เป็นเขา! เขาจริงๆ!
เธอกลัวว่าตัวเองจะฝันไป และกลัวว่าจะเป็นภาพลวงตา จึงยกมือขึ้นมาหยิกแขนตัวเองจนร้องเจ็บออกมาเสียงเบา
“หยิกตัวเองแรงขนาดนั้นทำไม หืม” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน แล้วยื่นแขนออกไปดึงเธอเข้าไปไว้ในอ้อมกอด จากนั้นก็พาเธอไปที่กลางสนามของโรงเรียน
ตอนนี้เมื่อรู้ว่าเธอไม่ได้ฝันไป ไม่ได้เป็นภาพลวงตา น้ำตาของเธอก็ไหลออกมาอีกครั้งอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะตบอกของเขา “คุณฟื้นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เมื่อวาน” มื้อใหญ่ของเขาซับน้ำตาบนใบหน้าของเธอ
“ แล้วทำไมไม่บอกฉัน! ทำไมไม่บอกว่าคุณตื่นแล้ว! คุณรู้มั้ยว่าฉันรอคุณมานานขนาดไหน คุณรู้มั้ยว่าฉันรอคอยแค่ไหน ทำไมคุณไม่บอกฉัน! คุณรู้มั้ยว่าฉันกลัวขนาดไหน!”
หยุดน้ำตาไหลลงมาจากมุมตาไม่ขาดสาย เชอร์รีนทั้งตื่นเต้นและโมโห จึงยกมือขึ้นมาทุบอกของเขา
สิ่งที่เขาปิดบังเธอ เธอโกรธมาก เขาโกหกเธออย่างนี้ได้ยังไง!
“ผมรู้ รู้แน่นอน ดูทั้งหมด แต่ผมต้องเตรียมเซอร์ไพรส์ คุณจะได้จดจำความตื่นเต้นครั้งนี้ ฉะนั้นให้อภัยผมเถอะ ร่างกายของผมยังไม่กลับมาร้อยเปอร์เซ็นต์นะ คุณจะตีผมอย่างนี้ต่อไปจริงหรอ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นเธอก็หยุดมือ น้ำตายังคงไหลอยู่ เธอไม่ใช่คนที่ชอบร้องไห้ เธอร้องไห้แค่ไม่กี่ครั้ง แต่ทุกครั้งก็เป็นเพราะเขา
“นี่เป็นเซอร์ไพรส์ที่คุณเตรียมหรอ” เธอยังคงบ่นอยู่ในใจ
การฟื้นของเขาทำให้เธอตื่นเต้นจนแทบบ้า แต่กลับหลอกลวง และให้ทำให้เธอโกรธ
“ไม่ นี่ต่างหากคือการเซอร์ไพรส์ที่แท้จริง…” พูดจบขายาวก็คุกเข่าลงบนพื้น แล้วพูดอย่างมั่นคง “แต่งงานกับผมนะ ที่รัก…”
เขาต้องการเซอร์ไพรส์ขอเธอแต่งงาน เขาอยากให้เธอจดจำช่วงเวลานี้ตลอดไป ช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นที่สุด
เธอตกตะลึง คิดไม่ถึงว่ายังจะมีฉากต่อไป เพราะความตกใจทำให้เธอไม่ได้ตอบสนองไปชั่วขณะ
“เดือนนี้คุณลำบากมามากแล้วเพื่อผม พวกเราเจออุปสรรคมานับไม่ถ้วน แต่ความรักของคุณก็ยังคงมั่นคง ไม่เคยเปลี่ยนแปลง สิ่งที่ผมทำไม่ดี ทำให้คุณไม่พอใจ ผมพร้อมจะเปลี่ยนแปลง ผ่านเรื่องราวมามากขนาดผ่านเรื่องราวมามากขนาดนี้แล้ว พวกเราไม่มีเหตุผลที่จะไม่มีความสุข ผมติดค้างคุณเรื่องแต่งงานมาโดยตลอด ผมอยากทำให้มันสมบูรณ์ และมีชีวิตที่มีความสุข แต่งงานกับผมนะ”
เสื้อคลุมของเขาหล่นลงบนพื้น ใบหน้าของเขาดูลึกซึ้งและมีเสน่ห์มากขึ้นเนื่องจากน้ำหนักที่ลดลง เขาคุกเข่าลงบนพื้น ยอมทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อเธอ
งานแต่งงานที่สมบูรณ์แบบ ชีวิตที่มีความสุข นั่นเป็นสิ่งที่เธอต้องการมา และเฝ้าฝันมาโดยตลอด
แต่เพราะมันมาอย่างกะทันหันเกินไป เธอจึงตกตะลึง ยกมือขึ้นมาปิดปาก และจ้องมองเขาอย่างว่างเปล่า
“แต่งเลย แต่งเลย แต่งเลย แต่งเลย แต่งเลย แต่งเลย….”
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังเข้ามาในหูของเธอ พร้อมกับพื้นดินเริ่มสั่นสะเทือน
เธอเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นนักเรียนทุกชั้นเรียนกำลังกรูกันออกมา ตั้งแต่ชั้นที่หนึ่งถึงชั้นที่สิบ แล้วต่างพูดคำนั้น
จากนั้นทุกคนก็หยิบดอกกุหลาบออกมาทีละกรีบโปรยลงมาจากชั้นบนตั้งแต่ชั้นสิบลงมาจนทุกๆชั้น
เมื่อยืนอยู่ตรงนั้น ภาพที่เห็นเหมือนกำลังชื่นชมสายฝนดอกกุหลาบอีนงดงามที่ร่วงหล่นจากฟ้า มันปลิวมาตามอากาศ ก่อนจะตกลงบนพื้นเป็นสีแดงไปทั่วบริเวณ
“ไม่ตอบหรอ ขาผมเริ่มเจ็บแล้วนะ….” ตอนนี้ออกัสเริ่มกังวลแล้ว
เธอมองเขา แต่ไม่พูดอะไรออกมา จนเขาเริ่มรู้สึกกังวล จึงหรี่ตาพูด “ขาเจ็บจริงๆนะ ถ้ายังไม่ให้ผมลุกขึ้นไป เดี๋ยวผมอาจเป็นลมก็ได้”
เธอยังไม่พูดอะไรออกมา เขาจึงเร่งอีก “ต่อหน้าคนทั้งโรงเรียนแบบนี้ คุณยังกลัวว่าผมจะหลอกคุณอีกหรอ”
“ไม่กลัว” ในที่สุดเธอก็พูดออกมา เธอส่งยิ้มอ่อนหวาน สะดุดตายิ่งกว่าดอกกุหลาบที่เพิ่งร่วงลงมาเมื่อกี้ ก่อนจะตอบ “แต่งค่ะ”
เธอกำลังอ่านใจของเขา เธอไม่รู้ว่าเขาทุ่มเทแรงกายแรงใจขนาดไหนกับการขอแต่งงานในครั้งนี้ แต่เธออยากบอกเขาว่าเธอตื้นตันมาก
เธอไม่ได้ปิดบังความรู้สึกนั้น เธออยากแบ่งปันความตื่นเต้นและความสุขให้เขา เธอมองเขาอย่างลึกซึ้งแล้วพูดว่า “ฉันตื้นตันมาก ตื้นตันมากจริงๆ ขอบคุณนะ!”
ร่างกายที่ตึงเครียดผ่อนคลายลง ออกัสอย่างสว่างไสวมากขึ้น ท่ามกลางสายตาของทุกคนทั้งโรงเรียน และฉากกลีบกุหลาบที่ตกลงมาตามลมอย่างสวยงาม แขนยาวก็ดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแน่น…
หรือความสุขจะเป็นอย่างนี้ เมื่อคนคนหนึ่งอยากมอบความทรงจำที่ดีที่สุดให้คุณ เขาก็พยายามอย่างถึงที่สุด จนออกมาเป็นอย่างนี้
นอกโรงเรียน สองมือเล็กของซารางกอดอกแล้วถอนหายใจออกมา “เห้อ”
เลอแปงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตลก จึงนั่งลงแล้วมองเธอ “ถอนหายใจอะไร”
“พวกผู้ชายไว้ใจไม่ได้ หนูเสียใจเป็นห่วงแด๊ดดี้ขนาดนี้ แต่พอเขาตื่นขึ้นมากลับไม่กอด ไม่หอมหนูเป็นคนแรก ดันไปทำโรแมนติกกับหม่ามี๊ ทำร้ายจิตใจหนูเกินไปแล้ว”
เธอเป็นเด็กความคิดผู้ใหญ่ ยิ่งเลอแปงเห็นก็ยิ่งชอบ จึงกอดเด็กน้อย แล้วหอมแก้มเธอ
จากนั้นเขาก็หันกลับมามองเธอที่อยู่ท่ามกลางดอกกุหลาบ และยกยิ้มออกมาด้วยความขมขื่น
บางครั้งประโยคนั้นก็น่าเชื่อถืออย่างปฎิเสธไม่ได้ อะไรที่ไม่ใช่ของตัวเอง สุดท้ายก็ไม่ใช่ของตัวเอง ถ้าอะไรที่เป็นของตัวเอง ใครก็เอาไปไม่ได้ อะไรที่ไม่ใช่ของเรา จะแย่งมายังไงก็ไม่ได้
เขารู้จักเธอก่อนที่พี่ใหญ่จะรู้จักเธอ แต่เขาก็ไม่มีวาสนาต่อเธอ
“เห้อ..” เขาถอนหายใจออกมายาวๆ ปล่อยความรู้สึกในใจออกไป และตั้งมั่นว่าตั้งแต่นี้ต่อไปเธอจะเป็นเพียงแค่พี่สะใภ้ของเขา
ความผูกพันของเธอกับพี่ชายของเขายาวนานมาก แสดงว่าทั้งคู่มีพรหมลิขิตต่อกัน แต่ไม่มีพรหมลิขิตกับเขา….
ตอนเย็น ออกัสขับรถพาเธอไปที่ริมทะเลสาบในเมืองs
อากาศเย็นมากแล้ว ดังนั้นตอนเย็นคนจึงไม่เยอะ แทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้ น้ำในทะเลสาบส่งแสงขึ้นมาท่ามกลางความมืดและภายใต้เปลวไฟ ระลอกคลื่นซัดเข้ามาพร้อมลมหนาว
สองมือประสานกันแน่น แต่ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรออกมา พวกเขายังคงรักษาความเงียบ เชอร์รีนวางหัวไว้บนไหล่ของเขา และเดินตามเขาไปทีละก้าว
บรรยากาศแบบนี้เงียบสงบมาก และสวยงามมาก ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรออกมา ไม่จำเป็นต้องไปทำอะไร เพียงแค่อยู่ในความเงียบอย่างนี้ ก็สามารถรับรู้ได้ถึงความรักและความหอมหวาน
ทั้งคู่ฟังเสียงหายใจของกันและกันโดยไม่ส่งเสียงใดๆ ทั้งร่างสัมผัสได้ถึงความงามของความเงียบ และสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของลมหายใจด้วย
หลังจากเดินไปรอบๆทะเลสาบแล้ว เลอแปงก็โทรเข้ามา “ลูกสาวพี่ถามว่าเมื่อไหร่จะกลับมา”
เชอร์รีนรับโทรศัพท์มาคุย “อยากกินอะไรกันไหม กลับไปจะซื้อไปฝาก”
“ลูกสาวคุณบอกว่าอยากกินเค้กชาเขียว ผมไม่อยากได้อะไร ช่วยกลับมาเร็วๆหน่อยเถอะ ตอนนี้เธอทำตัวฉันเละไปหมดแล้ว” เลอแปงพูดเสียงดัง ไม่รู้ว่าเลอแปงที่อยู่ไปสายโดนซารางทำอะไรให้
เมื่อเห็นว่าดึกแล้ว จึงไม่ได้เดินต่อ ระหว่างทางก็แวะซื้อเค้ก และอาหารเย็น ก่อนจะกลับคฤหาสน์
ซารางกำลังทำเขาเละจริงๆ เธอหยิบสีเทียนขึ้นมาวาดหน้าของเขาจนจำแทบไม่ได้ ไม่รู้ว่าเป็นหมาหรือเป็นหมู ความหล่อเหลาไม่หลงเหลืออยู่แล้ว
ออกัสอุ้มซารางขึ้นมา ให้เธอนั่งบนท่อนขา “ทำไมซนแบบนี้ หืม”
“ไม่มีใครเล่นเป็นเพื่อนหนู มีแต่คุณพ่อเล่นเป็นเพื่อน” ซารางพูดอย่างไม่พอใจ
“หม่ามี๊ซื้อเค้กมาให้ รีบไปกินเร็ว” เขาตบก้นเธอสองครั้ง และก้มหน้าพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรัก
วันนี้เธอเล่นพอแล้ว เมื่อกินเค้กเสร็จก็ไม่ได้วุ่นวายอีก ออกัสอุ้มเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอด แล้วลูบแก้มนุ่มเบาๆ
ไม่ได้เจอมาเดือนกว่า เธอโตขึ้นแล้วจริงๆ และผอมขึ้นแล้ว คางก็แหลมขึ้น
แต่เชอร์รีนกับไม่รู้สึกอย่างนั้น ตอนนี้เธอเป็นวัยกำลังเจริญเติบโต การผอมขึ้นเป็นเรื่องปกติ
“คุณลาพักร้อนหน่อยสิ พวกเราจะได้จัดงานแต่งงาน” ออกัสเงยหน้าขึ้นมองเชอร์รีน
เธอขมวดคิ้ว “เร็วไปไหม”
“นี่หมายความว่ายังไง หืม” เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเธอ เขาก็เริ่มไม่พอใจ “ในเมื่อตกลงแต่งงานแล้ว ก็ต้องแต่งงานสิ”
“ฉันไม่ได้บอกว่าจะไม่แต่ง แค่รู้สึกว่ามันเร็วเกินไป พวกเราอยู่อย่างนี้ต่อไปก็ดีมากอยู่แล้วไม่ใช่หรอ แถมพวกเราก็ยังไม่เคยคบกันมาก่อน ลองคบกันไปก่อนแล้วค่อยแต่งงานก็ไม่สายฉัน ยังไม่เคยลองคุยกับใครเลย สำหรับผู้หญิง เคยแต่งงานถึงสองครั้งแต่ไม่เคยคบหากับใคร มันสมเหตุสมผล” เธอก็ไม่พอใจเช่นกัน
เลอแปงเหยียดขามองดูทั้งสองคนเถียงกันอย่างเกียจคร้าน
“อะไรสมเหตุสมผลไม่สมเหตุสมผล คุยกันจะคุยเมื่อไหร่ก็ได้ แต่งงานกันแล้วก็คุยกันได้ ฉะนั้นแต่งกันก่อนค่อยคุยกัน”
เชอร์รีนมองเขาอย่างไม่พอใจ “เมื่อกี้คุณก็โรแมนติกมากไม่ใช่หรอ ทำไมถึงเปลี่ยนเป็นอย่างนี้แล้ว หรือจะบอกว่ายังไงก็อยู่ในกำมือแล้ว จะทำยังไงก็ได้”
ใบหน้าหล่อเหลาของออกัสตึงขึ้น เขามองไปที่เธอด้วยแววตาล้ำลึก เธอจงใจบิดเบือนความหมายของเขา!
เลอแปงดื่มกาแฟ นั่งลูบคาง แล้วกลอกตาไปมา เห็นที่ว่าการจะคุยกับผู้หญิงก็ต้องมีศิลปะ
“ใช่สิ เกือบลืมบอกไปเรื่องหนึ่ง…” เมื่อเดินมาถึงหน้าบันได เชอร์รีนก็หยุดเดิน แล้วมองเขา “ ดอกไม้ที่คุณโปรยในโรงเรียนเยอะเกินไป ทำความสะอาดไม่ได้ ให้คนเข้าไปจัดการด้วย”
“….” ออกัส
“ฮ่าฮ่าฮ่า….” เลอแปงตลกแทบตาย จนต้องกุมหน้าท้องตัวเองไว้ แล้วนั่งบนโซฟาพูด “พี่ เหมือนว่าความโรแมนติกก็จะต้องชดใช้เหมือนกันนะ!”
ออกัสส่งสายตาเตือนไป และส่งซารางให้เขา พร้อมเดินตามเข้าไปในห้อง
เธอไม่ได้อยู่ในห้องนอน ในห้องน้ำมีเสียงน้ำไหล เขาจึงเดินไปตามเสียงทันที แต่ทันใดนั้นเขาก็ขมวดคิ้วเมื่อพบว่า ประตูถูกล็อก!