บทที่ 303 อาจารย์และศิษย์พี่
ผู้เชี่ยวชาญดาบแห่งสวรรค์ชั้นเจ็ด หลี่อี้เฉินจ้องเย่หยูด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
“เย่หยู นายโจมตีเมื่อไหร่กัน?”
ข้างหลังของเขาฉีชิงและซิงเหมิงก็ต่างพากันตะลึงพอๆกัน พวกเขาไม่แม้แต่จะเห็นตอนที่กิ่งไม้สัมผัสถ้วย ชา ราวกับเรื่องตลก!
“ฉันเข้าใจแล้ว!”
ฉีหยูร้องออกมาด้วยตกตะลึง
ฉีชิงมองบุตรชายของเขาเองด้วยความงนงง หากเขาเข้าใจฉีหยูจริงๆ เป็นไปได้ว่า หยูเอ๋อจะค้นพบความลับภายใต้การโจมตีของเย่หยุแล้ว
ทั้งหลีอี้เฉินและซิงเหมิงมีทีท่าเคร่งเครียด แสดงว่าความสามารถของฉีหยูเองก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน!
“หยูเอ๋อ รีบบอกมา ว่าเย่หยูโจมตีตอนไหน?”
แววตาของฉีชิงเต็มไปด้วยความคาดหวังขณะถามฉีหยูอย่างตื่นเต้น เมื่อเห็นทุกคนให้ความสนใจ ฉีหยูก็รู้สึกภูมิใจในตัวเอง ฉีหยูจองเพียงแค่เย่หยูโดยที่ไม่ได้ท่าสิ่งอื่นใด
“หึม! เย่หยูนายคิดว่าใช้ประโยชน์ตอนที่พวกเราไม่ทันสังแกต เจาะถ้วยชาก่อนสินะ? นายมันซื่อบื่อเกินไป!”
“….”
ทันทีที่ฉีหยูพูดจบ ทั้งสนามก็อยู่ในความเงียบ
หลังจากนั้นสักพัก ใบหน้าฉีชิงเริ่มแดงขณะกัดฟันถามฉีหยู
“ฉีหยู เอ่อ รู้รึเปล่าว่าพูดอะไรออกมา?!”
ฉีหยูเงยหน้าขึ้นมาแล้วเผยให้เห็นรอยยิ้ม
“ท่านพ่อ ไม่เข้าใจหรือ? เย่หยูฉวยโอกาสตอนที่พวกเราไม่ได้สนใจ ปลดปล่อยท่วงท่าออกมาอย่างรวดเร็ว โดยที่เราไม่ทันสังเกต”
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
ฉีชิงตบไปที่หัวฉีหยู
“ไอ้เด็กเวร..เล่นซะใหญ่โต!”
ฉีชิงกลั่นคําด่าของเขาไว้แล้วเปลี่ยนเป็นคําพูดที่เหลือแทน
“ท่านอาวุโสหนักรบดินแดนเทพเจ้า ระดับเจ็ดผู้สง่างามคงไม่สนใจอะไรแบบนี้หรอกใช่ไหมครับ ? ไอ้เด็กนี้มันพูดจาเลอะเทอะอย่าไปสนใจเลย!”
หลังจากที่ฉีชิงตําหนิฉีหยู แววตาของเขาก็เผยให้เห็นถึงท่าทีที่ยินดี เขาป้องมือไปยังหลอี้เฉินและพูดว่า
“ท่านอาวุโสหลี ศิษย์น้องรู้สึกว่าควรจะคิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับการให้เย่หยูมาเป็นลูกศิษย์!”
“ถึงแม้ศักยภาพของดาบเย่หยูจะยากหยั่งถึง แต่ด้วยพลังนี้..ไม่อาจได้รับคําชม!”
ทุกคนมองตามมือฉีชิง นั้นก็คือโต๊ะเล็กที่อยู่ข้างหน้าเยี่หยู ถ้วยชาลายสีครามขาวที่ตั้งอยู่ยังไม่ได้ถูกเจาะ แต่อย่างใด แววตาฉีหยูเปล่งประกายขณะเชียร์ชิงอย่างเข้าข้าง ชายแก่ที่มากประสบการณ์ ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว เขาก็สามารถจับจุดอ่อนของเด็กเหลือขอเย่หยูได้!
แล้วถ้าเขาเข้าใจอย่างลึกซึ้งละ? ออร่าของดาบยากจะหยั่งถึงงั้นหรอ! สุดท้ายแล้วถ้วยชาก็ไม่ได้ถูกทําลายแม้แต่น้อย?
ฉีหยูแอบมองและยิ้มเยาะใส่เย่หยู เหอะ! มีเวทมนต์!มีพลังงั้นหรอ นี่ไม่สามารถเทียบได้ถึง 1 ใน 10000 เท่าด้วยซ้ํา!
ตอนนี้ฉีหยูรู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจของเขา มันเร็วเกินไปที่เขาจะรับความพ่ายแพ้นี้ ไม่อย่างงั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับการแสดงของเยี่หยูในตอนนี้ ว่าเขาจะโอ้อวดได้มากแค่ไหน!
“จิ๊จิ๊ “
ฉีหยูจิ๊ปาก ของเย่หยูอย่างเยาะเย้ย
“เย่หยู การรู้แจ้งอย่างฉับพลันของนายไม่มีผล! มันไร้ประโยชน์กว่าเมื่อก่อนซะอีก!”
“ดูสิ ถ้วยชานี้ยังไม่ถูกทําลายด้วยซ้ํา ด้วยพลังของดาบนายแล้ว มันช่าง…”
“มันช่าง น่ามหัศจรรย์!”
เมื่อมองไปยังถ้วยชาที่อยู่บนโต๊ะ สายตาของหลีอี้เฉินก็เปล่งประกายสุกสกาว เขาอดไม่ได้ที่จะชื่นชม
“หือ?” ดวงตาฉีหยูเบิกกว้างขณะมองหลี่อี้เฉินอย่างไม่เชื่อ ผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ ระดับนักรบเทพเจ้า จะพูดหลอกหลวงด้วยดวงตาที่เบิกกว้างเช่นนี้? นี่มันลําเอียงเกินไปแล้ว!
ฉีชิงมองหลี่อี้เฉินและพูดอย่างระมัดระวัง
“ท่านอาวุโสหลี่ ท่านมองผิดไปหรือเปล่า? ดาบของเย่หยูจะน่ามหัศจรรย์ได้อย่างไร?”
“ดูถ้วยชาบนโต๊ะสิ! มันยังไม่ได้ถูกทําลายเลยด้วยซ้ํา!”
“นายจะรู้อะไร!”
“ตระกูลของนายช่างโง่เง่า!”
หลี่อี้เฉินชี้ไปที่ฉีชิงและฉีหยู ในฐานะนักรบดินแดนเทพเจ้า เขาตําหนิพวกเขาตามจริง
เห็นได้ชัดว่าหลี่อี้เฉินกําลังโกรธมาก
“เปิดตาของนายให้กว้างแล้วมองสิ! ถ้วยชานี้ไม่ได้ถูกทําลายสักนิดเลยหรอ?”
หัวของฉีชิงแล้วฉีหยูว่างเปล่าหลังจากถูกตําหนิ พวกเขาขยับเข้าใกล้โต๊ะอัตโนมัติแล้วตรวจสอบถ้วยชาลายครามขาวที่อยู่บนนั้น
“นี่ ไม่แม้แต่จะเปลี่ยนแปลง! นี่ไม่มีแม้แต่รอยแตก!”
ฉีหยูมองสักพัก และยังคงมองหาร่องรอยเจาะบนถ้วยชาไม่พบ
“พ่อ คุณเห็นรอยแตกบนถ้วยชาไหม?”
ฉีหยูไม่เข้าใจความหมายของหลี่เฉิน ดังนั้นเขาจึงหันไปถามฉีชิง ฉีชิงก็ไม่เห็นร่องรอยเจาะเช่นกัน แต่ตั้งแต่ที่หลี่อี้เฉินได้กล่าวไว้เช่นนั้น มันจะต้องเป็นพ่อลูกคู่นั้นที่มองพลาดไปเอง
“เอิ่ม… พ่อเองก็ไม่เห็นเหมือนกัน แต่ร่องรอยอาจจะอยู่ในถ้วยชา ฉันจะยกขึ้นมาดูใกล้ๆ!”
หลังจากที่ฉีชิงพูดจบ เขาก็ยื่นไปหยิบถ้วยชาลายครามขาวที่อยู่บนโต๊ะเพื่อตรวจสอบ
วิ้ง *
เมื่อนิ้วของฉีชิงสัมผัสกับถ้วยชา ถ้วยชาก็สั่นและมีรอยแตกกระจายไปทั่วทั้งถ้วยชา
เสี้ยว!
ในชั่วพริบตา ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของฉีชิงและฉีหยู เห็นถ้วยชาลายครามขาวกลายเป็นกองผุยผงอยู่บนโต๊ะ
“นี่ นี่มัน!”
ดวงตาฉีชิงเบิกกว้างขณะมองทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้าเขา เขาสูญเสียความสามารถในการไตร่ตรองไปแล้ว
“ทําไมถ้วยชาใบนี้ถึงกลายเป็นผงได้หละ? เป็นเพราะดาบของเย่หยูหรอ?”
ฉีหยูยังคงยืนอยู่และตะโกนออกมาด้วยความตกใจ ลมที่เป่าออกมาจากปากฉีหยู เป่าผงที่อยู่บนโต๊ะไปในอากาศจนกระจายไปทั่วพื้น ขณะที่หลี่อี้เฉินมองสถานการณ์ตรงหน้าของเขา เขาแสดงออกอย่างสับสน
“เย่หยู ฉันไม่เคยคิดว่าชายชราผู้นี้จะคิดผิด นายไม่ได้เข้าใจถึงเจ็ดสิบหรือแปดสิบเปอร์เซ็น
แต่นายเข้าใจมันอย่างสมบูรณ์ นี่มันสมบูรณ์เกินกว่าฉันจินตนาการไว้เสียอีก!”
“ถึงแม้ว่าท่านอาวุโสจะสามารถโจมตีถ้วยชาได้ราวกับว่าไม่มีสิ่งใดกีดขวางและเจาะทะลุเข้าไปได้อย่างทันที แต่นี้มันเกินกว่าระดับนั้นไปอีก นี่สามารถทําลายถ้วยชาจากภายใน ได้อย่างแม่นยำ!
ซิงเหมิงที่ยืนอยู่ข้างๆหลี่อี้เฉิน ก็มองเย่หยูอย่างตกตะลึง ถึงแม้ซิงเหมิงจะมั่นใจว่าความสามารถของเย่หยูนั้นไม่มีใครเทียบได้ แต่เขาไม่คิดว่าเย่หยูจะสามารถทําลายไปได้ไกลกว่าดาบของหลี่อี้เฉิน และเดินไปตามวิถีดาบของตัวเอง!
เมื่อเผชิญกับความตกตะลึงของหลี่อี้เฉินและซิงเหมิง เย่หยูก็เผยรอยยิ้มบนใบหน้าขณะพูดอย่างสุขุมว่า
“มันเป็นเรื่องบังเอิญที่ผมมีโอกาสได้รู้แจ้ง”
หลี่อี้เฉินมองเย่หยู เขาส่ายหน้าและยิ้มอย่างขมขึ้น
“ฉันรู้ว่านายมีความสามารถโดดเด่นแต่ ฉันไม่เคยคิดว่านายจะทําให้ฉันประหลาดใจขนาดนี้!ครั้งนี้ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ําว่าจะยอมรับนายในฐานะศิษย์อีกได้ไหม!”
“ด้วยความสามารถโดยกําเนิดและการหยั่งรู้ ชายแก่ผู้นี้กลัวอย่างแท้จริงว่าจะสามารถสอนนายได้ในไม่กี่วัน ดังนั้น ชายแก่เช่นฉันจะเรียกนายว่า ปรมาจารย์!”
“ท่านอาวุโส อย่าพูดอย่างนั้นเลย”
เย่หยูโบกพูดห้ามและพูดต่อ
“วิถีครรลองของดาบนั้นช่างยาวไกล ดังนั้นดาบเป็นเพียงแค่การเริ่มต้น!”
“ถึงแม้ท่านอาวุโสเพียงสอนเทคนิคดาบให้ศิษย์ แต่ศิษย์ก็จะเรียกท่านว่าอาจารย์!”
หลี่อี้เฉินตะลึงงันชั่วครู่ขณะที่เขาได้ยิน ดวงตาเขาเผยให้เห็นอย่างรู้ซึ้ง เขายกมุมปาก จนในที่สุดก็พูดด้วยเสียงทุ่มต่ําว่า
“ฮ่าฮ่า…ตกลง! จากนี้เป็นต้นไป ชายแก่ผู้นี้จะเป็นอาจารย์และศิษพี่ของนาย!”
“ท่านลง ท่านก็เห็นด้วยหรือ?
“ฮ่าฮ่า…ใช่แล้ว!”
ทางด้านซิงเหมิงมองเย่หยูอย่างตื่นเต้นและตะโกนไปว่า
“เย่หยู นายมีท่านลุงเป็นอาจารย์และอยู่ในฐานะศิษย์พี่..?”
ความตื่นเต้นบนใบหน้าของซิงเหมิงหยุดชะงัก เขาหันหน้าไปมองหลี่อี้เฉินอย่างว่างเปล่า
“ท่านอาจารย์ลุง พูดอะไรผิดไปรึเปล่า? จะให้เย่หยูมาเป็นศิษย์น้องได้อย่างไร?”
“ถูกต้อง!”
หลี่อี้เฉินพูดอย่างเคร่งขรึม
“การโจมตีของดาบเย่หยุตอนนี้เหนือกว่าฉันแล้ว!”
“วันนี้ ฉันจะยกศิษย์มาอยู่ในฐานะอาจารย์เช่นเดียวกับฉัน จากนี้ไป เย่หยูเป็นศิษย์น้องของฉัน!”
ซิงเหมิงโอดครวญ
“อ้า!ไม่! งั้น ฉันก็ไม่ได้เป็นอาจารย์แต่เป็น ศิษย์ของอาจารย์อา อีกคนงั้นหรอ?”