ตอนที่ 1121 มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร / ตอนที่ 1122 การลงโทษ

เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ

ตอนที่ 1121 มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร

 

 

นี่ดูเหมือนว่าจะเป็นคำพูดที่ฟังไม่ค่อยขึ้นนัก!

 

 

หลายคนตำหนินางอย่างไม่หยุดหย่อนอยู่ในใจ ทว่าไม่รู้ว่าจะพูดโต้แย้งคำพูดของซูหลีอย่างไรถึงจะดี พวกเขาแต่ได้มองหน้ากันไปอย่างหมดคำจะพูด

 

 

“ใต้เท้าซู คำพูดมิใช่พูดเช่นนี้หรือ คนในใต้เท้านี้จะมีคนรังเกียจเงินทองจำนวนมากมายหรือ ไม่ว่าทรัพย์สินในจวนซูจะเป็นอย่างไรก็ไม่มีใครรู้ ทว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนแล้ว เมื่อเชื่อมโยงเรื่องรับเงินกับการคัดเลือกขุนนางไว้ด้วยกันแล้ว นั่นก็คือการรับสินบน!”

 

 

ซูหลีไม่พูดด้วยเหตุผล ทำให้มีคนลุกขึ้นยืนและกล่าวตำหนินางอย่างขุ่นเคือง

 

 

“เรื่องรับเงินนั้นไม่ถูกต้องอย่างแท้จริง ทว่าเงินจำนวนนั้นหลี่ซื่อเป็นคนรับไว้ หลี่ซื่อกับสกุลซูนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกันแล้ว บัดนี้นางก็แค่ใช้ชื่อของสกุลซูไปหลอกลวงคนภายนอกเท่านั้น ใต้เท้า สิบแปดมงกุฎเช่นนี้ ได้โปรดอย่าได้ปล่อยนางไป!”

 

 

ครั้นซูหลีเอ่ยถึงหลี่ซื่อคนนี้ก็มีไฟโทสะอยู่เต็มท้อง นางใช้คำพูดที่รวบรัดนี้ผลักเรื่องทุกอย่างไปหลี่ซื่อ ทั้งยังมองไปทางขุนนางคนนั้นและเอ่ยประโยคนี้ออกมา

 

 

“…” ขุนนางคนนั้นมึนงงไปหมดแล้ว ไม่รู้ว่าเขาควรจะพูดตอบโต้อย่างไรดี จึงทำได้เพียงมองซูหลีอย่างอ้ำอึ้ง

 

 

“เรื่องที่เกิดขึ้นในยามนี้ แม้จะกล่าวว่าหย่าร้างกันแล้ว ไยก่อนที่จะเกิดเรื่องนี้ขึ้น ใต้เท้าซูไม่พูดว่าหลี่ซื่อไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับตนแล้ว” อย่างไรขิงแก่ก็เผ็ดร้อนกว่า[1] ในเวลาอันสั้นเซียวเก๋อเหล่าก็สามารถไขกุญแจสำคัญของปัญหาได้แล้วและพุ่งเป้าไปทางซูหลีในทันที

 

 

นี่เป็นจุดที่ซูหลีไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน แม้หลี่ซื่อจะถูกปลดออกไปแล้ว ทว่ายังสามารถเข้าออกจวนซูได้บ่อยครั้ง อย่างไรก็หลีกเลี่ยงคำประฌามจากผู้อื่นไม่ได้

 

 

ในเวลานี้นางอยากจะไปลากหลี่ซื่อออกมาให้ฉินเย่หานจัดการโดยจริง ซูไท่แต่งสตรีเช่นนี้เข้ามา ถือเป็นเคราะห์ร้ายของครอบครัวจริงๆ

 

 

ทว่า…

 

 

“ใต้เท้าเซียวไม่จำเป็นต้องพูดเช่นนี้ มีความเกี่ยวข้องกับหลี่ซื่อหรือไม่ นี่ไม่ใช่การพูดลอยๆ อย่างไม่มีความจริง ที่อาศัยเพียงคำพูดไม่กี่ประโยคก็สามารถปั้นเรื่องขึ้นมาได้!” ซูหลีหยุดพูดไปครู่หนึ่ง พลันยื่นมือหยิบหนังสือฉบับหนึ่งออกมาจากภายในแขนเสื้อ

 

 

“ฝ่าบาท นี่เป็นหนังสือลงนามตอนที่บิดาของข้าปลดหลี่ซื่อออกจากตำแหน่ง ในจวนซุ่นเทียนคงจะมีบันทึกไว้แล้ว ตัวอักษรตัวใหญ่หลายตัวที่เขียนด้วยสีดำบนกระดาษขาวนี้ เขียนไว้ว่าต่อไปไม่เกี่ยวข้องกันอีก เรื่องเหล่านี้หาได้มีความเกี่ยวข้องกับบิดาของข้า!”

 

 

หนังสือฉบับนั้นของซูหลีส่งข้ามหน้าข้ามตาขุนนางชั้นผู้ชั้นผู้ใหญ่เหล่านี้ถึงไปขันทีผู้น้อยที่อยู่ด้านข้าง ขันทีคนนี้ถือว่าเป็นคนคล่องแคล่วปราดเปรียว เขารีบส่งขึ้นไปด้านบนและวางลงตรงหน้าฉินเย่หาน

 

 

ฉินเย่หานกวาดมองซูหลีครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นเปิดหนังสือฉบับนั้น

 

 

หวงเผยซานที่ยืนอยู่ด้านหลังของฉินเย่หาน ครั้นเห็นเนื้อความของหนังสือฉบับนี้ ดวงตาทั้งสองพลันเบิกกว้าง!

 

 

นะ นี่ใช่หนังสือรายงานเสียที่ไหน!

 

 

หากไม่ใช่เพราะสถานการณ์นี้ไม่เหมาะสม เกรงว่าหวงเผยซานจะตะโกนส่งเสียงดังออกมาแล้ว!

 

 

ความใจกล้าของซูหลีจะมีมากเกินไปแล้ว!

 

 

หนังสือที่ส่งขึ้นมานั้น มิใช่อย่างที่นางเอ่ยออกมาเลยแม้แต่น้อย แต่นี่กลับเป็นจดหมายรักที่คล้องจองเร้าใจฉบับหนึ่ง!

 

 

มิผิด จดหมายรัก!

 

 

หวงเผยซานมั่นใจเต็มร้อยว่าตนมิได้ดวงตาพร่ามัว เนื้อความในจดหมายสื่อความออกมาจนคนอ่านต้องหวั่นไหว อีกทั้งยังเป็นลายมือของซูหลี

 

 

ซูหลีคนนี้…

 

 

มุมปากของหวงเผยซานกระตุกอย่างแรง นี่ทำให้เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

 

 

แต่อย่างไรก็ตามเรื่องที่หวั่นเกรงต่อสิ่งใดเช่นนี้ หวงเผยซานกลับไม่รับรู้ถึงความโกรธใดๆ ของฉินเย่หาน ครั้นเขาเหลือบตามองกลับพบว่ามุมปากของฉินเย่หานยกขึ้นเล็กน้อย

 

 

หวงเผยซาน…

 

 

เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ โลกของนายท่านทั้งสองนี้ มิใช่เรื่องที่ขันทีผู้น้อยอย่างเขาจะเข้าใจได้

 

 

“ทูลฝ่าบาท!” ซูหลีที่อยู่ด้านล่างดูจากอากัปกิริยาเช่นนั้นเหมือนจะยังไม่เพียงพอ หลังจากหยุดชะงักไปครู่หนึ่งก็เปิดปากพูดอีกครา

 

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] ขิงแก่ก็เผ็ดร้อนกว่า เป็นคำพังเพย เป็นการเปรียบว่าคนที่มีอายุมากย่อมมีประสบการณ์และความชำนาญมากกว่า

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1122 การลงโทษ

 

 

“ก่อนหน้านี้มีจิ้งหนานอ๋องเสนอขึ้นมาเรื่องเดินทางไปตำหนักนอกเมือง กระหม่อมคิดว่า กระหม่อมสมควรจะติดตามฝ่าบาทไปถึงจะถูกพ่ะย่ะค่ะ!”

 

 

ขุนนางทั้งหมด…

 

 

นี่มิใช่กำลังพูดเรื่องสกุลซูอยู่หรือ ไยเพียงแค่แวบเดียวก็เปลี่ยนเป็นเรื่องเดินทางไปตำหนักนอกเมืองเสียแล้ว

 

 

ซูหลีคนนี้กำลังพูดอะไรกันแน่

 

 

“ในเมื่อกินเบี้ยหวัดจากราชสำนักก็ต้องช่วยแบ่งเบาภาระของฮ่องเต้ กระหม่อมเป็นขุนนางของฝ่าบาท เป็นธรรมดาที่ฝ่าบาทเสด็จไปที่ใด กระหม่อมก็ต้องไปที่นั่น!” นางใช้น้ำเสียงตัดสินใจอย่างเด็ดขาด นางเหลือเพียงแต่ไม่ได้สาบานตนออกมาพูดออกมาว่าตนมุ่งมานะมากเท่านั้น!

 

 

ที่จริงแล้วซูหลีไม่อยากจะกระทำเช่นนี้ ทว่าเมื่อเช้าฉินเย่หานพูดแล้วไม่ใช่หรือ ต้องการดูความประพฤติของนาง

 

 

นางคิดว่าตนแสดงออกอย่างดีแล้ว มีเพียงสวรรค์ที่รู้ เมื่อนางทราบเรื่องนี้เมื่อเช้าจึงถือโอกาสเขียนจดหมายฉบับนั้นขึ้นมา

 

 

ถ้อยคำในจดหมาย…

 

 

นางพยายามใช้คำชวนขนลุกที่ชวนขนลุกทั้งหมดที่นางเคยสัมผัสมาเขียนลงไป นี่ยังไม่พอนางยังต้องพูดออกตัวว่าตนจะติดตามเขาไปที่ตำหนักนอกเมืองด้วย การแสดงออกเช่นนี้คงจะเพียงพอแล้วกระมัง

 

 

เมื่อคิดเห็นนี้ซูหลีจึงเหลือบตาจ้องมองไปด้านบนตาไม่กะพริบ

 

 

ครั้นพบกับแววตาของฉินเย่หาน นางยังกะพริบตาจ้องมองของด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความจริงใจ

 

 

หวงเผยซานที่พูดอะไรไม่ออก…

 

 

นี่ควรจะพอได้แล้ว ทำไมเขาต้องมาพบกับนายท่านทั้งสองนี้ด้วย ยังมีฝ่าบาทที่ปราดเปรื่องและองอาจของเขา ไยหลังจากพบซูหลีคนนี้แล้วถึงเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ไปได้

 

 

นี่ทำให้คนไม่อาจมองตามปกติได้รู้หรือไม่

 

 

“แม้จะมีหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร นั่นก็ยังไม่เพียงพอที่จะอธิบายว่า ซูไท่เป็นผู้บริสุทธิ์! เวลานี้ใต้เท้าซูก็แค่พูดเบี่ยงประเด็นให้คนสับสนก็เท่านั้น!” ขุนนางที่มีรุ่นราวคราวเดียวกับเซียวเก๋อเหล่า หาได้รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวที่สื่อให้กันอย่างลับๆ ระหว่างฉินเย่หานกับซูหลี

 

 

เขายังคิดว่าของที่ซูหลีส่งขึ้นไปด้านบนอย่างมั่นใจ ไม่มีทางที่จะเกิดข้อผิดพลาด!

 

 

ซูหลีเลิกคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าของนางไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งใด ในช่วงเวลานี้ซูหลีนั้นยุ่งเรื่องของสกุลเซียวมาโดยตลอด จึงไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องของซูไท่ ดังนั้นนางจึงไม่ทราบเรื่องการตรวจสอบของศาลต้าหลี่จริง       

 

 

ที่สำคัญเรื่องนี้มีบุรุษคนหนึ่งกล่าวกับนางว่าไม่ต้องกังวลใจ นางจึงเชื่อฟังและไม่เป็นห่วงเรื่องนี้ คิดไม่ถึงว่าหลังจากเรื่องนี้ถูกเปิดโปงออกมาจริงๆ นั้นต้องให้นางสูญเสียอะไรตั้งมากมายตามที่ตกลงกัน

 

 

คำพูดที่บุรุษยามอยู่บนตั่งนั้นล้วนเป็นคำพูดที่ไร้สาระ

 

 

ดังนั้นล้วนเชื่อถือไม่ได้!

 

 

ทว่าถึงจะคิดเช่นนี้ ทว่าในเวลานี้นางไม่กล้าที่จะเอ่ยคำพูดหยาบคายเหล่านี้ออกมา หากฮ่องเต้ผู้ใจคอคับแคบท่านนี้ไม่พอพระทัยขึ้นมา คงจะลงโทษท่านพ่อของนาง เช่นนั้นนางคงเป็นคนอกตัญญูอย่างแท้จริง!

 

 

ในขณะที่กำลังครุ่นคิด นางกลับเห็นฉินเย่หานที่อยู่ด้านบนปิด ‘หนังสือ’ ที่ซูหลีมอบให้ฉบับนั้น จากนั้นมองทุกคนด้วยสีหน้าเยียบเย็น หัวใจของซูหลีจึงเริ่มเต้นกระหน่ำขึ้นเรื่อย

 

 

ที่จริงซูหลีก็ไม่แน่ใจว่า ฉินเย่หานจัดการกับซูไท่เช่นไร ในเมื่อความผิดพลาดนี้วางอยูู่ตรงนั้น!

 

 

“ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ราชเลขากรมขุนนางซูไท่ ลดขั้นเป็นบัณฑิตวังหลวงขั้นห้า ลดเบี้ยหวัดสามปี เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป!”

 

 

จากราชเลขาลดขั้นเป็นบัณฑิตวังหลวงคนหนึ่ง!

 

 

ซูหลีเกิดความสงสัยในใจเล็กน้อย ทว่าก็พอจะเข้าใจ การเปรียบเทียบกันแล้วนี่ถือว่าเป็นการลงโทษที่ไม่เลวแล้ว อย่างน้อยก็ไม่เอาชีวิตของซูไท่ไป มิเช่นนั้นเพียงแค่โทษการรับสินบน ก็สามารถทำให้เขารับโทษสถานหนักแล้ว!

 

 

“ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นๆ ปี!” ซูหลีโขกหัวลงพื้นอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงดังไปทั่วทั้งตำหนักอวิ๋นซิน

 

 

ขุนนางรอบข้างที่เพิ่งจะมีท่าทีตอบสนอง เรื่องร้ายแรงขนาดนี้ สุดท้ายแล้วเพียงแค่ลดตำแหน่งกับเบี้ยหวัดเท่านั้นหรือ

 

 

แม้จะรู้ว่าคนที่บงการเรื่องทั้งหมดนี้ พุ่งเป้าที่ไปชีวิตของซูไท่ ทว่าใครจะรู้ว่าเรื่องจะถูกปิดคดีได้อย่างง่ายดายเช่นนี้!