผ้ามาแล้ว แต่มันก็นับว่านานมาก ตอนนี้เขาอยากที่จะถอดเสื้อผ้าของเธอออกเพื่อสัมผัสกับร่างกายอันมีเสน่ห์
ชิงสุ่ยพยายามอย่างหนักเพื่อควบคุมอารมณ์ของเขา เขาหยอกล้อมูหยุนชิงเฉิงและสังเกตเห็นความเขินอายบนใบหน้าของเธอ
อีเย่เจี้ยนเก้อรู้ถึงเหตุผลที่ชิงสุ่ยบอกให้เธอรออยู่ไม่ไกล เขาต้องการทําให้ชัดเจนว่าไม่มีอะไรระหว่างเขากับมู่หยุนชิงเฉิง
มู่หยุนชิงเฉิงตอนนี้มีอาการที่แปลกมาก ภรรยาของชายคนนี้อยู่ข้างนอกและหญิงผู้นั้นก็เป็นน้องสาวของเธอ แต่ตอนนี้มู่หยุนชิงเฉิงรู้สึกราวกับว่าเธอกําลังทําอะไรบางอย่างกับคนที่เป็นของเธอ
วิธีการกระตุ้นศักยภาพยังคงผ่านการฝังเข็ม ยิ่งไปกว่านั้นในตอนนี้ที่ชิงสุ่ยมีพระพุทธรูปทองคําที่เมตตากรุณาผลก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า นี่เป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่และมีประโยชน์มากมาย
วิธีการกระตุ้นพลังยังคงต้องใช้การฝังเข็ม เนื่องจากมู่หยุนชิงเฉิงจําเป็นต้องสวมใส่ เสื้อผ้าที่บางเบา เช่นนั้นเธอจึงไม่ได้ใส่อะไรข้างใน
มือของชิงสุ่ยสัมผัสโดนไปที่จุดซึ่งยื่นชูชันบนหน้าอก มันเป็นความรู้สึกที่ชัดเจนมาก ม่ หยุนชิงเฉิงตัวสั้น ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที
อย่างไรก็ตามมู่หยุนชิงเฉิงไม่ได้พูดอะไรเลย เธอปล่อยเสียงคร่ําครวญที่นุ่มนวลอันไม่ สามารถควบคุมได้ออกมา เธอแอบตาหนิชิงสุ่ยโดยไม่รู้ว่าชายผู้นี้เจตนาทําหรือไม่ เมื่อชิงสุ่ยทําก ารฝังเข็มบนหน้าเธอ เธอแทบจะไม่เห็นมามองเลย
ตอนนี้ชิงสุ่ยรู้สึกอึดอัดและไม่มั่นคง มันราวกับว่าเขากําลังใช้ประโยชน์จากเธออย่างตั้งใจ เขาจะต้องไม่พยายามอธิบายอะไร ยิ่งเขาพยายาม สถานการณ์ก็จะยิ่งเลวร้ายลง
โชคดีที่ทุกสิ่งทุกอย่างหลังจากนั้นผ่านไปอย่างราบรื่นมาก แต่ถึงกระนั้นร่างกายอันงดงามที่อยู่ต่อหน้าก็ทําให้ชิงสุ่ยลุกเป็นไฟ โชคดีที่อีเย่เจี้ยนเก้ออยู่ใกล้ๆ ดังนั้นเขาจึงไม่จําเป็นต้องเก็บกดอารมณ์ไว้คนเดียว
หยดเลือดลึกลับก่อตัวขึ้นในร่างของมู่หยุนชิงเฉิง นี่คือเลือดแห่งมังกรเทวะ ชิงสุ่ยใช้เคล็ดวิชาเบิกเนตรสวรรค์และมองเห็นแก่นแท้เลือดมังกรเทวะ เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตราบใดที่สิ่งนี้ประสบความสําเร็จ ก้าวต่อไปจะบรรลุผล ชิงสุ่ยมั่นใจว่ามู่หยุนชิงเฉิงจะต้องไปถึงระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ในอนาคต
อย่างไรก็ตามเธอยังไม่ได้แข็งแกร่งขึ้นมากนัก หยดเลือดนี้ในร่างกายของมู่หยุนชิงเฉิงเป็นเหมือนประกายไฟอ่อนๆเท่านั้นในตอนนี้ ถึงกระนั้นในไม่ช้ามันก็จะเติบโตเป็นเปลวไฟที่ยิ่งใหญ่ได้
ด้วยเข็มทองค่าฟื้นฟูร่างกาย เลือดในร่างกายของเธอก็เริ่มเดือดพล่าน ชิงสุ่ยได้ช่วยเสริมสร้างรากฐานและฟื้นฟูร่างกายของเธอถึง 2 ครั้ง เนื่องจากร่างกายที่ไม่ธรรมดาของเธอ มันจึงเป็นเหตุผลที่ชิงสุ่ยกล้าช่วยกระตุ้นพลังในสายเลือดขึ้นมา เร็วๆนี้ เธอจะต้องเผชิญกับความยากลําบากของทัณฑ์สวรรค์พินาศ และหากเธอผ่านมันไปได้ เธอก็จะบรรลุถึงระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์
ก่อนที่ความยากลําบากของทัณฑ์สวรรค์พินาศจะมาถึง ซึ่งสู่ยพยุงมู่หยุนชิงเฉิงขึ้นมาและเดินออกไปนอกถ้ําศักดิ์สิทธิ์
ชิงสุ่ยเคยมีประสบกับทัณฑ์สวรรค์พินาศครั้งเดียว เขามักจะเต็มไปด้วยความคาดหวังกับเหตุการณ์เช่นนี้ มันเป็นเพราะแต่ละครั้ง เขามักจะได้รับพลังกลับมา ช่างน่าเศร้าที่แม้เขาจะบรรลุเคล็ดเสริมสร้างบรรพกาลขั้นที่เก้า เขาก็ยังไม่พบกับทัณฑ์สวรรค์พินาศใดๆ สิ่งนี้ทําให้ชิงสุ่ยรู้สึกเศร้าใจมาก
มู่หยุนฮเฉิงไม่พบอุปสรรคในการฟื้นฟามันไป เธอพยายามจนทุกอย่างสงบลง ซึ่งสุ่ยมีความสุขมากเมื่อเขาสัมผัสกลิ่นอายจากมู่หยุนชิงเฉิง เธอพลังเทวะแห่งเต๋ของเธออยู่ที่ประมาณ 300
สิ่งนี้ถือว่าไม่เลว แต่มู่หยุนชิงเฉิงยังไม่สามารถสัมผัสพลังของชิงสุ่ยได้ พลังของชายหนุ่มคนนี้ไม่อาจหยั่งถึงได้อย่างแท้จริง
แม้จะเป็นเช่นนั้น มู่หยุนชิงเฉิงก็ยังรู้สึกมีความสุขมาก นี่เป็นการพัฒนาที่ยอดเยี่ยม
ไม่ว่าที่ใด ระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นสัญลักษณ์แห่งพลัง มู่หยุนชิงเฉิงรู้สึกถึงจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ในจุดตันเถียนของเธอ เธอสัมผัสได้ว่าจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ในจุดตันเถียนของเธอนั้นยังเล็ก มันค่อนข้างมีขนาดพอเหมาะ
ชิงสุ่ยเองก็มีความสุขเช่นกัน อีเย่เจี้ยนเก้ออยู่ข้างๆชิงสุ่ย เมื่อเธอเห็นว่ามู่หยุนฉเฉิง ประสบความสําเร็จ เธอรู้สึกมีความสุขเช่นกัน เธอเดินเข้าไปหาและจับมือของมู่หยุนชิงเฉิงเอาไว้ หญิงทั้งสองพูดคุยกันอย่างมีความสุข ขณะที่พวกเธอเดินมาหาชิงสุ่ย
“ขอบคุณ!”
ชีวิตของมู่หยุนชิงเฉิงได้ชิงสุ่ยช่วยเหลือไว้มาก การค้นพบครั้งนี้ก็เป็นสิ่งที่เขาทําให้เธอ จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เป็นความสามารถของชนเผ่านาคาเร้นลับบรรพกาล
นาคาเร้นลับบรรพกาล : เพิ่มพลังป้องกันทั้งหมดขึ้น 6 เท่า เพิ่มความสามารถของทักษะขึ้น 1 เท่า จะไม่ได้รับผลจากสิ่งยั่วยวนและสร้างภูมิต้านทานพิษ พลังจะเพิ่มขึ้น 50% เมื่ออยู่ในน้ํา สามารถยกระดับได้
ด้วยการพัฒนาครั้งนี้ มู่หยุนชิงเฉิงแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก ภายใต้ผลของเคล็ดวิชา สรวงสวรรค์ ความสามารถของเธอเพิ่มสูงขึ้น พลังเทวะแห่งเต๋ของเธออยู่ที่ประมาณ 600 และหากอยู่ในน้ําจะอยู่ที่ 900
มันน่ากลัวพอสมควร การรับรู้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ที่มีทําให้มู่หยุนชิงเฉิงรู้สึกพูดไม่ออก ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่ยิ่งใหญ่กว่าพลัง
“ไม่จําเป็นต้องสุภาพ พวกเราเป็นสหายกัน นี่คือสิ่งที่ข้าสามารถทําได้และข้าไม่ได้เหนื่อยยากอะไร” ชิงสุ่ยส่ายหัวและกล่าว
“เอาหล่ะ พวกเจ้าสองคนควรเลิกสุภาพต่อกัน มาเถอะ นี้คือวันที่ควรค่าแก่การฉลอง พวกเราเอาอาหารมาเลี้ยงฉลองพี่สาวชิงเฉิงกัน”
ทั้งสามคนกลับไปที่ถ้ําศักดิ์สิทธิ์
สถานที่แห่งนี้เป็นที่พักของหญิงทั้งสอง พวกเธอใช้เวลาอยู่ที่เป็นส่วนใหญ่ ตราบใดที่พระราชวังทะเลราชันย์ปลอดภัยดี พวกเธอจะอยู่ที่นี่ ชิงสุ่ยมีห้องสําหรับตัวเองและหญิงทั้งสองก็มีห้องส่วนตัวเช่นกัน สําหรับอีเย่เจี้ยนเก้อ ที่นี่คือบ้านหลังเล็กของเธอ
บรรยากาศนั้นดีมาก หญิงทั้งสองพูดคุยกันไม่ขาดสาย หัวข้อส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับสิ่งต่างๆภายในแดนทะเลน้ําแข็ง ตอนนี้ชิงสุ่ยรู้ว่ามู่หยุนชิงเฉิงรู้เรื่องในมหาสมุทรมากมาย และดูเหมือนว่าเธอจะรู้หลายสิ่งหลายอย่างภายในแดนทะเลน้ําแข็งอุดรเป็นอย่างดี
หลังจากเสร็จการกินฉลอง ซึ่งสู่ยถูกปล่อยทิ้งไว้ หญิงทั้งสองดูเหมือนจะมีหลายอย่างที่อยากจะพูดคุยกัน พวกเธอเดินเข้าไปในห้องกันสองคน ซึ่งสู่ยรู้สึกกระวนกระวายและทําได้เพียงแค่รอ
โชคดีที่ไม่นานนักอีเย่เจี้ยนเก้อก็กลับไปที่ห้องของเธอ เมื่อเธอมาถึงห้อง เธอก็ถูกโอบกอดด้วยมืออันคุ้นเคย นั่นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยจูบลงไปบนริมฝีปากอันนุ่มนวลของเธอ เขาทํามันอย่างตะกละตะกลาม มือของเขาเปลื้องผ้าของเธอออกอย่างเชี่ยวชาญ
“ชิงสุ่ย พี่สาวซึ่งเฉิงอยู่ห้องข้างๆ” อีเย่เจี้ยนเก้อกล่าวอย่างรวดเร็วด้วยเสียงนุ่มๆ
“แล้วมันทําไมหล่ะ? นางไม่สามารถหยุดสิ่งที่พวกเราทําได้ ใช่หรือไม่?” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวพร้อมกับจูบเธออีกครั้ง
คราวนี้อีเย่เจี้ยนเก้อไม่ต่อต้านอีกต่อไป เธอจูบกลับ อย่างไรก็ตามเธอทําให้แน่ใจว่าจะ ไม่ทําเสียงใดๆเกิดขึ้น
ที่จริงแล้วเมื่อผู้ฝึกตนฝึกฝนไประดับหนึ่ง พวกเขาจะสัมผัสถึงสิ่งที่เกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องพยายามฟัง อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยไม่สนใจใดๆ เขาไฟลุกโชนด้วยมู่หยุนชิงเฉิงในตอนแรก และตอนนี้เขาต้องการระบายสิ่งที่เก็บไว้กับอีเย่เจี้ยนเก้อ
อีเย่เจี้ยนเก้อพยายามอย่างหนักที่จะไม่ให้เสียง แต่บางครั้งก็ยังมีเสียงร้องออกมา ชิงสุ่ยว่าวันนี้เขาตื่นตัวเป็นพิเศษ มันไม่ใช่แค่เขา เขารู้สึกว่าอีเย่เจี้ยนเก้อก็เช่นกัน มันเป็นเพราะอีเยเจี้ยนเก้อไปถึงจุดสุดยอดอย่างรวดเร็ว เธอใช้เวลาเพียงครึ่งเดียวของที่เคยท่า
นั่นเพราะมู่หยุนชิงเฉิงอยู่ห้องถัดไป พวกเขารู้ว่ามู่หยุนชิงเฉิงจะสามารถได้ยินเสียงและการเคลื่อนไหวในห้องนี้อย่างแน่นอนและสามารถรู้ว่าพวกเขากําลังทําอะไรอยู่
มู่หยุนชิงเฉิงมีการรับรู้ทางจิตวิญญาณที่แจ่มชัด การรับรู้ทางจิตวิญญาณของเธอสามารถทําให้เธอรับรู้ทุกสิ่งในระยะ 100 เมตร พวกเขาสะท้อนมาเป็นภาพให้เห็นได้อย่างชัดเจน ภายในจิตใจของเธอ มันราวกับว่าทุกอย่างเกิดขึ้นตรงหน้าเธอ
ฉากรักของชิงสุ่ยและอเย่เจี้ยนเก้อถูกถ่ายทอดออกมาอย่างชัดเจนต่อหน้าเธอ เธอพยายามปิดตาลงตลอดเวลา แต่มันก็ไร้ประโยชน์