บทที่ 670 ทิศตะวันตก

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 670 ทิศตะวันตก

หลังจากที่ได้รับสายจากไป๋เลี่ยนแต่เช้าตรู่ ได้ฟังถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว ผู้อาวุโสใหญ่หูเฉวียน ก็ตกใจเสียจนพูดไม่ออกไปครึ่งค่อนวัน

ในตอนที่ยังไม่ได้เข้าร่วมกับมังกรซ่อนรูปนั้น เขาเป็นหนึ่งในห้าตระกูลของอาณาจักรมังกร ที่เป็นผู้ดูแลของตระกูลจักรพรรดิตอนกลาง

ส่วนตระกูลจักรพรรดินั้น เป็นเชื้อพระวงศ์ที่แท้จริงของจักรพรรดิ เพียงแต่สถานะนั้นห่างกันออกไป

และอาศัยความสัมพันธ์นี้ หลังจากที่หูเฉวียนเข้าร่วมกับมังกรซ่อนรูปแล้ว ก็ราบรื่นมาตลอดทางและพุ่งขึ้นสู่อย่างอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งเข้าสู่สมาพันธ์ผู้อาวุโส กลายเป็นผู้อาวุโสสูงสุด

การจัดการต่างๆ หลายปีมานี้ สมาพันธ์ผู้อาวุโสในตอนนี้ แทบจะถูกเขาควบคุมเอาไว้หมดแล้ว กลายเป็นคำพูดของเขาถือเป็นที่สุด

เบื้องหลังของหูเฉวียน แสดงถึงผลประโยชน์ของตระกูลจักรพรรดิ หลายปีมานี้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงการมีอยู่ของตนเอง เขาจัดการกับสมาพันธ์ผู้อาวุโสมาตลอด และคอยต่อต้านกับเฒ่าหัวมังกรผู้นำคนก่อนอย่างจูเซี่ยวเทียน

สามารถพูดได้ว่า ขอเพียงแค่เป็นเรื่องที่เฒ่าหัวมังกรเห็นชอบแล้ว ไม่ว่าจะผิดหรือถูก เขาก็จะเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นมาต่อต้านและยึดสมาพันธ์ผู้อาวุโสไป

ในตอนที่เฒ่าหัวมังกรถูกขัดขวาง มีหลายครั้งที่ไม่ยินยอมรับการประนีประนอมใด

และหูเฉวียนก็รู้สึกว่า มีหลายครั้งที่เขาสามารถควบคุมและเป็นตัวแทนของเฒ่าหัวมังกรได้แล้วทั้งหมด แต่กลับไม่คิดเลยว่า เจ้าเฒ่าหัวมังกรจู่ๆ ก็จู่โจมกลับมา

นั่นก็คือ แต่งตั้งให้ฉินเทียนเป็นแส้มังกร

เรื่องนี้นั้นในมุมมองของหูเฉวียนแล้ว เฒ่าหัวมังกรจงใจที่จะทำให้เขาหวาดกลัว  

เมื่อรวมน้ำหนักของแส้มังกรแล้ว ก็ดูจะสำคัญจนเกินไป ดังนั้น เขาในครั้งแรกจึงนำผู้อาวุโสสามไปสอบถามกับเจ้าเฒ่าหัวมังกร

ตอนแรกเต็มไปด้วยความคิดที่ว่า เจ้าเฒ่าหัวมังกรจะประนีประนอมเหมือนก่อนหน้า แต่ไม่คาดคิดเลยว่าครั้งนี้ เขาคิดผิดแล้ว

แม้ว่าเฒ่าหัวมังกรจะใช้อำนาจพิเศษ และแบกรับความเสี่ยงที่จะถูกถอดถอนออก แต่ก็ยังยืนกรานที่จะแต่งตั้งฉินเทียน 

และที่ยิ่งทำให้หูเฉวียนยากจะรับได้คือ ฉินเทียนที่ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนนี้ ถึงกับกล้าโอหังเช่นนี้

ถึงกล้าใช้ดาบกับผู้อาวุโสสามต่อหน้าเขา!

ช่างบ้าเกินไปแล้ว!  

ดังนั้น เมื่อวานตั้งแต่ที่กลับมาจากถ้ำมังกร เขาจึงนอนหลับไม่สนิทนักตลอดคืน พลิกไปพลิกมา คิดหาวิธการจัดการกับฉินเทียน

และแน่นอนว่าจากส่วนลึกของใจเขาไม่ยอมรับฉินเทียนให้เป็นแส้มังกร

ดังนั้น จึงไม่ได้มีการประกาศออกไปว่า ฉินเทียนนั้นได้กลายเป็นแส้มังกรแล้ว

ผู้อาวุโสสามหวังลิ่ง จึงไม่มีทางที่จะประกาศออกไป เพราะว่าเส้นผมของเขาถูกฉินเทียนตัดลง จนเหมือนกับหัวของนกฮูก ซึ่งถือเป็นความอัปยศอย่างยิ่งของเขา

หากว่าแพร่กระจายออกไป ชื่อเสียงของเขาจะต้องพังพินาศไปแน่

เพราะเรื่องนี้จะส่งผลไปถึงองค์กรต่างๆ ที่อยู่ภายใต้มังกรซ่อนรูป นอกจากทางด้านมังกรซ่อนรูปตอนใต้ของจูจูและคนสนิทไม่กี่คนแล้ว คนอื่นๆ ล้วนแต่ไม่รู้ว่ามังกรซ่อนรูปนั้นมีแส้มังกรแล้ว

เรียกว่าฉินเทียน

หูเฉวียนคิดอยู่ค่ำคืนหนึ่ง ก็คิดไม่ออกว่าจะมีวิธีการใดที่จะกำจัดฉินเทียนทิ้งไป และวันนี้ก็มีการจัดเตรียมเรียกสมาพันธ์ของผู้อาวุโสเพื่อหารือกัน

ไม่คิดเลยว่า ช่วงระยะเวลาชั่วข้ามคืน ฉินเทียนก็เริ่มต้นวงแหวนสังหารแล้ว!

และที่สังหารไปนั้นคือลูกชายบุญธรรมของลูกศิษย์ของเขา!

หูเฉวียนราวกับฟ้าผ่า เขารู้สึกได้ได้ถึง ฉินเทียนกำลังเชือดไก่ให้ลิงดู และผู้ที่ส่งสารไปถึง ก็คือเขาที่เป็นผู้อาวุโสใหญ่!

ช่างเป็นการต่อต้านมาถึงเบื้องบน!

สารเลว!

“เจ้าเตรียมจะทำอย่างไร?” เมื่อตื่นตกใจอยู่ครึ่งค่อนวัน เขาถามไป๋เลี่ยนออกมา

ไป๋เลี่ยนเอ่ยเสียงเคร่งขรึมออกมา “เสี่ยวจิ้งถึงแม้ว่าจะเป็นลูกบุญธรรมของข้า แต่ว่า กตัญญูมาก ดีเสียยิ่งกว่าลูกแท้ๆ นี้คือข้อหนึ่ง”

“ข้อที่สอง ฉินเทียนรู้ทั้งรู้ว่าเสี่ยวจิ้งเป็นลูกบุญธรรมของข้า และข้าเป็นลูกศิษย์ของผู้อาวุโสใหญ่ เขาก็ยังคงลงดาบอย่างโหดร้าย”

“หน้าตาของข้าไม่สลักสำคัญ ทว่าศักดิ์ศรีของผู้อาวุโสใหญ่จะถูกดูหมิ่นไม่ได้!”

“มีสองเหตุผลนี้ ฉินเทียนถึงแม้ว่าจะเป็นแส้มังกร แต่ว่าเขาจำต้องตาย!”

หูเฉวียนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก พร้อมเอ่ย “เจ้าเตรียมจะลงมือกับฉินเทียนหรือ?”

“แต่ว่าเขาอย่างไรแล้วก็คือแส้มังกร อานุภาพของดาบเกล็ดมังกร ในมังกรซ่อนรูปไม่อาจท้าท้ายได้”

ไป๋เลี่ยนเอ่ยเสียงต่ำ “นี้ก็เป็นเหตุผลที่ข้าถึงได้โทรหาท่านอาจารย์” 

“ความหมายของข้าคือ ขอให้ท่านอาจารย์ร่วมมือกับสมาพันธ์ผู้อาวุโส ใช้เหตุผลที่ฉินเทียนสังหารคนบริสุทธิ์โดยไม่เลือกหน้า หรือจะเป็นเหตุผลอื่นก็ดี ยึดดาบเกล็ดมังกรกลับมา ถอดถอนสถานะแส้มังกรของฉินเทียน”

“หากปราศจากรัศมีของเกล็ดมังกรและแส้มังกรแล้ว เพียงแค่ฉินเทียน ข้าจะทำให้เขาตายโดยไม่มีที่ฝังศพ!”

หูเฉวียนคิดถึงเรื่องเมื่อเย็นวาน ตาเฒ่ามังกรกลับอยากจะต่อต้านตนเอง และสนับสนุนฉินเทียน

เขายิ้มออกมาอย่างขมขื่น “จูเซี่ยวเทียนครั้งนี้มุ่งมั่นที่จะต่อต้านพวกเรา เขาเป็นผู้นำ มีอำนาจพิเศษ”

“มีเขาคอยคุ้มครองของฉินเทียน ถึงแม้ว่าข้าจะร่วมมือกับสมาพันธ์ผู้อาวุโส ก็ยากที่จะจัดการฉินเทียนได้ในชั่วขณะหนึ่ง”

“หากต้องการจะเดินในเส้นทางนี้แล้ว จะต้องมีแผนการระยะยาว ค่อยๆ รอโอกาส เจ้ารอได้ไม่?”

ไป๋เลี่ยนกัดฟันเอ่ยออกมา “รอไม่ได้!” 

“ข้าตอนนี้เกลียดจนรอไม่ไหวที่จะฆ่าฉินเทียนเจ้าสารเลวนี่!”

หูเฉวียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนยิ้มเย็นเอ่ยออกมา “หากว่าไม่เกินที่คิดแล้ว ฉินเทียนจะไปฮั่นจงเร็วๆ นี้”

“สถานะแส้มังกรของเขา มีอำนาจอานุภาพอยู่เพียงแค่ภายในมังกรซ่อนรูปของพวกเราเท่านั้น สำหรับผู้อื่นแล้วไม่ได้มีผลกระทบใดเลย”

“สังหารแส้มังกร ถือเป็นโทษการอกตัญญูผิดศีลธรรม เจ้าข้าล้วนแต่รับผลไม่ไหว”

“ทว่า ฉินเทียนหยิ่งผยองเช่นนี้ จะต้องล่วงเกินคนไปมากมาย เมื่อถึงเวลานั้นหากเขาไปยังฮั่นจงแล้ว เจ้าจะต้องบอกคนที่อยู่ในยุทธภพเหล่านั้น ให้รับรองเขาเป็นอย่างดี”

เพียงประโยคเดียวก็ปลุกคนที่กำลังฝันอยู่ให้ตื่นขึ้นมา!

ไป๋เลี่ยนเอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้น “ความหมายของท่านอาจารย์คือ ยืมมีดฆ่าคน?”

หูเฉวียนเอ่ยออกมาอย่างได้ใจ “การต่อสู้แย่งชิงกันในยุทธภพ ผู้ใดก็พูดออกมาได้ไม่ชัดเจน เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าจะต้องจำเอาไว้ว่าจะต้องล้างแค้นให้แส้มังกร”

ไป๋เลี่ยน : “ข้าเข้าใจแล้ว!”

“เริ่มจากยืมมีดฆ่าคน จากนั้นก็ใช้ชื่อของแส้มังกรแก้แค้นให้กับเขา ฆ่าคนร้ายไปซะ เช่นนี้แล้วก็จะตายไปโดยที่ไร้หลักฐาน”

“แม้แต่เฒ่ามังกร ก็ไม่อาจกล่าวโทษมาถึงพวกเราได้”

“ขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่ชี้แนะ ข้าจะไปจัดการเดี่ยวนี้!”

เมื่อวางสายโทรศัพท์แล้ว ไป๋เลี่ยนก็รวบรวมคนสนิทมาสองสามคน ปิดประตู ก่อนที่จะเริ่มหารือกันอย่างลับๆ

แผนการจัดการกับฉินเทียนครั้งใหญ่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ เป็นเหมือนกับตาข่ายขนาดใหญ่ ที่รอให้ฉินเทียนกระโดดเข้าใส่เอง

ในขณะเดียวกัน ·ฉินเทียนก็นำซูซูกลับมายังอุทยานมังกรในหลงเจียง

สัมผัสกับแสงแดดอันเจิดจ้าและสูดดมกลิ่มหอมของดอกไม้ในสายลม และมองดูภรรยาผู้งดงามที่อยู่เบื้องหน้า

หากว่าเป็นไปได้ ฉินเทียนอยากที่จะหยุดเวลาเอาไว้ ณ ที่แห่งนี้ เขาและคนรักอยู่ร่วมที่นี้จนกว่าชีวิตจะหาไม่

แต่ว่า เขารู้ดี ภารกิจของเขายังไม่ลุล่วงไป

ยังมีเรื่องราวอีกมากที่รอให้เขาไปจัดการ

ตอนนี้เขารู้สึกว่า ระยะห่างของเขาและวิหารอสูร ยิ่งใกล้เข้ามาแล้ว

ถึงแม้ว่าเขาจะยังมองเห็นได้ไม่ชัดเจน

แต่ก็ยังสามารถรู้สึกได้ อีกฝ่ายเป็นเหมือนกับสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่แอบซ่อนอยู่ในความมืดแล้วคอยจับตามองเขาอย่างเงียบๆ

ทั้งๆ ที่รู้ว่าอันตราย แต่ว่า เขาเองก็ไม่มีทางเลือกจำจะต้องเดินเข้าใส่

เขารู้สึกว่า นี่เป็นชะตาของเขา ไม่ว่าเขาจะยินยอมหรือไม่ ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องถูกผลักให้เผชิญหน้ากับวิหารอสูร

เพียงแต่มาจนถึงตอนนี้ เขาเองก็ยังคิดไม่เข้าใจ ว่าสุดท้ายแล้วคือใครกันแน่ ที่คอยบ่งการเจ้าสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่นี้อยู่ด้านหลังฉาก

จุดประสงค์ของอีกฝ่ายคืออะไร

ความคิดนับพันนับหมื่นเกิดขึ้นเพียงเพื่อต้องการจะแก้ไขเรื่องด่วนเรื่องเดียว นั่นก็คือ การสังหารทั้งตระกูลของหูเฟยเพื่อนสนิทในอดีต

วันนั้นในญี่ปุ่น เขาบอกกับหันหลิงเอาไว้ว่า มากสุดก็หนึ่งเดือนที่เขาจะไปตรวจสอบยังฮั่นจงด้วยตัวเอง

มาตอนนี้ เกินระยะเวลาไปแล้ว

เขารู้ว่าในใจของเขากำลังเกิดการต่อต้าน

ต่อต้านที่จะเหยียบลงไปบนแผ่นดินนั้น

แต่ว่า สิ่งที่จะตามมา อย่างไรก็ต้องมา

หลังจากนั้นเจ็ดวัน เขานอกจากจะสำทับซูซูไปไม่กี่ประโยค ก็ไม่ได้บอกอะไรกับคนอื่นอีก

เพียงตัวคนเดียว ทั้งกายสวมใส่ชุดออกกำลังกายธรรมดา พร้อมกระเป๋าเป้สะพายหลังใบเก่า ก้าวขึ้นรถไฟมุ่งหน้าไปทางตะวันตก

รถไฟขบวนเก่า ดัง ปัง ปัง ปัง ปัง ทิศทัศน์ด้านนอกหน้าต่างรถเปลี่ยนไปมาไม่หยุด 

ฉินเทียนฟุ้งซ่านเล็กน้อย

เหมือนกับในวันนั้นที่ไม่อาจจะอยู่ในตระกูลได้ต่อไป แบกกระเป๋าออกเดินทางเพียงลำพัง ไปเรียนมหาวิทยาลังยังเมืองฮั่นจง