ตอนที่ 1,659 : ข่าวแพร่กระจาย
ทว่ากระทั่งตอนนี้ต้วนหลิงเทียนเองก็คงนึกไม่ถึงเลยจริงๆ
ว่าไอวาจาโกหกคำโตที่เขายกขึ้นมากล่าวกับหานเจิ้งเทียนว่ามีสหายอยู่ในขุมพลังกึ่งชั้น 3 นั้น แท้ที่จริงแล้วไม่อาจนับว่าเป็นคำลวงแม้แต่นิดเดียว!
นั่นเพราะตำหนักเมฆาครามที่บิดาเขาปกครองอยู่ ก็ถือเป็นขุมพลังกึ่งชั้น 3! เรียกว่าเป็นมหาอำนาจในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องล่าง! คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องนั้นเรียกว่าอยู่กันคนละโลกกับตำหนักเมฆาครามเลยจริงๆ!!
แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้รู้ตัวเลย ว่าบิดาของเขาเป็นถึงผู้นำขุมพลังกึ่งชั้น 3!
ไม่อย่างนั้นเรื่องงานแต่งของเฉวี่ยไน่ก็คงไม่ต้องครุ่นคิดอะไรให้วุ่นวาย ขอเพียงบิดาเขากล่าวคำเดียวคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องก็คงไม่กล้าไม่ล้มเลิกงานวิวาห์!
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนเดินทางออกจากคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน ข่าวอันน่าตื่นตระหนกจากเขตอิทธิพลของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนก็พึ่งแพร่กระจายมาถึงคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานพอดี!
ตราผนึกมาร 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ ปรากฏสู่โลกหล้าอีกครั้ง!
ยิ่งไปกว่านั้นมันยังอยู่ในมือของผู้ฝึกตนขอบเขตครึ่งก้าวเซียนนามว่า ต้วนหลิงเทียน!
เรียกว่าเพียงพริบตา นามต้วนหลิงเทียน ผู้ครอบครองตราผนึกมารก็แพร่กระจายไปทั่วเขตอิทธิพลคฤหาสน์คลื่นขจียิ่งกว่าไฟลามทุ่ม!
“ตราผนึกมารในตำนานนั่น ปรากฏขึ้นมาแล้วจริงๆ?”
“มิผิด! เห็นว่ามันปรากฏขึ้นในพื้นที่อิทธิพลของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน ยังกล่าวว่าผู้ฝึกตนในขอบเขตครึ่งก้าวเซียน ใช้ตราผนึกมารนั่นฆ่าผู้ฝึกมารขอบเขตเซียนดั้งเดิมได้ในชั่วพริบตา ยังง่ายดายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ!!”
“สวรรค์! ครึ่งก้าวเซียนกลับฆ่าผู้ฝึกมารขอบเขตเซียนดั้งเดิมได้ได้ชั่วพริบตา…ท่าทางข่าวลือของตราผนึกมารจักมิใช่เรื่องเหลวไหลแล้ว มันมีอานุภาพต่อผู้ฝึกมารใหญ่หลวงนัก!”
“หากข้าได้ตราผนึกมารมาครองล่ะก็ ต่อให้เป็นผู้ฝึกมารขอบเขตเซียนขัดเกลาก็ไม่นับเป็นตัวอะไรในสายตาข้า!!”
“ฮึ่ม! อาศัยพลังฝึกปรือแค่ครึ่งก้าวเซียนถือดีอันใดมาครอบครองตราผนึกมาร!? หากข้ารู้ว่ามันอยู่ที่ใด ข้าจะออกไปฆ่ามันให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ ตราผนึกมารนั่นจักได้ตกเป็นของข้า!!”
“เลิกฝันเถอะ…ปัญญาจะพบตัวยังไม่มี นับประสาอะไรกับฆ่า”
……
วาจาทำนองนี้ดังไปทั่วเขตอิทธิพลคฤหาสน์คลื่นขจี ไม่ว่าใครก็ตามที่รู้เรื่องตราผนึกมารก็อยากได้อยากมีด้วยกันแทบทั้งนั้น
บางคนก็อยากได้ไว้ใช้ บางคนรู้ดีว่าไม่มีทาง บางคนก็กล่าวกันเอาสนุกสนาน
บ้างก็ประเมินตัวเองสูงไป กล่าวว่าจะหาตัวต้วนหลิงเทียนให้เจอใน 3 วัน 7 วันแล้วฆ่าชิงตราผนึกมารมาเสีย
เรียกว่าตอนนี้ยอดฝีมือมากมายล้วนให้ความสนใจในผู้ฝึกตนครึ่งก้าวเซียนนามต้วนหลิงเทียนกันยกใหญ่
ข่าวที่แพร่มาจากคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนนี้ ก็ทำให้คฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานคึกคักขึ้นมาไม่น้อย
“ต้วนหลิงเทียนอัจฉริยะรุ่นเยาว์ ที่อายุยังไม่ถึง 40 ปี พลังฝีมือครึ่งก้าวเซียน…สังหารยอดฝีมืออันดับ 1 ในรายนามนภาของเขตอิทธิพลคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน หลินตง ที่พึ่งทะลวงถึงขอบเขตเซียน…ต่อมาอาศัยตราผนึกมารที่กลายเป็นจุดสนใจ หลบหนีทุกผู้คนไปได้อย่างไร้ร่องรอย…”
“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้อายุยังไม่ถึง 40 จริงๆ?”
“อายุยังไม่ถึง 40 บรรลุครึ่งก้าวเซียน แถมยังได้รับตราผนึกมารมาครอง! ยังฆ่าเซียนดั้งเดิมขั้นต้นที่พึ่งทะลวงมาได้ ด้วยขอบเขตครึ่งก้าวเซียน!”
“ถึงแม้ว่าอันดับ 1 ในรายนามนภาหลินตงผู้นั้นจะพึ่งทะลวงดาน แต่จะอย่างไรก็ถือว่าเป็นขอบเขตเซียนไปแล้ว…เซียนกับมิใช่เซียนนั้นแตกต่างกันราวคนละโลก! เรื่องนี้ผู้คนทั้งดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ามีผู้ใดไม่รู้…แต่ต้วนหลิงเทียนคนนั้นกลับฆ่าเซียนได้ทั้งๆที่เป็นครึ่งก้าวเซียน?”
“น่าเหลือเชื่อยิ่งนัก!”
“ข้าคิดว่าสมควรเป็นเพราะเขามียันต์เต๋าระดับสูงเป็นแน่ และยันต์เต๋าระดับสูงที่ว่าคงสร้างรังสีกระบี่สังหารอันร้ายกาจ ฆ่าหลินตงนั่นไป!”
“แต่เรื่องพรรค์นี้จะเป็นไปได้อย่างไร ยันต์เต๋าสายจู่โจมจำพวกรังสีกระบี่สังหารนั้นมีค่ามหาศาลนัก มันจักไปโผล่แถวพื้นที่ขุมพลังชั้น 6 ได้อย่างไร?”
“เหอะๆ! อย่าได้ลืมกันไปเสียเล่าว่ากระทั่งตราผนึกมารเขายังมี! ตราผนึกมารนั่นกระทั่งขุมพลังระดับแนวหน้ายังหาไม่ได้!!”
……
ยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไหร่ เรื่องตราผนึกมารและต้วนหลิงเทียนก็แพร่กระจายไปมากเข้า
เรียกว่าตอนนี้ชื่อเสียงเขาโด่งดังไปทั่วสารทิศ อย่างยากที่จะหยุดยั้ง!!
ที่บ้านพักมหึมาหลังหนึ่งในเขตที่ดินของคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน หานเจิ้งเทียนที่ได้ยินข่าวลือด้านนอกแล้วก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ แม้จะรู้เรื่องนี้มาก่อนแล้วก็ตาม
เรียกว่าถึงก่อนหน้าเขาจะเชื่อในวาจาของต้วนหลิงเทียน
แต่พอได้ทราบข่าวนี้จากภายนอก ก็ทำให้รู้สึกแตกต่างไปอีกแบบ
“บางทีเสี่ยวเทียนอาจช่วยให้คฤหาสน์คลื่นขจีผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้จริงๆ…”
หานเจิ้งเทียนกล่าวพึมพำ
หานเจิ้งเทียนได้ยินข่าวลือ แน่นอนว่าหานเฉวี่ยไน่ก็ต้องได้ยินเช่นกัน และพอได้ยินนางก็ยิ่งเคว้งคว้างไปกันใหญ่
ต้วนหลิงเทียนจากไปแบบนี้ นางก็รู้สึกอ้างว้างเดียวดายเป็นทุนอยู่แล้ว พึ่งจะหายซึมได้ไม่ทันไรมาได้ยินข่าวของต้วนหลิงเทียนอีก ก็พาลให้นางคิดถึงเขาขึ้นมาอีกครั้ง
“พี่ใหญ่หลิงเทียน ท่านต้องกลับมาหาข้าก่อนที่ข้าจะแต่งงานนะ…หาไม่แล้วข้ากลัวว่า วันหน้าข้าจักมิมีโอกาสได้เห็นพี่ใหญ่อีกแล้ว…”
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ ทว่าขณะกล่าวพึมพำหยาดน้ำตาสองสายได้รดแก้มหานเฉวี่ยไน่เป็นทาง…แลดูชวนให้น่าเวทนาสงสารจับใจ
นางเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องมาแล้ว นางจึงรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นนายน้อยเอาแต่ใจ นอกจากชมชอบเชยชมสตรีไม่ต่างเด็ดดมบุปผาริมทาง ยังมีนิสัยแสดงความเป็นเจ้าของอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นภรรยาหลวงหรือภรรยาน้อย กระทั่งแค่สตรีที่เคยตกเป็นของมัน….มันก็จะกักตัวพวกนางไว้ในบ้านไม่ให้ออกไปพบเจอผู้ใด เรียกว่าถูกจำกัดให้อาศัยในคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องอย่างเดียวเท่านั้น!
ดังนั้นหากวิวาห์ไปแล้วนางกลัวว่านางจะไม่มีวันได้กลับออกมาอีก
หากนางไม่อาจออกมาได้ แน่นอนว่าคงไม่ได้เจอพี่ใหญ่หลิงเทียนของนางอีก…
แต่ตอนนี้หานเฉวี่ยไน่ไม่ได้รู้เลย ว่าพี่ใหญ่หลิงเทียนของนางนั้น เดินทางมาเจียนถึงเขตอิทธิพลของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องแล้ว และคงถึงที่หมายในอีกไม่นาน
คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องในฐานะขุมพลังชั้น 4 แน่นอนว่ามีอำนาจและอิทธิพลด้อยกว่าขุมพลังกึ่งชั้น 3
หากแต่แม้จะด้อยกว่าทว่าก็มีอำนาจในแดนดินไม่ใช่ชั่ว เรียกว่าต่อให้ไม่ต้องวางอำนาจบาตรใหญ่เอื้อมมือไปที่ใด แต่บรรดาขุมพลังชั้น 5 โดยรอบก็จะนำหินเซียนและทรัพยากรบ่มเพาะทั้งหลายมามอบให้เป็นบรรณาการ เพื่อสร้างความพึงพอใจให้ทุกๆ 10 ปี!
ดังนั้นพื้นที่รอบๆ โดยยึดคฤหาน์ฟ้าลิ่วล่องเป็นจุดศูนย์กลาง ก็จะมีขุมพลังชั้น 5 ถึง 3 ขุมพลังตั้งอยู่ และถูกเรียกว่าเขตอิทธิพลหลักคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง
แน่นอนว่าคฤหาสน์คลื่นขจีไม่ได้ตั้งอยู่ในเขตอิทธิพลหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง
พื้นที่ๆคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานตั้งอยู่นั้น กล่าวไปเป็นเขตอิทธิพลหลักของขุมพลังชั้น 4 ขุมอื่น
อย่างไรก็ตามแม้คฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน จะจ่ายส่วยบรรณาการเป็นหินเซียนและทรัพยากรบ่มเพาะแก่ขุมพลังชั้น 4 ดังกล่าวทุกๆ 10 ปี แต่ขุมพลังชั้น 4 ที่ว่าก็ไม่คิดแยแสความเป็นตายของคฤหาสน์คลื่นขจีแม้แต่น้อย!
ต่อให้คฤหาสน์คลื่นขจีถูกทำลาย มันก็ไม่สนใจ!
เพราะเมื่อคฤหาสน์คลื่นขจีล่มสลายไป เดี๋ยวก็จะมีขุมพลังชั้น 5 ขุมใหม่ขึ้นมาแทนที่เอง…โลกนี้เข้มแข็งอยู่อ่อนแอตายตก ชนะเป็นจ้าวแพ้เป็นโจร!
“ผ่านตรงนั้นไป ก็เข้าเขตอิทธิพลหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องแล้วสินะ…”
ต้วนหลิงเทียนมองไปยังแนวเทือกเขาสูงใหญ่ไกลตาที่ทอดตัวยาวกันฟ้ากับดินเอาไว้เบื้องหน้า
เพราะหลักจากผ่านแนวเทือกเขานั้นไป ก็จะเข้าสู่เขตอิทธิพลหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องแล้ว
เขตอิทธิพลหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ก็อยู่ใกล้ๆกับเขตอิทธิพลหลักของขุมพลังชั้น 4 ที่คฤหาสน์คลื่นขจีอาศัยอยู่ ….หากแต่ตอนนี้สถานที่ๆต้วนหลิงเทียนอยู่ ก็ไม่ใช่พื้นที่ของคฤหาสน์คลื่นขจีอีกต่อไป
เป็นพื้นที่ของขุมพลังชั้น 5 แห่งหนึ่ง ที่อยู่ใต้อาณัติของขุมพลังชั้น 4 สถานะก็ไม่ต่างอะไรจากคฤหาสน์คลื่นขจี