บทที่ 669 เกิดเรื่องใหญ่แล้ว

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 669 เกิดเรื่องใหญ่แล้ว

“ได้โปรดแส้มังกรไตร่ตรองอีกครั้งด้วยเถอะ!” เจียงชงรีบตะโกนออกมา

“ไว้ชีวิตด้วย!”

“อย่าฆ่าฉันเลย!

“พ่อบุญธรรมของฉันคือซีจุน!” เมื่อรู้สึกได้ถึงไอสังหารที่มาพร้อมกับเกล็ดมังกร ไป๋เสี่ยวจิ้งก็ร้องตะโกนออกมาด้วยความสะพรึงกลัว

ใบหน้าของฉินเทียนเป็นเหมือนกับเหล็กเย็นเยียบ มือโบกสะบัดออกมา ก่อนที่ลำแสงเย็นเยือกจะพาดผ่านมา ตัดไป๋เสี่ยวจิ้งขาดออกจนกลายเป็นสองส่วน

“อ่าห์!” หลิวหรูยู่ตื่นตกใจจนรีบปิดหน้าเอาไว้

กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง เมื่อมองไปยังไป๋เสี่ยวจิ้งที่ขาดออกเป็นสองส่วนตั้งแต่ช่วงเอวลงไป อย่าได้เอ่ยถึงว่าพวกของเจียงชงและคนอื่นจะพากันอึ้งตะลึงแล้ว

แม้แต่จูจูเองก็ยังตื่นตกใจขึ้นมา

เธอรู้ดีว่าฉินเทียนลงมือโหดเหี้ยม แต่ก็ไม่คิดว่าจะโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้

บอกว่าจะฆ่าก็ฆ่าเสีย!

ที่สำคัญก็คือ ไป๋เสี่ยวจิ้งหลังจากที่ถูกตัดจนกลายเป็นสองส่วนแล้วนั้น ไม่ได้ตายลงไปในทันที ร่างกายส่วนบนของเขาใช้แรงพยายามที่จะคลานออกไป ทั้งยังกรีดร้องออกมาอย่าน่าเวทนา

น้ำเสียงนั้น ช่างทำให้ผู้คนสยดสยองจนขนลุกชันสันหลังเย็นวาบ

สมาชิกของมังกรซ่อนรูปในตอนนี้ พากันสะเทือนใจ ภาพฉากนี้ประทับตราตรึงเข้าไปในส่วนลึกจิตใจของพวกเขา ชีวิตนี้เกรงว่าคงจะไม่อาจลืมได้

ไป๋เสี่ยวจิ้งที่คลานไปจนถึงประตู ในที่สุดก็สูดลมหายใจเข้าเฮือกสุดท้าย

ที่แห่งนั้นดูเงียบสงัดลง

ฆ่าไป๋เสี่ยวจิ้งไป ฉินเทียนเองก็ทำเพื่อแสดงถึงอำนาจของ “แส้มังกร” ของตนเอง

ดวงตาของเขา จ้องมองไปยังหม่าเฟิงและคนอื่นๆ อย่างเย็นชา

“นักโทษหลักถูกลงโทษไปแล้ว ผู้สมรู้ร่วมคิดก็ไม่อาจละเว้นได้!”

“ไว้ชีวิตด้วย!”

“ได้โปรดขอแส้มังกรเมตตาด้วย! ต่อไปพวกเราไม่กล้าแล้ว!” ทันใดนั้นหม่าเฟิงและคนอื่นๆ ก็ฉี่ราดออกมา คุกเข่าลงบนพื้น โขกหัวลงราวกับตำกระเทียม

ฉินเทียนกลอกตาใส่จูจูความหมายนั้นก็คือ ให้โอกาสเจ้าได้เอาชนะใจคน

จูจูเองที่แต่เดิมอยู่ในอาการตกตะลึง ก็มีท่าทีตอบสนองกับมา รีบเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าที่จริงจัง “ได้โปรดแส้มังกรมอบพวกเขาให้ฉันเป็นคนจัดการเถอะ!”

“ฉันจะลงโทษอย่างรุนแรงแน่นอน!”

ฉินเทียนส่งเสียงฮึออกมาก่อนจะเอ่ย “หากว่ายังมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก ภายใต้เกล็ดมังกรแล้วจะไม่มีใครมีชีวิตรอดไปได้!”

เขาดึงหลิวหรูยู่ขึ้นมาแล้วเดินตรงออกไปด้านนอก

เมื่อมาถึงประตู ก็ส่งเสียงเอ่ยออกมาอีกครั้ง “เก็บศพของไป๋เสี่ยวจิ้งซะ แล้วส่งไปยังซีจุน”

“บอกกับไป๋เลี่ยนว่า ข้าฉินเทียนจะไปเยี่ยมเขาเร็วๆ นี้!”

“รับทราบ!”

“น้อมส่งแส้มังกร!” จูจูตะโกนออกมาเสียงดัง

เจียงชง หม่าเฟิงและคนอื่นๆ ก็พากันร้องตะโกนออกมาด้วยความหวาดกลัว “น้อมส่งแส้มังกร!”

ในที่สุดก็ส่งเทพอสูรร้ายออกไปได้แล้ว จูจูถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนที่แววตาจะเผยความพึงพอใจออกมา

เธอกวาดสายตาออกไปก่อนจะเอ่ย “เจียงชง หม่าเฟิงพวกนายรู้หรือไม่ว่ามีความผิดใด?”

“วันนี้หากว่าไม่ใช่ฉัน พวกนายก็จะมีจุดจบเช่นเดียวกับไป๋เสี่ยวจิ้งไปแล้ว”

เจียงชงและหม่าเฟิงรีบคุกเข่าลงร้องขอชีวิต ขณะเดียวกันก็เผยความจงรักภักดีออกมา

ในนาทีนี้ พวกเขาเกิดความหวาดกลัวขึ้นจากส่วนลึกของใจ

จูจูอาศัยโอกาสนี้ลดระดับพวกเขา ไล่ออกจากทีมหลัก และนี้ก็คือจุดประหลักของเธอนั่นเอง

นานมาแล้วที่เจียงชงและคนอื่นๆ มักจะทำทีเชื่อฟังเธอ ทว่าหลายๆ เรื่อง มักจะเชื่อฟังผู้อาวุโสสาม ในสายตาไม่ใช่ว่าจะยังมีหนานจุนอยู่อีกหรือ

วันถัดมา ในตอนที่แสงแรกของยามเช้าสาดส่องลงบนพื้นดิน เมืองเอกของเมืองฮั่น รังแห่งหนึ่งบนเชิงเขาฉินหลิ่ง

ภูเขางดงามน้ำใส ทิวทัศน์สวยงาม มีอาคารคฤหาสน์โบราณอยู่หลายหลังตั้งอยู่ในนั้น

ที่นี่ ก็คือที่ตั้งสาขาหลักของมังกรซ่อนรูปทางตะวันตก

ผู้แทนซีจุนไป๋เลี่ยนอายุราวห้าสิบต้นๆ เป็นผู้ที่มีการศึกษาเป็นอย่างมาก

ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงผู้แทนซีจุน ทว่า ก็ขาดเพียงแค่ป้ายบัญชาชิ้นเดียวเท่านั้น หลายปีมานี้ ทุกคนล้วนแต่คิดว่าเขาคือซีจุนไปแล้ว

เขาเองก็รู้สึกว่า ตนเองก็คือซีจุนแล้ว 

ชีวิตที่อยู่เหนือกว่าผู้อื่น ทำให้เขาเริ่มที่จะอ้วนขึ้นมาเล็กน้อย 

เมื่อลืมตาขึ้นมองไปยังแสงพระอาทิตย์ที่ขึ้นมาใหม่ด้านนอกหน้าต่าง และข้างกายนั้นมีสาวน้อยเยาว์วัยที่มีผิวขาวราวกับแสงอาทิตย์ ผมดกดำราวกับหมึกกำลังนอนอยู่เป็นเพื่อน

สาวน้อยเพิ่งจะอายุยี่สิบต้นๆ เป็นนักศึกษาที่ยังเรียนไม่จบ

สาวน้อยนอนหลับเป็นเวลานาน ไม่เหมือนกับเขา ที่ตื่นตรงเวลาในหกโมงเช้าของทุกวัน

ทว่าเมื่อนึกถึงฉากอันสุขสมเมื่อคืนแล้ว เขาก็รู้สึกว่าจริงๆ แล้วตนเองก็ยังคงหนุ่มอยู่

และเป็นเพราะว่าฝึกฝนวิชายุทธ์ ทำให้ในบางด้านดูแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าชายหนุ่ม

เมื่อคิดมาจนถึงจุดนี้ ก็เกิดความเคลื่อนไหวบางอย่างขึ้น เขาที่มักจะควบคุมตัวเองได้เอื้อมมือเข้าไปในผ้าห่ม

“อืม พ่อบุญธรรม อย่านะ…”

“คนเขาเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว…” สาวน้อยตัวน้อยส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ออกมาอย่างสะลึมสะลือ

เสียงหัวเราะที่เร้าใจ ยิ่งทำให้ไป๋เลี่ยนตื่นเต้นเข้าไปอีก

“วันนี้ฉันจะให้อาหารชุดพิเศษกับเธอ!” เมื่อพูดออกมาประโยคหนึ่งไป๋เลี่ยนก็มีท่าทีที่อดรนทนต่อไปไม่ไหวแล้ว

และก็เป็นในเวลานี้เอง ที่มีเสียงเคาะประตูอย่างเร่งรีบดังขึ้น

“ไป๋เลี่ยนไม่ดีแล้ว!”

“เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแล้ว!”

ไป๋เลี่ยนตกใจขึ้นมา เอ่ยออกไปด้วยอารมณ์ที่ไม่ดีนัก “เช้าตรู่เช่นนี้ จะมาเรียกทำบ้าอะไรกัน?”

“ต่อให้จะมีเรื่องสำคัญแค่ไหน รอฉันนอนให้พอเสียก่อนค่อยว่ากัน!”

“ไสหัวไปซะ!” 

ด้านนอกประตูเงียบเสียงลงครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเอ่ยออกมาด้วยความหวาดกลัว “เป็นคุณชายที่เกิดเรื่องขึ้น”

“เสี่ยงจิ้ง?” ไป๋เลี่ยนตะลึงไปครู่ ก่อนจะเอ่ย “เขาไม่ใช่ว่าไปส่งมอบของขวัญให้กับหัวหน้าใหญ่ในเมืองหลวงหรอกหรือ? แล้วจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้”

“ศพถูกบรรจุใส่ในโลง แล้วส่งกลับมา”

“ท่านรีบออกมาดูเถอะ”

“อะไรนะ?” ทันใดนั้นไป๋เลี่ยนก็ตะลึงค้าง

นาทีถัดมา ความกรุ่นโกรธก็แผดเผาออกมา!

“ใครกันที่กล้าแตะต้องลูกบุญธรรมของข้าไป๋เลี่ยน!” เขาสวมใส่เสื้อผ้าแล้วพุ่งออกไป

จูจูจงใจใช้โลงศพไม้สนชั้นดี บรรจุศพของไป๋เสี่ยวจิ้งลงไป และยังตามหาคนมาเย็บสองส่วนของศพเข้าด้วยกันอีกด้วย

โลงศพสีแดงถูกวางเอาไว้ในโถงประชุม รอบๆ ต่างก็มีคนของมังกรซ่อนรูปทางตะวันตกมากมายรวมตัวกันแล้ว

แต่ละคนใบหน้าดูเคร่งขรึม

“ใครทำ? เป็นใคร!”

“เจ้าคือเจียงชงใช่หรือไม่? พูดมา ตกลงแล้วนี้มันเกิดอะไรขึ้น!” ไป๋เลี่ยนดวงตาแดงก่ำขึ้นมาในทันที จากนั้นก็คว้าคอของเจียงชงเอาไว้แน่น

ท่าทีดูเหมือนว่าต้องการจะฆ่าคน

เจียงชงเองก็ถูกเอาเปรียบอยู่มาก แต่เดิมเขาเป็นหัวหน้าใหญ่ หลังจากที่เรื่องนี้เกิดขึ้นแล้ว ก็ถูกจูจูลดระดับไปถึงสองขั้น กลายมาเป็นหัวหน้าเล็กที่ไม่สลักสำคัญ

แต่ว่า เขายังคงต้องขอบคุณจูจูที่ช่วยออกหน้าร้องขอความเมตตาจากฉินเทียนให้กับเขา มิฉะนั้นแล้ว เขาก็อาจจะเป็นเช่นเดียวกับไป๋เสี่ยวจิ้ง ถูกบรรจุอยู่ในโลงศพ

งานส่งศพที่สิ้นเปลืองแรงไม่มีข้อดีใดเช่นนี้ จูจูจัดการให้กับเขา เขาเองก็ไม่กล้าที่จะปฏิเสธ

“ซีจุนระงับความโกรธด้วย!”

“ฟังข้าก่อน!” เจียงชงเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างตื่นเต้น

“นายว่าอะไรนะ? ฉินเทียน?”

“เขาเป็นใครกัน ทำไมถึงได้กลายมาเป็นแส้มังกรได้?”

“นายแน่ใจนะ ที่เขาออกมาเป็นเกล็ดมังกร?”

เขาที่อยู่ในตำแหน่งจุนมาตลอด ไป๋เลี่ยนจนถึงวันนี้ยังไม่เคยได้ยินชื่อของฉินเทียนมาก่อน

และถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ฉินเทียนจะดูถ่อมตน แต่หลังจากที่กลายเป็นผู้นำของเจ็ดเมืองทางใต้แล้ว ชื่อเสียงก็ดังไปทั่วใต้หล้า

เขาที่จริงจังมาตลอด ไม่มีทางที่จะไม่รู้เรื่องไปได้

“เป็นเรื่องจริง!”

“ฉินเทียนที่เป็นแส้มังกรนี้ ทรงพลังอย่างมาก แม้แต่หน้าของหนานจุนพวกเราก็ไม่ไว้”

“ซีจุนก่อนที่ฉินเทียนจะจากไปยังพูดออกมา ไม่นานจะมายังฮั่นจง”

“พวกท่านก็ระวังเสียหน่อยเถอะ”

เมื่อทำภารกิจสำเร็จแล้ว เจียงชงเองไม่อยากที่จะอยู่ต่อเพียงวินาทีเดียว ถึงได้รีบร้อนบอกลา

แต่เดิมนั้น คนกลุ่มนี้ของมังกรซ่อนรูปทางตะวันตก ยังคงโห่ร้องให้ล้างแค้นให้แก่ไป๋เสี่ยวจิ้ง มาตอนนี้เมื่อรู้ว่าไป๋เสี่ยวจิ้งตายลงไปเพราะเกล็ดมังกร พวกเขาจึงพูดอะไรไม่ออกกัน

เกล็ดมังกรเชียว!

นั่นหมายถึงกระบี่จักรพรรดิของมังกรซ่อนรูป

“ไป๋จุน จะทำอย่างไรดี?” หัวหน้าใหญ่คนหนึ่งที่มีชื่อว่านเป่า ขอคำแนะนำด้วยเสียงขรึม

เขาเป็นคนเดียวที่ไป๋เลี่ยนดึงขึ้นมา และเป็นคนสนิทของเขา

สีหน้าของไป๋เลี่ยนดูไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง เขากัดฟันแน่น แล้วเอ่ย “ในเมื่อเขาเป็นถึงแส้มังกร พวกเราก็ต้องระมัดระวังสักหน่อย” 

“พวกนายนำเสี่ยวจิ้งออกไปฝังซะ”

“ข้าจะไปขอคำแนะนำจากผู้อาวุโสใหญ่สักหน่อย!”

เขากัดฟัน แล้วโทรศัพท์ไปหาท่านผู้อาวุโสใหญ่