ตอนที่ 350 ไม่อยากกลับก็ไม่ต้องกลับ เธอไม่แคร์หรอก! / ตอนที่ 351 เฉียวซือมู่คนขี้น้อยใจ

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 350 ไม่อยากกลับก็ไม่ต้องกลับ เธอไม่แคร์หรอก! 

 

 

           ความจริงงานที่เฉียวซือมู่ได้มานั้นคงต้องถือว่าเป็นงานพิเศษ เพราะมันเป็นงานที่ทำงานเพียงแค่สามชั่วโมงเท่านั้น งานหลักคือรวบรวมต้นฉบับที่นักข่าวส่งมาให้เธอ จากนั้นอาศัยประสบการณ์การทำงานอันโชกโชนของเธอคัดสรรบทความที่เหมาะสมที่สุดออกมา จากนั้นปรับปรุงแก้ไขต้นฉบับให้สละสลวย และสุดท้ายคือจัดส่งต้นฉบับที่คัดสรรและแก้ไขเรียบร้อยแล้วให้กับ บ.ก. ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย 

 

 

           งานนี้ถือว่าเป็นงานที่ง่ายมากเหมือนปอกกล้วยเข้าปากสำหรับเธอ คุณหวังยังบอกด้วยว่าถ้าเธอทำงานจนคุ้นเคยแล้ว บางทีทางบริษัทอาจจะพิจารณาให้เธอทำงานจากที่บ้านก็ได้ ถึงเวลานั้นเธอก็ไม่จำเป็นต้องมารายงานตัวที่บริษัททุกวันแล้ว 

 

 

           เธอรู้สึกถูกใจงานนี้มาก เพราะจุดประสงค์หลักของเธอก็คือไม่ให้จิ้นหยวนจอมเผด็จการจับได้ว่าเธอแอบหนีออกมาทำงาน และถ้าเธอสามารถทำงานที่บ้านได้ย่อมเป็นการดีที่สุด 

 

 

           เวลาทำงานของเธอคือช่วงบ่ายสองโมงถึงห้าโมงเย็น ทำงานวันละสามชั่วโมง หยุดวันเสาร์และวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นการทำงานที่ดีกว่าที่เธอจินตนาการเอาไว้มาก อย่างน้อยก็ช่วยลดโอกาสที่จิ้นหยวนจะจับได้ไปได้เยอะ 

 

 

           หลังจากได้เข้าไปทำงานอย่างจริงจัง เธอถึงพบว่ายังมีเรื่องที่น่าตกใจรอเธออยู่ อาจเป็นเพราะที่นี่เป็นบริษัทที่เพิ่งเปิดใหม่ การบริหารจัดการต่างๆ จึงยังไม่เข้มงวดมากนัก ต้นฉบับก็น้อยมาก ชั่วโมงทำงานของเธอคือสามชั่วโมง แต่ถึงเวลาจริงเธอกลับมีเวลาว่างประมาณสองชั่วโมง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะต้นฉบับน้อยเหลือเกิน และอีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธอทำงานเร็วมาก เพราะการทำงานที่รวดเร็ว ทำให้เธอสามารถย่นเวลาลงเกือบครึ่งเมื่อเทียบกับคนทั่วไป   

 

 

           วันแรกที่เธอทำงานยังไม่มีใครสังเกตเห็นเรื่องนี้ วันที่สองและวันที่สามยังคงไม่มีใครรู้เหมือนเดิม แต่สุดท้ายหัวหน้างานของเธอก็รู้เข้าจนได้ นอกจากคำชื่นชมแล้ว หัวหน้ายังเรียกเธอเข้าไปในห้องทำงานแล้วถามเหตุผลว่าเหตุใดเธอจึงไม่ทำงานเต็มวัน หากเธอยินดี ทางบริษัทยินดีเจรจาเรื่องเงินเดือนกับเธอ 

 

 

           จะให้เธอพูดได้อย่างไรว่าเป็นเพราะผู้ชายที่บ้านเผด็จการเกินไป เธอจึงได้แต่ตอบอย่างขอไปทีว่าเป็นเพราะเธอติดธุระ จึงไม่มีเวลามากพอ 

 

 

           หัวหน้าได้แต่ทอดถอนใจด้วยความผิดหวัง จากนั้นปล่อยตัวเธอกลับ 

 

 

           เธอแอบแลบลิ้นให้ตนเอง พูดเป็นเล่น ทำงานเต็มวันเหรอ เธอยังไม่อยากตายหรอกนะ จิ้นหยวนกำลังจะกลับมาแล้วด้วย ทำงานแค่สามวันเธอก็กังวลจะแย่อยู่แล้ว 

 

 

           วันนี้จิ้นหยวนจะนั่งเครื่องบินส่วนตัวกลับมาที่นี่ เขาน่าจะกลับถึงบ้านประมาณหกโมงเย็น เธอคำนวณเวลาแล้วเป็นช่วงเวลาที่เธอกลับถึงบ้านพอดี คิดๆ แล้วก็ชักกระวนกระวายใจขึ้นมาตงิดๆ 

 

 

           วันนี้ถือว่าเธอโชคดีมาก เพราะเธอกลับถึงบ้านแล้วแต่ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของจิ้นหยวน ไม่ทันไรจิ้นหยวนก็โทรศัพท์หาเธอ บอกว่าติดธุระด่วนต้องเข้าบริษัทก่อน คืนนี้เขาจะกลับดึก ให้เธอเข้านอนเร็วๆ 

 

 

           เธอทำปากจู๋อย่างงอนๆ แม้เธอจะดีใจที่จิ้นหยวนไม่อยู่บ้านแล้วตนสามารถทำอะไรๆ ได้สะดวกขึ้น แต่ความจริงแล้วเธอเองก็คิดถึงเขามากเหมือนกัน แต่พอรู้ว่าเขาจะกลับดึก เธอจึงรู้สึกไม่พอใจมาก 

 

 

           ตกดึก จิ้นหยวนกลับดึกตามที่บอกจริงๆ ได้เวลาเข้านอนของเธอแล้วแต่เขาก็ยังไม่ถึงบ้านเสียที เธอยิ่งคิดยิ่งโมโห จู่ๆ เธอก็เกิดความคิดที่อยากจะทำอะไรบางอย่างเป็นการแก้เผ็ดเขาเสียหน่อย เธอลุกออกจากเตียงแล้วเดินไปล็อกประตูห้อง 

 

 

           ฮึ บ้างานนักใช่ไหม ถ้างั้นก็ไม่ต้องกลับมา 

 

 

           ไม่อยากกลับก็ไม่ต้องกลับ เธอไม่แคร์หรอก! 

 

 

           ในที่สุดจิ้นหยวนก็หอบร่างกายที่เหนื่อยล้าและใบหน้าอิดโรยกลับมาถึงบ้าน เขายื่นมือไปเปิดประตูแต่กลับเปิดไม่ออก เขาส่งเสียงร้องเรียกแต่ก็ไร้เสียงคนตอบรับ เขาครุ่นคิดชั่วครู่พลันเข้าใจสิ่งที่เธอทำทันที 

 

 

           เขายิ้มอย่างเซ็งๆ คิดจะไปเอากุญแจที่พ่อบ้าน แต่เมื่อคิดดูดีๆ แล้วเขาก็เลิกล้มความคิดนั้นเสีย เขาหมุนตัวแล้วเดินไปยังห้องหนังสือแทน 

 

 

           ความจริงเธอมีเรื่องให้คิดมากมายจนยังไม่ได้นอน ในที่สุดเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของเขา เธอแค่จะแกล้งหลับเพื่อแกล้งเขาเล่นเท่านั้น แต่เขากลับไม่มีความอดทนเอาเสียเลย แค่นี้ก็ถอดใจหนีไปแล้ว! 

 

 

           ไฟโทสะปะทุขึ้นในใจ เธอกระโดดลุกจากเตียง เปิดประตูอย่างเงียบเชียบ จากนั้นแอบเดินตามหลังเขาไปอย่างเงียบๆ 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 351 เฉียวซือมู่คนขี้น้อยใจ 

 

 

           จิ้นหยวนเดินเข้าไปในห้องหนังสือ เปิดคอมพิวเตอร์แล้วนั่งลงทำงานอย่างขมักเขม้น 

 

 

           เขาหมกมุ่นอยู่กับงานจนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเฉียวซือมู่แอบดูเขาอยู่ตรงประตูนานแล้ว 

 

 

           เฉียวซือมู่รู้สึกน้อยใจมาก เขากลับถึงบ้านแล้วแต่ไม่คิดจะหาเธอเลย เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานท่าเดียว ในสายตาเขางานคงสำคัญกว่าเธอสินะ 

 

 

           เธอทั้งโมโหทั้งกระวนกระวายใจ หมุนตัวจะเดินกลับ ชอบทำงานมากขนาดนั้นก็นอนกับงานไปแล้วกัน เธอไม่สนใจแล้ว ฮึ! 

 

 

           ขณะที่เธอหมุนตัวกำลังจะเดินจากไปนั้น จู่ๆ เธอก็ได้ยินเสียงถอนหายใจของเขาดังมาทางจากทางด้านหลัง ข้อมือเธอถูกจิ้นหยวนจับเอาไว้แน่น 

 

 

           หัวใจเธอเต้นโครมคราม เธอหันกลับไปมอง เห็นใบหน้างดงามของเขากำลังมองมาที่เธออย่างอ่อนโยน สายตาระคนความเหนื่อยหน่าย 

 

 

           “คุณ…” เธอตกใจจนพูดไม่ออก 

 

 

           มือเย็นๆ ของเธอทำให้เขาขมวดคิ้วมุ่น “ออกมาข้างนอกทำไมไม่ใส่เสื้อเพิ่ม? เข้ามานี่!” 

 

 

           เอ่ยจบแล้วเดินจูงเธอเดินเข้าไปในห้องทันที เธอยังโมโหเขาอยู่ จึงทำท่ากระบิดกระบวนไม่ยอมตามเข้าไป แต่เธอก็สู้แรงเขาไม่ไหว จึงได้แต่ทำแก้มป่องพองลมตามเขาเข้าไปในห้องแต่โดยดี 

 

 

           จิ้นหยวนไม่ได้สังเกตสีหน้าเธอเลย เขาปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้สูงขึ้นเล็กน้อย จากนั้นอุ้มเธอนั่งลงบนตักเขา หอมเธอฟอดใหญ่โดยไม่สนใจว่าเธอจะพยายามขัดขืนมากแค่ไหน “ทำไมเมื่อกี้คุณถึงไม่ยอมเปิดประตูให้ผมล่ะ?” 

 

 

           “ฮึ คุณกำลังสนุกกับการทำงานอยู่เลยไม่ใช่หรือไงคะ?” เธอเองไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดจึงโกรธเขามากขนาดนี้ 

 

 

           เขาหัวเราะเบาๆ ใช้นิ้วชี้เขี่ยจมูกเธอเล่นเบาๆ “คนขี้น้อยใจ” 

 

 

           เธอบิดกายไปมา “ฉันเปล่านะ ฉันแค่คิดถึงคุณ แต่พอคุณกลับมาแล้วกลับไม่สนใจฉัน…” 

 

 

           เขาฟังแล้วเข้าใจความรู้สึกเธอทันที จึงรีบอธิบาย “ผมลืมบอกคุณไปว่าที่บริษัทมีเรื่องด่วนกะทันหัน ผมต้องเข้าไปจัดการทุกอย่างให้เสร็จเรียบร้อยก่อนถึงปลีกตัวกลับมาได้ คุณอย่าโกรธผมเลยนะครับ” 

 

 

           ดูเหมือนวันนี้เขาจะทำตัวดีมากกว่าปกติ จึงทำให้เธอโกรธเขาไม่ลงอีก เธอได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงๆ “ก็ได้ งั้นฉันจะยกโทษให้คุณสักครั้งก็แล้วกันค่ะ” 

 

 

           เธออารมณ์ดีขึ้นแล้วจึงยอมมองหน้าเขา “เรื่องครั้งนี้จัดการยากมากเลยเหรอคะ?” 

 

 

           เธอไม่ได้เห็นสีหน้าเขาหนักใจและเหนื่อยใจมากแบบนี้นานมากแล้ว เดาว่าการไปดูงานคราวนี้คงไม่ค่อยราบรื่นสักเท่าไหร่ เธอรู้สึกเสียใจตงิดๆ ที่ตนเพิ่งโมโหใส่เขา 

 

 

           เขาส่ายศีรษะ “เปล่าหรอก ดูงานคราวนี้ราบรื่นมาก เพียงแต่ช่วงนี้ที่บริษัทมีเรื่องต้องจัดการเยอะแยะเต็มไปหมด คุณก็รู้นี่ว่าหลินจื้อเฉิงไปฮันนีมูนแล้ว” 

 

 

           “แต่ก็ยังมีพี่น้องคนอื่นอีกไม่ใช่เหรอคะ?” เธอเอ่ยถาม 

 

 

           เขาหัวเราะเบาๆ “พวกเขาเองก็มีงานที่ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว จะให้วางมือแล้วมาช่วยผมทันทีไม่ได้หรอก” 

 

 

           “ถ้างั้นคุณต้องดูแลสุขภาพให้ดีนะคะ” เธอรู้สึกเห็นใจเขามาก เอ่ยเสียงอุบอิบอยู่ในอกเขา 

 

 

           “ผมรู้ ผมต้องดูแลตัวเองอย่างดีอยู่แล้วล่ะ เดี๋ยวถูกเมียจ๋าเมินล่ะแย่เลย” เขากอดเธอแนบอกพลางหัวเราะเบาๆ อย่างสบายใจ คิดในใจว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เหมาะกับเขามากที่สุดแล้ว ต่อให้เขาอารมณ์ไม่ดีมากแค่ไหนก็ตาม แค่ได้คุยกับเธอเพียงไม่กี่ประโยค เขาก็อารมณ์ดีขึ้นเยอะแล้ว 

 

 

           เฉียวซือมู่ฟังแล้วนึกถึงคำพูดของคุณแม่ และนั่นทำให้เธอตัวแข็งทื่อทันที จิ้นหยวนรู้สึกได้ทันที จึงก้มหน้าลงเอ่ยถาม “เป็นอะไรไปเหรอ?” 

 

 

           เธอชะงักเล็กน้อยแล้วส่ายศีรษะ “เปล่าค่ะ ฉันง่วงแล้ว เราไปนอนกันเถอะค่ะ” 

 

 

           เขามองไปยังคอมพิวเตอร์บนโต๊ะ ลังเลชั่วครู่ สุดท้ายจึงเอ่ยตอบ “อืม เราไปพักผ่อนกันเถอะ” 

 

 

           เอ่ยจบแล้วปิดคอมพิวเตอร์ จากนั้นเดินตามเธอกลับไปยังห้องนอนของทั้งสอง