เจ้าของโรงแรมรีบเดินเข้ามาดู เมื่อเขาเห็นสถานที่ระเกะระกะไปหมด สีหน้าก็ดูกลุ้มใจไม่น้อย เขาเหลือบมองหน้าหยางโป แล้วก้มลงมองที่พื้นอีกครั้ง และรู้สึกลำบากใจขึ้นมาทันที
ลัวย่าวหัวชี้ไปที่พวกเขาทั้งสี่คนแล้วพูดว่า “ พูดจาไร้มารยาทมาก อายุปูนนี้มาได้ยังไง ?
ถูกอบรมสั่งสอนมาแบบนี้ ออกนอกบ้านมามีแต่จะโดนคนกระทืบตาย ! ”
เถ้าแก่ทำหน้าอึดอัดใจ รีบเข้าไปห้ามลัวย่าวหัวไว้ เพื่อไม่ให้เขาก่อเรื่อง เขาจึงพูดเกลี้ยกล่อมขึ้นว่า ” ทุกคนใจเย็นๆ ! อย่าโมโหเลย ! ”
ลัวย่าวหัวยังคงชี้ไปที่พวกเขาทั้งสี่ “ พวกเราอยากปรองดองกัน แต่ผู้ชายคนนี้สิชอบสร้างปัญหา ! ”
เถ้าแก่ไม่มีทางเลือกอื่น ” คุณผู้ชายครับ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ”
ชายวัยกลางคนถูกเตะอย่างแรงจนลุกไม่ขึ้นอยู่นาน เขากัดฟันพูดอย่างแค้นเคือง
“ แจ้งความ ต้องแจ้งความแน่ ฉันจะต้องให้พวกแกถูกจับส่งตัวไปที่สถานีตำรวจให้ได้ ! ”
“ ช่างหยิ่งยโสจริงนะ ผมละชอบคนที่หยิ่งผยองนักเชียว ! ” ลัวย่าวหัวพูดต่อ
หยางโปยื่นมือออกห้ามปรามลัวย่าวหัว “ นายไปดูที่ร้านก่อน ฉันต้องไปแล้วเช่นกัน ”
“ ไปแบบนี้เลยเหรอ ? ไม่ต่อยกันสักยกหรือไง ? ” ลัวย่าวหัวพูดด้วยความรู้สึกที่ไม่พอใจเอามากๆ
หยางโปโบกมือ เขาเหลือบมองอีกฝ่าย คำพูดของอีกฝ่ายนั้นมันน่ารังเกียจมากจริงๆ คำพูดแย่ๆ ทำร้ายจิตใจคนมากที่สุด แต่ก่อนหน้านี้เขาคนเดียวก็กินเยอะไป วันนี้เช้าบวกกับลัวย่าวหัวก็กินเยอะเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่มีซาลาเปาเหลือในบุฟเฟ่ต์เช้าอีก อีกฝ่ายหนึ่งจะบ่นว่าให้สักคำมันก็เป็นเรื่องปกติ แต่การพูดออกมาเพื่อทำร้ายจิตใจคนมันก็ไม่ถูก ให้บทเรียนไปก็พอ หยางโปไม่ได้คิดที่จะฆ่าจะแกงเขา
เถ้าแก่ทำหน้าไม่ถูก เดินไปส่งหยางโปทั้งสองคน ดูเหมือนเขามีอะไรจะพูดด้วย แต่กลับเหมือนจะไม่กล้า
หยางโปมองดูท่าทีที่อึดอัดใจ “ เถ้าแก่ คุณมีอะไรก็พูดมาตามตรง ไม่ต้องเก็บไว้ในใจ ”
เถ้าแก่ยิ้มเหยเก “ คุณหยาง คุณก็พักอยู่ที่นี่มาหลายวันแล้ว คุณพักอยู่ที่นานไป มันก็ไม่ใช่ทางออกที่ดี โรงแรมของเราเคยช่วยบริการเช่าบ้านให้ลูกค้า เอาอย่างนี้ดีไหม เดี๋ยวผมช่วยเช่าบ้านให้คุณดีไหม ? ”
หยางโปมองหน้าเถ้าแก่ เถ้าแก่เจ้าของโรงแรมอายุราวๆห้าสิบเศษ แก้มตอบ ดูเขาจะค่อนข้างเป็นคนซื่อๆ หยางโปก็พอจะเข้าใจว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร มีอาหารเช้ากินฟรี ความอยากอาหารของเขาก็มากจนเกินไป จนทำให้เถ้าแก่รู้สึกว่ายากที่จะรับมือกับเขา เลยอยากให้เขาไปจากที่นี่
“ เถ้าแก่ คุณเป็นคนไม่มีเหตุผลเลยนะ นี่กำลังพยายามขับไล่พวกเราออกไปงั้นเหรอ ? ” ลัวย่าวหัวพูดอย่างไม่พอใจ
เถ้าแก่รีบโบกมือปัดอย่างรวดเร็ว “ ไม่ใช่ คุณอย่าได้คิดแบบนี้เชียวนะ ผมก็เป็นคนนอกพื้นที่เหมือนกัน พวกเรามาทำมาหากินกันที่นี่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ผมแค่แนะนำอย่างจริงใจ ถ้าจะอยู่ที่เมืองภาพยนตร์กันนานๆ เช่าบ้านแบบนี้มันจะสะดวกกว่าไหม ? ”
หยางโปหันไปมองหน้าเถ้าแก่ “ ไม่ต้องกังวล ไม่ทำเรื่องนี้ให้คุณลำบากใจ คืนนี้ผมจะกลับมาให้คำตอบกับคุณ ! ” ไอลีนโนเวล
เถ้าแก่ยกมือทั้งสองขึ้นประสานกันและโค้งคำนับให้หยางไม่หยุด ” เข้าใจกันก็ดีแล้ว ! ”
ลัวย่าวหัวยังอยากจะเอ่ยปากพูดอีก แต่กลับถูกหยางโปหยุดไว้ เขาส่ายหน้าให้เล็กน้อยส่งซิกให้รู้ว่าเขาไม่ต้องพูดอะไรอีก
ทั้งสองเดินออกจากร้านอาหาร แต่กลับได้ยินเสียงตะโกนตามหลังมา ” แกสองคนถ้ากล้าจริงก็อย่าเดินหนีสิ กล้าจริงรึเปล่า ! ”
ลัวย่าวหัวกัดปากเบาๆ “ ฉันจะกลับไปกระทืบมันอีกรอบ ”
หยางโปก้มหน้ามองดูเวลา “ ฉันไม่ทันแล้ว นายก็ไม่ต้องกลับไปแล้ว ปล่อยให้พวกเขาแจ้งความไป ! ”
ตอนที่หยางโปมาถึงที่สถานที่จัดงาน ผู้คนก็โอบล้อมสถานที่อัดรายการจนแน่นขนัดไปแล้ว มันไม่ง่ายเลยที่เขาจะเบียดตัวเข้าไปได้ เมื่อกุ้ยหลงจิ่วเห็นเขาก็รีบกวักมือเรียกและเอ่ยปากทันที
“ ทางนี้ ทางนี้ ! รอคุณคนเดียวเลย แต่ความคิดที่คุณเสนอมานั้นไม่เลวเลยจริงๆ คิดไม่ถึงว่าเมืองภาพยนตร์จะมีของเก่ามากมายอยู่แบบนี้ ครั้งนี้รายการมีเนื้อหาที่จะถ่ายทำแล้ว ! ”
หยางโปยิ้ม “ รายการของพวกคุณก่อนหน้านี้ คิดแต่จะไปถ่ายทำแถวๆเมืองโบราณที่มีประวัติศาสตร์พวกนั้น อันที่จริงยังสู้พื้นที่ที่เศรษฐกิจพัฒนาแล้วพวกนี้ไม่ได้เลย นี่เป็นปัญหาของพื้นฐานทางเศรษฐกิจ มีเพียงช่วงเวลาที่ดีที่สุดเท่านั้นที่จะเก็บสะสมของเอาไว้ นั่นเป็นเพราะว่าเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งที่แน่นนอน ถึงได้มีการเก็บสะสมของกันไว้ไง ! ”
สวีอี้หมิงยืนอยู่ด้านข้าง ” ได้สิ คุณหยาง คุณเป็นสมาชิกที่อายุน้อยที่สุดของคณะกรรมการประเมินมรดกทางวัฒนธรรม นี่เป็นตำแหน่งที่หลายคนในสายอาชีพนี้ใฝ่ฝันถึง คุณบอกเล่าประสบการณ์ให้เราหน่อยได้ไหม ว่าทำยังไงถึงจะไต่เต้าขึ้นมาถึงระดับของคุณได้ ? ”
“ คุณไม่มีทางขึ้นมาถึงได้เหรอ ? แต่ถ้าคุณสามารถหาสมบัติล้ำค่าอย่างตราหยกแผ่นดินกลับมาเหมือนผมได้ คุณก็มีโอกาส และยังมีโอกาสมากเป็นพิเศษอีกด้วย ! ” หยางโปกล่าว
สวีอี้หมิงรีบส่ายหน้าอย่างเร็ว ” ผมไม่ได้มีความสามารถพอที่จะตามหาตราหยกแผ่นดิน
ได้หรอก ! ”
ในขณะที่พูดต่อคุณกันอย่างเฮฮาอยู่นั้น หยางโปก็แต่งหน้าเสร็จ เขายืนขึ้นและเดินตามกุ้ยหลงจิ่วไป
ในช่วงเริ่มต้นของการอัดรายการ กุ้ยหลงจิ่วก็ขึ้นมาบนเวทีก่อน จากนั้นจึงทำการแนะนำผู้เชี่ยวชาญสามคนขึ้นมาบนเวที ถึงแม้หยางโปจะสวมแว่นตาสีดำ แต่ทุกคนในที่เกิดเหตุก็ตกตะลึงกันมาก
ถูฉีที่กำลังนั่งอยู่ในงานเวลานี้ ตาเบิกกว้างจับจ้องไปที่ตำแหน่งที่นั่งผู้เชี่ยวชาญในงาน เขาตกใจมากเมื่อเห็นใบหน้าที่ทั้งอ่อนเยาว์และคุ้นเคยนั้น เป็นไปได้ไงเนี้ย ?
ถูฉีนั่งอยู่ในแถวสุดท้าย เขาถือบัตรไว้ในมือและมองดูหยางโปกับพิธีกรโต้ตอบกันไปมาอย่างคล่องแคล่ว กระทั่งเครื่องลายครามชิ้นแรกที่นำขึ้นมา ก็เป็นหยางโปทั้งหมดที่ทำการปะเมินและพิสูจน์ยืนยัน และมีผู้เชี่ยวชาญอีกสองท่านคอยยืนยันให้เหตุการณ์ในงาน ทำเอาเขารู้สึกเหลือเชื่อ !
เขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญไปได้ยังไง ? ทำไมเขาถึงมาปรากฏตัวที่ร้านของตัวเอง ? ได้ยินมาว่าคำพูดของบรรดานักประเมินและพิสูจน์ยืนยันพวกนั้น ล้วนแล้วแต่ชอบปิดปังชื่อเสียงและตัวตน ชอบไป
ช้อปปิ้งตามร้านต่างๆ และมักจะชอบจับผิด เป็นไปได้ไหมว่าที่ร้านค้าของตัวเองก็มีรอยรั่วใหญ่ให้จ้องจับผิดแบบนี้เหมือนกัน ?
ตัวของถูฉีเองยังไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจเลย แต่เขารู้ดีว่าของเก่าในร้านของตัวเองล้วนแล้วแต่เป็นของปลอม จะถูกจ้องจับผิดได้ไง ? ถูฉีไม่สามารถยับยั้งความคิดที่เติบโตขึ้นมาอย่างป่าเถื่อนเหมือนวัชพืชของตัวเองลงได้ !
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หยางโปมาเข้าร่วมงานแบบนี้ ดังนั้นจึงชำนาญกับลู่ทางดีอยู่แล้ว เขาถึงกับสรุปหัวใจหลักของการดำเนินรายการได้ โบราณวัตถุทุกชิ้นล้วนแล้วแต่ต่างกัน แต่การสรุปหัวใจหลักของการดำเนินรายการทั้งหมดเหมือนกัน
ไม่นาน การประเมินและพิสูจน์ยืนยันโบราณวัตถุในช่วงเช้าก็จบลง เมื่อไม่ได้พบกับดารา ทำให้
หยางโปรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเพราะในแผนของเขา มีเพียงดารามาถึงงานเท่านั้นที่จะสามารถทำให้ผลกำไรที่ได้จากการลงทุนลงแรงของเขาจะประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงที่สุด !
ตอนเที่ยง ลัวย่าวหัววิ่งมากินข้าว หยางโปจึงได้เอ่ยปากถามคำถามนี้ที่โต๊ะอาหาร สวีอี้หมิงยิ้มและพูดว่า “ ไม่ต้องรีบร้อน ต่อให้ไม่มี ก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ดาราออกจะเยอะแยะแบบนี้
มีใครไม่กล้ารับคำเชิญของเราบ้าง ? ”
หยางโปตกตะลึงกับคำพูดบ้าอำนาจนี้ แต่เขาก็รู้ทันเช่นกัน ความจริงของเหตุผลนี้มันก็จริง
ถ้าส่งจดหมายเชิญไปจริงๆ จะไม่มีใครมากันหรือไง ?
ลัวย่าวหัวไม่ยอมกลับไปที่ร้าน ดังนั้นหยางโปจึงปล่อยให้เขาอยู่ในงาน
ช่วงบ่ายเพิ่งจะประเมินและพิสูจน์ยืนยันของไปได้แค่สองชิ้น ผู้หญิงในชุดกระโปรงสีดำก็เดินเข้ามา จากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นในงาน และแม้แต่เสียงปรบมือก็ยังดังขึ้นกว่ามาก !
ปกติหยางโปไม่สนใจข่าวบันเทิงหรือรู้จักกับอีกฝ่ายเช่นกัน เขาทำได้แค่ฟังอีกฝ่ายแนะนำตนเอง ผู้หญิงชื่อหวังลั่วตัน ดูสวยสดงดงาม ดูสดใสมาก