บทที่ 325 งานแต่งงานของทั้งสองคน

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

เขายกมือขึ้นมาเคาะประตู เปิดริมฝีปากบาง แล้วพูดเสียงต่ำ “เปิดประตู ผมจะช่วยคุณถูหลัง”

“ไม่ต้อง ฉันทำเองได้” เธอปฏิเสธ

“ผมจะทำเบาๆ ไม่ให้คุณรู้สึกเจ็บ อย่าดื้อ มาเปิดประตู….” เขาพูดเสียงอ่อนเพื่อเกลี้ยกล่อม

แต่เธอไม่สนใจเขาเลย เธออาบน้ำด้วยตัวเอง และยี่สิบนาทีหลังจากนั้นเธอก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ก่อนจะเห็นเขานอนอย่างเกียจคร้านอยู่บนเตียง

เธอเดินไปนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง และเช็ดหยดน้ำออกจากผม แต่เธอเพิ่งจะเช็ดไปสองครั้ง ผ้าขนหนูในมือเขาถูกเขาแย่งไป แล้วเช็ดให้อย่างเบามือ

“คุณยังไม่หายดี จะอยากได้อะไร! ถ้าคุณทำอย่างนี้ต่อไป ฉันจะนอนกับซารางแทน” เธอเอ่ยเตือน

ออกัสหรี่ตา ไม่อยากได้ไม่คุ้มเสีย แล้วบีบมือลงบนหน้าอกอวบนุ่มของเธอ

เดือนนี้เธอเต็มไปด้วยความกังวลจึงนอนหลับไม่สนิท ตอนนี้จึงรู้สึกง่วงมาก จึงปิดตาลง และหลับไปอย่างรวดเร็ว

เขามองดูผู้หญิงที่แทบจะหลับอยู่แล้ว แล้วทำอะไรไม่ได้นอกจากสงสาร เดือนนี้เธอเหนื่อยมากจริงๆ

เขาจึงดึงผ้าห่มมาห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ

สุดท้ายเชอร์รีนก็ถูกปลุกให้ตื่น เธอกำลังหลับฝันหวาน แต่จู่ๆร่างกายของเธอก็หนักอึ้งและหายใจไม่ออก วันถัดไป ชายหนุ่มก็มาเป็นเพื่อนเธอ ไม่ เขาเป็นคนบังคับให้เธอไปห้องอธิการ เพื่อขอลาหยุด

ท่านอธิการยิ้มหน้าบาน เขาเห็นด้วยโดยไม่ถามอะไรสักคำ

ก็ในเมื่อออกัสมาถึงขนาดนี้แล้ว ใครจะกล้าหักหน้าเขา

งานแต่งงานจัดขึ้นในอีกสิบวันต่อจากนี้ มันรีบมาก แต่สำหรับผู้ชาย เขาถือว่าเวลาพอเหมาะแล้วที่จะเตรียมงาน

หลายวันถัดจากนั้น เชอร์รีนก็ยุ่งจนแทบบ้า ไหนจะลองชุดแต่งงาน ชุดไทย เชิญแขก แล้วยังต้องเตรียมของชำร่วยด้วย

ถึงทั้งหมดนี้เธอจะไม่ได้เป็นคนทำด้วยตัวเอง แต่เธอก็ช่วยดูตลอด ในเมื่อเป็นงานแต่งงานของตัวเอง เธอก็อยากมีส่วนร่วม

ของชำร่วยเป็นของที่เธอเลือกด้วยตัวเอง และยังมีช็อกโกแลตอีกหนึ่งกล่องผูกไว้ด้วยริบบิ้นสีแดง

เธอยุ่งทุกวันจนปลีกตัวไปไหนไม่ได้ เมื่อหัวถึงหมอนเธอก็หลับทันที

ออกัสสงสารมาก ทุกวันตอนเย็น เขาจะช่วยนวดไหล่ให้เธอ เพื่อให้เธอรู้สึกสบายตัวที่สุด

“พวกนี้มีคนจัดการให้แล้ว คุณไม่ต้องเหนื่อย รเป็นเจ้าสาวคนสวยก็พอ” เขานวดไหล่ให้เธอพลางพูดอย่างไม่พอ

“ฉันอยากมีส่วนร่วม ในเมื่อเป็นงานแต่งงานของฉัน ฉันช่วยได้เท่าไหร่ก็จะช่วยเท่านั้น คุณไม่ต้องห่วง ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่”

“ก็ได้…” เขาลูบผมเธอเบาๆ “ผมก็จะพักร้อนเหมือนกัน จะได้มาช่วยคุณเตรียมงาน นี่เป็นงานแต่งของเรา….”

ระยะเวลาสิบวันไม่นานหรือว่าเร็วจนเกินไป เพียงแค่แป๊บเดียวก็ถึงวันแต่งงานแล้ว

ออกัสตั้งใจจะไม่จัดงานแต่งในเมืองs แต่ไปจัดงานแต่งที่ต่างประเทศ แต่ญาติเธอส่วนใหญ่ต่างอยู่ที่เมืองs และค่อนข้างมีอายุแล้ว ขึ้นเครื่องบินก็กลัวจะเกิดอุบัติเหตุ แถมยังละล้าละหลัง จึงคิดว่าจัดงานแต่งที่เมืองsดีแล้ว

การจัดงานแต่งคืออะไร การแต่งงานไม่ได้หมายความว่าต้องหรูหรา มีเกียรติ แต่หมายถึงว่าทุกคนต้องมีความสุข

เธออยากแต่งงานท่ามกลางคนที่เธอรัก ให้ทุกคนเห็นว่าเธอมีความสุข นี่คือสิ่งที่เธอต้องการ และใฝ่ฝัน

และออกัสก็ทำตามที่เธอต้องการ เพียงแค่เธอขอ สิ่งที่เขาทำให้ได้ เขาก็จะทำให้

งานแต่งจัดขึ้นในโรงแรม และเป็นโรงแรมธารานานาพันธุ์ที่สวยงามที่สุดในเมืองs ลำธารที่ใสสะอาด ต้นไม้สีทองอร่าม ต้นหญ้าสีเขียว เหมือนอยู่ในสวรรค์อันงดงาม

โรงแรมธารานานาพันธุ์ความหมายเป็นนัยว่าอยู่บนน้ำ แม่น้ำในทะเลสาบพัดมาเป็นระรอก ทำให้วิวสวยไม่สร่าง

ดอกลิลลี่สีขาวบริสุทธิ์ และดอกกุหลาบสีแดงถูกใช้มาประดับอยู่ข้างทางเดินตั้งแต่ปลายทางอีกด้านหนึ่ง ไปจนถึงอีกด้านหนึ่ง ตอนนี้ทุกอย่างเปร่งประกาย พร่างพรายตา

เมื่อแขกมากันครบแล้ว นาโนก็มองไปรอบๆ แล้วพูด “ ไม่น่าเชื่อว่าพี่ออกัสจะโรแมนติกขนาดนี้!”

“ใช่ไหมล่ะ โรงแรมธารานานาพันธุ์นี่สร้างมาดีมาก ไม่เคยมีใครเคยมองมาที่นี่เลย แต่เขากลับจัดงานแต่งงานที่นี่”ยู่ยี่ก็พูด

“ เห็นงานแต่งงานของพวกเขาแล้วฉันก็คิดถึงตัวเองตอนนั้น มันแตกต่างกันอย่างกับฟ้ากับเหว” ในโรงแรมไม่มีอะไรน่าสนใจเลย

ยู่ยี่หัวเราะ และไม่พูดอะไรออกมา เขามองไปรอบๆ แขกมาถึงกันหมดแล้ว และนั่งที่ตัวเองแล้ว อีกไม่นานก็ถึงฤกษ์แล้ว

ออกัสเดินออกมาก่อน เขาใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว เสื้อกั๊กสีดำ และดันนอกเป็นชุดสูทสีเดียวกัน เขาใส่สูททั้งตัว สง่าผ่าเผย ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข และยังมีพลังอำนาจแฝงอยู่เต็มเปี่ยม

นักข่าวอยู่ในงานไม่น้อย ทางคนต่างรีบถ่ายภาพนี้ไว้ ไฟสีขาวกระพริบไม่หยุด ทำให้ผู้คนรู้สึกแสบตากันถ้วนหน้า และภายในงานก็มีการถ่ายทอดสดตั้งแต่ต้นจนจบด้วย

ทีวีทุกช่องในเมืองsถ่ายทอดสดงานแต่งงานในครั้งนี้ แม้แต่จอโฆษณากลางจตุรัสก็ฉายเช่นกัน

ในงานมีนักการเมืองและคนดังคับคั่ง นอกจากนั้นยังมีเจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่มาร่วมงาน ซึ่งทุกคนต่างเป็นบุคคลสำคัญในเมืองs

ถึงสิงหาจะอยู่ในคุก สุนันท์ก็อยู่ในคุก แต่ตระกูลสิริไพบูรณ์ก็ยังเป็นตระกูลชั้นสูง ไม่มีใครกล้าสงสัยความสามารถของลูกชายตระกูลนี้ทั้งสองคน

บริษัทอันดับหนึ่งและอันดับสองในเมืองsก่อตั้งโดยสองพี่น้องคู่นี้ นอกจากนี้ บริษัทของออกัสก็ยังขยายไปที่ญี่ปุ่น เกาหลี บริษัทของเขาใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เรียกได้ว่าเป็นแถวหน้า แล้วใครจะกล้าไปมีเรื่องกับเขา

ส่วนเรื่องเน่าเฟะของตระกูลสิริไพบูรณ์ ตอนแรกทุกคนก็ยังวิจารณ์กันสนุกสนาน แต่เมื่อเวลาผ่านไป บางคนก็ลืม และบางคนก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา

เขาก้มหน้ามองนาฬิกา ก่อนจะมองไปที่แห่งหนึ่งด้วยสายตาลึกซึ้งและอ่อนโยน

“ว้า ออกัสคงจะทนรอไม่ไหวแล้วใช่ไหม ใจร้อนจัง” นาโนแซว

ยู่ยี่คิด เขาก็ลำบากมามากแล้ว ถึงเวลาที่เขาจะได้มีความสุขแล้ว ถึงจะผ่านเรื่องราวร้ายๆมาแค่ไหน ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องดี

ความรัก จำเป็นต้องผ่านความยากลำบาก ขวากหนามนับพัน ถึงจะรู้จักความรักที่แท้จริง

เชอร์รีนรู้จักกับเธอก็ตอนที่ไปงานแต่งของเธอ คิดไม่ถึงว่า ในงานแต่งเธอจะได้เพื่อนที่แสนดีมา เป็นโชคชะตาที่ดีอีกอย่างหนึ่ง

จากนั้นร่างบางในชุดขาวก็ค่อยๆเดินออกมา ดึงสายตาของทุกคนให้มองไป

เชอร์รีนใส่ชุดแต่งงานสีขาว กระโปรงสีขาวบริสุทธิ์ถูกตัดเป็นจีบ มีผ้าชีฟองบางๆปกคลุมกระโปรงพีทของเธอ ลูกไม้ตรงแขนเสื้อที่ไม่เท่ากันทำให้เธอดูเป็นผู้หญิงมากขึ้น ตรงไหล่เรียวมีดอกกุหลาบสีขาวพันลงมาอย่างปราณีต ทำให้เอวของเธอดูคอดกว่าเดิม เมื่อดูโดยรวมเธอก็เหมือนเจ้าหญิงน้อย ทั้งสวยและสง่างาม

เธอเดินช้าๆไปบนเวทีกลางทะเลสาบ สองข้างทางมีดอกไม้สีขาวและสีแดงประดับไว้ คลื่นน้ำสีฟ้าพัดผ่านใต้ฝ่าเท้าของเธอ และยังมีต้นไม้โยกไหวเบาๆตลอดทาง….

สวยมาก สวยมาก ต้นไม้สีเหลืองแดงที่อยู่ข้างหลังก็สวยมาก เมื่อรวมกับคลื่นน้ำใส ทั้งหมดก็ดูเหมือนภาพวาด เธอทั้งบริสุทธิ์และเซ็กซี่ เดินออกมาจากภาพวาด ทำให้ทุกคนตกตะลึงทันที

เมื่อผู้หญิงสวมชุดแต่งงาน ถือเป็นช่วงเวลาตื่นเต้นและสวยงามที่สุด และเธอจะเป็นคนที่ได้รับสายตาชื่นชมจากทุกคน

ว่ากันว่าเมื่อผู้ชายเห็นผู้หญิงสวมชุดเจ้าสาว หัวใจของเขาก็จะเต้นแรงเช่นกัน ทั้งคู่อยู่ไกลกันมาก เธอจึงมองเขาด้วยความสงสัย

ริมฝีปากของเขายกยิ้มขึ้น ดวงตากลอกกลิ้งเป็นประกาย ไม่อาจละสายตาไปจากเธอได้เลย

ทำให้คนรู้สึกเหมือนว่า เขามองไม่เห็นอะไรอีกเลย สิ่งเดียวที่มองเห็นก็คือเธอ เขาถูกสะกดด้วยความสวยของเธอ

บนโลกใบนี้อะไรจะสวย ก็สวยสู้เธอไม่ได้ บนโลกใบนี้อะไรดี ก็ดีสู้ความรักที่เธอมอบให้เขาไม่ได้….

เขามองเห็นเพียงแค่เธอ ต้องการเพียงแค่เธอ เขากำมือจนเส้นเลือดสีฟ้าผุดขึ้นมา เขากำลังข่มตัวเอง ข่มความรู้สึก ไม่ให้พุ่งตัวเข้าไปหาเธอ

กนกอรยืนข้างเชอร์รีน ส่วนซารางก็ถือชุดแต่งงานข้างหลัง เด็กน้อยใส่ใจมาก กลัวว่าชุดแต่งงานจะลากไปตามพื้นแล้วสกปรก

เลอแปงนั่งอยู่แถวแรกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และมองเธออย่างลึกซึ้ง

เธอเดินไม่ช้าไม่เร็ว แต่ทุกย่างก้าวเหมือนจะเหยียบเข้าไปที่หัวใจของออกัส ออกัสหัวใจเต้นเร็วตามจังหวะที่เธอก้าวเดิน

เชอร์รีนรู้สึกว่ามันเป็นระยะทางสั้นๆที่ไกลมาก ในที่สุดเธอก็มายืนอยู่ตรงหน้าเขา ท่ามกลางสายตาทุกคน

ดวงตาของกนกอรชื้นไปด้วยน้ำตา เธอยื่นมือเชอร์รีนให้ออกัส “ต่อจากนี้ แม่ฝากด้วย”

“ครับ แม่” เขาตอบรับ เสียงนุ่มลึก และจริงจัง ก่อนจะจ้องมาที่เธอด้วยดวงตาสดใสเป็นประกาย

เลอแปงเดินเข้าไปพยุงกนกอรออกมา

“งานแต่งงานจะเริ่มขึ้นแล้ว” บาทหลวงพูดต่อหน้าสาธารณชน และยืนอยู่ระหว่างทั้งสอง “ท่านเจ้าข้า ท่านจะได้เห็นการแต่งงานของชายหญิงผู้นี้อย่างศักดิ์สิทธิ์ตามพระประสงค์ของพระเจ้า ทั้งสองเป็นหนึ่งเดียวกัน พิธีจะดำเนินไปอย่างถูกต้อง และทั้งคู่จะอยู่กันไปจนแก่”

“การแต่งงานใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว หากมีใครคัดค้านการแต่งงานของพวกเขา ขอให้พูดออกมา มิฉะนั้นก็ขอให้เงียบไปตลอดพิธี” เมื่อพูดจบ สายตาของเขาก็หันไปมองออกัส “เจ้าบ่าว คุณจะรับผู้หญิงคนนี้เป็นภรรยา จะอยู่ด้วยแม้ยามทุกข์หรือยามสุข จะรักเธอ ดูแลเธอ และเคารพเธอ ซื่อสัตย์ต่อเธอไปจนกว่าชีวิตจะหาใหม่หรือไม่”

เขามองตรงไปที่เธอด้วยสายตาลึกซึ้ง ก่อนจะพูดอย่างชัดเจน “ผมยอมรับครับ”

“เจ้าสาว คุณจะรับผู้ชายคนนี้เป็นสามี จะอยู่ด้วยแม้ยามทุกข์หรือยามสุข ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะรักเขา ดูแลเขา เคารพเขา และซื่อสัตย์ต่อเขาไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่หรือไม่” บาทหลวงถามเจ้าสาว

ท่าทางของเธอนุ่มนวล คำพูดของเธอก็อ่อนหวาน ระหว่างจับมือใหญ่พร้อมตอบ “ฉันยอมรับค่ะ”