ตอนที่ 317 บาทายักษ์ค้ำฟ้า โดย Ink Stone_Fantasy
ชั่วเวลาหนึ่งมื้อข้าวผ่านไป ทั้งสองก็ตามไล่กันไปไกลสิบกว่าลี้
อสรพิษดำตรงหน้าร่วงลงพื้น และมุดเข้าพื้นทรายในพริบตา
“ตุ๊บ!”
หลิ่วหมิงมาถึงจุดที่อสรพิษดำมุดลงไป จากนั้นก็ทุบลงด้านล่างอย่างรุนแรง
บังเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว!
พอคลื่นอากาศพร้อมด้วยฝุ่นคลุ้งกระจายไปทั่วทิศ หลุมลึกจั้งกว่าๆ ก็โผล่ออกมา
แต่ใจกลางหลุมกลับว่างเปล่า ไม่มีสิ่งใดอยู่เลย
หลิ่วหมิงขมวดคิ้ว และเอานิ้วแตะหน้าผาก พลังจิตอันแข็งแกร่งม้วนตัวออกไป
“ช่องมิติ!”
เขาหลุดปากออกมาทันที สีหน้าเปลี่ยนไปมาอยู่ไม่หยุด แต่ผ่านไปไม่นานก็หยิบยันต์ออกจากแขนเสื้อ และแปะลงบนตัว
พอมีเสียงดังขึ้น ยันต์ก็ระเบิดตัวเป็นอักขระสีเหลืองจางๆ สิบกว่าตัว
แสงสีเหลืองปรากฏขึ้นบนร่างหลิ่วหมิง หลังจากทำท่ามือด้วยมือเดียว ร่างของเขาก็จมหายไปในพื้นทรายอย่างไร้ร่องรอย
แม้ว่ารอบด้านจะเป็นเม็ดทรายสีเหลือง แต่ภายใต้การแสดงวิชา หลิ่วหมิงกลับทะลุลึกลงไปหลายจั้ง
พอทะลุลงไปได้เจ็ดแปดจั้ง แสงทรงกลดสีขาวขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางยาวไม่เกินจั้งกว่าๆ ก็ปรากฏขึ้นในทะเลทราย
แสงทรงกลดนี้ค่อยๆ หมุนวนอยู่กับที่อย่างต่อเนื่อง และปล่อยคลื่นมิติออกมาจางๆ แต่ดูเหมือนว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ในนั้นรำไร
หลิ่วหมิงทำท่ามือด้วยมือเดียว เขาขยับตัวแค่ทีเดียว ก็มาถึงด้านหน้าแสงทรงกลดสีขาว พอเขม้นตามองออกไป ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
มีภาพวาดพร่ามัวสีดำปรากฏอยู่ใจกลางแสงทรงกลด
หลังจากเขาแยกแยะอย่างละเอียดแล้ว ถึงมองเห็นสภาพภายในของสิ่งก่อสร้างบางอย่างคร่าวๆ
สิ่งนี้ทำให้เขาลังเลขึ้นมา
อสรพิษดำจะต้องหลบหนีจากช่องมิติไปทางด้านนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
หากให้เลิกตามล่าไปเช่นนี้ เขาย่อมไม่พอใจอย่างแน่นอน
เพราะในตอนแรก เขาสัญญาว่าจะสังหารมารอสรพิษตนนี้ให้ได้ หากยอมให้มันหนีไปได้ล่ะก็ ตอนออกไปจากเจดีย์ คงไม่รู้จะเผชิญหน้ากับประมุขนิกายปีศาจและคนอื่นๆ อย่างไร เกรงว่าพอถึงเวลานั้น อาจต้องถกเถียงกันเรื่องหัวพยัคฆ์โลหิตในมือก็ได้
ปีศาจอสูรในเจดีย์กักปีศาจนี้ เทียบเท่ากับว่าทางนิกายหยวนหมัวเลี้ยงมันขึ้นมา ที่ยอมให้เขาสังหารมันได้ นับว่าต้องเสียค่าตอบแทนไม่ใช่น้อย
แม้เขาไม่รู้ว่าช่องมิตินี้ปรากฏมาได้อย่างไร อีกด้านหนึ่งเป็นสถานที่ใด แต่ในเมื่ออสรพิษดำสามารถข้ามไปได้อย่างปลอดภัย เขาก็คงไม่เป็นอะไรเช่นกัน
หลิ่วหมิงครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว ก็ตัดสินใจได้ทันที แต่เพื่อป้องกันเหตุที่ไม่คาดคิด จึงไม่ได้ข้ามช่องมิติไปทันที แต่กลับสะบัดแขนเสื้อ ปล่อยยันต์เก่าๆ ออกมาผืนหนึ่ง หลังจากหมุนวนไปรอบหนึ่งแล้ว ก็ลอยนิ่งๆ อยู่กลางอากาศตรงหน้า
เขาร่ายคาถาออกมา มือทั้งสองทำท่ามืออย่างรวดเร็วราวกับล้อรถหมุน จากนั้นก็ชี้นิ้วไปทางยันต์ที่อยู่กลางอากาศ
“ฟู่!”
อักขระสีทองจำนวนมากลอยออกจากยันต์ผืนเก่าๆ พอมันรวมตัวเข้าด้วยกัน ก็กลายเป็นนักรบยันต์เกราะทองคำ
หลิ่วหมิงเอานิ้วแตะระหว่างคิ้วของนักรบยันต์ในทันที พลังเวทย์บริสุทธิ์จำนวนหนึ่งพุ่งเข้าไปในนั้น
ไม่นาน นักรับยันต์ก็ลืมตาทั้งคู่ขึ้นมา จากนั้นก็หมุนตัวเดินไปยังแสงทรงกลดที่อยู่ตรงหน้าโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
หลิ่วหมิงทำท่ามือด้วยมือเดียวด้วยตาที่เป็นประกาย และใช้พลังจิตเชื่อมต่อกับยันต์นักรบอยู่ตลอดเวลา
พริบตาที่นักรบยันต์เกราะทองคำเดินมาถึงหน้าแสงทรงกลด แรงดึงดูดก็ม้วนตัวออกมา และดึงมันเข้าไปในนั้น
หลิ่วหมิงเพียงแค่รู้สึกหนักศีรษะเล็กน้อย จากนั้นร่างของนักรบยันต์ก็โผล่ขึ้นอีกด้านหนึ่งของม่านแสงสีขาว และยังสามารถรักษาการติดต่อไว้ได้อย่างชัดเจน
“ดีมาก! ที่แท้ก็ไม่เป็นอะไร!” หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็กล่าวด้วยความโล่งอก จากนั้นก็พุ่งเข้าแสงทรงกลดอย่างไม่ลังเล
พอแสงสีขาวเปล่งประกายออกมา เขาก็มาปรากฏตัวอยู่บนระเบียงแคบยาวสีดำ ทั้งสองข้างล้วนเป็นเสาหินโบราณสีดำขนาดสูงใหญ่ แสงทรงกลดสีขาวอยู่ในเสาต้นหนึ่งพอดี ราวกับว่าถูกเลี่ยมฝังไว้ในนั้น
พอหลิ่วหมิงสังเกตดูรอบด้าน ก็มองเห็นสภาพบริเวณนั้นอย่างชัดเจน
ด้านบน ด้านหน้า และด้านหลังของระเบียง ล้วนถูกไอหมอกสีดำปกคลุมอยู่ ไอหมอกสีดำนี้ดูคล้ายกับในเจดีย์กักปีศาจมาก และทั้งสองด้านของระเบียงกลับเป็นพื้นที่ว่างเปล่าสีดำ ดูคล้ายกับทางช้างเผือก มีแสงสีเงินเป็นจุดๆ อยู่ในนั้น ซึ่งมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดเลย
ระเบียงถูกแขวนอยู่กลางอากาศโดยไม่มีสิ่งใดมาค้ำไว้
หลิ่วหมิงเดินไปด้านหนึ่งของระเบียงด้วยความประหลาดใจ พอมองไปด้านล่างก็มองเห็นดาวเป็นจุดๆ ซึ่งมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดเช่นกัน
เขาทำท่ามือด้วยมือเดียว และปล่อยพลังจิตอันแข็งแกร่งออกไป แต่พอไปถึงขอบระเบียง ก็ถูกกำแพงไร้รูปบางอย่างดีดกระเด็นกลับมา
ระเบียงอันแปลกประหลาดนี้ ถูกคนวางชั้นจำกัดบางอย่างไว้ ทำให้พลังจิตไม่อาจออกไปจากพื้นที่ของระเบียงได้เลยแม้แต่น้อย
หลิ่วหมิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย พอกระตุ้นเคล็ดวิชา ไอดำก็พวยพุ่งออกจากร่าง จากนั้นเขาถึงรู้สึกวางใจขึ้นมาบ้าง
มาถึงสถานที่แห่งนี้แล้ว พลังเวทย์ของเขากลับไม่ถูกควบคุมเลยแม้แต่น้อย!
พอเขาทำท่ามืออีกที หมอกดำก็พวยพุ่งที่ใต้เท้า และค่อยๆ พยุงร่างเขาขึ้นมา
ดูเหมือนว่าวิชาเหินเวหาที่เคยถูกจำกัดในตอนแรก จะฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติเมื่ออยู่ ณ สถานที่แห่งนี้
ตอนนี้หลิ่วหมิงเริ่มเข้าใจบ้างแล้ว!
มีความเป็นไปได้ว่า สถานที่แห่งนี้ไม่ได้อยู่ในเจดีย์กักปีศาจ แต่เป็นมิติเดี่ยวอีกด้านหนึ่ง
แต่ขณะนี้ อสรพิษดำได้หลบหนีไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว หากเขาจะตามล่ามันล่ะก็ เกรงว่าคงต้องเล่นลูกไม้ไม่ใช่น้อย
แต่ดีที่อสรพิษดำเพิ่งไปจากที่นี่ไม่นาน คงจะทิ้งกลิ่นไอไว้อยู่บ้าง และก่อนหน้านั้น เขาก็จำกลิ่นไอของมารอสรพิษได้อย่างชัดเจน
หลังจากลังเลเล็กน้อย เขาก็พลิกฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้น ธงค่ายกลหลากสีปรากฏขึ้นในมือ เพียงแค่โยนออกไปในอากาศ มันก็หายไปจากบริเวณนั้นอย่างไร้ร่องรอย
จากนั้น เขาก็ชี้มือไปทางอากาศ แสงทรงกลดสีขาวปรากฏออกมา หลังจากพร่ามัวอยู่ครู่หนึ่ง ก็กลายเป็นสีเดียวกับอากาศบริเวณนั้น และปิดบังช่องมิติไว้
หลังจากหลิ่วหมิงใช้พลังจิตสั่งนักรบยันต์เกราะทองคำแล้ว เขาก็หยิบแผ่นค่ายกลกลมๆ ออกมาจากอก นิ้วมือทั้งสิบชี้ไปบนนั้นติดต่อกัน ไอดำจางๆ ปรากฏออกมาบนนั้น
พอเขาขยับตัว ก็พุ่งไปยังทิศทางบางแห่งที่ตั้งไว้อย่างแม่นยำ
……
บนแท่นบูชาที่ดูคล้ายกับเกาะเล็กๆ ลอยอยู่กลางอากาศ ‘ตันกาน’ ยืนอยู่ตรงขอบค่ายกลขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยอักขระหลากสี เขากำลังมองดูสัตว์ขนาดมหึมาที่ถูกโซ่อาญาสิทธิ์สีขาวจำนวนมากผูกรัดอยู่กลางค่ายกล แม้สีหน้าจะซีดขาว แต่ก็ปกปิดความดีใจไว้ไม่มิด
พื้นผิวของสิ่งที่ถูกรัดแน่นอยู่กลางค่ายกล ถูกปกคลุมด้วยเกล็ดสีดำ เล็บเท้ายาวจั้งกว่าๆ ฝ่าเท้ามีขนสีดำยาวหลายฉื่อจำนวนสิบกว่าเส้น มันคือบาทายักษ์ค้ำฟ้าที่มีขนาดราวกับเขาลูกเล็กๆ
หากหลิ่วหมิงเห็นสิ่งนี้ล่ะก็ ย่อมตกใจจนหน้าถอดสีอย่างแน่นอน
บาทายักษ์ค้ำฟ้าดูคล้ายกับฝ่ามือยักษ์ค้ำฟ้าที่เขาเจอในแดนลึกลับเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่ามาจากร่างเดียวกัน
แต่นอกจากบาทายักษ์ที่ถูกโซ่อาญาสิทธิ์สีขาวรัดพันไว้แล้ว ยังมีม่านแสงเจ็ดสีปกคลุมค่ายกลทั้งหลังไว้ และพอมองอย่างละเอียด ยังค้นพบว่าโซ่อาญาสิทธิ์กว่าครึ่งหนึ่งจมเข้าไปในเนื้อของบาทายักษ์ ราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่เกิดมาพร้อมกัน
‘ตันกาน’ ค่อยๆ เดินวนดูรอบๆ ม่านแสงเจ็ดสี จากนั้นรอยยิ้มของเขาก็ค่อยๆ หุบลง
“ผนึกโบราณนี้สมบูรณ์กว่าที่คาดคิดไว้มาก วิธีการแต่เดิมจะสามารถทำลายมันได้หรือไม่นั้น ไม่อาจพูดได้”
ชายหนุ่มบ่นพึมพำด้วยความหงุดหงิด จากนั้นก็หยิบสิ่งของกองหนึ่งออกมาจากอกด้วยสีหน้าเคร่งขรึม รวมถึงป้ายหยกที่เกือบโปร่งใสอีกหลายอัน ขวดสีทองเล็กๆ ล้อบินสีเงินที่มีขนาดเท่าฝ่ามือ และม้วนหนังสือโบราณสีเหลืองที่ค่อนข้างเก่าม้วนหนึ่ง
พอ ‘ตันกาน’ สะบัดแขนเสื้อ สิ่งของเหล่านี้ก็ลอยอยู่ตรงหน้า เมื่อเขาชี้นิ้วออกไป ล้อบินสีเงินก็กลายเป็นกลุ่มแสงสีเงิน มันพุ่งไปปะทะม่านแสงเจ็ดสีอย่างรุนแรง
“เต๊ง!”
ม่านแสงเจ็ดสีไม่กระเทือนเลยแม้แต่น้อย ล้อบินสีเงินกลับกระเด็นกลับมาราวกับฟันโดนเหล็กกล้า
ชายหนุ่มไม่รู้สึกแปลกใจเลยแม้แต่น้อย แต่กลับทำท่ามือด้วยมือข้างเดียวเพื่อกระตุ้นอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นก็มีเสียงดัง “ฉึกๆ!” ฟันแหลมคมยาวชุ่นกว่าๆ ปรากฏบนผิวล้อบินเป็นจำนวนมาก และเริ่มส่งเสียงดังหวึ่งๆ อย่างบ้าระห่ำ จากนั้นก็ฟันใส่ม่านแสงเจ็ดสีอีกครั้ง
พอมีเสียงแสบแก้วหูดังขึ้น ก็เกิดประกายไฟจำนวนมาก จากนั้นล้อเงินก็กระเด็นกลับมาอีกครั้ง ม่านแสงยังคงไม่กระเทือนเลยแม้แต่น้อย
‘ตันกาน’ ทำเสียงฮึดฮัด และกระแทกใส่ม้วนหนังสือสีเหลือง
ม้วนหนังสือค่อยๆ คลายออกมา เผยให้เห็นภาพโบราณที่ใช้อักขระจำนวนมากวาดขึ้น ใจกลางภาพมีอีกาที่เปล่งแสงสีทองอร่ามจารึกอยู่ ปีกทั้งสองของมันกางออกจากกัน และแหงนคอทำท่าบินขึ้นที่สูง!
ชายหนุ่มอ้าปากพ่นโอสถโลหิตรูปร่างสี่เหลี่ยมใส่ภาพโบราณ ขณะเดียวกัน กลิ่นสมุนไพรอันเข้มข้นก็แผ่กระจายออกมา
จากนั้น ‘ตันกาน’ ก็ทำท่ามือด้วยมือทั้งสองอย่างรวดเร็ว และปล่อยวิชาไปยังภาพโบราณ
ฉากที่คาดไม่ถึงได้ปรากฏขึ้นแล้ว!
อีกาสีทองที่อยู่ในภาพวาดอย่างเงียบๆ เริ่มพร่ามัวขึ้น จากนั้นเสียงที่ไม่น่าฟังก็ดังออกมา และเงาหัวอีกาสีทองก็ยื่นออกมางับโอสถไว้ และกลืนลงไป
แสงสีทองเปล่งประกายออกจากรูปภาพ และมีเสียงดัง “กาๆ!” ออกมาจากในนั้น จากนั้นอีกาทองที่มีสามขาก็บินออกมา
“ไป!”
ชายหนุ่มคำรามเสียงต่ำ และชี้นิ้วไปทางอีกาทอง
อีกาหมุนวนอยู่รอบหนึ่ง และอ้าปากพ่นเปลวเพลิงสีทองใส่ล้อบินพอดี
“ฟู่!” ล้อบินถูกเปลวเพลิงสีทองห่อหุ้มไว้ ฟันแหลมคมที่หมุนวนอยู่ตรงขอบ ก็มีเปลวเพลิงปรากฏออกมา ทำให้อานุภาพมันแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านั้นหลายเท่า
ม่านแสงหลากสีเริ่มสั่นไหวเล็กน้อย
‘ตันกาน’ เห็นเช่นนี้ ก็ดีดนิ้วออกไปด้วยความดีใจ
“เพล้ง!”
ขวดเล็กสีทองระเบิดออกมาทันที ของเหลวสีดำพุ่งออกจากในนั้น
พอของเหลวนี้ปรากฏตัวขึ้น มันก็ส่งคลื่นเสียงอันน่าตกใจออกมา หลังจากหมุนติ้วๆ รวมกันแล้ว ก็พ่นหมอกดำพวยพุ่งออกมาจากในนั้น
………………………………………