ตอนที่ 1123 การโต้ตอบของซูหลี / ตอนที่ 1124 ความรุ่งโรจน์ทั้งสกุลเซียว

เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ

ตอนที่ 1123 การโต้ตอบของซูหลี

 

 

“ทูลฝ่าบาท การลงโทษของใต้เท้าซูนั้นเล็กน้อย การรับสินบนถือเป็นเรื่องใหญ่! หากจัดการเช่นนี้ เกรงว่าจะทำให้คนใต้หล้า…” คนที่ไม่พอใจเรื่องนี้มากที่สุดก็คือคนของสกุลเซียว เมื่อเซียวเสวียนได้ยินคำตรัสของฝ่าบาทแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน

 

 

“เซียวเสวียน!” สีหน้าของเซียวเก๋อเหล่าเปลี่ยนมาก และรีบห้ามปรามเขา

 

 

อย่างไรนี่ก็เป็นท้องพระโรง ฝ่าบาททรงตรัสวิธีลงโทษออกมาอย่างชัดเจนแล้ว เซียวเสวียนกลับยังเสนอความเห็นที่แตกต่างออกมา หากทำให้ฝ่าบาททรงกริ้วขึ้นมาแล้วละก็ เกรงว่าชีวิตน้อยๆ นี้ก็คงรักษาเอาไว้ไม่ได้ อย่าว่าแต่จะจัดการซูไท่อย่างไรเลย!

 

 

“…กระหม่อมเลอะเลือนไปชั่วขณะพ่ะย่ะค่ะ!” เซียวเสวียนรู้สึกตัวอย่างรวดเร็ว สีหน้าก็เปลี่ยนไปถนัดตา เขาไม่ตริตรองอะไรมากเพียงกระเด้งตัวคุกเข่าลงทันที

 

 

อารมณ์ที่แสดงออกมาทางสีหน้าดูย่ำแย่ถึงที่สุด

 

 

ซูหลีพลันแค่นยิ้มเย็นออกมาแล้วเอ่ย “ใต้เท้าเซียวใจกล้านัก ที่สงสัยในการตัดสินพระทัยของฝ่าบาท”

 

 

“ฝะ ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมสมควรได้รับโทษถึงตายพ่ะย่ะค่ะ!” หลังจากเซียวเสวียนได้ยินคำพูดที่มีความนัยแฝงของนาง เขารีบก้มศีรษะลงบนพื้น บนหน้าผากมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มไปหมด

 

 

“สมควรได้รับโทษถึงตาย? ประโยคนี้ข้าน้อยไม่ค่อยเข้าใจนัก สกุลเซียวมิใช่ใจกล้าไม่กลัวแม้แต่เทวดาฟ้าดินหรอกหรือ” ซูหลีที่อยู่ด้านข้างเลิกคิ้วขึ้น คล้ายกับมีบางอย่างที่หาคำตอบไม่ได้

 

 

“ใต้เท้าซู! คำพูดนี้มิอาจพูดส่งเดชได้! หากใต้เท้าซูมีอะไรไม่พอใจพวกเราสกุลเซียวก็สู้พูดออกมาตามตรง เรื่องไร้ซึ่งคุณธรรมและจริยธรรมแบบนี้ สกุลเซียวไม่มีทางกระทำ!” สีหน้าของเซียวเก๋อเหล่าเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน คำพูดของซูหลีหมายความว่าอย่างไร

 

 

“โอ้ เดิมทีใต้เท้าเซียวก็รู้ว่า มีเรื่องบางเรื่องที่ไร้ซึ่งคุณธรรมและจริยธรรมไม่สามารถกระทำอย่างง่ายดาย!” ซูหลีกลับไม่ตกใจในคำพูดของเขา

 

 

นางอดกลั้นต่อสกุลเซียวไม่ใช่แค่วันสองวัน สกุลเซียวไม่เพียงแค่ไม่เก็บอาการ อีกทั้งยังกำเริบเสิบสานมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นอย่าหาว่านางไม่ไว้หน้าคนสกุลเซียว

 

 

ซูหลีไม่มีทางลืมคำพูดที่ฉินเย่หานเอ่ยเมื่อเช้านี้

 

 

“ใต้เท้าซู! นี่เป็นถึงท้องพระโรง ต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท คำพูดของเจ้าจักต้องมีหลักฐาน!” มีขุนนางของสกุลเซียวได้ยินดังนั้น จึงรีบลุกขึ้นเผชิญหน้ากับซูหลี

 

 

ที่ซูหลีรออยู่ก็คือคำพูดประโยคนี้

 

 

นางเก็บสีหน้าของตน ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วเอ่ยเสียงดังว่า

 

 

“ใต้เท้าท่านนี้ พูดอยู่คำเดียวว่าต้องการหลักฐาน ข้าน้อยกลับมีคำถามข้อหนึ่งที่อยากจะให้ใต้เท้าเสียหน่อย ใต้เท้ายังจำได้หรือไม่ เซียวเก๋อเหล่านั้นเข้ามาเป็นคณะเสนาบดีอาวุโสได้อย่างไร”

 

 

คำถามประหลาดนี้ ทำให้ขุนนางคนนั้นถึงกับตะลึงงัน

 

 

“ไร้ซึ่งที่มา ใต้เท้าซูถามเรื่องในอดีตนี้ขึ้นมาเพื่ออะไร” ขุนนางคนนั้นยังไม่มีท่าทีตอบโต้ กลับเป็นบัณฑิตเซี่ยที่อยู่ด้านข้างเหมือนจะสังเกตความนัยบางอย่างในคำพูดของซูหลี จึงพูดประโยคนี้ออกมา

 

 

“ใต้เท้าเซี่ยคงไม่รู้ว่า หลายวันมานี้ข้าน้อยได้ยินเรื่องที่น่าสนใจมากเรื่องหนึ่ง” ในดวงตาดำสนิทคู่นั้นของซูหลีคล้ายดั่งมีดวงดาวกระจายเต็มไปหมดมิปาน ทำให้คนที่มองมิอาจละสายตาได้

 

 

คำพูดของนางทำให้ทุกคนอดไม่ได้ที่จะมองไปทางนาง

 

 

รวมถึงฉินเฮ่าด้วย

 

 

ฉินเฮ่าหรี่ตามองเล็กน้อย และพินิจพิเคราะห์ซูหลีคนนี้อย่างละเอียด เขาคิดถึงคำพูดที่ฉินมู่ปิงเอ่ยก่อนหน้านี้ เหมือนกับซูหลีจะคิดวิธีจัดการสกุลเซียวเสร็จเรียบร้อยแล้ว

 

 

ยังกล่าวอีกว่าเพียงให้สกุลเซียวมีชีวิตไปสักสองสามวัน ดูเหมือนว่าซูหลีกำลังจะลงมือแล้วหรือ

 

 

“เหล่าขุนนางที่อาวุโสที่อยู่บนท้องพระโรงนี้ คงจำยามเซียวเก๋อเหล่ายังไม่สามารถเข้าร่วมคณะเสนาบดีอาวุโสเมื่อสิบปีก่อนได้ ในเวลานั้นเซียวไฉเหรินยังอายุน้อยอยู่ ใต้เท้าเซียว เซียวเสวียนมิใช่บุตรคนเดียวของเซียวเก๋อเหล่าที่คอยปรนนิบัติบิดามารดา!”

 

 

“เรื่องที่น่าสนใจที่สุดของเซียวเก๋อเหล่า ก็คือบุตรคนโตที่เป็นผู้ตรวจการทั้งสองเขตที่เจียงหนาน นั่นก็คือบิดาแท้ๆ ของเซียวไฉเหริน เซียวอวี่!”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1124 ความรุ่งโรจน์ทั้งสกุลเซียว

 

 

“ขณะที่ใต้เท้าเซียว เซียวอวี่เป็นผู้ตรวจการของทั้งสองที่เจียงหนานได้ความรักเคารพของราษฎรอย่างล้นหลาม ไม่เพียงแต่เท่านี้ ยามที่เกิดการโจรกรรมครั้งใหญ่ที่สุดของเจียงหนาน ใต้เท้าเซียวยังออกไปเผชิญหน้าอย่างกล้าหาญ ทั้งนำแม่ทัพใหญ่ในเมืองไปต่อต้านเหล่าโจรร้าย ถึงได้สามารถช่วยชีวิตคนทั้งเมืองไว้ได้

 

 

“ทว่าใต้เท้าเซียวก็ทิ้งชีวิตของตนไว้ในเรื่องนี้! เป็นการพลีชีพที่ห้าวหาญ ดังนั้นฮ่องเต้องค์ก่อนทรงรำลึกถึงคุณูปการอันยิ่งใหญ่ที่คนสกุลเซียวได้กระทำ นี่ถึงทำให้เซียวเก๋อเหล่าเข้ามาอยู่ในคณะเสนาบดีอาวุโส อีกทั้งพระองค์ยังทรงให้คำมั่นสัญญา ไม่ว่าใครจะขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ บุตรีคนเดียวของเซียวอวี่”

 

 

“นั่นก็คือเซียวไฉเหรินในเวลานี้ จักสามารถเข้าวังปรนนิบัติฮ่องเต้ได้ ยังทั้งได้รับความมั่งคั่งเฟื่องฟูอีกด้วย!”

 

 

คำพูดของซูหลีดังกึกก้องทั่วทั้งตำหนักอวิ๋นซิน ทุกคนต่างมองหน้ากัน พวกเขาไม่เข้าใจซูหลีจะรื้อฟื้นเรื่องในอดีตสิบกว่าปีก่อนขึ้นมา นี่ความหมายว่าอย่างไร

 

 

แม้แต่เซียวเก๋อเหล่ากับเซียวเสวียน หลังจากที่ทั้งสองคนสบตากันครู่หนึ่ง ก็ยังคิดตามนางไม่ทันอยู่บ้าง

 

 

นางพูดปูพื้นเรื่องมากขนาดนี้ ต้องการกระทำสิ่งใดกันแน่

 

 

“ดังนั้นกล่าวได้ว่า ความรุ่งโรจน์ของสกุลเซียวที่เห็นในตอนนี้ แท้จริงแล้วเกิดจากน้ำพักน้ำแรงของเซียวอวี่ สกุลเซียวอาศัยคนตายคนหนึ่ง ปักหลักอยู่ในราชสำนักและวังหลังมานับสิบปี แม้กระทั่งคลุกคลีจนกลายเป็นสกุลใหญ่อันดับต้นๆ ของเมืองหลวง”

 

 

“ซูหลี เจ้าพูดอะไรออกมา!?” หากกล่าวว่าเมื่อครู่ยังคิดตามไม่ทัน คำพูดในวลานี้ของนางไม่รื่นหูเกินไป จนเซียวเสวียนดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็วและมองซูหลีด้วยความโกรธ

 

 

ขณะที่เขากำลังโมโห ทว่าเซียวเก๋อเหล่าที่ดึงสติกลับมา ใบหน้ากลับซีดขาวไปบ้าง

 

 

เปรียบเทียบกับพวกสกุลไป๋แล้ว ที่จริงแล้วสกุลเซียวนับได้ว่าเป็นสกุลที่อ่อนน้อมถ่อมตน เขาก็คอยควบคุมคนในบ้านเหมือนกัน ไม่ให้พวกเขาทำอะไรอย่างอุกอาจ เขาคิดว่าตนไม่มีช่องโหว่อันใหญ่หลวงเช่นเดียวกับสกุลไป๋ ที่จะทำให้คนจับกุมพวกเขาได้

 

 

ทว่าเรื่องที่ซูหลีเอ่ยขึ้นในเวลานี้ ทำให้หัวใจของเขาเต้นกระหน่ำ

 

 

เขาได้แต่ปลอบตนเองว่า เรื่องนั้นผ่านมาหลายปีขนาดนี้ คนที่ประสบเรื่องนี้มาด้วยตนเองล้วนไม่ทราบเรื่องเหล่านั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงซูหลี

 

 

“ใต้เท้าเซียวอย่าพึ่งรีบร้อน คำพูดของข้าน้อยยังพูดไม่จบเลย” ซูหลีชะงักค้างไปเล็กน้อย จากนั้นเหลือบตามองไปทางทุกคน และพูดคำหนึ่งหยุดคำหนึ่ง

 

 

“สกุลเซียวอาศัยกำไรจากเซียวอวี่ ทำให้ทั้งสกุลมีความเจริญรุ่งเรือง ทว่าหาก…” เอ่ยถึงตรงนี้ ทันทีที่นางหยุดพูดไปครู่หนึ่ง สายตาที่เยียบเย็นดุจน้ำแข็งอยู่หยุดที่อยู่ใบหน้าที่ตึงเครียดของเซียวเก๋อเหล่าครู่หนึ่ง

 

 

จากนั้นจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “หากเรื่องของเซียวอวี่ล้วนเป็นเรื่องโกหกเล่า!”

 

 

“เรื่องโกหก!? ใต้เท้าซู เจ้าพูดจาส่งเดชอะไรออกมา ใต้เท้าเซียวไม่ใช่คนที่เจ้าจะแตะต้องไปง่ายๆ ในราชสมัยของฮ่องเต้องค์ก่อนนั้น ฝ่าบาททรงพระราชทานตำแหน่งเว่ยกั๋วกง[1]ด้วยพระองค์เอง! เจ้าพูดอะไรออกมาจักต้องมีความรับผิดชอบ” คนของพรรคสกุลเซียวคิดไม่ถึงว่า ในเวลานี้ซูหลีจะพูดโจมตีเซียวอวี่

 

 

ในใจของคนเหล่านี้ เซียวอวี่นั้นเป็นวีรบุรุษ ครั้นซูหลีพูดคำพูดเช่นนี้ออกมาอย่างลวกๆ จึงเป็นธรรมดาที่จะทำให้คนเหล่านี้ไม่พอใจ

 

 

ซูหลีปรายตามองสีหน้าของคนที่เอ่ยนำขึ้นคนนั้น สีหน้าของนางยังคงเรียบเฉยมาก ในดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเฉยเมย ความเฉยเมยนี้ มาพร้อมกับความรู้สึกที่ทำให้ผู้คนหวาดหวั่น

 

 

“พูดอะไร? ก็พูดถึงเว่ยกั๋วกงท่านนี้!” อารมณ์ที่ปรากฏบนสีหน้าของซูหลีพลันเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปเป็นความเย็นชา

 

 

“เขาไม่เพียงแค่หลอกลวงคนในเวลานี้ ทั้งยังหลอกลวงฮ่องเต้องค์ก่อน! ได้รับชื่อเสียงเกียรติยศ! สกุลเซียวนั้นใช้โอกาสนี้ตบตาทุกคน! พวกเจ้าคิดว่าเรื่องโจรกรรมในเวลานั้น ไม่มีคนสามารถรับรู้ได้งั้นรึ!?”

 

 

ซูหลีพูดถึงตรงนี้ ก็พบว่าสีหน้าของเซียวเก๋อเหล่านั้นซีดขาวไปพักหนึ่ง

 

 

มุมปากนางโค้งขึ้นแล้วเอ่ยว่า “ใต้เท้าเซียว สู้ให้ท่านมาพูดดีกว่า พูดสิว่าบุตรคนโตที่เก่งกาจของท่านคนนั้น กระทำเพื่อแว่นแคว้นเพื่อราษฎรอย่างไร!?”

 

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] เว่ยกั๋วกง เป็นชื่อตำแหน่งขุนนางจีน หมายถึง เจ้าพระยารัฐเว่ย