“เจ้าสำ…เจ้าสำนักเทียนหยุน เซี่ยวอู่โยว…. เจ้า เจ้ามาทำอะไรที่นี่กัน?” ชายวัยกลางคนถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
จากที่เขารู้มา มันก็เป็นเรื่องที่น่าตกใจแล้วที่จะมีผู้อาวุโสสองถึงสามคน แต่มันกลับกลายเป็นว่าเจ้าสำนักเทียนหยุนกลับมาถึงที่นี่ด้วยตัวของเขาเองซะอย่างงั้น!
นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน? ถ้าเขารู้ตัวก่อนหน้านี้แล้ว เขาคงไม่คิดวางแผนที่จะทำร้ายเจ้าลูกศิษย์ใหม่เหล่านี้เลย!
เจ้าสำนักเทียนหยุนนั้นอยู่ในขั้นแก่นทองคำและเขาแข็งแกร่งเทียบเท่ากับหัวหน้าหน่วยเลยด้วยซ้ำ มันเป็นเรื่องไร้ประโยชน์มาก แม้ว่าเขาจะพาผู้อาวุโสมาถึงห้าสิบคน มันไม่ต้องพูดถึงผู้อาวุโสแค่ห้าคนแบบนี้เลยด้วย!
“ฮ่าๆ เจ้านี่ฉลาดมากเลยนะ เจ้ายังเดาที่อยู่ของพวกเราได้อีก”
ผู้อาวุโสสูงสุดเผยตัวออกมาอย่างสบายๆ ท่ามกลางหมู่เมฆด้วยเช่นกัน เขามองไปที่ชายวัยกลางคนอย่างประหลาดใจ
ชายวัยกลางคนที่เป็นเหมือนโคนันตัวน้อยก็เหลือเพียงความคิดเดียวในหัวของเขา
‘นี่สินะ นี่คือจุดจบของข้าแล้วสินะ!’
แต่มันมีบางสิ่งบางอย่างโผล่ขึ้นมาในหัวของเขา เขาหันไปมองเฉินเฉินที่ยืนอยู่ข้างเว่ยฉานเฮอ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
“เจ้า! เจ้าคือ…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ สายฟ้าได้ฟาดลงมาจากฟากฟ้าและผ่าเขาเข้ากลางหัว ในชั่วพริบตา ชายวัยกลางคนที่เป็นดั่งโคนันก็ได้เหลือเพียงแค่ขี้เถ้า
ผู้อาวุโสของสำนักอสูรที่ดูตึงเครียดก่อนหน้านี้ พวกเขาต่างตื่นกลัวกันอย่างมาก พวกเขาต้องการที่จะวิ่งหนีเอาชีวิตรอด แต่พวกเขากลับขยับขากันไม่ได้เลยสักนิดแทน
“เซี่ยว….เซี่ยวอู่โยว เจ้าไม่คิดว่ามันน่าละอายบ้างหรือไงที่เจ้าออกมารับลูกศิษย์คนใหม่ด้วยตัวเองแบบนี้ โดยเฉพาะกับการเป็นเจ้าสำนักเนี่ยนะ?”
หนึ่งในผู้อาวุโสของสำนักอสูรเต็มไปด้วยความโกรธและความเศร้าสร้อย เขามองไปที่เซี่ยวอู่โยวที่อยู่บนกลางอากาศ
ผู้อาวุโสได้ทะเลาะแบะแว้งกันเอง แต่อีกฝ่ายหนึ่งกับเรียกผู้ปกครองออกมาโดยที่ไม่แจ้งพวกเขาก่อน ซึ่งมันแสดงให้เห็นชัดเจนว่าอีกฝ่ายไม่ยอมทำตามกฎเลยสักนิด!
“เซี่ยวอู่โยว สาขาที่ 12 ของสำนักอสูรไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับสำนักเทียนหยุน ข้าขอตัวไปก่อนละ!”
ผู้อาวุโสหลิวเฮยที่มีหน้าที่ควบคุมหุ่นศพพูดออกมาอย่างแข็งทื่อ ก่อนที่จะวิ่งหนีไปทันที แต่ทันใดนั้นเองสายฟ้าก็ผ่าลงกลางหัวของเขา
“อ๊าก! เซี่ยวอู่โยว เจ้ากล้าดียังไงถึงกล้าโจมตีใส่คนที่อายุน้อยกว่า?! เจ้ามันหน้าไม่ละอายจริง!” หลิวเฮยร้องโอดครวญมาอย่างเจ็บปวด เขารีบเรียกหุ่นทั้งสิบสองตัวมาอยู่ด้านบนหัวของเขา
สายฟ้าได้ฟาดลงมาอย่างไม่ทันคาดคิด มันทำให้หลิวเฮยหายไปพร้อมกับหุ่นศพของเขา เหลือทิ้งไว้แต่เพียงกองขี้เถ้าเท่านั้น
“โง่เขลา” เซี่ยวอู่โยวพูดออกมาก่อนที่จะส่ายหัว เขาหันไปมองคนที่เหลือ
ทุกคนจากสำนักอสูรต่างตกอยู่ในความสิ้นหวัง หลังจากเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ผู้อาวุโสของสำนักอสูรที่เป็นผู้นำมองไปที่เฉินเฉินด้วยความแค้นเคือง เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่กราดเกรี้ยว
“เจ้าเด็กเวร เจ้ามีพรสวรรค์มากถึงเพียงใดกันแน่ มันมากถึงการที่สามารถทำให้เจ้าสำนักเทียนหยุนลงมารับด้วยตัวของเขาเองเลยเนี่ยนะ?! หรือว่าเจ้ามีร่างกายจิตวิญญาณโดยกำเนิดกัน?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ลูกศิษย์ทั้งหมดที่อยู่รอบข้างเฉินเฉินต่างมองมาที่เขาอย่างสงสัย แต่ไม่มีใครสักคนพูดอะไรออกมาสักคำ
มันมีความกราดเกรี้ยวปรากฏขึ้นมาในดวงตาของเซี่ยวอู่โยวเมื่อเขาได้ยินมัน ไม่นานหลังจากนั้นดาบที่เปล่งประกายด้วยสายฟ้าก็ได้ปรากฏขึ้นด้านหน้าเขา
“เจ้าสาขาจะเป็นคนล้างแค้นให้กับพวกเราเอง!” คนของสำนักอสูรตะโกนออกมาอย่างโกรธแค้น เมื่อพวกเขาเห็นดาบที่ปรากฏขึ้น
ก่อนที่พวกเขาจะได้พูดจบ ดาบก็ได้แทงลงไปบนพื้น คลื่นที่รุนแรงมหาศาลได้แพร่กระจายไปทั่ว มันได้ก่อตัวเป็นคลื่นแรงกระแทก
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงระเบิดดังก้องไปทั่วอากาศ ผู้คนทั้งหมดจากสำนักอสูร รวมทั้งผู้อาวุโสต่างถูกเปลี่ยนกลายเป็นหมอกเลือดที่กระจายไปทั่ว
“สุดยอด! มันโคตรสุดยอดเลย!”
ตาของเฉินเฉินส่องกรายออกมา ลูกบอลเล็กๆของเขาเหมือนกับการโยนก้อนหินใส่คนไปเลย เมื่อเทียบกับสิ่งที่เจ้าสำนักทำ เขาเหมือนกับยิงลูกระเบิดใส่อีกฝ่ายโดยการใช้ปืนใหญ่!
“ข้าเดาว่ามันเป็นเรื่องจริงที่ผู้คนต่างพูดกันว่าเซียนสามารถที่จะเคลื่อนภูเขาและถมทะเลได้ ในอนาคต ข้าจะต้องยอดเยี่ยมไปยิ่งกว่านั้นอีก!”
ในขณะที่เขาอิจฉาไปด้วยนั้น เฉินเฉินก็ได้มีความมุ่งมั่นที่จะฝึกตนดีๆ ไม่เพียงแต่เขาจะทำให้พ่อแม่ของเขากลายเป็นเซียน เขาจะกลายเป็นผู้ที่ไร้ผู้ต่อต้านให้ได้!
ลูกศิษย์ส่วนใหญ่ที่ถูกเชิญเข้าร่วมสำนักต่างมีความคิดเดียวกัน ตาของพวกเขาต่างเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นในการเดินทางไปบนเส้นทางของการฝึกตน
“ข้าต้องการที่จะเก็บพวกเจ้าไว้ใช้เป็นเครื่องมือไว้สำหรับฝึกฝนสำหรับลูกศิษย์ของสำนักเทียนหยุนนะ แต่ข้าคิดว่ามันไม่จำเป็นอีกแล้วละ” เซี่ยวอู่โยวพึมพำก่อนที่เขาจะมองไปยังหมอกเลือดที่กระจายไปทั่วพื้น ก่อนที่จะเหลือบมามองเฉินเฉิน
เฉินเฉินรู้สึกเหมือนกับร่างกายของเขามีไฟฟ้าช็อตไปทั้งร่าง เมื่อสายตาของเจ้าสำนักสบลงมาที่ตัวเขา เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากตัวสั่นสะท้าน
ทันใดนั้นเอง กลุ่มคนกลุ่มใหญ่ก็ลอยลงมาจากด้านบนท้องฟ้า พวกเขาต่างลงมาด้านหน้าของลูกศิษย์ใหม่อย่างเชื่องช้า พวกเขาต่างเป็นผู้อาวุโสของสำนักเทียนหยุน ผู้ซึ่งเป็นผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานหรือสูงกว่านั้นกันทั้งหมด
“ปัญหามันได้ถูกจัดการแล้ว พวกเจ้าควรพาเหล่าลูกศิษย์กลับไปยังสำนักเทียนหยุน” เซี่ยวอู่โยวสั่งพวกเขา
ผู้อาวุโสแต่ละคนได้แบกลูกศิษย์ไปคนละสองคน ก่อนที่พวกเขาจะบินออกไปโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ ผ่านไปไม่นาน คนเกือบสองร้อยคนก็ได้ถูกพาขึ้นไปกลางอากาศ
มันเหลือเพียงแค่เฉินเฉินและรถเกวียนสามคันของเขาเท่านั้น แม้แต่จางจียังถูกพาตัวไปก่อนแล้วเช่นกัน
เซี่ยวอู่โยวชี้ไปที่ดาบของเขาที่พึ่งใช้ไปและดาบมันก็ได้ยืดตัวไปกว่าเจ็ดหรือแปดเมตรและมันได้ขยายความกว้างของมันออกไปอีกสองเมตรทันที เซี่ยวอู่โยวกระโดดขึ้นไปบนดาบและมองไปที่เฉินเฉิน
เฉินเฉินรู้ถึงสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ แต่เขากลับมองไปยังรถเกวียนทั้งสามคันแทน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน
เซี่ยวอู่โยวพ่นลมหายใจออกมาเบาๆก่อนที่จะโยนแหวนให้กับเฉินเฉิน
“ใส่พวกมันลงไปในแหวนด้วยพลังปราณซะ”
เฉินเฉินรับแหวนและทำตามคำสั่งของเซี่ยวอู่โยว เพียงเวลาไม่นานเขาก็สัมผัสได้ถึงพื้นที่ด้านในแหวน
จากการคำนวณคร่าวๆของเขาแล้ว มันมีพื้นที่ประมาณ 100 ลูกบาศก์เมตรเลยทีเดียว!
“มันมีของอย่างแหวนเก็บของจริงด้วย! ข้าคิดว่ามันจะเป็นเรื่องที่ง่ายดายขึ้นมากแล้วละกับการค้นหาของ!”
เฉินเฉินแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ เจ้าสำนักเป็นชายที่ใจกว้างอะไรเช่นนี้ เขายังมอบของที่ล้ำค่าแบบนี้ให้กับการพบหน้ากันครั้งแรกอีก!
“มันเก็บสิ่งมีชีวิตไม่ได้นะ” เซี่ยวอู่โยวเตือนเขา
เฉินเฉินพยักหน้าเข้าใจก่อนที่จะเริ่มเก็บของในรถเกวียน ก่อนที่เขาจะย้ายพวกมันลงไปในแหวนเก็บของ ผ่านไปสักพักหนึ่งมันก็เหลือเพียงแค่เจ้าหูเซียงเอ๋อและเจ้าผักบุ้งน้อยเท่านั้น
ในเวลาเดียวกัน หูเซียงเอ๋อได้ทำตัวนิ่งมาก มันเหมือนกับว่าเธอทำตัวแบบพืชเหมือนกับเจ้าผักบุ้งน้อย เธอไม่กล้าที่จะขยับตัวเลยสักนิด เธอกลัวว่าเซี่ยวอู่โยวจะสังเกตเห็นเธอได้
“ปีศาจอย่างจิ้งจอกมันเป็นพวกเจ้าเล่ห์ มันไม่ใช่สัตว์ที่เหมาะกับการเลี้ยงนะ”
แต่เมื่อเจ้ายิ่งกลัวต่อสิ่งใด มันก็มีโอกาสมากขึ้นเท่านั้น สิ่งแรกที่เซี่ยวอู่โยวพูดมันก็ทำให้เธอตัวสั่นสะท้านอย่างรุนแรงแล้ว
“ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ เธอมีหน้าตาเหมือนกับจิ้งจอก แต่ในความเป็นจริงในตัวของเธอเป็นเพียงแค่หมาตัวหนึ่งเท่านั้นแหละครับ” เฉินเฉินตอบกลับพร้อมกับรอยยิ้ม ก่อนที่จะเดินขึ้นไปเหยียบบนดาบ
หูเซียงเอ๋อเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนกับสิ่งที่เธอได้ยิน ในเวลานี้เธอปรารถนาว่าเธอนั้นเป็นสุนัขอสูรจริงๆ และมันต้องเป็นพันธุ์ที่จงรักภักดีมากด้วย!
เซี่ยวอู่โยวไม่ได้พูดอะไรกลับมา เขาเพียงแค่เงยหน้าขึ้น ทันใดนั้นดาบยักษ์ก็ลอยขึ้นกลางอากาศก่อนที่จะพุ่งขึ้นไปด้านบน
เมื่อเทียบกับคนอื่นที่ถูกอุ้มไปโดยเหล่าผู้อาวุโสแล้ว การขี่ดาบมันเป็นอะไรที่ดูดีกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
ด้านบนดาบยักษ์ เซี่ยวอู่โยวมองตรงไปที่ด้านหน้าก่อนที่จะถามออกมา “เฉินเฉิน เจ้าเกิดมาในหมู่บ้านธรรมดาทั่วไปใช่ไหม?”
“ครับ มันคือหมู่บ้านหินของมณฑลเสฉวน ที่มีประชากรชาวบ้านไม่ถึงร้อยคน สำหรับการมีข้าปรากฏตัวขึ้นมาในหมู่บ้านแบบนั้น ข้าคิดว่าพวกเราคงใช้โชคทั้งหมดนับพันปีหมดไปแล้วละครับ ในตอนนี้ทั้งหมู่บ้านต่างรอคอยข้ากลับไปพร้อมกับโชคลาภ!”
เฉินเฉินรู้ดีว่าเซี่ยวอู่โยวได้สืบค้นเกี่ยวกับภูมิหลังของเขาแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ซ่อนมันเลยสักนิด
เซี่ยวอู่โยวพยักหน้าและแนะนำ “อย่าไปบอกคนอื่นว่าเจ้ามีร่างกายวิญญาณต้นกำเนิด ถ้าเจ้าถูกเปิดเผยออกไป ข้ากลัวว่าเจ้าจะกลายเป็นที่ดึงดูดต่อเซียนคนอื่นและจะมาลักพาตัวเจ้าไป ถ้ามันเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นแล้ว ข้าคงจะไม่สามารถปกป้องเจ้าเอาไว้ได้อีก”
“ข้าเข้าใจครับ” เฉินเฉินตอบกลับทันที
“เฉินเฉิน เจ้ารู้สึกยังไงกับวิชาสายฟ้าของข้าก่อนหน้านี้?”
“ยอดเยี่ยมมากเลยครับ! มันทั้งทรงพลังและเท่ห์มาก!”
“เจ้าต้องการเรียนมันไหม?”
“แน่นอนครับ!” เฉินเฉินตอบกลับโดยไม่มีความลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว
“ถ้างั้นเจ้าควรจะบอกว่าเจ้านั้นมีร่างกายวิญญาณสายฟ้าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปและฝึกฝนวิชาที่ยิ่งใหญ่นี้ของสำนักเทียนหยุนกับข้า วิชาสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหยุน”
“ครับ อาจารย์!”
เมื่อได้ยินเฉินเฉินเรียกเขาว่า ‘อาจารย์’ มันทำให้เซี่ยวอู่โยวตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนที่จะมีรอยยิ้มกว้างออกมา
ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กหนุ่มนี้เรียนรู้ว่าควรจะปฏิบัติตัวยังไงสินะ