ตอนที่ 411 หาทางรับมือ

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 411

หาทางรับมือ

“องค์จักรพรรดิ อาณาจักรเผิงทำเกินไปแล้วนะขอรับ”ภายในวังหลวงของอาณาจักรอู๋ เหล่าขุนนางของอาณาจักรต่างแสดงท่าทีเป็นกังวลอย่างมากเมื่อได้ทราบข่าวของไป๋ชินอี้ แต่เดิมเพราะเป็นบุตรชายของไป๋จูเหวิน อาณาจักรอู๋เลยเคลื่อนไหวอะไรไม่ได้ตราบใดที่อาณาจักรเผิงยังไม่หันคมดาบเข้าใส่อาณาจักรอู๋ ทำให้การรุกคืบยึดเมืองต่างๆของอาณาจักรเผิงเป็นไปอย่างราบรื่น

“แล้วถ้าวันหนึ่งไป๋ชินอี้หันคมดาบเข้าใส่อาณาจักรเราละขอรับ”ขุนนางคนหนึ่งถามพลางมองมาทางอู๋หมิงผู้เป็นจักรพรรดิ คำตอบของคำถามนี้แม้แต่อู๋หมิงก็ตอบไม่ได้ อยู่ๆชินอี้ก็ลักพาตัวพี่สาวตนเองไปอยู่ที่อาณาจักรเผิง แล้วใช้อสูรจำนวนมากบุกยึดอาณาจักรโดยรอบ ด้วยกำลังระดับนั้นไม่มีอาณาจักรไหนที่ทางเหนือรับมือได้อย่างแน่นอน

“ไม่หรอก ชินอี้ยังนับถือข้าเป็นลุงอยู่ อาณาจักรเผิงถึงไม่ได้มีเรื่องกับอาณาจักรเราและอาณาจักรชินเลย”อู๋หมิงตอบเพื่อให้เหล่าขุนนางสบายใจ อาณาจักรเผิงแม้จะรุกรานอาณาจักรอื่นๆไปเรื่อยๆ แต่อาณาจักรไป๋ อู๋ และ ชิน ไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย ทั้งนี้อู๋หมิงคาดว่าชินอี้ยังคงมีความนับถือทั้ง 3 อาณาจักรว่าเป็นอาณาจักรของญาติผู้ใหญ่ตนเองก็เลยไม่ได้มีเรื่องบาดหมางอะไร แต่การเห็นเหล่าอสูรบุกโจมตีอาณาจักรต่างๆก็ไม่ได้ทำให้อู๋หมิงสบายใจเลย

ตัวอู๋หมิงอยู่กับไป๋จูเหวินมานาน ทราบดีว่าพลังของเหล่าอสูรน่ากลัวแค่ไหน แต่น้อยครั้งนักที่ไป๋จูเหวินจะใช้พลังของอสูรจัดการปัญหา แถมการยึดอาณาจักรต่างๆโดยไม่คิดหน้าคิดหลังยังอาจจะสร้างปัญหาตามมาภายหลังยังทำให้อู๋หมิงรู้สึกเป็นกังวลแทนประชาชนของอาณาจักรที่ชินอี้เข้าไปยึดอีกด้วย ชินอี้ไม่น่าจะทราบเรื่องการบริหารบ้านเมืองมากมายนัก กลัวว่าชินอี้จะไม่สนใจเรื่องอื่นแล้วปล่อยประชาชนใช้ชีวิตตามมีตามเกิดจนเหมือนอาณาจักรโฮในอดีต

“องค์จักรพรรดิ ท่านอย่าได้วางใจมากนัก อย่างน้อยก็เตรียมตัวติดต่อเหล่ายอดฝีมือและขอกำลังจากกลุ่มนักล่าอสูรเอาไว้ก่อนเถอะขอรับ”ขุนนางคนหนึ่งเสนอ หากต้องสู้รบกับอาณาจักรเผิงที่มีอสูรจำนวนมากอยู่ในการควบคุม การขอข้อมูลจากกลุ่มนักล่าอสูรถือเป็นเรื่องจำเป็น แต่หงเยว่ที่เป็นหัวหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรอยู่ตอนนี้ก็เป็นอสูรของไป๋จูเหวิน กลัวว่าไปขอข้อมูลเพื่อรับมือกับชินอี้ที่เป็นบุตรชายของไป๋จูเหวินอาจจะไม่ได้รับคำตอบที่ดีนัก

“องค์จักรพรรดิ หัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรมาขอเข้าพบขอรับ”ยังไม่ทันจะได้ขอความช่วยเหลืออะไรไป อยู่ๆทหารคนหนึ่งก็เข้ามารายงานให้อู๋หมิงทราบว่าหงเยว่นั้นมาขอพบด้วยตนเองแล้ว

“องค์จักรพรรดิอู๋ ไม่ได้พบกันสักพักแล้วนะเจ้าคะ”หงเยว่พูดพลางเดินเข้ามาในท้องพระโรงอย่างสง่าผ่าเผย

“หงเยว่…เจ้ามาที่นี่ต้องการอะไรงั้นหรือ”อู๋หมิงถามพลางมองหงเยว่ด้วยความสงสัย ไม่ทราบว่านางนำพาข่าวดีหรือข่าวร้ายมากันแน่

“ข้าได้รับคำสั่งจากนายท่านของข้าเจ้าค่ะ”หงเยว่ตอบพลางประสานมือคารวะอย่างอ่อนช้อย

“ไป๋จูเหวินงั้นหรือ มันสั่งว่าอะไรกัน”อู๋หมิงถามพลางขมวดคิ้วนิ่ง

“ข้าได้รับคำสั่งให้มาช่วยเหลือจักรพรรดิอู๋หากเกิดการปะทะกับอาณาจักรเผิงขึ้นมาเจ้าค่ะ”ได้ยินเช่นนั้นอู๋หมิงก็ถอนหายใจออกมา อย่างน้อยไป๋จูเหวินก็ไม่ได้ถือหางลูกตนเองจนเกินไปนัก หากมีเรื่องกันอย่างน้อยมันก็มองเห็นความถูกผิดเป็นสำคัญ และคงไม่ยอมให้ลูกชายเป็นผู้โจมตีอาณาจักรอู๋เป็นแน่

“และนายท่านของข้ายังฝากข้อความมาบอกท่านด้วยเจ้าค่ะ”หงเยว่ว่าพลางเงยหน้าขึ้นช้าๆ

“ว่ามา”อู๋หมิงพูดพลางผายมือไปทางหงเยว่เหมือนบอกให้นางเริ่มพูดได้

“นายท่านของข้าบอกว่า อีกไม่นานอาณาจักรเผิงน่าจะเข้าปะทะพันธมิตรของอาณาจักรอู๋เป็นแน่ เมื่อถึงเวลานั้นอาณาจักรไป๋จะเข้าช่วยเหลืออาณาจักรอู๋อย่างแน่นอน”พูดจบหงเยว่มองท่าทีของอู๋หมิงนิ่ง แน่นอนว่าอู๋หมิงมีท่าทีโล่งใจขึ้นมาก จากรายงานที่มันได้มา อาณาจักรเผิงยึดอาณาจักรต่างๆด้วยกำลังของอสูรเพียง 2 ตนเท่านั้น ไม่ต้องเดาเลยว่าอสูรที่บุกยึดอาณาจักรทั้งหลายนั้นเป็นอสูรระดับสูงมากๆ อาจจะเท่าๆกับอสูรปักเป้าเลยทีเดียว และหากเป็นแบบนั้นจริงอาณาจักรอู๋ ชิน และ ชู คงไม่อาจต้านรับได้แน่ๆหากไร้ซึ่งกำลังของอาณาจักรไป๋

“เป็นอาณาจักรชูจริงๆสินะ”อู๋หมิงถอนหายใจออกมา แม้ก่อนหน้านี้มันจะบอกเหล่าขุนนางว่าไม่ต้องกังวล แต่ภายในใจของอู๋หมิงนั้นกลับเอาแต่ครุ่นคิดอยู่เสมอว่าจะเกิดเรื่องร้ายในแบบใดได้บ้าง และหนึ่งในเหตุผลที่อาณาจักรเผิงจะเข้ามาโจมตีและเป็นเหตุให้อาณาจักรอู๋ต้องเข้าต่อต้านก็คือ อาณาจักรชู อาณาจักรชูยังคงเป็นพันธมิตรของอาณาจักรไป๋ อู๋ และ ชิน เพียงแต่จักรพรรดิอาณาจักรชูไม่ได้เป็นเครือญาติของชินอี้แต่อย่างไร การที่จะหวังให้ชินอี้ไว้หน้าอาณาจักรชูนั้นคงเป็นเรื่องยาก

“องค์จักรพรรดิ เราจะทำเช่นไรดี”เหล่าขุนนางถามพลางมองมาทางอู๋หมิงกันเป็นตาเดียว

“เตรียมรับศึก ติดต่อเหล่ายอดฝีมือและหากำลังเสริมให้ได้มากเท่าที่จะเป็นไปได้ หากอาณาจักรเผิงรุกรานพวกเรา พวกเราก็ต้องสั่งสอนกลับไป”อู๋หมิงว่าพลางเรียกกระบี่ทัณฑ์สวรรค์ออกมาจากมิติของตน ก่อนจะกำด้ามกระบี่แน่น

.

.

“ท่านพี่”ทางด้านอาณาจักรไป๋ ตัวเหม่ยหลินเองกำลังเดินเข้ามาหาไป๋จูเหวินที่นั่งอยู่ในห้องตามลำพัง ยามนี้คนที่เครียดและกังวลที่สุดคงหนีไม่พ้นไป๋จูเหวินและตัวเหม่ยหลินเอง เพราะผู้ที่ก่อเรื่องวุ่นวายในครั้งนี้คือบุตรชายของตนเอง แถมยังทำถึงขั้นลักพาตัวน้องสาวของชิงชิวไปอีกต่างหาก ตอนนี้ไป๋จูเหวินต้องให้ไป๋ไป่จับตัวชิงชิวเอาไว้ไม่อย่างนั้นตอนนี้มันคงมุ่งไปยังอาณาจักรเผิงแล้วพยายามเข้าไปชิงตัวน้องสาวและคู่หมั้นของมันเป็นแน่ แต่อย่างที่เห็น ชินอี้หาอสูรที่มีดวงตาสีม่วงมาใช้งานได้ มันสามารถมองเห็นความสามารถล่องหนหายตัวของชิงชิวได้อย่างทะลุปรุโปร่ง การให้ชิงชิวไปตอนนี้ก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้น

ยามนี้ได้แต่ปลอบใจชิงชิวเท่านั้นว่าชินอี้ไม่มีทางทำร้ายไป๋หลินแน่ๆ และชินอี้ก็คงต้องการใช้ชิงชิงเป็นตัวประกันไม่ให้ไป๋หลินหนีไป มันก็คงไม่ทำอะไรชิงชิงแน่ๆ

“ท่านกำลังคิดอะไรอยู่งั้นหรือ”เหม่ยหลินถามพลางนั่งลงข้างๆไป๋จูเหวิน ตัวนางเองก็กำลังคิดวนเวียนอยู่ในหัวว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรดี แต่นางช่างโง่เขลานัก สถานการณ์เช่นนี้นางไม่ทราบเลยว่าจะจัดการอย่างไรดี

“ข้ากำลังคิดว่า เราจะพาชินอี้กลับมาได้อย่างไร และจะสั่งสอนชินอี้อย่างไรให้กลับใจได้เสียที”ไป๋จูเหวินตอบพลางถอนหายใจออกมา ทั้งสองข้อเป็นเรื่องที่ยากมาก และหาหนทางทำให้เป็นจริงได้ยากมากเช่นกัน ข้อแรกการพาตัวชินอี้กลับมานั้นจำเป็นต้องจัดการเหล่าอสูรที่ชินอี้ควบคุมเสียก่อน แต่การจัดการอสูรระดับบรรพกาลขั้นที่ 10 โดยไม่พึ่งพลังของอสูรปักเป้านั้นเป็นเรื่องยากมาก หากจะหามนุษย์ที่สามารถต่อกรกับมังกรอัสนีทองคำได้ก็คงมีแต่พ่อของไป๋จูเหวิน ชินหลุนเท่านั้น แต่ชินหลุนไม่สามารถออกมาจากแดนลับแลได้ และต่อให้ล่อชินอี้พามังกรอัสนีทองคำเข้าไปในแดนลับแลนั้นก็เป็นไปไม่ได้ เพราะชินอี้เคยไปที่ดนลับแลแล้ว และคงทราบพลังของชินหลุนดี ชินอี้ไม่ได้โง่พอจะโดนล่อไปยังแดนลับแลเพื่อให้ชินหลุดเข้าต่อสู้ได้แน่ๆ

แต่นั่นก็เป็นเพียงปัญหาประการแรกเท่านั้น ต่อให้เกิดปาฏิหาริย์จริงๆจนสามารถเอาชนะเหล่าอสูรของชินอี้ได้ แต่การแก้ไขพลังของราคะที่ฝังแน่นในจิตใต้สำนึกของชินอี้ก็ยังเป็นเรื่องยากมากอยู่ดี เรื่องนี้แม้แต่หยงเวยก็อาจจะไม่ทราบวิธีช่วยเหลือได้ แต่ปัญหาเรื่องนี้ยังสามารถรอได้ จำเป็นต้องจัดการปัญหาในข้อแรกก็คือการรับมือกับเหล่าอสูรของชินอี้ก่อน

เมื่ออยู่ต่อหน้าชินอี้เหล่าอสูรก็ไม่สามารถโจมตีได้ และชินอี้ก็คงไม่อยู่ห่างอสูรอย่างมังกรอัสนีทองคำแน่ๆ และไป๋จูเหวินก็ไม่คิดว่าชินอี้จะมีอสูรระดับบรรพกาลขั้น 10 เพียงตนเดียวเท่านั้นที่เป็นปัญหา หากเจอกับอสูรเหล่านั้นโดยที่ไป๋จูเหวินไม่สามารถให้อสูรตนอื่นๆของไป๋จูเหวินโจมตีได้ ความพ่ายแพ้ก็คงไม่ไปไหน

โชคดีที่ตอนนี้อาณาจักรเผิงกำลังรุกรานอาณาจักรอื่นๆไปจนทั่ว อีกไม่นานก็คงมีเรื่องกับอาณาจักรชูเป็นแน่ เมื่อเวลานั้นมาถึงอาณาจักรอู๋และชินก็ต้องเข้าช่วยเหลืออาณาจักรชูตามพันธสัญญา เวลานั้นอาณาจักรอู๋และชินก็จะสามารถดึงเอาเหล่าอสูรจำนวนหนึ่งออกไปได้ และสุดท้ายขอเพียงอาณาจักรไป๋คว้าโอกาสดีๆโจมตีทัพอสูรของชินอี้ได้ละก็…

เพียงแต่ ปัญหาก็คงหนีไม่พ้นมังกรอัสนีทองคำผู้เป็นกำลังหลักของชินอี้ ไม่ว่าจะอาณาจักรอู๋ หรือ ชิน ก็ไม่น่าจะมีความสามารถพอจะรับมืออสูรตนนั้น ปัญหาตอนนี้คือการหาวิธีรับมือกับอสูรตนนี้ให้ได้

“เราจะขอความช่วยเหลือจากพี่ต้าชิงต้าเฉินดีหรือไม่”ไป๋จูเหวินถามพลางมองไปทางเหม่ยหลิน ตอนนี้ไป๋จูเหวินจำเป็นต้องเพิ่มกำลังของกองทัพตนเองให้สูงกว่านี้โดยไม่พึ่งพลังของอสูร และหนทางเดียวที่ไป๋จูเหวินพอจะนึกออกก็มีเพียงการขอยืมตำราจากสำนักเทพจุติเท่านั้น วิชาร่วมผสานของสำนักเทพจุติทำให้ต้าชิงและต้าเฉินทะลุระดับเจ้าสวรรค์ก่อนไป๋จูเหวินหรืออู๋หมิงเสียอีก มันสมควรเป็นยอดวิชาที่สามารถช่วยเหลือไป๋จูเหวินและเหม่ยหลินได้ในตอนนี้ แต่หากทำแบบนั้นก็เท่ากับว่าทำให้ต้าชิงและต้าเฉินต้องผิดต่อสำนักเทพจุติอย่างมาก หากไม่จำเป็นจริงๆไป๋จูเหวินก็ไม่อยากทำเช่นนี้

“กิ้ว…”ในขณะที่ไป๋จูเหวินกำลังครุ่นคิดอยู่กับภรรยาของมัน อยู่ๆร่างสีขาวร่างหนึ่งก็บินลงมายืนที่ไหล่ของไป๋จูเหวิน ยามนี้ร่างของมันที่แต่เดิมเหมือนงูเริ่มมีขางอกออกมามากกว่าเดิมแล้ว จนตอนนี้ดูเหมือนกิ้งก่าที่มีขนฟูทั้งตัวเสียมากกว่า

“ตงฟาง?”ไป๋จูเหวินมองเจ้าตงฟางที่เข้ามาเกาะที่ไหล่อย่างสงสัย เจ้าตงฟางไม่คุ้นชินกับมนุษย์ หลังจากมาที่อาณาจักรไป๋ก็อยู่แต่ในวังส่วนตัวของไป๋จูเหวินและวนเวียนไปหาอสูรปักเป้าและพวกท่านน้าบ้างเท่านั้น

“ท่านพี่ ที่ตาของตงฟาง..”เหม่ยหลินพูดพลางมองไปที่ดวงกลมๆของเจ้าตงฟาง อยู่ๆที่ขอบตาของมันก็มีน้ำตาไหลออกมาช้าๆ ตั้งแต่มาอยู่ที่อาณาจักรไป๋สมุนไพรที่เป็นอาหารของมันก็ไม่เคยขาด เรียกได้ว่าหากินง่ายกว่าที่บ้านเกิดของมันอีก เพียงแต่ไป๋จูเหวินไม่เคยทราบว่านอกจากดื่มเลือดของมันแล้วยังเจ้าซาราพวกนี้ยังมีความสามารถพิเศษที่สมกับการเป็นเตาหลอมของพระเจ้าตามตำนานของมันอีกอย่าง

ตุบ…น้ำตา 2 หยดตกลงบนพื้นเบื้องหน้าไป๋จูเหวินและเหม่ยหลิน มันไม่ได้กลายเป็นของเหลวหยดลงบนพื้น แต่กลับกลายเป็นเม็ดกลมสีขาวเงินตกอยู่บนพื้นแทน