บทที่ 1656 - ความเศร้าของประมุขแห่งพระราชวังสุริยา พระราชวังมังกรอุดร

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 1656 – ความเศร้าของประมุขแห่งพระราชวังสุริยา พระราชวังมังกรอุดร

 

ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ มันง่ายมากที่จะเปลี่ยนกระแสของสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ผู้คนของพระราชวังสุริยาส่งเสียงโห่ร้อง มันเหมือนกับว่าพวกเขามีโอกาสอีกครั้ง

 

อย่างไรก็ตามสําหรับสมาชิกของพระราชวังทรายทองคํา พวกเขาราวกับตกลงไปในห้วงแม่น้ํา ชัยชนะถูกกระชากเอาไปต่อหน้าต่อตาพวกเขา

 

หลังจากที่ผู้ซึ่งอยู่บนจุดสูงสุดได้พิการไป คนที่เหลือก็ไม่สามารถทําอะไรได้อีก พวกเขาทั้งหมดตกอยู่ในน้ํามือของพระราชวังสุริยา สิ่งต่างๆถูกตัดสินอย่างรวดเร็วในเวลาเพียงไม่ถึง 1 ชั่วโมงหลังจากที่ชิงสุ่ยมาถึง

 

นี่คือประโยชน์ของการมีพลังที่ยิ่งใหญ่ แม่แต่พระราชวังทรายทองคําซึ่งแข็งแกร่งกว่าพระราชวังสุริยาก็ไม่อาจรับมือชิงสุ่ยได้เกิน 1 ชั่วโมง

 

ประมุขแห่งพระราชวังสุริยาเดินอยู่ข้างชิงสุ่ย ศัตรูถูกกําจัดแล้ว สภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นคาวของเลือด อย่างไรก็ตามทะเลนั้นสามารถชําระล้างสิ่งต่างๆได้อย่างหมดจด เพียงไม่นานสถานที่ดังกล่าวก็สะอาดบริสุทธิ์เหมือนก่อน

 

“เจ้าบาดเจ็บหรือไม่?” ชิงสุ่ยหันไปมองประมุขแห่งพระราชวังสุริยาและยิ้มให้

 

สีหน้าของเธอดูซีดเซียว เสน่ห์ของเธอดูจางลงไป กลับกันกลิ่นอายของความน่าเวทนาแบบผู้หญิงก็เริ่มแผ่ออกมา ณ ตอนนี้ เธอเหมือนกําลังล่อลวงให้ผู้อื่นเข้าไปหา

 

ประมุขแห่งพระราชวังสุริยามองดูชิงสุ่ยด้วยท่าทางงุนงงเล็กน้อย เขามองกลับมาที่เธอ มันทําให้เธอรู้สึกมีความสุขมาก รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ “ข้างดงามหรือไม่?”

 

“แน่นอน!” ชิงสุ่ยกล่าวจากใจจริง

 

“เจ้าชอบไหม?” ประมุขแห่งพระราชวังสุริยาถาม เธอลดศีรษะต่ําลงเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยอ่อนแอเช่นนี้มาก่อน เธอดูจะเขินอายนิดหน่อย

 

ผู้หญิงอย่างเธอจะถูกควบคุมโดยชายผู้มีอํานาจเท่านั้น เธอจะเต็มใจมอบหัวใจให้กับชายคนนั้น ทว่าชายที่ว่าต้องเป็นคนที่เธอชอบพอด้วย ตัวอย่างเช่น ประมุขแห่งพระราชวังทรายทองคํา เขาแข็งแกร่งกว่าเธอ แต่เธอก็ไม่ชอบเขา

 

“ข้าชอบ!” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว

 

“เช่นนั้นข้าจะมอบกายของข้าให้เจ้า และมีพระราชวังสุริยาเป็นสินสอดของข้า” ประมุขแห่งพระราชวังสุริยาเงยศีรษะขึ้นและมองดูชิงสุ่ย

 

ชิงสุ่ยส่ายหัวอย่างไร้ประโยชน์และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ความชอบกับความรักนั้นแตกต่างกัน ข้าชอบผู้หญิงที่งดงามทุกคน แต่ถ้าข้าต้องแต่งงานกับพวกนางทั้งหมด ข้าจะไม่อ่อนเพลียจนตายงั้นหรือ?”

 

ชิงสุ่ยกล่าวอย่างตรงไปตรงมา เขาถูจมูกด้วยความเขินอายเล็กน้อย ประมุขแห่งพระราชวังสุริยารู้สึกเขินอายเช่นกัน ถึงแม้เธอจะโตพอสมควรแล้ว แต่มีหลายสิ่งที่เธอไม่เคยมีประสบการณ์ แม้เธอจะรู้เกี่ยวกับพวกมัน

 

“เจ้าพูดว่าเจ้าชอบข้า ข้าต้องทําอย่างไรเพื่อให้เจ้ารักข้า ข้ารักเจ้า” ประมุขแห่งพระราชวังสุริยากล่าวเบาๆ

 

ชิงสุ่ยไม่เข้าใจบางอย่าง เมื่อผู้หญิงคนนี้ได้พบกับเขาครั้งแรก เธอต้องการเป็นของเขา และมันก็ยังเหมือนเดิม เขากล่าวอย่างหมดหนทาง “การรักใครสักคนเป็นเรื่องที่แปลก มันอาจเกิดขึ้นตั้งแต่แรกพบ หรืออาจไม่เกิดขึ้นเลย แม้จะอยู่ด้วยกันทั้งชีวิต ความรักเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้โดยไม่ตั้งใจ เมื่อเจ้าตระหนักว่าได้ตกหลุมรักอีกฝ่าย เจ้าไม่มีทางรู้หรอกว่าความรักเริ่มต้นตอนไหน”

 

“ข้าตกหลุมรักเจ้าตั้งแต่แรกพบ ข้ายินดีที่จะรอ ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์มัน เจ้าไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ข้าจะไม่ไปรบกวนเจ้า อย่างไรก็ตาม เจ้าต้องยอมปล่อยให้ข้าได้รักเจ้า” ประมุขแห่งพระราชวังสุริยากล่าวช้าๆ ดวงตาอันงดงามของเธอมองไปที่ชิงสุ่ยด้วยความรู้สึกรักจากลึกๆข้างใน

 

ชิงสุ่ยหันกลับไปอย่างช้าๆ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าใจความรู้สึกรักของผู้หญิง นี่เป็นปัญหาเดียวกันกับผู้ชายทุกคน ต่อหน้าผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงที่สวย มันง่ายดายที่พวกเขาจะรู้สึกดีด้วย

 

ชิงสุ่ยมองเธอที่อยู่ในอาการหดหูเล็กน้อย เขาไม่รู้จะปลอบใจเธออย่างไร การที่เขาพยายามปลอบใจเธอ มันอาจยิ่งทําให้เธอตกหลุมรักเขามากเท่านั้น บางทีความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขาคงจะค่อยๆจางหายไปตามกาลเวลา เช่นเดียวกับซีฉีชา เธอไม่ได้มีชีวิตที่มีความสุขอย่างที่หวัง

 

เมื่อชิงสุ่ยเดินทางไปเยี่ยมประมุขแห่งพระราชวังสุริยาอีกครั้ง อาการบาดเจ็บส่วนใหญ่ของเธอก็หายดีแล้ว ชิงสุ่ยกล่าวผ่านๆ “การสูญเสียของพระราชวังสุริยาในครั้งนี้ร้ายแรงหรือไม่?”

 

“ด้วยยาเม็ดของเจ้า หลายคนรอดพ้นจากความตาย ส่วนคนที่บาดเจ็บก็ฟื้นตัวขึ้น” ขณะที่เธอกล่าว ดูเหมือนมันจะมีร่องรอยของความเศร้าโศกปนอยู่ในดวงตา

 

“อย่าเศร้าไปเลย นี่เป็นชะตากรรมของผู้ฝึกตนทุกคน พวกเขารู้ดีว่าวันหนึ่งมันจะมาถึง เจ้าทําได้ดีแล้ว” ชิงสุ่ยปลอบใจเธอ

 

“ภรรยาของเจ้า ประมุขแห่งพระราชวังทะเลราชันย์ นางได้รับความช่วยเหลือจากเจ้า มันยากมากสําหรับผู้หญิงที่จะอยู่รอดในโลกใบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนอย่างพวกเรา พวกเราไม่เพียงแต่ต้องแข่งขันกันเพื่อผลประโยชน์เท่านั้น พวกเรายังต้องรักษาคอยป้องกันเพื่อไม่ให้ผู้อื่นมาแย่งชิงไป” ประมุขแห่งพระราชวังสุริยาถอนหายใจขณะที่กล่าวด้วยความทุกข์

 

“พระราชวังมังกรอุดรนั้นแข็งแกร่งเพียงใด?” ชิงสุ่ยคิดถึงสิ่งที่ประมุขพระราชวังทรายทองคํากล่าวไว้ก่อนหน้านี้ พวกนั้นอาจกลับมาสร้างปัญหาให้กับพวกเขาซ้ําได้

 

“แดนทะเลน้ําแข็งเป็นเพียงหนึ่งในส่วนย่อยของแดนทะเลน้ําแข็งอุดร พระราชวังมังกรอุดรนั้นถือว่าแข็งแกร่งมาก แต่ข้าไม่รู้ว่าพวกมันแข็งแกร่งแค่ไหน อย่างไรก็ตาม พวกมันทรงพลังกว่าเมื่อเทียบกับแดนทะเลน้ําแข็ง”

 

เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ ประมุขแห่งพระราชวังสุริยาดูจะกังวลเล็กน้อย

 

“ไม่ต้องกังวลไป พวกมันจะไม่ก้าวเข้ามาเหยียบที่นี่ ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกมันได้สร้างปัญหา” ชิงสุ่ยคิดและกล่าว ที่แห่งนี้คือที่ตั้งของพระราชวังสุริยา ตราบใดที่พระราชวังสุริยาไม่เป็นอะไร พระราชวังทะเลราชันย์ก็จะปลอดภัย

 

ตอนนี้ทั้งอีเยเจี้ยนเก้อและมู่หยุนชิงเฉิงไม่ได้ด้อยไปกว่าพระราชวังสุริยาในแง่ของความแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามพระราชวังทะเลราชันย์ยังถือว่ามีผู้ที่ทรงพลังน้อยมาก

 

“ชิงสุ่ย ข้าไม่รู้ว่าเจ้าแข็งแกร่งแค่ไหน แต่เคยมีคนพูดว่าที่พระราชวังมังกรอุดรมีผู้ฝึกตนระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์” ประมุขแห่งพระราชวังสุริยาจ้องมองชิงสุ่ยและกล่าว เธอรู้ถึงความแข็งแกร่งของเขาดี ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ระดับพลังของชิงสุ่ย ผู้ชายคนนี้ต้องอยู่ในระดับปราณสวรรค์ ศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน

 

เมื่อชิงสุ่ยได้ยินเกี่ยวกับระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ไม่ได้กังวลเหมือนก่อน ในอดีตที่ผ่านมา เขาจะรู้สึกกลัวที่ต้องพูดถึงเรื่องนี้ แม้เขาจะสามารถเผชิญหน้ากับเหล่าผู้ที่อยู่ในระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ได้บ้าง มันก็อาจมีสถานการณ์ที่เขาไม่สามารถหลบหนี และเขาก็ไม่สามารถเอาชนะพวกนั้นได้

 

“ไม่จําเป็นต้องเป็นห่วง ข้ารู้สึกว่าพระราชวังมังกรอุดรคงไม่ลงมือเพียงเพื่อพระราชวังทรายทองคํา อย่างน้อยที่สุด พวกเขาไม่น่าจะลงมือเร็วๆนี้” ชิงสุ่ยกล่าวหลังจากคิด

 

“พระราชวังทรายทองคํามีผู้คนมากมาย ข่าวจะต้องไปถึงพระราชวังมังกรอุดรอย่างรวดเร็ว” ประมุขแห่งพระราชวังสุริยาส่ายหัวแล้วกล่าว

 

หัวใจของซิงสุ่ยรู้สึกหนักอึ้งเล็กน้อย ด้วยความสามารถในปัจจุบันของเขา จากความจริงที่ว่าเขาสามารถทําให้ศัตรูอ่อนแอลงได้ เขาจะยังมีโอกาสชนะ แม้ว่าต้องเผชิญหน้ากับระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์บางคน

 

เมื่อสิ่งเหล่านี้แวบผ่านเข้ามาในใจ เขายังคงรู้สึกดีอยู่ เขายิ้มและกล่าว “อย่าห่วงไปเลย พวกเราจะจัดการสิ่งต่างๆได้ พวกเราควรใช้ชีวิตทุกวันอย่างมีความสุขและอิ่มเอม ไม่ว่าพวกเราจะมีเรื่องต้องกังวลหรือไม่ก็ตาม พวกเราก็ต้องผ่านมันไป ผ่อนคลายลงซะ”

 

หลังจากที่เธอเห็นชิงสุ่ยเช่นนั้น เธอก็ยิ้ม “หากมีเจ้าอยู่ใกล้ๆ ข้าก็ไม่มีอะไรต้องกลัว นี่เป็นความรู้สึกที่แปลกและข้าชอบมัน”

 

ชิงสุ่ยยิ้ม ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผู้หญิงคนนี้ไขว้คว้าหาเขาอย่างรุนแรง แม้แต่เซียงเปาก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ด้วยกายานพเก้าที่มีเหมือนกัน ชิงสุ่ยคิดถึงชิงหานี่ขึ้นมาทันใด เธอเป็นหญิงอันงดงามผู้มีกายานพเก้า ผ่านมาหลายปีแล้ว เขาสงสัยว่าเธอสบายดีหรือไม่

 

เขาคิดถึงเธอเพียงเล็กน้อย เขาต้องการพบเธอ ในอดีต พวกเขาทั้งสองสนิทกันมากและมีความรู้สึกแปลกๆระหว่างกัน แม้จะมีหลายครั้งที่เขาลืมเลือนเธอ

 

ตอนนี้เขาคิดถึงเธอ เขาต้องการอยากพบเธอทันที

 

มันไม่ได้มีความตั้งใจอื่นที่อยู่เบื้องหลัง เขาเพียงแค่ต้องการดูว่าเธอเป็นอย่างไร

 

“เจ้ากําลังคิดถึงใครอยู่? ทําไมเจ้าถึงดูเหม่อลอย?”

 

ชิงสุ่ยส่ายหัว แน่นอนว่าเขาจะไม่พูดว่าเขากําลังคิดอะไรอยู่ เขายิ้มและกล่าว “ข้าจะคอยระวังสิ่งต่างๆที่นี่ หากมีใครเข้ามา ข้าจะสัมผัสถึงพวกมันได้ ไม่ต้องกังวล ข้าเป็นคนที่สังหารพวกของมัน ดังนั้นพวกมันจะต้องจ้องเล่นงานข้า”

 

“ข้าไม่กลัวว่าพวกมันจะมาหาข้า ข้าขอแค่ให้เจ้าปลอดภัย” ประมุขแห่งพระราชวังสุริยาหันไปที่หน้าต่างขณะที่เธอกล่าวสิ่งนี้

 

“พวกเราทั้งคู่จะไม่เป็นอะไร ชีวิตของผู้ฝึกตนนั้นแขวนอยู่บนเส้นด้าย มันยังมีหนทางข้างหน้าอีกยาวไกล หากไม่มีอุบติเหตุใดมาขวาง พวกเราทั้งคู่จะอยู่ต่อไปแสนนาน รักษาชีวิตไว้” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว

 

“ข้าจะทํา เจ้าสัญญากับข้าข้อหนึ่งได้ไหม?” ประมุขแห่งพระราชวังสุริยาหันมามองชิงสุ่ย

 

“ตกลง ข้าสัญญากับอะไรก็ตามที่ข้าทําได้” ชิงสุ่ยกล่าวออกไปลอยๆ เขาจะสัญญาในสิ่งที่เขาทําได้ หากไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถทําได้ เขาก็จะไม่พูดมันออกไป

 

“ในอนาคต ถ้าเจ้าพอมีเวลา เจ้าจะมาเยี่ยมข้าบ้างได้ไหม? พวกเราเป็นสหายกัน ดังนั้นเจ้าคงไม่ปฏิเสธข้าใช่หรือไม่?” เธอมองชิงสุ่ยและกล่าว เธอกลัวว่าชิงสุ่ยจะปฏิเสธเธอ และเธอก็กลัวว่าจะเห็นสายตาที่ไม่เต็มใจของเขา

 

“แบบนี้เป็นคําของั้นหรือ? ถ้าข้ามเวลา ข้าย่อมมาหาเจ้าอย่างแน่นอน” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างมีความสุข

 

ชิงสุ่ยอยู่ไม่นานนักก็กล่าวอําลา ก่อนที่เขาจะจากไป เขาบอกเธอว่าไม่ต้องกังวล หากมีอะไรเกิดขึ้นที่นี่ เขาจะรีบมุ่งหน้ามาอย่างสุดกําลัง

 

เธอยิ้มพร้อมกับไปส่งชิงสุ่ย ขณะที่เขามองดูร่างเงาที่จากไปของเขา เธอแทบจะกลั้นใจไว้ไม่ไหว การถูกใครสักคนดึงดูดแล้วไม่สามารถทําอะไรได้ช่างทรมาน

 

เธอไม่รู้ว่าหากชิงสุ่ยกลับไป พระราชวังมังกรอุดรจะยิ่งแข็งอีกเพิ่มขึ้นหรือไม่ เธอหวังว่าชิงสุ่ยจะมาปรากฏตัวได้ทันเมื่อเธอมีปัญหา แต่ขณะเดียวกัน เธอก็หวังให้เขาไม่มาปรากฏตัว

 

เธอรู้สึกขัดแย้งมาก การจากไปของชิงสุ่ยทําให้เธอรู้สึกอ้างว้าง ทันใดนั้นความรู้สึกต่างๆมากมายในตัวเธอก็จางหายไป โลกของเธอดูหนาวเหน็บลง เธอไม่รู้ตัวว่าจะได้สัมผัสกับการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ เธอดูเหมือนจะอ่อนแอลง

 

ชิงสุ่ยกลับไปที่ถ้ําศักดิ์สิทธิ์ คราวนี้หญิงทั้งสองอยู่แถวนั้น พวกเธอไม่แปลกใจกับการปรากฏตัวของชิงสุ่ย อีเย่เจี้ยนเก้อยิ้มแล้วกล่าว “เจ้าเพิ่งกลับมาจากพระราชวังสุริยาใช่ไหม? เป็นอย่างไรบ้าง?”

 

ชิงสุ่ยรู้ว่าพวกเธอรู้ดี เขายิ้มและกล่าว “สําหรับพระราชวังทรายทองคํา เรื่องอาจจบลงแล้ว อย่างไรก็ตาม พระราชวังมังกรอุดรคงใกล้เข้ามา จริงสิ พระราชวังมังกรอุดรแข็งแกร่งมากเพียงใด?”

 

มู่หยุนชิงเฉิงขมวดคิ้ว ” พระราชวังมังกรอุดรอยู่ในระดับเดียวกับนิกายอมตะ”

 

เมื่อชิงสุ่ยได้ยินมัน เขารู้สึกไม่ค่อยดี ขั้วอํานาจภายในโลกใต้ทะเลล้วนเชื่อมโยงกัน ขั้วอํานาจหนึ่งจะมีอิทธิพลมากขึ้นถ้ามีใครหนุนหลังพวกเขา และขั้วอํานาจนั้นก็จะมีกลุ่มคนที่แข็งแกร่งกว่าคอยค้ําจุน อย่างไรก็ตามการเชื่อมโยงดังกล่าวมักมีไม่มากเกินหนึ่งหรือสองกลุ่ม มันเป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ใต้อํานาจเดียวกันหมด เป็นเพราะผู้ที่อยู่เบื้องบนไม่มีทางมาใส่ใจกลุ่มเล็กๆที่ต่อสู้กัน พวกเขาไม่ได้สนใจที่จะเข้าร่วมกับพวกนั้น