ตอนที่ 1037 ค่าโฆษณา

เนตรเซียนทะลุสมบัติ

หวังลั่วตันเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม ถือกล่องผ้าไว้ในอ้อมแขน เธอหันไปทักทายพิธีกร
  ” สวัสดี อี้หมิง ! ”
  สวีอี้หมิงเบิกตากว้าง ” สวัสดี ลั่วตัน ผมแปลกใจมากจริงๆ ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณที่นี่ ! ”
  หวังลั่วตันยิ้มและพูดว่า ” มีอะไรให้น่าแปลกใจ ทุกปีฉันใช้เวลาเกือบทั้งปีมาถ่ายทำอยู่ที่นี่ เราก็รู้จักกันมาหลายปีแล้ว แต่มีโอกาสน้อยมากที่จะได้พบหน้ากัน หวังว่าทีมงานรายการของคุณจะมาที่เมืองภาพยนตร์ของเราบ่อยๆในอนาคต ! ”
  สวีอี้หมิงยิ้มและพูดว่า ” คุณวางใจได้ ความปรารถนาของคุณ ผมจะบอกต่อให้หัวหน้ารายการทราบแน่นอน ! ”
  ทำหลังจากพูดเล่นกันพอหอมปากหอมคอ สวีอวี้หมิงก็เหลือบมองกล่องผ้าในอ้อมแขนของ
  หวังลั่วตัน ” กล่องใบนี้มีภาพวาดอยู่ด้านในใช่ไหม ? ”
  หวังลั่วตันพยักหน้า ” ฉันซื้อภาพนี้มาจากร้านประมูลแห่งหนึ่งในจินหลิงเมื่อนานมาแล้ว ฉันนำมาลองตรวจดูหวังว่ามันจะไม่มีปัญหา ”
  สวีอี้หมิงยิ้ม ” ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่ดูแล้ว คุณนำไปให้ผู้เชี่ยวชาญดูเลยดีกว่า ! ”
  หวังลั่วตันพยักหน้าและนำกล่องผ้าเดินเข้ามา
  กุ้ยหลงจิ่วหยิบกล่องผ้ามาแต่กลับไม่ได้เปิดออก เขาหันไปมองหวังลั่วตัน ” ผมมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีบางอย่าง คุณอยากฟังไหม ? ”
  หวังลั่วตันใจตกไปอยู่ตรงตาตุ่ม “ อาจารย์กุ้ย ฉันชอบคุณที่สุดแล้ว คุณอย่ามาทำให้ฉันตกใจกลัวเชียวนะ ภาพนี้ก็ราคาไม่เท่าไร แต่เป็นเงินสะสมที่ฉันเก็บมานานเลยนะ ! ”
  กุ้ยหลงจิ่วอดหัวเราะไม่ได้ “ ผมขอถามคุณสักคำถามหนึ่ง เมื่อตะกี้ คุณบอกว่าประมูลมาจากโรงประมูลจินหลิงชุน ผมอยากจะถามว่าชื่อโรงประมูลนั้นคืออะไร ? ”
  หยางโปที่นั่งข้างกันไม่มีทางอื่น เขารู้ถึงเจตนาของกุ้ยหลงจิ่วดี แต่ก็ไม่เลวที่ได้ทำการโฆษณาฟรี
  หวังลั่วตันชายตามองมา “ ชื่อว่าจินหลิงชุน ”
  กุ้ยหลงจิ่วดูสีหน้าเคร่งขรึม “ ลางสังหรณ์ที่ไม่ดีนี้ของผมยังคงเป็นจริง คุณหวัง ครั้งนี้คุณมาผิดที่แล้ว ”
  หวังลั่วตันค่อนข้างจะแปลกใจ “ เกิดอะไรขึ้น ? ”
  กุ้ยหลงจิ่วชี้ไปที่หยางโป ” อ้อ ท่านนี้เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของโรงประมูลจินหลิงชุน คุณว่าเขานั่งอยู่ที่นี่ ต่อให้มีของปลอมเราจะกล้าพูดได้ยังไง ? ”
  หยางโปรีบประสานมือคารวะและอ้อนวอนขอความเมตตา “ อาจารย์กุ้ย ผมขอประสานมือโค้งคารวะให้เลย คุณอย่าเอ่ยถึงอีกนะ กลับไปทางรายการคงไปขอค่าโฆษณากับผมแน่ๆ ! ”
  มีเสียงระเบิดหัวเราะดังลั่นขึ้นในงาน เดิมทีทุกคนเห็นว่าหยางโปดูเคร่งขรึมและจริงจัง แต่ไม่คิดเลยว่าจะพูดเล่นเป็น
  กุ้ยหลงจิ่วยิ้มและทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า พูดแบบนี้อาจไม่ดีนัก แต่เขาก็ยังกัดฟันพูดต่อ
  ” ในเมื่อเป็นของจินหลิงชุน เดิมทีผมก็ไม่คิดที่จะทำการประเมินพิสูจน์ยืนยันให้ เพราะผมเข้าใจ โรงประมูลมีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดมาก ไม่มีทางมีของปลอมแน่นอน ”
  ” หยุด หยุด ! ” สวีอี้หมิงรีบพูดขัดขึ้น ” อาจารย์หยาง รีบไปจ่ายค่าโฆษณาที่หลังเวทีเร็ว ไม่อย่างนั้น คงไม่กล้าถ่ายทอดให้คุณออกฉากนี้แน่ ! ” novel-lucky
  หยางโปยิ้มและกล่าวว่า “ ผมจะรีบไปจ่ายให้เดี๋ยวนี้ ! ”
  มีเสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งในงาน
  กุ้ยหลงจิ่วหยิบภาพวาดออกมาจากกล่องผ้า “ เดิมทีผมตั้งใจจะให้อาจารย์หยางอธิบายให้ฟัง
  แต่ในเมื่อเขาต้องการหลีกเลี่ยงข้อสงสัย งั้นผมก็จะมาเป็นคนพูดเอง ภาพวาดดอกไม้และนกของสวีเว่ย สมัยราชวงศ์หมิง ค่อนข้างอิสระ สไตล์การเคลื่อนไหวพู่กันอย่างอิสระพู่และดื้อรั้น วิธีการตวัดพู่กันที่ดูเป็นธรรมชาติและมีความอิสระ ”
  “ คำพูดของสวีเว่ย เป็นคำพูดที่เป็นจริง จะว่าจริงก็จริงจะว่าไม่จริงก็ไม่จริง แต่รูปแบบการวาดภาพที่อิสระเสรีแบบนี้ มันถึงจะทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนจริง ภาพวาดนี้ของคุณ มีศิลปะและลีลาการวาดลวดลายที่มีความสอดคล้องและเป็นระเบียบ หมึกจากแปรงพู่กันเข้มจางเข้ากันได้ดี ท่วงทีการวาดภาพแบบนี้ของปรมาจารย์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือผลงานแท้ของสวีเว่ย ! ”
  ถึงแม้หวังลั่วตันจะคาดเดาได้นานแล้ว แต่ก็อดที่จะพูดขึ้นไม่ได้ “ ขอบคุณอาจารย์กุ้ย ขอบคุณ ! ”
  มีเสียงปรบมือดังขึ้นในงาน เสียงของสวีอี้หมิงก็ดังตามมาเช่นกัน ” อาจารย์หยาง คุณไม่คิดที่จะพูดอะไรสักคำเลยเหรอ ? ”
  หยางโปไม่มีทางเลือกอื่น เขาจึงหยิบไมโครโฟนขึ้นมา ” ถ้าผมพูดขึ้นมา งั้นคงต้องทำการโฆษณาสักหน่อยแล้ว ผมกลัวว่าจะไม่มีเงินจ่ายค่าโฆษณาทีหลังนะสิ ถ้างั้นอย่าพูดเลยดีกว่า ! ”
  “ ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะช่วยพูดแก้ต่างลดราคาให้คุณสักหน่อย ” สวีอี้หมิงกล่าว
  การมาถึงของดาราคนแรก ทำให้บรรยากาศในงานเกิดคึกคักขึ้นมาทันที ถัดมาดูเหมือนว่าระหว่างคนที่ขึ้นมาจะห่างกันอยู่แค่สองสามคน ก็จะมีดาราภาพยนตร์ขึ้นมาปรากฏตัว เรื่องแบบนี้มันทำให้งานดูตื่นเต้นเร้าใจคนแล้วคนแล้ว !
  หยางโปนั่งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับดาราภาพยนตร์เหล่านี้อยู่ในงาน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
  จนถึงช่วงบ่ายห้าโมงเย็น ก็มีดาราทยอยกันมาห้าถึงหกคน ชายวัยกลางคนหน้าตาสุดแสนจะธรรมดาคนหนึ่งเดินกอดเครื่องลายครามเข้ามา
  สวีอี้หมิงเข้าไปทักทายเขา ” สวัสดีครับผู้กำกับเฉิน ! คิดไม่ถึงจริงๆ ว่ามาถึงเมืองภาพยนตร์แล้วจะพบเจอของที่มากที่สุดไม่ใช่โบราณวัตถุ แต่กลับเป็นผู้กำกับและนักแสดง ! ”
  มีเสียงหัวเราะลั่นขึ้นมาในงาน แต่เขาก็พูดถูก มีผู้กำกับและนักแสดงมากมายอยู่ที่นี่
  หยางโปยิ้ม ในที่สุดคนที่รอก็มาเสียที ปกตินักแสดงมักจะไม่สนใจอุปกรณ์การแสดง มีเพียงผู้กำกับเท่านั้นที่สนใจของพวกนี้ แน่นอนว่าส่วนมากแล้วจะเป็นผู้ช่วยผู้กำกับที่รับผิดชอบส่วนนี้ซะมากกว่า แต่จะดีกว่าไหมถ้าได้เจอตัวผู้กำกับใหญ่ ?
  หยางโปจึงไม่สนใจว่าสวีอี้หมิงพูดอะไรกับอีกฝ่าย เงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าผู้กำกับเฉินเดินมาถึงหน้าโต๊ะแล้ว กุ้ยหลงจิ่วชี้ไปที่หยางโป ” เอาให้เขา ! ”
  หยางโปมองผู้กำกับเฉินที่วางจานกระเบื้องลายครามลายดอกไม้ลง และหันไปพยักหน้าให้อีกฝ่าย จากนั้นเขาก็ส่งยิ้มกลับคืนมาให้
  แค่ก้มหน้าสำรวจดูอย่างละเอียดแป๊บเดียว หยางโปก็ตกตะลึงไปพักหนึ่ง ผู้กำกับใหญ่นี้คุณคงซื้อกลับมาจากแผงขายของริมถนนใช่ไหม ?
  หยางโปช่วยอะไรไม่ได้ เขาจึงต้องหันหน้าไปขอความช่วยเหลือจากกุ้ยหรงจิ่ว
  กุ้ยหลงจิ่วเข้าใจทันที เขายิ้มและพูดขึ้นว่า ” เมื่อสักครู่ผู้กำกับเฉินบอกว่าซื้อเครื่องลายครามชิ้นนี้กลับมาจากต่างประเทศ ประเทศอะไรนะ ? ”
  “ ซื้อกลับมาจากร้านเล็กๆในญี่ปุ่น ” ผู้กำกับเฉินตอบ
  กุ้ยหลงจิ่วถามไปอีกคำ จากนั้นถึงได้ชายตามองหยางโป และไม่พูดอะไรมากอีก
  หยางโปพยักหน้าขอบคุณกุ้ยหลงจิ่วเป็นอันมาก จากนั้นก็หันกลับมาพูดว่า “ ผมก็เคยไปประเทศญี่ปุ่น และได้ไปเดินเยี่ยมชมร้านขายของเก่าของพวกเขามาด้วยเช่นกัน แน่นอน ยุโรปตะวันตกและอเมริกาเหนือผมก็เคยไปมา และผมก็ได้ค้นพบปรากฏการณ์หนึ่ง ไม่ว่าจะอยู่ในประเทศไหน ของที่ขายในร้านขายของเก่า ล้วนแล้วแต่ไม่ใช่ของเก่าแท้ทั้งหมด ”
  ผู้กำกับเฉินมองมาด้วยสีหน้าที่แปลกใจ “ ความหมายของอาจารย์หยางคือ ของโบราณวัตถุชิ้นนี้มีปัญหา ? ”
  หยางโปพยักหน้า “ ด้านล่างฐานของจานกระเบื้องลายครามลายดอกไม้ชิ้นนี้ ระบุด้านล่างของฐานไว้ว่า ‘ สร้างขึ้นในสมัยเฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิง ’ ลายมือของตรงฐานนี้มีปัญหา เพราะตรงฐานของราชวงศ์ชิงทั้งหมดใช้ตัวอักษรข่ายซูที่เป็นแบบเดียวกันหมด ฐานของวัตถุโบราณชิ้นนี้ กลับมีกลิ่นอายของศิลป์การเขียนพู่กันจีนในแบบฉบับตัวอักษรญี่ปุ่นที่เข้มข้น ไม่ทราบว่าผู้กำกับเฉินสังเกตเห็นไหม ? ”
  ผู้กำกับเฉินจ้องไปที่ฐานของโบราณวัตถุและส่ายหัว “ ผมศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับการเขียนอักษรจากพู่กันจีนไม่มากนักและยังไม่เข้าใจของพวกนี้อีกด้วย ก่อนหน้านี้ผมยังคิดเลยว่าร้านขายของเก่าในต่างประเทศคงจะเป็นของแท้ทั้งหมด แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาก็หลอกคนเป็นเหมือนกัน ! ”
  หยางโปยิ้ม “ ธุรกิจไง คนในโลกใบนี้ล้วนแล้วแต่ทำเพื่อผลกำไรให้ตัวเอง มันก็เหมือนกัน
  ใครจะรับประกันได้ว่าสินค้าจากต่างประเทศจะต้องเป็นสินค้าจากคนดี ”
  หยางโปเพิ่งจะพูดจบ จู่ๆก็มีเสียงปรบมือจากในงานดังขึ้นมาอย่างคึกคัก