ตอนที่ 348 เพื่อนร่วมโต๊ะผู้ใจแคบ

ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง

หนิงเคอกล่าวจบก็มองไปที่ผูกั๋วชิ่งอย่างเฉยเมย แล้วถามอย่างไร้อารมณ์ “แค่นี้ครับ เราไปนั่งที่ได้หรือยังครับ” 

 

 

ผูกั๋วชิ่งกำลังจะพูด จู่ๆ หนิงเคอก็กล่าวขึ้นอีก “คุณครูผู คุณครูกำลังทำให้พวกเราเสียเวลานะครับ ผมคิดว่าในชั่วโมงเรียนรู้ด้วยตนเองในตอนเช้า ผมจะทำแบบฝึกหัดได้มากขึ้น ถ้าไม่มัวมาฟังคำพูดที่ไร้ประโยชน์ของคุณครู” จากนั้นเขาก็หันไปมองผูกั๋วชิ่ง และเม้มริมฝีปาก ขณะถามว่า “ที่นั่งของผมอยู่ตรงไหนครับ” 

 

 

ผูกั๋วชิ่งรู้สึกมึนงง จากนั้นก็ชี้ไปที่โต๊ะตัวหน้าสุดทางด้านซ้าย หนิงเคอไม่พอใจกับที่นั่งนี้ แต่ไม่พูดอะไร เดินตรงไปยังที่นั่งนั้นแล้วนั่งลง เพื่อนร่วมโต๊ะของเขาเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ซึ่งหน้าแดง และเอ่ยกับเขาเบาๆ ว่า “สวัสดี ฉันชื่อชิวเวย” 

 

 

หนิงเคอส่งเสียงฮึดฮัด หยิบสมุดแบบฝึกหัดออกมา และเริ่มทำแบบฝึกหัด 

 

 

ถังซีมองผูกั๋วชิ่งด้วยรอยยิ้ม ผูกั๋วชิ่งชี้ไปยังที่นั่งว่างแถวที่สามตรงกลาง “นั่นที่นั่งของเธอ” 

 

 

ถังซีพอใจกับที่นั่งนี้มาก เพราะเพื่อนร่วมโต๊ะเป็นเด็กผู้หญิง อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องกังวลว่าเพื่อนร่วมโต๊ะจะมาจีบเธอเหมือนหนิงเคอ ถังซีเดินเข้าไปทักทายเพื่อนร่วมโต๊ะ และนั่งลงบนเก้าอี้ อย่างไรก็ตามเพื่อนร่วมโต๊ะของเธอดูเย็นชาและไม่สนใจเธอ เธอยักไหล่ หยิบสมุดแบบฝึกหัดออกมา เริ่มแก้โจทย์คณิตศาสตร์บนกระดานดำ เธอใช้เวลาประมาณห้านาทีในการแก้โจทย์ทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย… 

 

 

ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าดูเหมือนเธอจะแก้โจทย์คณิตศาสตร์ได้เร็วขึ้น เป็นเพราะระบบทำให้เธอคิดคำนวณคณิตศาสตร์ได้ว่องไวมากขึ้นหรือเปล่า เป็นความสามารถที่ระบบมอบให้เธอใช่ไหม 

 

 

เด็กหญิงที่นั่งข้างๆ ยังคงตั้งหน้าตั้งตาแก้โจทย์ปัญหา จู่ๆ เธอก็หันมา และเห็นถังซีก้มหน้าอยู่กับโต๊ะด้วยความงุนงง เธอขมวดคิ้วมองถังซีอย่างดูถูกเหยียดหยาม และแก้โจทย์คณิตศาสตร์ต่อไป ถังซีหยิบหนังสือเรียนออกมา เริ่มสำรวจดูเนื้อหาของวิชาแรก ในใจก็ครุ่นคิดว่าเธอจะขออนุญาตผูกั๋วชิ่งลาไปร่วมงานแฟชั่นวีกได้อย่างไร… เธอเคยนึกว่าผูกั๋วชิ่งคนนี้จะใจดีพอๆ กับคุณครูเหอ แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ เขาเป็นคนหัวโบราณ! ถ้าเธอกล้าขอลาหยุดเรียนหนึ่งสัปดาห์ ผูกั๋วชิ่งต้องคิดว่าเธอกำลังท้าทายเขาแน่ๆ! 

 

 

“ให้ตายเถอะ!” ถังซีรู้สึกไม่สบายใจ ถ้าเพียงแต่ครูประจำชั้นของเธอยังเป็นคุณครูเหอ! ถ้าหากมีคุณครูที่ปรึกษาเป็นคุณครูคนเดิมก็คงดี! 

 

 

เมื่อเห็นถังซีเอาแต่นั่งเท้าคางถอนหายใจ ผูกั๋วชิ่งก็เดินเข้าไปหาเธอและถามว่า “เธอถอนหายใจหลายครั้งแล้วนะในเวลาแค่สิบนาที โจทย์พวกนี้ยากเกินไปเหรอ” 

 

 

“ท่าจะยาก!” ถังซีโพล่งออกมา เรื่องนี้ยากเกินไป! ยากมากที่จะขอคุณครูคนนี้ลาหยุด! 

 

 

เมื่อได้ยินเช่นนี้เพื่อนร่วมโต๊ะก็ยิ้มอย่างดูถูก ตอนนี้เธอก็รู้แล้วใช่ไหมว่าหลักสูตรของปีสุดท้ายนั้นยาก คิดว่าเธอเป็นอัจฉริยะจริงๆ เหรอ เธอก็แค่เด็กบ้านนอกที่ไม่รู้อะไรเลย! เธอรับมือกับหลักสูตรของปีสุดท้ายไม่ไหวหรอก ถึงเธอจะสอบข้ามชั้นมาได้ก็ตาม! เธอไม่รู้หรือว่านักเรียนรุ่นพี่บางคนถึงกับกระโดดน้ำตาย เพราะทนแรงกดดันจากการเรียนไม่ไหว 

 

 

เมื่อเห็นนักเรียนหลายคนมองมาที่เขา ผูกั๋วชิ่งก็มองถังซีและถามว่า “โจทย์ข้อไหนที่เธอทำไม่ได้ ครูจะอธิบายให้ฟัง” 

 

 

“ฮะ อะไรนะคะ” ถังซีมองผูกั๋วชิ่งด้วยสายตาพิศวง โจทย์ข้อไหนที่เธอทำไม่ได้… “อ้อ!” ถังซีค่อยๆ ยิ้มออกมา “หนูไม่ได้หมายความว่า…” 

 

 

ก่อนที่เธอจะพูดจบผูกั๋วชิ่งก็หยิบสมุดแบบฝึกหัดของเธอขึ้นมา เขามองดูแล้วเบิกตากว้าง จากนั้นก็หน้านิ่วคิ้วขมวดเงยหน้ามองถังซีอีกครั้ง แล้วหันไปมองนักเรียนคนอื่นๆ ถามด้วยความประหลาดใจว่า “พวกเธอแก้โจทย์เสร็จหรือยัง” 

 

 

เสียงโอดครวญดังขึ้นในห้องเรียนทันทีอย่างต่อเนื่อง “คุณครูผูคะ นี่เพิ่งผ่านไปยี่สิบนาทีเองนะคะ! โจทย์ตั้งห้าข้อ แต่ละข้อต้องใช้เวลาทำอย่างน้อยแปดนาที เพราะฉะนั้นเราต้องใช้เวลาอย่างน้อยสี่สิบนาทีค่ะ!” 

 

 

ถึงตอนนี้เพื่อนร่วมโต๊ะของถังซีก็มองดูสมุดแบบฝึกหัดของตนเองแล้วขมวดคิ้ว เธอเพิ่งแก้โจทย์ไปได้เพียงสามข้อ ผูกั๋วชิ่งคำรามในลำคอเบาๆ กวาดตามองนักเรียนในห้อง จากนั้นก็หันไปถามถังซี “เธอใช้เวลาเท่าไรในการแก้โจทย์ทั้งหมดนี้” 

 

 

คำพูดของเขากระตุ้นความสนใจของเพื่อนร่วมโต๊ะของถังซีทันที เธอเงยหน้าขึ้นมองผูกั๋วชิ่งราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด ผูกั๋วชิ่งวางสมุดแบบฝึกหัดของถังซีลงบนโต๊ะเรียน และถามซ้ำ “เธอใช้เวลากี่นาทีในการแก้โจทย์ทั้งหมดนี้” 

 

 

ถังซีเม้มริมฝีปากตอบว่า “ประมาณห้านาทีค่ะ” 

 

 

ไม่เอาน่า เธอจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเอ็มไพร์ และเธอยังเป็นหนึ่งในนักเรียนแถวหน้าของโรงเรียนมัธยมตี้กั่ว ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงเรียนมัธยมที่ดีที่สุดของประเทศจีน สำหรับเธอการแก้โจทย์คณิตศาสตร์เหล่านี้จึงง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก แล้วอีกอย่างหนึ่งเธอก็เคยทำแบบฝึกหัดพวกนี้มาตั้งแต่ตอนอยู่โรงเรียนมัธยมตี้กั่วแล้ว เพราะฉะนั้นเธอจึงใช้เวลาเพียงห้านาที ในการแก้โจทย์คณิตศาสตร์ข้อเดิมๆ นี้อีกครั้ง 

 

 

แต่ก็เป็นเรื่องแปลก ทันทีที่เธอเห็นโจทย์เหล่านี้ คำตอบก็ผุดขึ้นในใจเธอทันที เธอแค่ต้องเขียนลงในสมุดแบบฝึกหัด ซึ่งไม่ต้องใช้เวลามากนัก… 

 

 

“ห้านาที!” ผูกั๋วชิ่งแทบกระอักเลือด เขาหยิบสมุดแบบฝึกหัดของถังซี เดินไปที่แท่นยกพื้นหน้าห้อง และชูสมุดขึ้น กวาดตามองนักเรียนคนอื่นๆ ที่ยังคงใช้ความคิดอย่างหนักว่าจะแก้โจทย์ปัญหาเหล่านี้อย่างไร แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ดูสิ! พวกเธอแก้โจทย์ได้แค่สองหรือสามข้อในเวลายี่สิบนาที หรือคนที่เก่งที่สุดในพวกเธอก็แก้ได้แค่สี่ข้อเท่านั้น! แต่เซียวโหรวซึ่งเพิ่งข้ามชั้นมาจากมัธยมปลายปีที่หนึ่ง แล้วยังมาสายสิบนาที แก้โจทย์ทั้งหมดเสร็จภายในห้านาที! และคำตอบของเธอถูกต้องทั้งหมด! พวกเธอไม่รู้สึกละอายใจบ้างเหรอ” 

 

 

เพื่อนร่วมโต๊ะของถังซีมองเธอด้วยความประหลาดใจ จากนั้นประกายเย็นชาและบึ้งตึงก็วาววับไปทั่วดวงตาเธอ แต่ในไม่ช้าเธอก็สงบลง จ้องมองถังซีและถามอย่างยั่วโมโห “เธอแก้โจทย์พวกนี้เองหรือเปล่า” 

 

 

เธอเห็นถังซีเพิ่งวาดอะไรบางอย่างเล่นลงในสมุดแบบฝึกหัด หล่อนจะแก้โจทย์คณิตศาสตร์ได้จริงหรือ และจำเป็นต้องมีสมุดทดด้วยสิ เพื่อเขียนวิธีแก้ไขโจทย์ปัญหาเหล่านี้ก่อน! 

 

 

ถังซีบอกได้เลยว่าเด็กคนนี้ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเธอ เธอเลิกคิ้ว และยิ้มออกมา “แล้วเธอคิดว่ายังไงล่ะ” 

 

 

เด็กผู้หญิงคนนั้นส่งเสียงฮึดฮัด ลุกขึ้นยืน และกล่าวกับผูกั๋วชิ่งว่า “คุณครูผูคะ หนูนั่งข้างเธอ หนูไม่เห็นเธอขีดเขียนอะไรเลยค่ะตอนคิดโจทย์! เธอไม่ได้แก้โจทย์พวกนี้เองหรอกค่ะ!” 

 

 

มีเสียงดังระงมขึ้นทันที “ใช่ค่ะ คุณครูผู แม้แต่อัจฉริยะก็ต้องใช้เวลาพอสมควรในการแก้โจทย์เหล่านี้! เธอจะแก้โจทย์ทั้งหมดได้ยังไงภายในห้านาที เธอต้องลอกคำตอบมาจากที่ไหนแน่!” 

 

 

ผูกั๋วชิ่งหน้านิ่วคิ้วขมวดมองถังซี พูดตามตรงเขาก็ไม่อยากเชื่อถังซีเช่นกัน! 

 

 

“ฮ่าๆ…” ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะเยาะ หนิงเคอลุกขึ้นยืน กวาดตามองนักเรียนทั่วทั้งห้อง และกล่าวอย่างเหยียดหยัน “เพราะพวกเธอไม่มีทางแก้โจทย์ได้เร็วขนาดนี้ใช่ไหม ก็เลยไม่ยอมเชื่อว่าจะมีใครทำได้ ดีจริงๆ! นี่หรือเพื่อนร่วมชั้นเรียนใหม่ของฉัน! พวกเธอทำไม่ได้ ดังนั้นพวกเธอก็จะไม่ยอมรับว่าคนอื่นทำได้ น่าขันสิ้นดี!” 

 

 

ถังซีเลิกคิ้ว เมื่อจู่ๆ เพื่อนร่วมโต๊ะก็กล่าวขึ้นว่า “คุณครูผูคะ เขียนโจทย์ให้เธออีกหลายๆ ข้อสิคะ ถ้าเธอแก้ได้ เราจะยอมรับว่าเธอไม่ได้โกง!”