“ตอนนี้ขอเชิญคู่บ่าวสาวแลกเปลี่ยนแหวนกันได้”
นิ้วของเธอเรียวยาว เขาหยิบแหวนเพชรสีน้ำเงินวงที่สวยที่สุด ซึ่งสะท้อนแสงแวววาวท่ามกลางแสงแดด เขาสวมมันให้เธออย่างอ่อนโยน
แหวนของเขาเป็นอีกสไตล์หนึ่ง มันเรียบๆ แต่หรูหรา และสง่างาม มองแล้วมีค่ามาก มือใหญ่ของเขามีข้อต่อที่ชัดเจนและดูแข็งแกร่ง ต่างจากมือเรียวของเธออย่างชัดเจน ตอนนี้เธอกำลังก้มหน้าไปสวมให้เขา
อันที่จริงแล้วการสวมแหวนนั้นไม่ใช่พิธีที่เรียบง่าย แต่มันหมายถึงว่าต่อจากนี้ไปทั้งคู่จะเป็นของกันและกัน
เธอเป็นของเขา เขาเป็นของเธอ ของเธอเป็นของเขา และของเขาเป็นของเธอเช่นกัน
“ตอนนี้เจ้าบ่าวจูบเจ้าสาวได้แล้วครับ”
เมื่อเสียงของบาทหลวงพูดจบ ออกัสก็แทบรอไม่ไหวที่จะโอบเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา และดวงตาที่เปี่ยมด้วยความรักของเขาดูเหมือนจะมีหยดน้ำตาไหลออกมา
ใต้เวทีมีคนมากมาย ในขณะที่เขาจ้องมองเธอด้วยสายตาร้อนแรงแบบนี้ แก้มของเชอร์รีนอดไม่ได้ที่จะร้อนผ่าวขึ้นมา เธอจึงเอื้อมมือออกไปดันหน้าอกของเขาเบาๆ
เขายกยิ้มขึ้นเล็กน้อย โน้มตัวประทับริมฝีปากลงบนปากเธอ เขาจูบอย่างละเมียดละไม ไม่ให้พลาดเลยแม้แต่มุมเดียว
เธอดันหน้าอก เสียงของเธอดังขึ้นอย่างไม่เป็นถ้อยเป็นคน “เบาๆหน่อย เดี๋ยวลิปหลุด”
“ใช่เวลาสนใจลิปไหม” ชายหนุ่มไม่พอใจมาก กัดเนื้อนุ่มๆที่ริมฝีปากของเธอ ตอนนี้เขาไม่มีเวลามาสนใจปัญหาลิปสติกของเธอ
“เมคอัพหลุดแล้วจะไม่สวย…” เธอถอนหายใจเบาๆ
“ไม่ คุณคือคนที่สวยที่สุดในใจผมเสมอ สวยจนมืดฟ้ามัวดิน…” เขายังคงจูบต่อไป จูบแรงๆ และเตือนเธอว่า “ในเวลานี้ คุณควรจะตั้งสมาธิหน่อย คุณภรรยา…”
ภรรยา คำพูดง่ายๆนี้กระทบใจเธออย่างง่ายดาย เธอจึงอ่อนลง และจูบอย่างอ่อนหวาน
ทุกคนยิ้มและปรบมือ ซารางจัดการกรีบดอกไม้ได้สมบูรณ์แบบ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ลืมโปรยดอกไม้
ผ่านไปนานมาก ทั้งสองก็ผละออกจากกัน เขากอดเธอแน่นไม่ยอมปล่อย และไม่ปิดบังความอ่อนโยนที่มีต่อเธอเลย
“เชิญเจ้าบ่าวมากล่าวครับ” เสียงของพิธีกรดังขึ้น
ออกัสจับมือเธอ หันกลับมามองดูแขกใต้เวที ใบหน้าของเขาหล่อเหลา อารมณ์ของเขานิ่งสงบ แต่คำพูดของเขาช่างอ่อนโยน “ขอบคุณมากที่สละเวลาจากตารางงานที่ยุ่งของคุณมาเข้าร่วมงานในวันนี้ ด้วยพรของคุรทำให้งานแต่งงานของเราโรแมนติกและศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น ผมจะทำหน้าที่ของผมในฐานะสามี จะรักเธอ ทำให้เธอไร้กังวล และมีความสุขตลอดไปแน่นอน และแน่นอนรวมถึงลูกสาวของเราด้วย”
เสียงปรบมือดังขึ้นราวกับว่าอากาศอบอวนด้วยความหวานนี้
“ภรรยา คุณมีความสุขไหม” เขาเหล่ตามามองเธอเล็กน้อย
มีความสุขไหมหรอ เธอสวมชุดแต่งงานให้เขา ลูกสาวของเขายืนอยู่ข้างหลังเขาอย่างเชื่อฟัง ข้างหน้าเธอคือแม่ของเธอ ญาติและเพื่อนของเธอที่ต่างส่งคำอวยพรให้เธอ ถ้านี่ไม่ใช่ความสุข ความสุขคืออะไร
เธอเงยหน้าเอนกายพิงไหล่ของเขา มุมปากยกขึ้น เธอตอบเขาอย่างแน่วแน่ว่า “มีความสุข ฉันมีความสุขมาก…”
หลังจากนั้น เมื่อทุกคนนั่งลงแล้ว ออกัสก็นำเชอร์รีนไปเคารพผู้ใหญ่ ถึงจะเป็นการยกดื่มเพื่อเป็นสิริมงคล แต่เขาก็ดื่มแทนเธอไม่น้อย
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นก็เป็นเวลาสามทุ่มแล้ว วันแต่งงานเป็นวันที่มีความสุขที่สุด แต่ก็เป็นวันที่เหน็ดเหนื่อยที่สุดด้วย
ตื่นนอนตอนตีห้าเพื่อเริ่มแต่งหน้า ทำผม ลองชุดแต่งงาน แล้วก็ทำพิธีทั้งวัน เธอจะไม่ง่วงได้อย่างไร
จากนั้นจักรกฤษกับเลอแปงกลับไปที่ห้องของตัวเองก่อน
เชอร์รีนเหนื่อยมากจริงๆ ดวงตาที่อ่อนล้าแทบยกไม่ขึ้น เธอถอดชุดแต่งงานออก เปลี่ยนใส่ชุดกี่เพ้าพอดีตัว อวดเรือนร่างที่อ่อนเยาว์ของเธอ
ออกัสออกไปเอาของยังไม่กลับมา เธอจึงเอนตัวลงบนโซฟา อยากจะงีบหลับซักพัก
สิ่งที่เขาเห็นเมื่อเข้ามาคือร่างเล็กนอนอยู่บนโซฟา ออกัสยกริมฝีปากบางของเขาขึ้น และก้าวไปอุ้มเธอเบาๆออกจากห้อง
เบนท์ลีย์สีดำรออยู่ข้างนอกโรงแรมแล้ว เขาขึ้นรถ ปล่อยให้เธอซบอยู่ในอ้อมกอด แล้วบอกคนขับ “ไปสนามบิน”
ดนัย หัสดิน และกลุ่มเพื่อนกำลังรออยู่ในบ้านหลังใหม่ พวกเขารอป่วนห้องหอ
ที่ผ่านมาพวกเขาไม่สามารถเล่นงานออกัสได้ มีเพียงในเวลานี้เท่านั้นที่สามารถทำลายล้างได้โ อกาสที่ดีเช่นนี้จะปล่อยไปได้อย่างไร
แต่เป็นเวลาหลายชั่วโมง ตั้งแต่สี่ทุ่มถึงเที่ยงคืน เจ้าบ่าวและเจ้าสาวที่ควรจะอยู่ที่นี่กลับไม่เห็นแม้แต่เงา
ดนัยเหลือบมองหัสดิน พร้อมเขย่าไวน์แดงตรงหน้าเบาๆ “นี้เล่นกลอะไรเนี่ย”
“ฉันจะรู้ได้ไง” หัสดินยักไหล่อย่างเกียจคร้าน และเหลือบดูเวลา “เที่ยงคืนครึ่ง โทรถามเลอแปงซิ”
เมื่อพูดถึงตัวป่วน ตัวป่วนก็มา ทันทีที่หัสดินพูดจบ เลอแปงอุ้มซารางเข้ามา
ซารางง่วงจนทนไม่ไหว มือเล็กๆของเธอพันรอบคอของเขาอยู่ เลอแปงพูด “ไม่ต้องรอแล้ว พวกเขาไปแล้ว”
“ไปแล้ว ไปไหน” หัสดินขมวดคิ้วอย่างสับสน
“ไปฮันนีมูน อยู่บนเครื่องบินแล้ว” เลอแปงกล่าว เขาเพิ่งได้รับข้อความจากพี่ชายเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว
“ทำไมไม่ให้เกียรติเราบ้างล่ะ พวกเรารอมาเกือบทั้งคืนแล้ว แต่เขากลับไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ที่ต่างประเทศ!” ดนัยเลิกคิ้ว
หัสดินก็ไม่พอใจเช่นกัน “มันไร้มนุษยธรรมจริงๆ”
“เพราะกลัวว่าทุกคนจะรบกวนคืนแต่งงานของเขาแหละมั้ง ข้างนอกมีแขกที่ยังไม่ได้ส่ง ฉันไม่ส่งแล้วนะ กลับดีๆล่ะ” เลอแปงให้คนขับรถข้างหลังเตรียมไปส่งทุกคน “ทุกคนดื่มหมดแล้ว ขับรถบนถนนไม่ปลอดภัย ฉันเตรียมคนขับรถไว้ให้แล้ว ราตรีสวัสดิ์”
พอพูดจบ เขาก็ส่งแขกทีละคน และหันหลังเดินไปที่ล็อบบี้ของโรงแรมอีกครั้ง ยังมีคนอีกมากที่ไม่ได้ส่ง เขาจึงต้องไปทำหน้าที่
เมื่อขึ้นรถ ยู่ยี่ก็มองไปที่คนขับ และหัสดินที่ดื่มหนักมาก “คุณหาคนขับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ผมไม่ได้ เลอแปงส่งผมมา เป็นของขวัญที่เขาเตรียมให้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ยู่ยี่ก็ยิ้ม ตอนนี้เลอแปงมั่นคงมากขึ้นเรื่อยๆ เขาโตขึ้นแล้ว ในที่สุดเด็กน้อยเมื่อสองสามปีก่อนก็ขามั่นคงขึ้นมากแล้ว
เมื่อเชอร์รีนตื่นขึ้นมา เธอก็พบว่าตัวเองนั่งอยู่บนเครื่องบิน เธออ้าปากเล็กน้อย คิดว่าเธอกำลังฝัน
“ตื่นแล้วเหรอ” ออกัสถอดผ้าปิดตาออกเมื่อได้ยินการเคลื่อนไหวข้างๆตัวเขา
“เราอยู่ที่ไหน” เธอไม่ได้ฝันจริงๆ แต่นี่ไม่ใช่คืนแต่งงานของพวกเขาเหรอ ทำไมถึงอยู่บนเครื่องบินในเวลานี้
“พาคุณไปที่หนึ่ง ที่ที่สมบูรณ์แบบ คู่ควรกับการฮันนีมูนที่สุด…”
เชอร์รีนกะพริบตาอย่างเข้าใจ เขากำลังพาเธอไปฮันนีมูน “แล้วซารางล่ะ…”
“อยู่กับเลอแปง คุณสามารถวางใจได้ เขาจะดูแลทุกอย่าง” ออกัสกอดเธอ “คุณไม่จำเป็นต้องคิดอะไร แค่ใช้เวลาฮันนีมูนอย่างสบายใจก็พอ”
เธอเคยสงสัยว่าเขาจะพาเธอไปที่ไหน แต่เธอไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นทะเลอีเจียน!
ทะเลอีเจียนสวยงามจริงๆ ราวกับเทพนิยาย น้ำทะเลสีฟ้า ปราสาททรายสีขาว และดอกไม้ที่เบ่งบานล้วนโรแมนติกและสวยงามมาก