ตอนที่ 318 ผนึกกับอสรพิษดำ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตอนที่ 318 ผนึกกับอสรพิษดำ โดย Ink Stone_Fantasy

สายน้ำสีดำที่ยาวสิบกว่าจั้งพุ่งออกจากหมอกดำ และปะทะใส่ล้อบินสีเงินที่อยู่บริเวณนั้น

“ตู๊มๆ!” ภายใต้การโจมตีของสายน้ำสีดำ ม่านแสงเจ็ดสีก็เริ่มสั่นไหว แม้แต่อักขระที่อยู่ในค่ายกล ก็เริ่มแตกกระจายออกมา

‘ตันกาน’ เห็นเช่นนี้ ก็ยิ่งดีใจมากกว่าเดิม

หากค่ายกลผนึกโบราณยังคงมีสภาพสมบูรณ์ล่ะก็ เกรงว่าต่อให้เป็นผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งกว่าเขาร้อยกว่าเท่า ก็คงไม่อาจสั่นสะเทือนมันได้

แต่ค่ายกลตรงหน้า ไม่รู้ว่าผ่านกาลเวลามากี่หมื่นปี ไม่เพียงแต่มีพลังเหลืออยู่น้อยมาก ตัวค่ายกลเองก็ถูกลมโกรกจนเสียหายไปกว่าครึ่งหนึ่ง อานุภาพในตอนแรกเหลือแค่ไม่ถึงหนึ่งในพัน

สิ่งที่ผนึกอยู่ในค่ายกล ย่อมเป็นบาทาของปีศาจยักษ์ที่ปกครองอวิ๋นชวนรวมไปถึงเขตทะเลชังไห่ในสมัยบรรพกาล

ตามที่บันทึกในคัมภีร์ ในสมัยก่อนปีศาจยักษ์ตนนี้ ถูกเผ่าเจ้าสมุทรในทะเลชังไห่จำนวนมากร่วมมือกันสังหาร แต่ไม่สามารถทำลายกายเนื้อมันได้ทั้งหมด ทำให้แต่แยกหัว มือ เท้าออกจากกัน และหาที่เร้นลับปิดผนึกมันไว้

แดนลึกลับที่เชื่อมต่อกับเจดีย์กักปีศาจนี้ เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ใช้ปิดผนึกมัน

แต่ตำแหน่งที่แม่นยำของสถานที่ปิดผนึกแห่งนี้ ถูกนักรบในสมัยก่อนปิดซ่อนไว้ คนที่รู้เรื่องนี้มีอยู่น้อยมาก ผ่านมานานขนาดนี้ ย่อมไม่มีคนรู้ตำแหน่งที่แท้จริงของมัน

ในสมัยก่อน ปรมาจารย์นิกายหยวนหมัวก่อตั้งนิกายขึ้นที่นี่ ต่อมาก็ค้นพบแดนลึกลับแห่งนี้ จึงได้สร้างเจดีย์กักปีศาจเชื่อมต่อมันเข้าด้วยกัน

ที่เจดีย์กักปีศาจมีปีศาจอสูรกลายเป็นมาร เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่กี่ปีมานี้ และยังไม่มีลางบอกเหตุมาก่อน ราวกับว่ามันเกิดขึ้นมาเอง

ในเวลานั้น เป็นช่วงที่ ‘ตันกาน’ เป็นผู้ฝึกฝนที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ด้วยความอยากรู้อยากเห็น จึงใช้เวลาในการหาต้นตอของปีศาจอสูรเหล่านี้ หลังจากสืบค้นอยู่หลายสิบปี ในที่สุดก็สืบค้นมาถึงแดนลึกลับ และพบเจอร่องรอยที่เกี่ยวข้องกับผนึก จึงได้มั่นใจว่า แดนลึกลับเล็กๆ ในนิกายหยวนหมัวที่ไม่รู้ถูกค้นไปกี่รอบแล้ว เป็นสถานที่ปิดผนึกเท้าของปีศาจยักษ์

สิ่งนี้ทำให้ ‘ตันกาน’ รู้สึกตกใจระคนดีใจเป็นอย่างมาก!

แต่ยังไม่ทันที่อดีตหยวนหมัวผู้นี้ จะใช้วิธีการใดๆ จัดการกับมัน เขาก็ทะลวงเขตแดนแก่นแท้ล้มเหลว จนถูกพลังปีศาจสะท้อนกลับ ซึ่งไม่เพียงแต่ระดับการฝึกฝนลดลงจนเสียตำแหน่งหยวนหมัวไป แต่ยังต้องหลบซ่อนอยู่ในแดนต้องห้ามตรงไหล่เขาของเขาหยวนหมัว เพื่อขจัดพลังปีศาจที่สะท้อนกลับมา

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงได้แต่เก็บเรื่องสถานที่ปิดผนึกไว้

แต่หลังจากที่อดีตหยวนหมัวผู้นี้ ใช้เวลาศึกษามานานหลายปี ก็ค้นพบวิธีขจัดพลังปีศาจที่สะท้อนกลับได้ในที่สุด ซึ่งจำเป็นต้องดูดซับไอปีศาจจากเผ่าปีศาจที่แท้จริง ถึงจะมีไอปีศาจแท้ได้ และมันก็สามารถจัดการอันตรายจากพลังที่สะท้อนกลับได้ ดังนั้นเขาจึงคิดว่าสถานที่ปิดผนึกอาจจะอยู่ในแดนลึกลับ ถึงได้เดินทางมาครั้งนี้

ส่วนการเปิดผนึกจะก่อให้เกิดปัญหาใดๆ ตามมาหรือไม่นั้น ในสถานการณ์ที่ ‘ตันกาน’ ไม่สามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ เขาย่อมไม่คำนึงถึงอะไรมาก

ยิ่งไปกว่านั้น ในการคาดเดาของเขา แม้ว่าปีศาจยักษ์โบราณตนนั้น จะมีพลังมหาศาล อานุภาพก็ยากจะคาดเดาได้ แต่สถานที่ปิดผนึก มีบาทาของมันอยู่ข้างเดียวเท่านั้น บวกกับระยะเวลาที่ผ่านมานานขนาดนี้ คงจะอ่อนแอไปอย่างมาก และคงไม่มีอำนาจคุกคามใดๆ

ครั้งนี้ เขาไม่ได้คิดจะทำลายผนึกโดยสมบูรณ์ เพียงแค่เปิดรอยร้าวเส้นหนึ่งบนผนึกนี้ ก็เพียงพอที่เขาจะรวบรวมไอปีศาจแท้ได้แล้ว

มิเช่นนั้น ด้วยอานุภาพของปีศาจยักษ์ในสมัยโบราณ ผนึกที่สามารถปิดผนึกเท้าของมันได้ ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกฝนระดับแก่นเสมือนคนหนึ่งจะกล้าทำอะไรกับมัน

ยิ่งไปกว่านั้น กายเนื้อของ ‘ตันกาน’ ที่อยู่ตรงหน้า หรือร่างที่อดีต ‘หยวนหมัว’ ยืมมาใช้ชั่วคราว มีระดับการฝึกฝนแค่ศิษย์จิตวิญญาณเท่านั้น ซึ่งเขาอาศัยเคล็ดวิชาส่งพลังเวทย์เข้าไป ทำให้สามารถกระตุ้นใช้ในเวลาที่ต้องการได้ โดยแลกกับอายุขัยที่ลดลง จวบจนกระทั่งสำแดงพลังที่แข็งแกร่งกว่าเจ้าของร่างได้

ด้วยเหตุนี้ ย่อมมีเวลาในการประคับประคองน้อยมาก

ส่วนสมบัติที่เขาหยิบออกมานั้น เป็นอาวุธจิตวิญญาณที่เขาตั้งใจเลือกมาทำลายค่ายกลโดยเฉพาะ แม้จะไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดที่เขาสะสมมา แต่กลับเหมาะสมที่จะใช้ในสถานการณ์นี้พอดี ซึ่งมีผลต่อการทำลายค่ายกลอย่างน่าอัศจรรย์

ตอนแรกที่เขาเห็นค่ายกลปิดผนึกมีสภาพสมบูรณ์ ก็ยังรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก แต่คิดไม่ถึงว่า หลังจากลงมือไปหนึ่งครั้ง จะสามารถสั่นสะเทือนมันได้

สิ่งนี้ย่อมทำให้ ‘ตันกาน’ ดีใจเป็นอย่างมาก เขาเริ่มกระตุ้นสมบัติตรงหน้า เพื่อเพิ่มพลังการโจมตีผนึก

พอเขาเปิดฝาขวดเล็กสีทองออกมา ของเหลวสีเงินก็พุ่งออกจากในนั้น หลังจากผสมกับสายน้ำสีดำ อานุภาพของมันก็เพิ่มขึ้นเกือบครึ่งหนึ่ง

ส่วนป้ายหยกเหล่านั้น หลังจากที่โยนมันออกไปแล้ว มันก็ปล่อยสายฟ้าสีเงินออกมา และฟาดใส่ม่านแสงเจ็ดสีจนสั่นสะท้าน

นี่เป็นเพราะว่า ชั่วเวลาอึดใจที่อดีตหยวนหมัวผู้นี้เข้าสู่ระดับแก่นเสมือนนั้น เขาได้แบ่งจิตออกไปเป็นจำนวนมาก มิเช่นนั้น ต่อให้เป็นระดับผลึกโดยทั่วไป ก็ไม่สามารถควบคุมสมบัติล้ำค่าจำนวนมากนี้ได้

แต่ภายใต้การโจมตีพร้อมกันของสมบัติจำนวนมาก พลังเวทย์ในร่างของ ‘ตันกาน’ ก็พุ่งกระฉูดออกมาราวกับสายน้ำที่เชี่ยวกราก ชั่วเวลาไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา เขาก็จำเป็นต้องกระตุ้นอายุขัยในร่างขึ้นมา

เวลาค่อยๆ ผ่านไป ใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์ ก็เริ่มมีรอยเหี่ยวย่นปรากฏออกมา ขณะเดียวกันเส้นผมสีดำ ก็ค่อยๆ กลายเป็นสีขาวเทา

ไม่นาน ‘ตันกาน’ ก็กลายร่างเป็นชายชราที่อายุย่างเข้าหกสิบ

แต่อดีตหยวนหมัวผู้นี้ ไม่ได้สนใจรูปร่างที่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย เขาเอาแต่กระตุ้นสมบัติล้ำค่าอยู่ไม่หยุด

พออักขระในค่ายกลแตกสลายไปหนึ่งในสามส่วน ม่านแสงบางๆ ที่อยู่เหนือค่ายกล ก็ยังคงประคับประคองอย่างทุลักทุเล แต่ก็ไม่ได้แตกกระจายออกมา

เมื่อเป็นเช่นนี้ ‘ตันกาน’ ย่อมรู้สึกร้อนใจเป็นอย่างมาก

ด้วยอายุขัยที่เหลืออยู่ของกายเนื้อในตอนนี้ ไม่สามารถยืนหยัดได้นานมากนัก

เขาครุ่นคิดไปมาอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็กัดฟัน และเอามือตบลงบนศีรษะอย่างรวดเร็ว ไอดำกลุ่มหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้ากลายเป็นใบหน้าแปลกประหลาดของชายผู้หนึ่ง

พริบตาที่ใบหน้าผู้ชายปรากฏออกมา มันก็ร่ายคาถาอยู่ไม่หยุด ‘ตันกาน’ ก็ร่ายคาถาตาม และทำท่ามือด้วยมือทั้งสองอย่างต่อเนื่อง

คลื่นสั่นสะเทือนกลางอากาศ เมฆหมอกสีเทากลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นเหนือม่านแสงเจ็ดสี และหมุนวนจนกลายเป็นระลอกคลื่น พอเสียงร่ายคาถายิ่งกระชั้นชิดมากขึ้น มันก็ยิ่งขยายใหญ่มากขึ้น

กลิ่นไอที่แผ่ออกจากตัวของ ‘ตันกาน’ เข้าสู่ระดับผลึกในพริบตา

แม้จะมีเสียงดังน่าตกใจดังมาจากกลางระลอกคลื่น แต่กลับไม่มีสิ่งใดปรากฏออกมา

ใบหน้าผู้ชายเห็นเช่นนี้ ก็แสดงสีหน้าดุร้ายขึ้นมาทันที แม้ว่าปากจะร่ายคาถาอยู่ไม่หยุด แต่ ‘ตันกาน’ ที่อยู่ด้านล่างกลับพลิกฝ่ามือไปกลางอากาศ

ทันใดนั้น กระบี่สั้นสีดำเล่มหนึ่งก็ปรากฏออกมา และฟันลงบนหัวไหล่อย่างไม่ลังเล

แขนหลุดออกมาโดยไร้สุ้มเสียง และระเบิดออกมาเป็นหมอกโลหิต จากนั้นก็พุ่งเขาไปในระลอกคลื่น

ครู่ต่อมา มีเสียงหัวเราะเบาๆ ของผู้หญิงดังมาจากระลอกคลื่น

พอเสียงนี้เข้าไปในหูของใบหน้าผู้ชาย มันก็แสดงสีหน้าเจ็บปวดเป็นอย่างมาก

แม้ ‘ตันกาน’ จะยังคงมีใบหน้าไร้ความรู้สึก แต่กลับมีโลหิตสีดำไหลออกจากใบหูทั้งสองข้าง

ใบหน้าผู้ชายหยุดร่ายคาถา และชี้นิ้วไปทางระลอกคลื่น ขณะเดียวกันก็คำรามออกมา

พริบตานั้น เสียงหัวเราะของผู้หญิงก็หยุดชะงักลง ฝ่ามือที่ถูกเกล็ดสีเขียวจางๆ ห่อหุ้มไว้ ค่อยๆ ยื่นออกมาจากระลอกคลื่น พอนิ้วทั้งห้าแยกออกจากกัน มันก็กดลงด้านล่างเบาๆ

“ตู๊ม!”

ปรากฏรอยฝ่ามือยักษ์บนม่านแสงเจ็ดสี บวกกับสมบัติหลายชิ้นที่ยังโจมตีอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดมันก็แตกกระจายออกมาด้วยเสียงอันดัง

แต่พอโจมตีเสร็จ ระลอกคลื่นกลางอากาศกับมือที่อยู่ในนั้น ก็หายวับไปพร้อมกัน

และใบหน้าผู้ชายสีดำกลับแสดงสีหน้าดีใจเป็นอย่างมาก จากนั้นก็มุดเข้าไปในศีรษะของ ‘ตันกาน’ ที่อยู่ด้านล่าง

“ฟู่!”

พอสีหน้า ‘ตันกาน’ กลับมาดูซึมกระทือเช่นเดิม เขาก็กระอักเลือดสีดำออกมา เส้นผมสีขาวเทากลายเป็นสีขาวราวหิมะในพริบตา ขณะเดียวกัน ก็มีรอยเหี่ยวย่นเต็มใบหน้า

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พอ ‘ตันกาน’ กระอักเลือดเสร็จแล้ว เขาก็หัวเราะออกมา

“แม้กายเนื้อนี้ จะมีอายุขัยเหลือเพียงไม่กี่เดือน แต่ขอแค่ได้ไอปีศาจแท้มา ก็ถือว่าคุ้มค่ามากแล้ว”

พอกล่าวจบ ล้อบินสีเงิน และสมบัติชิ้นอื่นๆ ก็ดับแสงลง และตกลงมา

ม้วนหนังสือกับป้ายหยกเหล่านั้น กลายเป็นควันสีดำ และสลายไปในอากาศ ขอบล้อบินสีเงินกลับมีรอยร้าวปรากฏออกมา ประจักษ์ชัดว่าได้ชำรุดไปแล้ว

พอสายน้ำสีดำม้วนตัวออกไป มันก็กลายเป็นหยดของเหลวสีดำ และค่อยๆ ตกลงมาจากอากาศ

ประจักษ์ชัดว่า พลังเวทย์ที่ ‘ตันกาน’ ใช้อายุขัยแลกมา ได้ใช้ไปจนหมดสิ้นแล้ว

แต่ตอนนี้เขา กลับมองไปยังบาทายักษ์ที่โผล่ออกมาด้วยสีหน้าตื่นเต้น ส่วนที่ว่าจะรวบรวมไอปีศาจแท้มาได้อย่างไรนั้น เขามีแผนไว้ในใจแต่แรกแล้ว

พอ ‘ตันกาน’ พลิกฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้น น้ำเต้าสีดำอันหนึ่งก็ปรากฏออกมา จากนั้นเขาก็เดินโซซัดโซเซไปทางบาทายักษ์

บาทายักษ์ที่ถูกโซ่อาญาสิทธิ์รัดอยู่ยังคงไม่ขยับเขยื้อน ราวกับว่าม่านแสงเจ็ดสีที่แตกกระจายออกมา ไม่มีผลกระทบใดๆ กับมัน

‘ตันกาน’ เห็นเช่นนี้ก็รู้สึกวางใจขึ้นมา หลังจากเคลื่อนไหวสองสามที ก็อยู่ห่างจากบาทายักษ์ไม่ถึงจั้งกว่าๆ

เขายกน้ำเต้าสีดำขึ้นมา และเตรียมที่จะแกว่งไปทางบาทายักษ์

ขณะนั้นเอง พลันมีเสียงดัง “ฟู่!” “ฟู่!” ขนแข็งๆ สองสามเส้นที่อยู่ใกล้เขามากที่สุดกลายเป็นอสรพิษดำ และกระโจนเข้ามา

“แย่แล้ว!”

‘ตันกาน’ เป็นถึงอดีตหยวนหมัว แม้จะคิดว่าบาทายักษ์ไม่อาจสร้างอันตรายอะไรให้เขาได้ แต่ก็ยังระวังตัวอยู่เสมอ พอเห็นฉากเช่นนี้ ก็หลุดปากออกมาทันที ยันต์ที่ถืออยู่ในมือตั้งแต่แรก ถูกขยี้ในพริบตา

โล่แสงสีขาวปรากฏขึ้นตรงหน้า อสรพิษดำที่กลายร่างมาจากขนแข็งๆ กัดลงบนนั้น แต่มันก็ต้องหดตัวกลับไป

‘ตันกาน’ เห็นเช่นนี้ก็แสดงสีหน้าพอใจออกมา และขณะที่กำลังจะแกว่งน้ำเต้าในมือ พลันได้ยินเสียงดัง “ฟู่!” เข้ามาในหู รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาชะงักลงทันที

ขณะเดียวกัน อสรพิษดำก็เจาะทะลุศีรษะเขาไป หลังจากหมุนวนหนึ่งรอบแล้ว ก็จ้องมองด้วยดวงตาที่แดงก่ำ และปากของมันก็ดูเหมือนจะเคี้ยวอะไรบางอย่างอยู่

………………………………………