ตอนที่ 412 จะประเด็น

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 412

จะประเด็น

“ชิงชิว…”หลังจากครุ่นคิดมานานหลายวัน ในที่สุดไป๋จูเหวินก็ออกมาหาชิงชิวที่วังของมันเสียที ตอนนี้ที่หน้าห้องของชิงชิวมีไป๋ไป่และท่านน้าราชสีห์คอยเฝ้าเอาไว้ไม่ให้ชิงชิวหนีออกไปไหนอยู่

“เจ้ารู้ว่าข้าเห็นเจ้า ออกมาได้แล้ว”ไป๋จูเหวินถอนหายใจพลางใช้ดวงตาสีม่วงมองร่างของชิงชิวที่อยู่ในห้อง ยามนี้ชิงชิวดูสภาพไม่ค่อยดีนัก มันไม่กินไม่นอนมาหลายวัน แน่นอนว่าแค่นั้นไม่ทำให้ผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณมีผลกระทบอะไรมากมาย แต่สภาพจิตใจของมันกลับย่ำแย่มากทีเดียว หากไม่ใช่เพราะชินอี้เป็นน้องชายของไป๋หลินละก็มันคงคุมสติไม่อยู่ไปแล้ว

“ข้าเตรียมแผนเอาไว้แล้ว ทุกอย่างจะต้องไม่เป็นไร”ไป๋จูเหวินว่าพลางเปิดประตูห้องของชิงชิวออก

“ขอรับ….”ชิงชิวพูดพลางถอนหายใจออกมา ตัวมันพยายามครุ่นคิดแผนการตลอดเช่นกัน แต่ลำพังตัวมันไม่สามารถทำอะไรได้เลย จะแอบเข้าไปเฉยๆก็มีอสูรตาเดียวคอยจับตาเอาไว้ จะบุกเข้าไปก็มีพลังไม่พอ จะขอความช่วยเหลือตัวมันก็มีเพียงองค์จักรพรรดิไป๋เท่านั้นที่จะช่วยได้ ทำให้สุดท้ายชิงชิวก็ได้แต่ยอมรอให้จักรพรรดิไป๋หาวิธีได้เท่านั้น เมื่อได้ยินว่าจักรพรรดิไป๋มีแผนแล้ว ชิงชิวก็เริ่มมีความหวังขึ้นมาบ้าง

“ข้าอยากจะให้เจ้าช่วยหาโอกาสบุกเข้าไปชิงตัวไป๋หลินและชิงชิงออกมา เจ้าทำได้หรือไม่”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองชิงชิวด้วยท่าทีจริงจัง เพราะในใจชิงชิวย่อมหวังจะบุกไปช่วยไป๋หลินและน้องสาวด้วยตนเองอยู่แล้ว

“ขอรับ ข้าจะทำให้ดีที่สุด”ชิงชิวตอบพลางกำหมัดแน่น หลังจากฟังแผนการของไป๋จูเหวินแล้ว ชิงชิวก็รับปากว่าจะต้องช่วยทั้งสองคนออกมาให้ได้ ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใดก็ตาม

.

.

“องค์ชาย ดูเหมือนว่าทางอาณาจักรชูจะมีปัญหานะขอรับ”อสูรตนหนึ่งของชินอี้รายงานในขณะที่ชินอี้กำลังนั่งอยู่ในห้องร่วมกับไป๋หลินและชิงชิง

“ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือไงว่าอย่ามาขัดเวลาข้าอยู่กับพี่หญิง”ชินอี้ว่าพลางจ้องมองไปทางอสูรที่เข้ามารายงาน

“ขะ ขอ ขออภัยขอรับ”อสูรตนนั้นสะดุ้งวาบก่อนจะถอยออกไป

“ชินอี้ เจ้าอย่าได้ดุด่ามันเลย อาจจะเป็นเรื่องด่วนก็ได้”ไป๋หลินว่าพลางจับบ่าชินอี้เอาไว้

“ขอรับ..”ชินอี้ตอบด้วยท่าทีเชื่อฟังมองไปทางอสูรที่เข้ามารายงาน

“เจ้ามีอะไรก็ว่ามา”แม้จะจับตัวไป๋หลินมาและบังคับให้นางอยู่กับตนไม่ยอมให้ออกไปไหน แต่นอกจากเรื่องนั้นชินอี้ก็พยายามทำตัวเป็นน้องชายที่แสนเชื่อฟังตามเดิม ไม่ว่าไป๋หลินจะขออะไรนอกจากออกไปจากที่นี่ชินอี้ก็ไม่ขัดเลยแม้แต่คำเดียว

“ทางอาณาจักรชูไม่ยอมให้คนของเราเข้าไปในอาณาจักรขอรับ แถมยังขับไล่ออกมาอีกต่างหาก”อสูรตนนั้นรายงาน ยามนี้ชินอี้ส่งอสูรออกไปตามหาเหล่าอสูรที่แข็งแกร่งตลอดเวลา ทำให้อาณาจักรชูที่มีพื้นที่กว้างใหญ่มากเป็นเป้าหมายหนึ่งของชินอี้เช่นกัน

“ออกไปรอข้างนอก”ชินอี้ตอบพลางลุกขึ้นยืน

“ชินอี้ เจ้าจะทำอะไร”ไป๋หลินขมวดคิ้วพลางมองไปทางชินอี้ อาณาจักรชูเป็นพันธมิตรกับอาณาจักรไป๋ ชินอี้คงไม่คิดจะทำอะไรกับอาณาจักรชูหรอกนะ

“ข้าจะส่งอสูรไปพูดคุยกับจักรพรรดิชูเสียหน่อย”ชินอี้ตอบพลางยิ้มบางๆออกมา แน่นอนว่าชินอี้ไม่ได้คิดเช่นนั้นแต่อย่างไร การเจรจาสำหรับชินอี้นั้นช่างเป็นเรื่องน่ารำคาญหากไม่ใช่อาณาจักรของญาติๆมันก็ไม่คิดจะพูดคุยอะไรมากมายอยู่แล้ว

“ส่งอสูรไปบุกอาณาจักรชูซะ ทำให้องค์จักรพรรดิชูทราบว่าอาณาจักรของเราน่ากลัวเพียงไร”ชินอี้ยิ้มพลางมองไปทางอสูรที่เข้ามารายงาน

“จะให้ท่านมังกรอัสนีทองคำหรือท่านค้างคาวโลหิตไปหรือขอรับ”ทหารคนนั้นถามพลางเบิกตากว้าง แต่ในความทรงจำของชินอี้ อาณาจักรชูเป็นอาณาจักรธรรมดาๆที่ไม่มีแม้แต่ระดับเจ้าสวรรค์เลยแม้แต่คนเดียว หากเป็นอาณาจักรอู๋ละก็มันคงส่งทั้งสองตนไปอยู่หรอก

“ไม่จำเป็น เอาแค่ทัพเล็กไปก็พอ”ชินอี้ส่ายหน้า เพราะการโจมตีทางเหนือยังคงคืบหน้าต่อไป และอสูรทั้งสองคนก็เป็นกำลังหลักในการสู้รบกับอาณาจักรทางเหนือด้วยเช่นกัน แม้จะนานๆทีแต่ก็เจอคนระดับเจ้าสวรรค์ออกมาต่อสู้บ้าง แต่เพราะอสูรทั้งสองระดับสูงกว่ามากทำให้การบุกไปทางเหนือไม่มีอะไรติดขัดเลย

.

.

“จักรพรรดิอู๋ พวกมันมาแล้วขอรับ”ทหารคนหนึ่งของอาณาจักรชูรายงาน พลางวิ่งเข้ามาในกระโจมที่ถูกสร้างขึ้นที่ชายแดนอาณาจักรชูและเผิง

การต่อต้านของอาณาจักรชูยามนี้เป็นแผนของไป๋จูเหวินและอู๋หมิงอย่างไม่ต้องสงสัย พวกมันทั้งสองให้อาณาจักรชูต่อต้านอาณาจักรเผิงเพื่อให้อาณาจักรเผิงเริ่มโจมตีเสียโดยเร็ว เพราะหากไม่ทำเช่นนั้นก็ไม่ทราบแล้วว่าชินอี้จะไปรวบรวมอสูรมาอีกเท่าไหร่

“ทุกท่าน พร้อมแล้วหรือไม่”อู๋หมิงถามพลางมองมาทางเหล่าทหารของตนที่ยามนี้มีกลุ่มนักล่าอสูรเข้ามาช่วยเหลือด้วย

“พร้อมแล้วเจ้าค่ะ”หงเยว่ว่าพลางเดินออกไปที่หน้ากำแพงของเมืองหน้าด่านอย่างเชื่องช้า นางส่งอสูรแมงมุมขนาดเล็กออกไปสำรวจโดยรอบแล้ว เพื่อสำรวจกำลังของศัตรู คนที่ทราบว่าอสูรของชินอี้บุกมาก่อนใครก็คือนางนั่นเอง

“เป็นอย่างไรบ้างหงเยว่ ศึกครั้งนี้หนักแค่ไหน”อู๋หมิงถามพลางเอากระบี่ออกมาถือ

“ระดับบรรพกาล 7 ตน และระดับมายาอีกนับพันตน”หงเยว่ตอบด้วยท่าทีหนักใจ ตัวหงเยว่นั้นแต่เดิมเป็นอสูรระดับต่ำ แต่เพราะได้ไป๋จูเหวินช่วยหาแก่นอสูรมาให้ทำให้พลังของนางอยู่ระดับตำนานขั้นที่ 10 แล้ว แต่อสูรที่ยังไม่ถึงระดับมายาขั้นแรกเสียด้วยซ้ำคงทำอะไรมากไม่ได้ในกองทัพเช่นนี้

“ขอบใจ”อู๋หมิงว่าพลางปล่อยพลังวิญญาณออกมา

เปรี้ยง!! สายฟ้าสายหนึ่งฟาดลงมาจากท้องฟ้าลงมาที่กระบี่ของอู๋หมิงอย่างรวดเร็ว โชคดีที่ไม่มีอสูรระดับบรรพกาลขั้นสูงมาด้วยทำให้การรบครั้งนี้ไม่น่าจะยากเย็นอะไร

“พวกเราคงต้องสั่งสอนหลานกันหน่อย ว่าพวกลุงๆไม่ได้อ่อนแออย่างที่หลานคิด”หยงเวยว่าพลางนำดาบมรกตออกมาจากมิติของตนเช่นกัน หากเป็นอาณาจักรชูคงรับมือกองทัพขนาดนี้ไม่ไหว แต่หากเป็นทัพของอาณาจักรอู๋ละก็ย่อมสามารถรับมือไหวอยู่แล้ว

“ไปกันเถอะ”อู๋หมิงปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาก่อนจะพุ่งวาบลงไปที่สนามรบตรงหน้า ทำให้เหล่าทหารที่เฝ้ารออยู่ต่างกู่ร้องออกมาวิ่งเข้าไปร่วมสงครามในทันที

เปรี้ยง!! กระบี่ของอู๋หมิงทะยานเพียงเสี้ยวพริบตาก็ทะลุร่างของอสูรระดับบรรพกาลตนหนึ่งในกองทัพ แม้จะไม่เท่าไป๋จูเหวินหรือเหล่านักล่าอสูร แต่อู๋หมิงก็สัมผัสพลังของอสูรได้ในระดับหนึ่ง ทำให้พอจะแยกออกได้ว่าอสูรตนไหนแข็งแกร่งมากน้อยกว่ากันได้

ตูม!!! เสามรกตพุ่งวาบออกมากระแทกกลางกองทัพของเหล่าอสูร แต่กลับไม่มีอสูรตนไหนได้รับบาดเจ็บเลย พวกมันหลบเสามรกตที่หยงเวยสร้างอย่างง่ายดาย ก่อนจะแทรกตัวเข้าไปในช่องว่างเพื่อเข้าไปโจมตีหยงเวยเสีย

“ถอยออกมา อย่าไปติดกับมัน”แม้จะมีเสียงเตือนมาจากด้านหลัง แต่อสูรจำนวนหนึ่งก็เข้าไปในช่องระหว่างเสามรกตเสียแล้ว

ตูม!! ดาบมรกตของหยงเวยส่งคลื่นดาบออกมาฟาดใส่เหล่าอสูรที่เข้ามาในช่องแคบที่มันสร้างขึ้นจนร่างขาดเป็นชิ้นๆ หากไม่ใช่เพราะมีอสูรตนหนึ่งเตือนขึ้นมามันคงสามารถเก็บพวกอสูรได้มากกว่านี้แน่ๆ

“ไอ้พวกนี้มันอะไร ทำไมถึงน่ารำคาญขนาดนี้”เหล่าอสูรพูดออกมาหลังจากโดนพวกทหารและกลุ่มนักล่าอสูรตามจี้ไม่ติด เหล่านักล่าอสูรรุ่นใหม่ต่างมีความรู้ที่ได้มาจากไป๋จูเหวินเข้าช่วย ทำให้ความเข้าใจเกี่ยวกับอสูรเพิ่มขึ้นมากกว่านักล่าอสูรรุ่นก่อนๆหลายเท่า จุดอ่อนและจุดแข็งของอสูรแต่ละตัวถูกวิเคราะห์ตั้งแต่ก่อนพวกมันมาถึง ทำให้นักล่าอสูรทำหน้าที่ชี้เป้าให้เหล่าทหารเข้าโจมตีอสูรแต่ละตัวอย่างเป็นระบบ ส่งผลให้เหล่าอสูรที่มีความสามารถมากมายเหมือนโดนขัดขาไม่มีผิด

เปรี้ยง!!! กระบี่ของอู๋หมิงส่งร่างของอสูรระดับบรรพกาลขั้นแรกล้มลงไปนอนกับพื้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่มันจะหันไปโจมตีเหล่าอสูรระดับบรรพกาลตนต่อไปในทันที ยามนี้กำลังทหารของอาณาจักรอู๋มากกว่าหลายเท่า ปล่อยพวกทหารรุมโจมตีอสูรระดับมายาก็เกินพอแล้ว ทำให้อู๋หมิงและหยงเวยแยกกันเล็งหัวพวกระดับบรรพกาลกันก่อน เพียงแต่หยงเวยไม่สามารถแยกระดับของอสูรได้ มันเลยต้องตักวาดไปเรื่อยๆเท่านั้น ตัวไหนรอดมาได้หยงเวยก็จะเน้นตัวนั้นเป็นพิเศษ ทำให้หยงเวยเก็บอสูรระดับบรรพกาลได้ช้ากว่าอู๋หมิงนิดหน่อย

ตูม!! ระดับเจ้าสวรรค์ของอาณาจักรอู๋ไม่ได้มีเพียงอู๋หมิงและหยงเวยเท่านั้น ทั้งต้าชิงและต้าเฉินรวมทั้งภรรยาฝาแฝดของพวกมันต่างก็มีระดับเจ้าสวรรค์กันแล้วทั้งนั้น สามีภรรยาทั้งสองคู่ร่วมมือกันไม่นานก็ล้มอสูรระดับบรรพกาลลงได้คู่ละ 1 ตน ทำให้อสูรระดับบรรพกาลตายจนเกือบหมดแล้ว

“อาณาจักรอู๋ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า”หลังจากโดนต้อนจนเหลืออสูรระดับบรรพกาลเพียงตนเดียว เจ้าอสูรที่มีรูปร่างเหมือนงูก็พูดออกมาด้วยท่าทีเจ็บใจ

“พวกเจ้าบุกโจมตีอาณาจักรชู ซึ่งเป็นพันธมิตรของเรา มีอะไรที่พวกเราไม่เกี่ยวงั้นหรือ”อู๋หมิงถามพลางลดกระบี่ลงช้าๆ อสูรระดับบรรพกาลเหลือเพียงตัวเดียว อสูรระดับตำนานและมายาแตกกระเจิงไปคนละทาง ศึกแรกนี้อาณาจักรอู๋มีไชยอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว

“ถึงอย่างนั้นอาณาจักรชูก็ยังไม่ใช่ญาติขององค์ชายอยู่ดี องค์จักรพรรดิอู๋ท่านอย่าได้มายุ่งเรื่องนี้เลย”อสูรงูว่าพลางขบฟันแน่น ตัวมันแต่เดิมโดนสั่งให้มาบดขยี้อาณาจักรชูเท่านั้น ไม่ได้คิดว่าจะต้องมาเจอกองทัพของอาณาจักรอู๋ไปด้วย ทำให้พลาดท่าไม่มีชินดีเช่นนี้

“เกรงว่าจะไม่ได้ ต่อให้ไม่ใช่ญาติมิตร แต่อาณาจักรชูก็เป็นพันธมิตรกับเรามาเนิ่นนาน หากโจมตีอาณาจักรชูก็เท่ากับโจมตีอาณาจักรอู๋ และหากโจมตีอาณาจักรอู๋ก็เท่ากับโจมตีอาณาจักรชูเช่นกัน เรื่องนี้องค์ชายของพวกเจ้าน่าจะเข้าใจไม่ใช่หรือ”อู๋หมิงว่าพลางแทงกระบี่ลงไปบนพื้นด้านหน้าอสูรงูจนสายฟ้าแล่นปราบไปตามพื้นดินทำเอาอสูรงูถอยออกมานิดหน่อย

“ท่านอย่าได้ท้าทายองค์ชายนัก หากท่านยกทัพมาจริงๆละก็ อาณาจักรอู๋ก็อาณาจักรอู๋เถอะ คงไม่รอดพ้นคืนเดียวหรอก”อสูรงูหัวเราะพลางแลบลิ้นออกมา

“ดี กลับไปบอกองค์ชายไป๋ชินอี้ซะ ว่าลุงคนนี้จะไม่ถอย และจะรอต้อนรับกองทัพของเจ้าอย่างใจจดใจจ่อเลยทีเดียว”อู๋หมิงพูดจบก็เก็บกระบี่เข้ามิติของตน ก่อนจะปล่อยอสูรงูให้กลับไปรายงานชินอี้เสีย

“อย่าได้มานึกเสียใจทีหลังก็แล้วกัน”อสูรงูจ้องมองอู๋หมิงด้วยสายตาอาฆาตแค้นก่อนจะพากองทัพถอยไปช้าๆ

“เอาล่ะ…”อู๋หมิงถอนหายใจออกมาพลางเดินกลับเข้าไปหาเหล่าทหารของตนเอง

“เตรียมตัวให้พร้อม หลังจากนี้จะเป็นของจริง”อู๋หมิงพูดด้วยสีหน้าจริงจังมากกว่าเดิมหลายเท่า ครั้งหน้าจะไม่ใช่แต่อสูรระดับบรรพกาลไม่กี่ตนแล้ว และมีโอกาสสูงมากที่จะเจออสูรบรรพกาลระดับสูงกว่านี้หลายเท่า