ถังซีไม่มีเวลาฟังสิ่งที่เฉินจื่อเยียนพูด เธอวิ่งไปเข้าห้องเรียนห้องใหม่โดยมีกระเป๋านักเรียนสะพายอยู่บนหลัง และตะโกนกลับไปบอกเฉินจื่อเยียน “เอาไว้คุยกันวันหลังนะ”
หนิงเคอมองเฉินจื่อเยียนอยู่เช่นกัน จากนั้นก็วิ่งตามถังซีไปเข้าห้องเรียน เขามา ยืนรอเซียวโหรวจนลืมเวลา ทั้งสองคนกำลังจะสาย! เมื่อนึกเช่นนี้หนิงเคอก็เร่งฝีเท้าตามถังซีไปจนทัน เขายิ้มให้ถังซี “แบบนี้ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าเรามาโรงเรียนด้วยกันเลย”
ถังซีมองเขาอย่างงุนงง และวิ่งเร็วยิ่งขึ้น ตรงไปยังชั้นเรียนทดลองของมัธยมปลายปีที่สาม พร้อมกับถามว่า “หนิงเคอ ทำไมเธอถึงมารอฉัน”
หนิงเคออึ้ง “…” อ้าว ก็เพราะผมชอบเธอน่ะสิ! ทำไมผู้หญิงฉลาดๆ อย่างนี้ถึงมองไม่ออกว่าเขาชอบเธอ
เมื่่อไม่ได้รับคำตอบจากหนิงเคอ ถังซีก็เลิกคิ้ว รีบบอกว่า “เธอควรตั้งใจเรียน อย่ามารอฉันแบบนี้อีก ถ้าพี่ชายเธอรู้ว่าฉันทำให้การเรียนของเธอชะงัก เขาต้องฆ่าฉันแน่”
เฮ้อ…เธอไม่รู้จะพูดอย่างไรดี! ทำไมเด็กอายุสิบสี่ถึงทำตัวแก่แดดอย่างนี้ อยากมีความรักตั้งแต่อายุยังน้อยหรือไง ที่สำคัญเขาตกหลุมรักคุณป้าที่อายุมากกว่าเขาสิบปี! แม้แต่เธอเองก็ยังรู้สึกเสียใจแทนเขา!
เมื่อรู้สึกตัวว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ถังซีก็รีบกระแอม เธอก็ยังเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ เหมือนกัน… เป็นเด็กนักเรียนมัธยมปลาย… เธออายุน้อยกว่าเฉียวเหลียงและพี่ๆ ของเธอ… หลังจากล้างสมองตัวเองสำเร็จ ถังซีก็เร่งฝีเท้า
ถึงตอนนี้จู่ๆ หนิงเค่อก็หยุดชะงัก เขามองตามหลังถังซีและตะโกนว่า “เซียวโหรว ผมอยากบอกเธอว่า ไม่ใช่เรื่องของพี่ชายผม เขาตัดสินใจแทนผมไม่ได้ ว่าผมควรทำอะไร หรือไม่ควรทำอะไร และสำหรับเธอ… เขาไม่กล้าฆ่าเธอหรอก เพราะผมจะไม่ยอมให้เขาทำร้ายเธอ!”
ถังซีก็หยุดและหันกลับไปมองเด็กดื้อคนนี้ ทำไมเขาถึงดื้อขนาดนี้ เธอพูดยืดยาวแบบนั้นก็เพราะเธอไม่ได้ชอบเขา! เธอทำตัวชัดเจนมาตลอดไม่ใช่หรือ เธอต้องทำให้เขาเลิกชอบเธอโดยเร็วที่สุด ถ้าเธอไม่ทำ ผลการเรียนของเด็กคนนี้จะแย่ลง!
ถังซียืนเท้าเอวจ้องมองหนิงเคอด้วยสีหน้าเรียบเฉย ท่าทางเหมือนพี่สาวคนโต และช่วงที่ผ่านมาเธอตัวโตขึ้น ตอนนี้เธอสูงกว่าหนิงเคอเล็กน้อย เธอจึงมีรัศมีความเป็นพี่ข่มเขาได้ หนิงเคอขมวดคิ้วมองเธอและกำลังจะพูดอะไรออกมา เมื่อถังซีกล่าวเสียงเรียบว่า “เธอยังเด็ก เธอคาดหวังอะไรเหรอ รู้ไหมฉันอายุเท่าไหร่ ฉันอายุเกือบยี่สิบสามปีแล้ว! และฉันก็มีแฟนแล้วด้วย เข้าใจไหม”
หนิงเคอตกตะลึง จ้องมองถังซีราวกับมองใครบางคนผ่านร่างเธอไป เมื่อไม่ได้รับคำตอบใดๆ จากเขา ถังซีก็ขมวดคิ้ว กล่าวอย่างจริงจัง “เธอไม่เข้าใจที่ฉันพูดเหรอ เฮ้ มองอะไรอยู่ได้!” เธอหันกลับไปมองด้านหลัง… แล้วนิ่งขึง ตกใจจนพูดไม่เป็นภาษา เธอพยายามสงบสติอารมณ์ มองหน้าคุณครูคนใหม่ กะพริบตาปริบๆ และพยายามอธิบาย “คุณครูผูคะ หนูแค่สอนเด็กผู้ชายคนนี้… ไม่ให้เขามีความรักในวัยเรียนน่ะค่ะ… เอ้ย ไม่ใช่ค่ะ หนูแค่… เอ้อ คือ จริงๆ แล้วหนูยังไม่มีแฟนค่ะ และหนูคิดว่าเอาไว้ค่อยหาแฟนตอนเข้ามหาวิทยาลัยแล้วก็ได้ค่ะ”
ผูกั๋วชิ่งจ้องมองเธอ ส่งเสียงจากลำคอเบาๆ ก่อนจะกล่าวอย่างมึนตึง “ครูไม่คิดว่าเธอจะมีโอกาสได้ทำอย่างนั้นหรอก! ดูสิ มาเรียนวันแรกก็มาสายแล้ว! สงสัยเหลือเกินว่าเธอจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยไหนได้ แล้วตอนนี้เธอก็พูดถึงแต่เรื่องแฟน! แฟนเธอช่วยหางานให้เธอทำได้ไหม แฟนเธอเลี้ยงดูเธอได้ไหม ซื้อเสื้อผ้าให้เธอได้ไหม”
ถังซีอึ้ง “…” ได้สิคะ! แต่ถังซีไม่กล้าพูดความจริง! แฟนเธอช่วยเธอเริ่มต้นธุรกิจและสร้างบริษัทของเธอเอง แต่ถึงแม้เธอจะไม่ได้ทำงานอะไรเลย แฟนเธอก็สามารถเลี้ยงดูเธอและซื้อเสื้อผ้าให้เธอได้… ตอนนี้ที่เธอมาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ และพยายามจะเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ เพียงเพื่อให้เซียวโหรวมีคุณสมบัติเป็นที่นับถือ… จริงๆ แล้วเธอไม่จำเป็นต้องมีประกาศนียบัตรใดๆ เลย!
เมื่อเห็นถังซีนิ่งเงียบ ผูกั๋วชิ่งก็กล่าวต่อไปอย่างเย็นชา “เธอคิดว่าเธอเก่งมาก เพราะสอบข้ามชั้นมาได้งั้นเหรอ ขอบอกเลยนะว่ามีนักเรียนเกรดเอหลายคนสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้! ต้องสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่ากว่าจะได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัย เธอคิดว่าชีวิตเธอได้อะไรมาง่ายดายขนาดนั้นเลยเหรอ เธอคิดว่าจะทำอะไรก็ได้เพราะครอบครัวเธอร่ำรวยเหรอ ครูขอบอกนะ ถึงเธอจะมีทรัพย์สมบัติ มีมรดก เธอก็ต้องมีความสามารถที่จะรักษาไว้ ไม่อย่างนั้นเธอจะต้องสูญเสียทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูลไปในเวลาไม่ถึงสองวัน!” เมื่อเห็นหนิงเคอยืนกระสับกระส่ายอยู่ตรงนั้น ผูกั๋วชิ่งก็จ้องไปที่เขา “ยืนให้ตรงๆ!”
ถังซียืนตัวตรง ทำไมเธอถึงต้องถูกครูตำหนิในวันแรกของการเปิดภาคเรียนด้วย! เซียวจิ่งไม่บอกเธอเลยว่าผูกั๋วชิ่งขี้บ่นขนาดนี้!
เมื่อคิดเช่นนี้ ถังซีก็เม้มริมฝีปาก มองสบตาผูกั๋วชิ่งขณะกล่าวว่า “คุณครูผูคะ เรารู้ค่ะว่าเราผิด ต่อไปหนูจะไม่ช่วยชายชราที่ล้มลงกับพื้น หนูจะฝ่าไฟแดงรีบมาให้ทันโรงเรียน ถ้ามีใครมาสารภาพรักกับหนู หนูจะบอกเขาว่าเอาไว้คุยเรื่องนี้กันหลังเลิกเรียน และจะไม่ปฏิเสธเขาทันที”
ยิ่งเธอพูดมากเท่าไร ใบหน้าผูกั๋วชิ่งก็ยิ่งเข้มขึ้นเท่านั้น เขาขมวดคิ้วกล่าวว่า “ไม่ต้องมาแก้ตัว รีบไปเข้าห้องเรียน ทำแบบฝึกหัด เธอต้องแก้โจทย์คณิตศาสตร์ทั้งหมดบนกระดานดำในวันเปิดเรียนวันแรก! ถ้าเธอแก้โจทย์ทั้งหมดไม่ได้ พนันได้เลยว่าเธอต้องเจอศึกหนักแน่!”
ถังซีทำปากยื่น รีบวิ่งไปเข้าห้องเรียน ขณะคิดว่าวันนี้เธอโชคร้ายจริงๆ ที่มาเจอหนิงเคอ!
ถังซีคิดว่าผูกั๋วชิ่งปล่อยเธอแล้ว แต่ท่ามกลางความประหลาดใจ ผูกั๋วชิ่งพาเธอทั้งสองคนไปเข้าชั้นเรียนด้วยตัวเอง ถังซีกะพริบตาปริบๆ มองผูกั๋วชิ่ง คุณครูผูจะทำอะไรเนี่ย ผูกั๋วชิ่งปรบมือเพื่อดึงความสนใจจากนักเรียนที่กำลังทำแบบฝึกหัด และบอกกับทุกคนว่า “ทุกคนฟังทางนี้ ตอนนี้ครูจะแนะนำนักเรียนใหม่สองคนให้พวกเธอรู้จัก”
นักเรียนในชั้นเงยหน้าขึ้นมองเธอกับหนิงเคอ ดวงตาทุกคู่เป็นประกายขึ้นทันที เด็กผู้ชายให้ความสนใจถังซี และดวงตาเด็กผู้หญิงแวววาวเมื่อเห็นหนิงเคอ ผูกั๋วชิ่งกระแอมแล้วกล่าวอย่างบึ้งตึง “พวกเธอมองอะไรกัน”
จากนั้นเขาก็หันไปมองถังซี “มาแนะนำตัวซิ”
“ไม่จำเป็นหรอกครับ พวกเรารู้จักเธอดี เซียวโหรวที่เพิ่งเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลายปีที่หนึ่งในเดือนกันยายน แต่ตอนนี้ขึ้นมาเรียนกับพวกเราแล้ว เธอช่างฉลาดจริงๆ !” จู่ๆ นักเรียนชายคนหนึ่งก็เอ่ยขึ้น
ผูกั๋วชิ่งจ้องมองเด็กนักเรียนคนนั้นและกล่าวอย่างเย็นชา “นี่เธอไม่รู้สึกละอายใจ หรือรู้สึกถึงวิกฤติที่จะเกิดกับตัวเองบ้างเลยหรือไง! ระวังพวกเธอจะถูกสองคนนี้แซงหน้าเอา!”
ถังซียักไหล่ ยืนหลบไปข้างหนึ่ง หนิงเคอเม้มริมฝีปากแล้วกล่าวว่า “ผมหนิงเคอ อายุสิบสี่”
“โอย เรารู้สึกได้ถึงวิกฤติจริงๆ ด้วย!”